สวัสดีเพื่อนๆ ทุกคน ช่วงนี้หลายคนน่าจะ work/study from home กันซะส่วนใหญ่ ถึงแม้เราจะไม่ได้ออกไปไหน แต่ก็อย่าทำตัวให้เหี่ยวเฉา มาทำตัวให้สดใสกันไม่ว่าจะเป็นการบำรุงผิวพรรณ หรือ ลุกขึ้นมาแต่งหน้าดูบ้างเพื่อไม่ให้ชีวิตน่าเบื่อจนเกินไป เพราะฉะนั้น ในครั้งนี้เลยจะมาอัพเดตทั้งเครื่องสำอางและสกินแคร์จากฝั่งญี่ปุ่นกว่า 20 ชิ้น! ให้เพื่อนๆได้ทำความรู้จักกันจุใจไปเลย จะมีอะไรที่น่าสนใจกันบ้าง ไม่รอช้าไปติดตามกันเลย

........................................................................................................................................................................

ป.ล.เป็นคนผิวมัน ผิวขาวปกติ ใช้แป้งเบอร์ 2

เริ่มจากหมวดสกินแคร์กันก่อนจ้า

KOSE SEKKISUI ESSENTIAL SOUFFLE SET (จากร้านดองกี้)

รูปภาพ:

ขอเปิดตัวอลังการด้วยเซ็ตKOSE SEKKISEI ESSENTIAL SOUFFLEบังเอิญไปเจอเซ็ตนื้ที่ดองกี้สาขาโอกินาว่า ในราคาสามพันกว่าเยน คิดเป็นไงไทยก็ประมาณพันบาทนิดๆขอใช้คำว่าปังมากแม่!เพราะว่าได้ SEKKISEI ESSENTIAL SOUFFLE ไซส์จริง 1 ขวด(ปกติราคาประมาณ 3,800 เยน ประมาณพันกว่าบาทนิดๆ) กับของแถมไซส์พกพาอีก 12 ชิ้น(MEDICATE SEKKISEI LOTION ยอดนิยมของทางแบรนด์ 2 ขวด , SEKKISEI ESSENTIAL SOUFFLE ไซส์เล็ก 4 ซอง , มาสก์หน้าอัดเม็ด 3 ชิ้น/ที่เห็นในรูปมี 2 ชิ้น เพราะใช้ไปแล้วหนึ่งอัน , กระดาษทิชชู่ 3 ซอง )และยังได้กระเป๋ากระเป๋าสีชมพูมีกลิ๊ตเตอร์วิบวับๆถ้าพูดถึงความคุ้มค่าคือคุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว

รูปภาพ:https://static.mercdn.net/item/detail/orig/photos/m52936507474_1.jpg?1581897171

จะขอรีวิวสั้นๆ เกี่ยวกับSEKKISEI ESSENTIAL SOUFFLE เซรั่มน้ำนมขวดสีขาว(แค่ได้ยินชื่อซูเฟล่ก็รู้สึกอยากกินขึ้นมาทันที 555) ถ้าพูดถึงคุณสมบัติของรุ่นนี้ คือช่วยให้ผิวกระจ่างใส เรียบเนียน และ เก็บกักความชุ่มชื่นได้ยาวนานถึงแปดชั่วโมงด้วยส่วนผสมของHydrating oil และ Souffle touch oil ที่จะเคลือบผิวไว้ถึงสองชั้นทำให้ผิวเด้งนุ่มเหมือนแพนเค้กซูเฟล่จากเท่าที่ได้ลองใช้เนื้อสัมผัสเบาจริง ซึมง่าย ไม่เหนียวเหนอะหนะโดยรวมคือพอใจ

ถ้าใครอยากได้เซ็ตนี้ ทางดองกี้จะจัดเป็นเซ็ตๆ หลายราคา คิดว่าน่าจะเป็นประมาณช่วงปีใหม่จนถึงกลางเดือนมกรา ถ้ามีโอกาสไปญี่ปุ่นก็อย่าลืมแวะไปดูแผนก KOSE กันได้ที่ห้างดองกี้

