ผมพังก็เปลี่ยนให้ปังได้! ด้วย Moltobene Deep Layer ทรีตเมนต์บำรุงผมจากญี่ปุ่น

สวัสดีค่ะทุกคน ^o^

ช่วงนี้เราเชื่อว่าด้วยเทรนด์สีผมโทนหม่นสุดฮิต สาวๆ หลายคนก็คงฟอกสีผมเพื่อให้ได้ทำผมสีสวยๆกันใช่ไหมล่ะคะแต่ปัญหาที่ตามมาอย่างแน่นอนหลังจากการฟอกผมก็คือ ผมของเราจะแห้งเสียจนบางทีก็ถึงกับกรอบไปเลย ทำเอาใครหลายๆ คนถึงกับเข็ดเลิกฟอกสีผมไปเลยก็มี T^T

แต่ล่าสุดเราได้ลองไปทำทรีตเมนต์ผมยี่ห้อหนึ่งที่ชื่อว่า

“Moltobene Deep Layer”

เป็นทรีตเมนต์จากประเทศญี่ปุ่นที่เน้นเรื่องการบำรุงผมแห้งเสียจากการทำสีหรือฟอก ให้กลับมานุ่มชุ่มชื้น เรียบลื่นเข้าทรง โดยแชมพูและทรีตเมนต์ของ Moltobene Deep Layer นั้นมีส่วนผสมของ

“เคราติน”

ที่

ช่วยฟื้นฟูสภาพเส้นผมแห้งเสียได้เป็นอย่างดี

ที่สำคัญคือมีการเพิ่มประสิทธิภาพการบำรุงด้วย

“บูสเตอร์”

(booster) หรือ

ตัวดูดจับไอออนโลหะในน้ำประปา

ซึ่งเป็น

สาเหตุที่ทำให้เส้นผมหยาบกระด้าง

ค่ะ

รูปภาพ:

“บูสเตอร์”จะช่วยปรับสภาพเส้นผมชั้นนอกให้เราก่อนที่จะลงมือทำทรีตเมนต์ โดยมันจะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการดูดซึมของทรีตเมนต์ ทำให้ทรีตเมนต์เข้าไปซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของเส้นผมได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ อีกทั้งยังเป็นตัวช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นไว้ภายในเส้นผมด้วยค่ะ

รูปภาพ:

สำหรัเนื้อสัมผัสของผลิตภัณฑ์ Moltobene Deep Layer ก็จะมีความเข้มข้นเนื้อแน่นทำให้เกิดจุดเด่นที่สำคัญคือ เวลาสระผม ตัวแชมพูจะกลายเป็นมาสก์ฟองที่เนื้อนุ่มแต่ก็แน่นและละเอียดค่ะ

มาสก์ฟองจะช่วยทำให้เส้นผมไม่ฝืดและไม่เสียดสีกันทำให้ผมของเราไม่พันกันเวลาสระซึ่งจะช่วยลดปัญหาผมเสียได้ค่ะ ตัวมาสก์ฟองจะคอยโอบล้อมส่วนผสมของแชมพูที่ช่วยบำรุงเส้นผมเอาไว้ ทำให้สารบำรุงซึมซาบเข้าสู่เส้นผมชั้นนอกได้ง่ายขึ้น และเข้าไปซ่อมแซมผมที่เสียได้อย่างเต็มที่ค่ะ

นอกจากนี้ Moltobene Deep Layer ยังเป็นทรีตเมนต์ที่มีกลิ่นหอมมากๆด้วยนะ! เป็นกลิ่นที่ให้ความรู้สึกสดชื่นผ่อนคลายเบาสบายเรานอนทำผมไปก็รู้สึกหอมจนเคลิ้ม แทบจะหลับไปเลยค่ะ ฮ่าๆ ทั้งนี้ พนักงานบอกว่าทรีตเมนต์ตัวนี้เป็นกลิ่นClassic PearและFreesiaค่ะ เป็นกลิ่นลูกแพร์ที่หอมหวาน ละมุน มีความสดชื่นแบบซิตรัสนิดๆ ผสมกับความสดชื่นของดอกPeony

สำหรับวันนี้ ด้วยสภาพเส้นผมของเราที่แห้งเสียอย่างมากจากการฟอกสี เราเลยเลือกที่จะบำรุงแบบจัดเต็ม ด้วยการทำทรีตเมนต์ของMoltobene Deep Layer ครบทั้ง 5 ขั้นตอนค่ะ ขั้นตอนการทำทรีตเมนต์ทั้งห้านี้จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการฟื้นฟูผมได้ในระดับสูงสุดเรียกได้ว่าจากผมที่เคยแห้งฟูก็จะกลายเป็นผมคุณหนูที่ทั้งนุ่มทั้งเงาสลวยกันไปเลยจ้าาา ❤️

