รูปภาพ:https://cdn.firstwefeast.com/assets/2014/09/2-heatfinish.gif

สวัสดีค่า สาวๆSistaCafeทีม#ฉันเกลียดหน้ามันทุกคนสาวๆ หลายคนเกิดมามีผิวมันตามธรรมชาติอยู่แล้ว ตั้งแต่เด็กก็หน้ามัน ใช้กระดาษซับมันไปเป็นกล่องๆ จนเป็นความเคยชินก็ยังเข้าใจได้ ( แต่เข้าใจไม่ได้หมายความว่าแฮปปี้นะ แง TT )แต่ก็จะมีบางช่วงของชีวิตที่สาวผิวมันรู้สึกได้ว่ายังไงไม่รู้ ปกติล้างหน้าเสร็จต้องรอ 3-4 ชั่วโมงผิวถึงเริ่มมัน แต่ตอนนี้ไม่ถึง 30 นาทีน้ำมันก็มาจับที่ช่วงทีโซนกับปลายจมูกแล้ว เรื่องนี้มันต้องมีสาเหตุสิ คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกสักที เป็นปัญหาโลกแตกเวอร์ -__-'''

เป็นไปได้ว่า สาวซิสเผลอทำอะไรกระตุ้นผิวให้ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติ ( ซีบัม ) ขึ้นมามากกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัวถ้ายังไม่รู้ว่าสาเหตุที่แท้จริงเกิดจากอะไร ลองไล่เช็คลิสต์ตาม' 8 สาเหตุกระตุ้นให้ผิวมันเยิ้ม แต่งหน้าติดยาก สิวบุกง่าย 'ว่าเข้าข่ายในข้อไหนบ้างหรือเปล่า จะได้รู้ทันและหาทางรับมือได้นะคะ#เพราะหน้ามันไม่ใช่เรื่องสนุก ಠ╭╮ಠ

1. ฤดูเปลี่ยน อากาศเปลี่ยน สภาพผิวก็เปลี่ยน!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7ee08eef42ee87930e4f51bed7bf1d5f.jpg

ปัจจัยข้อแรกที่ซิสควรรู้ก็คือ ภูมิประเทศ สภาพอากาศที่อยู่ ฤดูกาลต่างๆ ล้วนส่งผลกับสภาพผิวของเธอทั้งหมด!


สังเกตว่าประเทศไทยร้อนชื้น มีแดดแรง สาวไทยมักจะหน้ามัน รูขุมขนกว้าง สิวขึ้นเยอะ แต่ผิวไม่ค่อยขาดความชุ่มชื้น แต่สาวเกาหลีญี่ปุ่นรูขุมขนเล็กกระชับก็จริง แต่ก็แลกมาด้วยผิวที่ค่อนข้างแห้งกร้านเพราะอยู่ในสภาพอากาศหนาวแทบทั้งปีนั่นเองค่ะ

หากช่วงนี้หน้าของสาวๆ มันเป็นพิเศษ นั่นอาจเป็นเพราะในไทยเข้าสู่ช่วงหน้าร้อนเต็มตัว แม้จะไม่ใช่สาวผิวมันแต่กำเนิด ผิวก็อาจผลิตน้ำมันมากเกินความจำเป็น และไปผสมกับเหงื่อ อุดตันรูขุมขนจนเกิดสิวได้

ควรเลือกใช้สกินแคร์ให้เหมาะสมกับฤดู เช่น หน้าร้อนก็ควรใช้โฟมล้างหน้า และมอยส์เจอไรเซอร์ที่เป็นเนื้อเจลใสบางๆ ไม่เข้มข้นจนหนักหน้า เช่น เซรั่ม

2. เครียด นอยด์ กังวลเท่าไหร่ น้ำมันบนผิวยิ่งเยอะเท่านั้น!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/50177480a02a3b4711452ea9299cbb8f.jpg

ปัจจัยที่สอง สภาพอารมณ์ / สภาพจิตใจไม่ใช่สิ่งเพ้อฝันจับต้องไม่ได้ ในทางตรงกันข้าม กลับส่งผลต่อสภาพร่างกายและสุขภาพผิวตรงๆ ด้วยซ้ำ โดยเฉพาะ ' ความเครียด ' ที่มีผลกระทบทั้งสองอย่าง


เมื่อเธอเครียดหรือกังวลเรื่องอะไรบางอย่างมากๆ ร่างกายจะหลั่งฮอร์โมนชื่อ ' คอร์ติซอล ( cortisol ) ' เพิ่มสูงขึ้น ทำให้ร่างกายพยายามหาจุดปรับสมดุล จึงกระตุ้นให้ผลิตน้ำมันตามธรรมชาติออกมาเยอะตาม สุดท้ายจึงเกิดวงจรหน้ามันขึ้นอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