Meishoku Pintup Eye Serum Total Repair - ราคาประมาณ 1,980 เยน

รูปภาพ:

ซีรั่มตัวนี้น่าสนใจตรงที่จะช่วยยกกระชับร่องแก้มให้ดูกระชับขึ้นภายใน 30 วินาที!นอกจากนี้ยังช่วยยกกระชับบริเวณมุมปาก หรือ รอบดวงตาได้ด้วยมีส่วนผสมหลายอย่างที่น่าสนใจไม่ว่าจะเป็นคอลลาเจน และ กรด 3d hylarulon ที่ช่วยให้ผิวเด้งขึ้น/เรตินอล และ พลาเซ็นต้า ที่ช่วยให้ผิวกระจ่างใสและชุ่มชื้นทางแบรนด์เคลมว่าจะเห็นผลเมื่อใช้อย่างต่อเนื่องจากเท่าที่ได้ใช้ ตัวครีมซึมไว ไม่เหนียวเหนอะนะ ไม่เป็นขรุย ส่วนตัวยังไม่มีปัญหาตรงนี้มากนัก เลยอาจจะอธิบายความแตกต่างก่อนใช้กับหลังใช้มากไม่ได้ แต่จากเท่าที่ดูรีวิวในเว็บ @cosme ส่วนใหญ่คนญี่ปุ่นรีวิวจะให้คะแนนห้าดาวจากคะแนนเต็มเจ็ดดาว ถือว่ารีวิวไปทางที่ดีเลยล่ะ

LuLuLun Cleansing Balm - ราคาประมาณ 2,000 เยน

รูปภาพ:

ถ้าพูดถึงชื่อ LuLuLun หลายคนน่าจะคุ้นเคยกับแผ่นชีทมาสก์หน้าเป็นอย่างดี แต่เค้าไม่ได้ขายแค่ชีทมาสก์นะ แต่ยังมีสินค้าตัวอื่นๆอีกด้วย นั่นก็คือLuLuLun Cleansing Balmเป็นคลีนซิ่งทำความสำอาดเมคอัพซึ่งมีสารสกัดจากดอก Red Clover ที่จะช่วยให้รูขุมขนเล็กลงที่สำคัญไม่ใส่สี ไม่มีส่วนผสมของ mineral oil และ ปราศจากแอลกฮอล์ อ่อนโยนต่อผิวสุดๆ

รูปภาพ:

วิธีใช้ ให้ใช้พายตักเจ้าบาล์มตัวนี้แล้วนำไปนวดที่หน้าเบาๆ หลังจากนั้นทำความสะอาดด้วยแผ่นเช็ดคลีนซิ่งวันไหนที่เมคอัพหนักๆ ตัวนี้เอาอยู่ความรู้สึกหลังจากคลีนซิ่งเสร็จแล้วรู้สึกได้ว่าหน้าไม่แห้งตึงอีกจุดที่ชอบ คือ กลิ่นหอมมากเป็นกลิ่นหอมอ่อนๆคล้ายส้มในขณะที่นวดหน้าไปก็จะได้กลิ่นหอมอ่อนๆไปด้วยอโรม่าผ่อนคลายไปในตัวสุดๆ สรุปคือดีย์!

Okinawa Limited Edition LuLuLun Facial Mask - 1 กล่อง/5 แผ่น ราคาประมาณ 1,100 เยน

รูปภาพ:

มาสก์หน้า lululun รุ่นลิมิเต็ดมีขายเฉพาะที่โอกินาว่าเท่านั้นมาเริ่มจากสูตรสีชมพูกันก่อน ส่วนผสมหลักคือสารสกัดจากhttps://www.threecosmetics-th.com/th/ingredient-shell-ginger-water/https://www.threecosmetics-th.com/th/ingredient-shell-ginger-water/https://www.threecosmetics-th.com/th/ingredient-shell-ginger-water/https://www.threecosmetics-th.com/th/ingredient-shell-ginger-water/https://www.threecosmetics-th.com/th/ingredient-shell-ginger-water/

