แม้ว่าอาหารญี่ปุ่นจะเป็นอาหารที่สั่งแบบ a la carte ถึงจะอร่อยกว่า เพราะแต่ละเมนู มีความพิถีพิถันตั้งแต่การคัดวัตถุดิบไปจนถึงการปรุง จึงไม่แปลกที่จะมีราคาสูงมาก ทำให้ในเวลาต่อมามีการดัดแปลงเป็นแบบบุฟเฟต์เพื่อให้หลายคนได้มีโอกาสเข้าถึงมากขึ้น ถ้าเราได้มีโอกาสไปทานบุฟเฟต์อาหารญี่ปุ่นสักครั้งแต่ไม่สามารถทานได้ครบทุกเมนู บางทีก็เป็นอะไรที่น่าเสียดายจริง ๆ ของแบบนี้ต้องมีทริคกันหน่อย เพื่อความอร่อยที่ครบจริง!
#1 ทานเมนูเบา ๆ ก่อน
หากเลือกเมนูได้ ควรเลือกเมนูเบา ๆ เป็นการรองท้องก่อน เช่น ยำสาหร่าย, เมนูจำพวกเนื้อปลา ส่วนเมนูหนัก เช่น ข้าวปั้น, เทมปุระ ควรผลักให้เป็นเมนูท้ายสุด เพราะหากทานก่อน เท่ากับว่าตัดกำลังท้องไปเยอะ อาจทำให้อิ่มไวได้
#2 อย่าดื่มน้ำเยอะ แค่จิบก็พอ
อย่ายกซดน้ำบ่อย เพราะจะทำให้ท้องอิ่มง่ายได้พอ ๆ กับการทานจำพวกแป้งหรือโปรตีนเข้าไปหนักท้องก่อน ควรค่อย ๆ จิบ แบบข้าวคำ น้ำคำ จะมีพื้นที่เหลือในกระเพาะได้เยอะ
#3 จัดหนักจัดเต็มเมนูซาซิมิ
เมนูซาซิมิ หรือปลาดิบอย่างแซลมอน, หมึก, ปูอัด, ทูน่า ถือว่าเป็นเมนูที่แทบจะแพงสุดในบรรดาบุฟเฟต์ทั้งหมดแล้วก็ว่าได้ ควรจัดให้คุ้มสุด เพราะบางร้านก็มีการจำกัดโควต้า บางร้านก็คนแย่งกันแทบตาย ถ้ามีโอกาสได้มากินแล้วพลาดเมนูนี้ ถือว่าน่าเสียดายมาก ๆ
#4 ทานข้าวปั้นหลังเมนูซาซิมิ
ซูชิหรือโรลหน้าต่าง ๆ ทานได้เลยหลังจากที่จัดการกับเมนูซาซิมิไปแล้ว ถ้ามีหลายหน้า ควรคีบหรือเลือกมาทีละชิ้น เพื่อชิมดูก่อนว่าอันไหนอร่อยสุด แต่ถ้าให้เลือกเป็นเซ็ต ก็ควรเลือกที่คิดว่าทานได้หมดค่ะ จะได้ไม่เสียดาย ( บางร้านปรับตังค์ด้วยนะ ทานให้พอดีเถอะค่ะ เห็นใจร้านค้าหน่อยเนอะ )
#5 เทมปุระคือเมนูสุดท้ายในของคาว
เทมปุระหรือเมนูของทอด เป็นเมนูที่เลี่ยนสุด แต่ก็มีราคาที่ค่อนข้างถูกสุดและทำเองก็ได้ จึงจัดว่าเป็นเมนูสุดท้ายของเมนูคาว จะลองกินก็ได้ หรือถ้าละไว้บ้างก็ไม่ถือว่าน่าเสียดายอะไร เพราะเมนูนี้ไม่ใช่ rare item เหมือนซาซิมิเลย
อาหารญี่ปุ่นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพก็จริง แต่ถ้าทานมากไปก็ส่งผลเสียต่อสุขภาพกายและกระเป๋าตังค์ได้นะคะ มีเงินซื้อก็ต้องทานในปริมาณที่พอเหมาะด้วย ถึงจะเรียกว่าความคุ้มค่าที่แท้จริง ตอนนี้พี่อาร์ตหิวมากกก ขอตัวไปหาอะไรกินก่อนนะคะ แล้วเจอกันใหม่ค่ะ ^^