ทางแก้อาจจะพูดง่ายแต่ทำยาก แต่พยายามเลิกเครียด ผ่อนคลายตัวเองด้วยการทำกิจกรรม งานอดิเรกที่ตัวเองชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง ดูยูทูป กินอาหารอร่อยๆ เล่นกีฬา เล่นเกม

แต่ถ้าให้แนะนำแบบสายบิวตี้ การแช่น้ำอุ่น มาส์กหน้า สครับตัว ทาบอดี้โลชั่นหรือออยล์หอมๆ กลิ่นอโรม่า ก็ช่วยให้ความเครียดลดน้อยลงได้นะ แม้จะแค่ชั่วระยะเวลาหนึ่งก็ตาม ทางที่ดีแก้ความเครียดนั้นที่ต้นตอเลยจะตรงจุดที่สุดค่ะ

3. ฮอร์โมนในร่างกายแปรปรวน ไม่สมดุล

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6519f2f5d38a17832c04fe1fc0586ef6.jpg

ปัจจัยที่สาม ข้อนี้ก็ค่อนข้างควบคุมได้ยาก เพราะมาจากระบบภายในร่างกายอย่าง ' ฮอร์โมน ' ที่อาจแปรปรวนในช่วงมีประจำเดือน จากกระบวนการเปลี่ยน ' เอสโตรเจนและโพรเจสเทอโรน '  สู่ ' เทสโทสเทอโรน ' ในช่วงสองสัปดาห์ก่อนวันแดงเดือด


ต่อมไขมันของสาวซิสจะเริ่มผลิตน้ำมันบนผิวออกมามากเกินความจำเป็น ทำให้รูขุมขนบนหน้าเกิดการอุดตัน หน้ามัน และทำให้เกิดสิวได้ในที่สุด

เรียกได้ว่า ฮอร์โมนเกี่ยวกับผู้หญิงในทุกช่วงวัยและอายุกระตุ้นให้เกิดผิวมันได้ทั้งนั้น โดยเฉพาะฮอร์โมนชื่อ ' แอนโดรเจน ' ที่มีหน้าที่ผลิตน้ำมันบนผิว บางครั้งฮอร์โมนตัวนี้ก็แปรปรวน ผลิตซีบัม หรือน้ำมันส่วนเกินมากเกินความจำเป็นได้ซึ่งจะเกิดได้ทั้งช่วงวัยรุ่น, ก่อนมีประจำเดือน, ช่วงตั้งครรภ์และระหว่างหมดประจำเดือน อีกทั้งความเครียดหรือป่วยด้วยโรคบางอย่าง จะทำให้ฮอร์โมนบางชนิดหลั่งออกมา และน้ำมันบนผิวเป็นส่วนหนึ่งของผลลัพธ์นั้น

4. ไม่ค่อยล้างหน้า / ล้างหน้าบ่อยเกินไป

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7d3d13620c397d4d83c630884ba872af.jpg

ปัจจัยที่สี่ ในเรื่องของการล้างหน้า เป็นสิ่งที่ค่อนข้างต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะน้อยไปก็ไม่ดี มากไปก็ไม่ได้ หากสาวซิสไม่ค่อยล้างหน้า หรือล้างน้อยเกินไป ล้างลวกๆ ไม่สะอาด ( ปกติก็ควรล้างสองรอบ เช้า-เย็น หากออกกำลังกายหนักก็ควรล้างเพิ่ม )


น้ำมัน สิ่งสกปรกและคราบฝุ่นก็ยังเกาะติดสะสมบนผิว ต่อจากนี้หลังล้างหน้าเสร็จ ลองจับแก้ม หน้าผากดูว่าสะอาดแล้วหรือยัง ถ้ายังมีคราบน้ำมันติดนิ้วขึ้นมา ก็เตรียมตัวล้างอีกรอบได้เลย ถ้าไม่อยากมีสิวมาเซย์ไฮนะคะ!

แต่สาวๆ บางคนก็ไปซะสุดโต่ง พอบอกว่าต้องล้างให้สะอาด ก็ล้างหน้ามันทั้งวันไปเลยจ้า เช้า สาย บ่าย เย็น เรียกว่าแทบจะล้างทุกๆ 2 ชั่วโมง แถมใช้แค่โฟมไม่พอ ยังใช้สครับขัดผิวทุกวันอีก หยุดทำด่วนๆ!