ส่วนสูตรสีฟ้าจะสกัดมาจากว่านหางจระเข้ที่ปลูกในเกาะ korijima(แอบบอกว่าที่นี้น้ำทะเลสีสวยมรกตมาก ใครไปโอกินาว่าต้องไปให้ได้) ความพิเศษของว่านหางจระเข้จากเกาะ korijima นั้นอยู่ที่สภาพแวดล้อมที่ไม่เป็นสองรองใคร อุดมไปด้วยสารอาหาร และ แร่ธาตุสูง ไม่ว่าจะเป็นแคลเซียม และ ธาตุคาเลียมทำให้ว่านหางจระเข้จากเกาะนี้มีคุณสมบัติอุ้มน้ำสูง ถึงแม้อยู่ในที่แห้งกันดารก็สามารถอยู่รอดได้ด้วยคุณสมบัติได้กล่าวจึงได้มาอยู่ในแผ่นมาส์กซึ่งจะช่วยให้ผิวของเราชุ่มชื่นถึงขีดสุด

รูปภาพ:https://lululun.com/images/tabisuru/getto/care-sheet_pc.png

จากที่ได้ลองใช้ คือชอบมาก รู้สึกว่าแผ่นชีทรุ่นโอกินาว่าจะฟิตพอดีกับผิวเรามากกว่ารุ่นอื่นๆ เนื้อเซรั่มเยอะ รู้สึกหน้าอิ่มน้ำ ดูสุขภาพดีใครไปโอกินาว่าอยากให้ซื้อมาลองใช้กัน

อีกอย่างที่อยากให้เพื่อนๆลองหามาสก์รุ่นลิมิเต็ดประจำท้องถิ่นมาใช้กัน เพราะว่า เค้าจะใช้ส่วนผสมจากวัตถุดิบขึ้นชื่อของท้องถิ่นนั้นๆซึ่งก็จะมีกลิ่นลาเวนเดอร์ และ กลิ่นเมลอนจากฮอกไกโด / กลิ่นลูกพีชจากจังหวัดยามนาชิ และ นากาโนะ / กลิ่นดอกกุหลาบจากฮาโกเนะ / กลิ่นสตอเบอร์รี่ และ กลิ่นดอกฟูจิวิสเทอร์เรียจากจังหวัดโทจิงิ / กลิ่นชาเขียวจากจังหวัดเกียวโต / กลิ่นสตอเบอร์รี่ กลิ่นแตงโม กลิ่นมะนาว จากภูมิภาคคิวชู / กลิ่นเลมอนจากแถบเซโตะอุจิ และ กลิ่นโอลีฟจากเกาะโชโดะ

Saborino Charge Full Mask One Day for Night 1 ซอง/1 แผ่น ราคาประมาณ 220 เยน

รูปภาพ:

ชีทมาส์กของ Saborino สูตรสำหรับกลางคืนคอนเซปท์น่าสนใจมาก อารมณ์แบบว่าใช้มาส์กแผ่นนี้อันเดียวจบภายในคืนเดียว ไม่ต้องทาครีมใดๆเพิ่มเพราะว่าในชีทมาส์กแผ่นเดียวมีทั้งโทนเนอร์ ซีรั่ม ครีม และ อีมัลชั่นและ ยังใส่สารบำรุงมาอัดแน่นเต็มที่ได้แก่ แคปซูลวิตามินซีแอนด์อี และ สารสกัดจากแอปเปิ้ลที่ช่วยผลัดเซลล์ผิว / โคเอนไซน์คิวเท็น เรตินอล สารสกัดจากดอกไม้ และ น้ำผึ้ง ที่ช่วยให้ผิวเปล่งปลั่ง มีชีวิตชีวา และ ชุ่มชื่น นอกจากนี้ยังไม่ใส่น้ำหอม ไม่มี mineral oil ไม่มีแอลกฮอลล์ และ ไม่มีสารเมนทอล อ่อนโยนต่อผิวสุดๆ