ร้านทำผมในกรุงเทพฯที่ให้บริการทำทรีตเมนต์ผมด้วยผลิตภัณฑ์Moltobene Deep Layerก็คือร้านTomoTomoที่อยู่ในอาคาร UR Build ซอยทองหล่อ 11 และ 13ค่ะ ถ้ามาทางรถไฟฟ้า BTS ก็สามารถนั่งมาลงที่สถานีทองหล่อแล้วต่อรถแท็กซี่หรือมอเตอร์ไซค์เข้ามาได้เลยค่ะ

รูปภาพ:

มาถึงหน้าร้านแล้ว~

รูปภาพ:

บรรยากาศภายในร้านTomoTomoดูโปร่งโล่งมีความมินิมอลสบายตามากๆเลยค่ะภายในร้านก็สะอาดมากเลย

มีโซฟาให้นั่งรอทำผมชิลล์ๆ ด้วยค่ะ

รูปภาพ:

ก่อนทำทรีตเมนต์ช่างจะมาอธิบายขั้นตอนการทำให้เราฟังคร่าวๆค่ะ เขาจะให้คำแนะนำว่าสภาพเส้นผมแบบเราควรทำกี่ขั้นตอนเพราะว่าการทำทรีตเมนต์ Moltobene Deep Layer นั้นไม่จำเป็นต้องทำครบทั้ง 5 ขั้นตอนค่ะ

ช่างจะช่วยวัดระดับความแห้งเสียของเส้นผมเรา โดยดูด้วยสายตาสอบถามประวัติการทำผมและลองสัมผัสเส้นผมของเราค่ะ จากนั้นเขาก็จะกำหนดขั้นตอนการทำรวมถึงเลือกสูตรแชมพูและทรีตเมนต์ที่เหมาะกับสภาพเส้นผมของเราค่ะ

สำหรับเราที่ผมค่อนข้างเสียจากการฟอกสีก็จัดเต็ม 5 ขั้นตอนไปเลยค่าาา(พนักงานร้าน TomoTomoใจดีและสุภาพมากเลยค่ะพี่เขาให้คำแนะนำดีมากๆแล้วเราก็แอบเห็นว่าพนักงานที่นี่คุยภาษาอังกฤษกับลูกค้าต่างชาติได้ด้วยนะคะ ดังนั้นใครอยากพาเพื่อนคนต่างชาติมาทำผมที่นี่ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการสื่อสารเลยค่ะ)

รูปภาพ:

สำหรับทรีตเมนต์ Moltobene Deep Layer ที่เราจะมาทำกันในวันนี้ ก็จะมีให้เลือก 2 สูตรค่ะ คือสูตร Sและสูตร Gแต่ด้วยความสงสัย เราก็เลยถามพี่พนักงานว่าสองสูตรนี้มันต่างกันยังไง

พี่พนักงานอธิบายว่าสูตรS (Extra Sleek)เป็นสูตรที่ใช้สำหรับผมเส้นเล็กบางที่ต้องการเพิ่มน้ำหนักและความนุ่มลื่นค่ะ

รูปภาพ:

ส่วนสูตรG (Extra Glossy)ใช้สำหรับผมเส้นใหญ่หนา แห้ง แข็งกระด้าง หรือผมชี้ฟูที่ต้องการความนุ่มสลวยและความเงางามค่ะ

รูปภาพ:

ดังนั้นสูตรของทรีตเมนต์ Moltobene Deep Layer จะไม่ได้แบ่งตามความเสียหายของสภาพเส้นผม เพราะทุกสูตรสามารถแก้ปัญหาผมเสียได้หมดเลยค่ะ ที่เขาแบ่งออกเป็น 2 สูตรนั้นเป็นเพียงการแบ่งตามลักษณะเส้นผมของผู้ใช้ค่ะ

สำหรับราคาของแชมพูและทรีตเมนต์ของ Moltobene Deep Layer นั้น ทั้งสูตร S และสูตร G ราคาขวดละ1,xxx บาทเท่ากันค่ะ

รูปภาพ:

ส่วนใครที่สงสัยว่าทรีตเมนต์ขวดเล็กๆ สีดำที่อยู่ในรูปด้านบนคืออะไร อันนี้เป็น“Special Home Care”หรือทรีตเมนต์ขวดเล็กสำหรับซื้อกลับไปบำรุงต่อเองที่บ้านนะคะ ถ้าเราได้ใช้ทรีตเมนต์ตัวนี้ต่อ มันจะช่วยให้ประสิทธิภาพของทรีตเมนต์ที่เราทำจากซาลอนอยู่คงทนยาวนานยิ่งขึ้นค่ะ เส้นผมของเราที่ได้รับการบำรุงอย่างต่อเนื่องก็จะจัดทรงง่าย สภาพเส้นผมก็สวยงามไปอีกนาน~ ราวกับได้ยกซาลอนมาทำเองที่บ้านเลยจ้า

หากใครสนใจซื้อทรีตเมนต์ขวดเล็กแบบนี้ไปทำเองที่บ้าน เวลาใช้ทรีตเมนต์ก็ให้หมักผมทิ้งไว้ประมาณ 10-15 นาทีแล้วค่อยล้างออกนะคะ แต่เราขอแนะนำให้ลองปรึกษาช่างเรื่องความถี่ในการหมักทรีตเมนต์ด้วยค่ะ เพราะเขาจะช่วยดูลักษณะเส้นผมของเราและแนะนำได้ว่าสภาพเส้นผมแบบเราควรหมักบ่อยแค่ไหน คนที่ผมแห้งมากก็อาจจะใช้ทรีตเมนต์ทุกๆ 3 วันจนถึงสัปดาห์ละครั้งแต่ถ้าใครสภาพผมค่อนข้างดีอยู่แล้วก็สามารถใช้ 1 ครั้งต่อ 2 สัปดาห์ได้ค่ะ

ราคาของทรีตเมนต์ Special Home Care อยู่ที่ขวดละ3xx บาทค่า~

พอเห็นว่ามีทรีตเมนต์สำหรับซื้อไปทำเองที่บ้านแบบนี้ เราก็เลยสอบถามพี่พนักงานถึงความแตกต่างระหว่างการมาทำทรีตเมนต์ที่ร้านกับการทำเองที่บ้านค่ะ เขาบอกว่าถ้าทำที่ร้านก็จะดีตรงที่ว่าทางร้านจะมีเครื่องมือครบครันในการบำรุงผม ซึ่งช่วยให้ทรีตเมนต์ซึมลึกเข้าไปในชั้นเส้นผมได้ดียิ่งขึ้นค่ะ ดังนั้นถ้าใครสะดวกก็ลองเดินทางมาทำผมที่ร้านกันดูนะคะ

รูปภาพ:

หากทำทรีตเมนต์ที่ร้านจะใช้เวลาประมาณ 15 - 20 นาทีอันนี้ยังไม่รวมตอนไดร์ผมค่ะ ถ้ารวมเวลาไดร์ผมและขั้นตอนอื่นๆ ด้วยก็จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงค่ะ ก็นับว่าไม่นานเลย~

เอาละ!มาถึงตรงนี้หลายๆ คนคงอยากรู้แล้วว่า“การทำทรีตเมนต์ 5 ขั้นตอน”ของMoltobene Deep Layerนั้นเป็นยังไง แล้วแต่ละขั้นตอนช่วยบำรุงเส้นผมยังไงบ้าง เราจะมาเล่าให้ทุกคนฟังกันค่ะ

รูปภาพ:

ขั้นตอนที่ 1 : Penetrating Repair (ฟื้นฟูเส้นผมโดยการดูดซึมส่วนที่สึกหรอ)

รูปภาพ:

หลังจากที่ตัวบูสเตอร์ของทรีตเมนต์ดูดซับไอออนโลหะที่เส้นผมด้านนอกเรียบร้อยแล้วขั้นตอนแรกของการทำทรีตเมนต์ก็จะเป็นการนำส่วนผสมของเคราตินที่มีความหนาแน่นสูง(Hight molecular weight keratin PPT)แทรกซึมเข้าไปในช่องว่างหรือโพรงของเส้นผมที่แห้งเสียเคราตินจะช่วยดูดซึมและซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอให้กับเส้นผมของเราค่ะ

ขั้นตอนที่ 2 : Bonding Repair (ซ่อมแซมพันธะของเส้นผม)

รูปภาพ:

ขั้นตอนนี้เป็นการอุดช่องว่างภายในเส้นผมด้วยส่วนผสมที่ช่วยซ่อมแซมความแห้งเสียค่ะ ในขั้นตอนนี้ส่วนผสมโมเลกุลต่ำ (Low Molecular weight) ของเคราตินขนาดเล็กและ Keratide® จะเข้าไปอุดช่องว่างเล็กๆ ของโพรงภายในเส้นผม ซึ่งเป็นจุดที่เคราตินในข้อ 1 เข้าไปไม่ถึงค่ะ เรียกได้ว่าเป็นการอุดช่องโหว่ในการบำรุงนั่นเอง