เพราะการกระทำแบบนี้ยิ่งทำร้ายให้ผิวระคายเคือง กำจัดฟิล์มเคลือบผิวตามธรรมชาติออกจนผิวแห้งกร้าน แถมกระตุ้นให้สภาพผิวไม่สมดุลจนสร้างน้ำมันส่วนเกินเพิ่มขึ้นมาอีก สรุปคือล้างแค่สองรอบ และใช้คลีนซิ่งสูตรอ่อนโยน ไม่แต่งสี ไม่เติมน้ำหอม ก็เป็นการดูแลผิวให้ห่างไกลจากความมันได้ดีแล้ว

5. กลัวหน้ามัน ไม่ทาครีมบำรุงผิวเลย สรุปผิวยิ่งมัน!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8403a761b0d7d1e9d0ccc61af7a22779.jpg

เราเชื่อว่าสาวไทยหลายคนทำแบบนี้อยู่! จะมีสภาพผิวมันตั้งแต่แรก หรือกลัวหน้ามันเพิ่มกว่าเดิมก็ตาม กลัวมีน้ำมันส่วนเกินจัด ล้างหน้าด้วยคลีนซิ่งแล้วจบ พอ เข้านอนเลย ไม่ทาครีมบำรุงผิวอะไรทั้งนั้น


ทั้งที่จริงแล้วไม่ว่าเธอจะมีสภาพผิวไหน ( รวมถึงผิวมันด้วย! ) มอยส์เจอไรเซอร์คือไอเทมที่ต้องทา ยังไงก็ต้องทา ยิ่งไม่ทาต่างหาก จะทำให้ผิวหน้ามันเพิ่มขึ้นค่ะ

เมื่อสาวๆ ปล่อยปละละเลยผิว ปล่อยให้ชั้นบนผิวแห้งกร้านโดยไม่เติมความชุ่มชื้นลงไป อาจทำให้ผิวตกใจ กลัวว่าตัวเองจะแห้งเกินไป จึงต้องผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมามากขึ้นเพื่อรักษาตัวเอง สรุปก็หนีความหน้ามันไม่พ้น


ดังนั้นแทนที่จะเลี่ยงไม่ทาครีมเลย เลือกมอยส์เจอไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิวของตัวเองดีกว่า ผิวมันก็ใช้แบบเจล ผิวแห้งก็ใช้แบบครีม นอกจากช่วยเรื่องความชุ่มชื้นแล้ว ยังแก้ปัญหาผิวอย่างริ้วรอย ความนุ่มเนียน ความไบรท์กระจ่างใสอีกด้วยนะ

6. พันธุกรรมผิวตามธรรมชาติ

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/6f5dde1b71f4fe7cddf24eda80093cad.jpg

ปัจจัยข้อนี้ก็ง่ายๆ เลย พันธุกรรม! ถ้าเธอสงสัยว่าตัวเองหน้ามันอยู่ตลอดเวลาไม่ว่าจะทำอะไรก็ตาม ก็อาจเป็นเพราะเธอได้รับยีนที่ส่งต่อกันมาในครอบครัว ซึ่งเป็นสิ่งที่แก้ไขอะไรไม่ได้ เสียใจด้วย!

ถ้าพ่อหรือแม่ของเธอช่วงวัยรุ่นมีผิวมัน เธอก็มีแนวโน้มสูงมากที่จะเป็นเหมือนกัน เพราะยีนผิวมันส่งต่อกันได้ผ่าน DNA โดยยีนตัวนั้นจะทำให้มีต่อมไขมันขนาดใหญ่กว่าคนปกติ จึงทำให้ผลิตน้ำมันส่วนเกินออกมาเยอะผิดปกติด้วยเช่นกันค่ะโดยปกติแล้ว ผิวจะแห้งขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น เพราะคอลลาเจนใต้ผิวที่ทำให้ผิวยืดหยุ่น อิ่มน้ำลดน้อยลง ต่อมไขมันก็ทำงานช้าลง จึงไม่ต้องกลัวว่าหน้าจะมันตลอดไป จะค่อยๆ มันน้อยลงเรื่อยๆ ตามอายุแน่นอนค่ะ

7. กิน 'แป้งขาวกับน้ำตาล' มากเกินไป / กินยาบางชนิด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/506b573124cfe2ea94c40754bb432cb4.jpg

อาหารการกิน ถือเป็นปัจจัยสำคัญหลักๆ ที่ส่งผลกระทบต่อทั้งสุขภาพร่างกายและสุขภาพผิว ดังที่คำฝรั่งบอกว่า ' You are what you eat ' คือไม่เกินความจริงแต่อย่างใด หากสาวๆ กินคาร์โบไฮเดรตเชิงเดี่ยว แป้งขาว หรือผลิตภัณฑ์นมที่มีไขมันเยอะเกินไป