แถมไม่ต้องมาส์กให้เสียเวลาเพราะ ทางแบรนด์บอกว่ามาส์กแค่ 90 วินาทีก็พอแต่ถ้าใครผิวแห้งมากก็ซักประมาณ 3-5 นาทีมันเวิร์คมาก โดยเฉพาะยิ่งตอนไปเที่ยวกลับมาเหนื่อยๆ ก็จะเกิดอาการขี้เกียจบำรุง แค่มาส์กแผ่นเดียวจบประหยัดทั้งเวลาแถมผิวยังสวยอีก

รูปภาพ:

Tansan kakumei - 1 ซอง/1 แผ่น ราคาประมาณ 372 เยน

รูปภาพ:

อันนี้เป็นนวัตกรรมล้างหน้าของญี่ปุ่นที่หลายคนน่าจะยังไม่เคยเห็นในไทย เป็นการล้างหน้าความสะอาดล้ำลึกถึงรูขุมขนด้วยกรดคาร์บอนิคซึ่งเป็นกรดอ่อนๆพบได้ในร่างกายของคนเราทั่วไป เพื่อนๆไม่ต้องกังวลเลยว่าจะเป็นอันตรายต่อผิวหน้านอกจากนี้ยังมีส่วนผสมอื่นๆอีก ได้แก่ น้ำมัน organ oil วิตามินซี กรดไฮยารูลอนิค และ สารสกัดจากว่านหางจระเข้ ซึ่งทางแบรนด์เคลมว่าด้วยส่วนผสมทั้งหมดบวกกับการล้างหน้าด้วยกรดคาร์บอนิค จะทำให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น พอดีขึ้นหน้าก็ใสขึ้น ริ้วรอย และ รอยดำหมองคล้ำลดลง และ ทำให้ผิวที่ย้อยๆ กลับมาเต่งตึงอีกครั้ง

รูปภาพ:

วิธีใช้ให้เทผงคาร์บอนลงไปในน้ำเปล่าอุณหภูมิปกติในภาชนะที่เตรียมไว้ (แนะนำว่าอย่าใช้ขันใบเล็ก ไม่งั้นเราจะเอาหน้าจุ่มลงไปไม่ได้) พอเทเสร็จแล้ว จะเกิดฟองฟู่ๆ ไม่ต้องตกใจไป เพราะว่า ผงคาร์บอนิคกำลังทำปฏิกิริยา พอฟองเริ่มยุบแล้วก็เอาใบหน้าของเราแช่ลงไปในน้ำซักประมาณสามนาที ถ้าใครกลัวว่าแช่นานๆแล้วจะหายใจไม่ออกก็ให้แช่เป็นพักๆได้

ความรู้สึกหลังใช้:ผิวนุ่มเป็นพิเศษมากๆ แบบนุ่มสุดๆ พอทาครีมบำรุงคือซึมไวมาก รู้สึก feel goodส่วนตัวคิดว่ามันเวิร์ค ถ้ามีโอกาสก็จะกลับไปซื้ออีก แต่ข้อเสีย คือ ราคาสูงไปนิดสำหรับใช้ครั้งเดียว ตีเป็นเงินไทยก็ประมาณ 90 บาท

Dear Prefect Organic Lip Treatment - ราคาประมาณ 880 เยน

รูปภาพ:

ลิปบาล์มยี่ห้อนี้ ขอออกตัวก่อนว่าดีมากๆกว่าที่คาดไว้ส่วนตัวไม่รู้จักแบรนด์นี้มาก่อน แต่ไปสะดุดตากับส่วนผสมที่น่าสนใจนั่นก็คือน้ำผึ้ง MANUKA ของนิวซีแลนด์ซึ่งถือว่าเป็นน้ำผึ้งที่มีประโยชน์ที่สุดในโลกนอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากดอกคาโมมายล์ และ shea butter ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง อีกจุดที่รู้สึกว่าออแกนิคอย่างแท้จริงคือไม่ใส่ Surfactant หรือสารลดแรงตึงผิวซึ่งเป็นสารเคมีชนิดนึงที่อาจก่อให้เกิดอาการระคายเคืองผิวหนัง