ขั้นตอนที่ 3 : Enhanced Repair (เพิ่มพลังในการซ่อมแซม)

รูปภาพ:

ตรงนี้จะเป็นขั้นตอนที่Keratide®ของทรีตเมนต์มารวมตัวกันเพื่ออุดช่องว่างภายในเส้นผมค่ะเมื่อเส้นผมของเรามี Keratide® อัดแน่น ส่วนผสมที่ช่วยซ่อมแซมความสึกหรอก็จะเกาะติดภายในเส้นผมได้ดีขึ้น เส้นผมของเราก็จะพองตัวแน่น และแข็งแรงมากยิ่งขึ้นด้วยค่ะ

ขั้นตอนที่ 4 : Moist Hyalo Film (เคลือบเกล็ดผมครั้งที่ 1)

รูปภาพ:

ขั้นตอนที่ 4 เป็นการเคลือบเกล็ดผม (Cuticle) ครั้งแรกเพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับเกล็ดผม รวมถึงกักเก็บความชุ่มชื้นไว้กับเส้นผมด้านนอกค่ะ

ขั้นตอนที่ 5 : W Hyaluronic Acid Coating (เคลือบกรดไฮยาลูโรนิก 2 ชนิด)

รูปภาพ:

สำหรับขั้นตอนที่ 5 ก็จะเป็นการเคลือบเส้นผมด้านนอกด้วยกรดไฮยาลูโรนิก 2 ชั้นค่ะ การเคลือบด้วยพลังดับเบิ้ลแบบนี้จะช่วยทำให้ประสิทธิภาพการบำรุงของทรีตเมนต์คงอยู่ยาวนานยิ่งขึ้นทั้งยังช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นของเส้นผม และช่วยให้สีผมติดทนนานมากขึ้นด้วยค่ะ เพราะกรดไฮยาลูโรนิกจะช่วยยับยั้งการเฟดของสีผมนั่นเอง

และทั้งหมดนี้ก็คือ 5 ขั้นตอนการทำทรีตเมนต์ Moltobene Deep Layer ค่ะ!

อย่างไรก็ตาม ทุกคนสามารถเลือกระดับขั้นตอนการทำทรีตเมนต์ให้เหมาะกับสภาพเส้นผมของตัวเองได้เลยนะคะ ทางร้านเขาจะแนะนำจำนวน STEP ที่เหมาะกับเส้นผมแต่ละแบบดังนี้ค่ะ

รูปภาพ:

1 STEP (Low Damage) : ทำเฉพาะขั้นตอนที่ 5

เหมาะสำหรับคนที่ผมไม่ได้ผ่านการทำเคมี แต่กังวลเรื่องผมชี้ฟู

2 STEP (Light Damage) : ทำเฉพาะขั้นตอนที่ 4 และ 5

เหมาะสำหรับคนที่เส้นผมด้านนอกหยาบกระด้าง ปลายผมพันกัน

3 STEP (Middle Damage) : ทำเฉพาะขั้นตอนที่ 1, 2 และ 5

เหมาะสำหรับคนที่ทำสีผมตั้งแต่ Lv.9 ลงไป

5 STEP (High Damage) : ทำครบทั้ง 5 ขั้นตอน

เหมาะสำหรับคนที่ฟอกผม ดัดผม หรือทำสีผม Lv.10 ขึ้นไป

สำหรับเราที่ทำทรีตเมนต์ Moltobene Deep Layer ครบทั้ง 5 ขั้นตอนแล้ว เรารู้สึกพอใจกับสภาพเส้นผมที่เหมือนได้เกิดใหม่มากๆ ค่ะ5555 คือก่อนหน้านี้ผมเราแห้งกรอบมากๆ เพราะว่าผ่านการฟอกและทำสีมา แต่หลังจากผ่านคอร์สทรีตเมนต์ที่ร้าน TomoTomoแล้ว ผมเราก็นุ่มขึ้นมากกกกกกทั้งเรียบทั้งลื่น ไม่แห้งฟูเหมือนตอนก่อนทำ เรียกได้ว่าเป็นเวลาหนึ่งชั่วโมงที่เปลี่ยนชีวิตจริงๆ ค่ะ

รูปภาพ:

หากเพื่อนๆคนไหนอ่านรีวิวจากเราแล้วสนใจทำทรีตเมนต์ Moltobene Deep Layerบ้างล่ะก็ ลองหาวันว่างมาทำผมชิลล์ๆ ที่ร้านTomoTomoกันดูนะคะบอกได้เลยว่าคุ้มค่าการเดินทางมาทำมากค่ะ

Error: geo_location