เช่น ขนมปังขาว น้ำตาล ข้าวขาว ไอศกรีม ช็อกโกแลต อาจส่งผลให้ระดับอินซูลินพุ่งสูง ทำให้เพิ่มการผลิตซีบัม ( น้ำมันส่วนเกิน ) โดยไม่รู้ตัว ใครที่กำลังเพลิดเพลินกับพิซซ่า ไก่ทอด ชานมไข่มุก ยั้งๆ ไว้บ้างถ้าอยากหน้ามันลดลงนะคะ

อีกปัจจัยหนึ่งที่มองข้ามไม่ได้คือ การใช้ยารักษาโรค เช่น ยาคุมกำเนิดและยาเพื่อทดแทนฮอร์โมน ยาสเตียรอยด์บางชนิด อาจทำให้ร่างกายมีผลข้างเคียงต่างๆ มากมาย


หนึ่งในนั้นคือกระตุ้นต่อมผลิตน้ำมันส่วนเกิน หน้ามันกว่าปกติได้ เพราะยาหลายตัว เมื่อกินเข้าไปจะทำให้ร่างกายขาดน้ำ จึงมีกลไกให้ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกตินั่นเอง

8. ใช้เครื่องสำอางคุณภาพแย่ ทำให้ 'ผิวมันกว่าเดิม'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ccbda67fbbfef8be94af0c359fa3b816.jpg

สาวๆ สายแต่งหน้าฟังทางนี้ด่วน! เวลาซื้อเมคอัพเข้ากรุแต่ละชิ้น พิจารณาส่วนผสมจากฉลากดีๆ ว่ามีส่วนผสมอะไรบ้าง โดยเฉพาะน้ำมันและซิลิโคนที่ควรหลีกเลี่ยงให้ไกล ( มักจะอยู่ในแบรนด์เมคอัพที่ราคาถูก คุณภาพต่ำ )เพราะทั้งอุดตันรูขุมขน กระตุ้นต่อมไขมันให้ผลิตน้ำมันเพิ่ม สรุปหน้ามันเยิ้มกว่าเดิมเฉยเพื่อป้องกันหน้าเยิ้มระหว่างวันจนทำเมคอัพเละ นอกจากเลือกเครื่องสำอางที่ไม่ใส่ส่วนผสมเหล่านั้นแล้ว ควรใช้ไพรเมอร์และรองพื้นคุณภาพดีเตรียมผิวให้แมตต์ไว้ก่อนเมื่อแต่งหน้าเสร็จแล้วก็ใช้ Setting Spray หรืออีกชื่อว่า Makeup Fixer ฉีดทั่วผิวหน้า เพื่อล็อคเมคอัพให้อยู่คงทน สวยตลอดวันค่ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/88/9c/a7/889ca71f3cdcc8b2798bf877942866c5.gif

----------------------------

8 สาเหตุหลักๆ ที่กระตุ้นน้ำมันบนหน้าให้เยิ้มผิดปกติ ก็จะมีประมาณนี้ คิดว่าน่าจะเผลอทำตามกันบ้างอย่างน้อยก็ข้อสองข้อโดยไม่รู้ตัว เช่น ความเครียด กังวล ใช้เครื่องสำอางเนื้อมัน กินอาหารผิดประเภท ไม่ค่อยล้างหน้า ทาครีมบำรุงผิวน้อยเกินไป หรือบางครั้งก็อาจเกิดจากปัจจัยที่ควบคุมไม่ได้ เช่น ฮอร์โมน สภาพอากาศ พันธุกรรม หรือโรคบางประเภทที่ต้องใช้ยา อันไหนที่พอแก้ไขได้ก็แก้ แต่ข้อไหนที่อยู่นอกเหนือการควบคุม ก็อาจต้องแก้ไขไปตามอาการ เช่น ไม่ใช้สกินแคร์หรือเมคอัพกระตุ้นน้ำมันมากกว่าเดิม, ล้างหน้าให้บ่อยขึ้น, เลือกคลีนซิ่งที่เหมาะกับผิว และกินอาหารสุขภาพที่ไม่มีไขมัน เท่านี้อาการหน้ามันก็จะค่อยๆ ลดลงได้แล้วล่ะค่ะ ยังไงก็ลองไปปรับใช้กันดูน้า วันนี้ขอตัวลาไปก่อน บ๊ายบายค่า

(。’▽’。)♡