ความรู้สึกหลังใช้ :ชุ่มชื้นมากๆ เกือบตลอดทั้งวัน คือทาทิ้งไว้ตอนกลางคืน พอตื่นขึ้นมาปากไม่แห้งลอกเลยกลายเป็นลิปมันตัวโปรดเลย แนะนำจริงๆ ถ้าใครที่กำลังมองหาลิปบำรุงที่มีส่วนผสมออร์แกนิค หาซื้อได้ที่ drug store ญี่ปุ่น

FREE PLUS MILD SHOWER (MINI SIZE) ราคาประมาณ 770 เยน

รูปภาพ:

สเปรย์น้ำแร่บำรุงผิวหน้า จาก freeplus เป็นอีกหนึ่งความดีงามที่อยากให้ทุกคนรู้จักแบรนด์นี้อยู่ในเครือ kaneboเข้าไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สามารถหาซื้อได้ที่ matsumotokiyoshi หรือ จะสั่งผ่าน official account ที่ LAZADA ก็ได้ ทำไมเราถึงอยากให้รู้จัก เพราะ freeplusเป็นแบรนด์สกินแคร์ที่่เหมาะสำหรับคนผิวแพ้ง่ายมากๆ โปรดักส์ของแบรนด์ได้ผ่านการทดสอบสารภูมิแพ้มาแล้วกว่า 100 ชนิด!

ส่วนตัวรู้จักกับสเปรย์น้ำแร่ยี่ห้อนี้มาประมาณ 5 ปี ได้แล้ว ไปญี่ปุ่นทีไรต้องซื้อกลับมาทุกที จากเคยที่ลองใช้หลายๆยี่ห้อ สุดท้ายก็กลับมาตายรังกับยี่ห้อนี้เหมือนเดิม อันดับแรกที่ชอบ คือ ตอนที่่ฉีดลงบนใบหน้าอนุภาคละอองน้ำกระจายตัวได้ดีมาก ฉีดแค่ครั้งเดียวก็ฉุ่มช่ำทั่วหน้าสุดๆ ละอองสเปรย์ค่อนข้างละเอียด และ ไม่บาดผิวนอกจากนี้ยังมีส่วนผสมของกรดอะมิโนที่ให้ความชุ่มชื่น / สารสกัดจากลูกพีช ลูกเดือย และ สมุนไพรอีก 5 ชนิด ที่สำคัญไม่มีพาราเบน ไม่มีแอลดฮอลล์ ไม่ใส่สี ไม่ใส่น้ำหอมและ ผ่านการทดสอบการระคายเคืองเป็นที่เรียบร้อยแล้วเพื่อนๆคนไหนที่กำลังมองหาสเปรย์น้ำแร่ที่อ่อนโยนต่อผิว ลองไปดูตัวนี้ก่อนก็ได้

ALLIE SUNSCREEN SPF50+ PA++++ SAKURA COLOR - ราคา ประมาณ 1,800 เยน

รูปภาพ:

หลายคนน่าจะรู้จัก

กันแดดเนื้อเจลของ ALLIE

เพราะว่า ใช้ดี และ ค่อนข้างดังพอสมควร แต่เค้ามีรุ่น

สีซากุระ

ด้วยนะ


เป็นสี

ชมพูอ่อนๆ ละมุนๆ ใช้เป็น tone up ได้

คิดว่าน่าจะถูกใจสาวๆ กันเลยแหละ อีกจุดเด่นที่น่าสนใจ คือ

เทคโนโลยี friction proof ซึ่งป้องกันไม่ให้ครีมกันแดดหลุดลอกเมื่อไปโดนเสื้อผ้า หรือ กระเป๋า

นั่นเอง รุ่นนี้เค้ายังเป็น

super waterproof

ด้วยนะ กันได้ทั้งน้ำ และ เหงื่อ

มีส่วนผสมของกรดไฮยารูลอนิค

และ

ไม่ใส่พาราเบน


ใช้ได้ทั้งหน้า และ ตัว

คุ้มๆสุดๆ ต้องจัดเลยล่ะ

รูปภาพ:

Biore sara sara powder body sheets - ราคาประมาณ 207 เยน

รูปภาพ:

ก่อนอื่นต้องขอปรบมือให้กับผู้คิดค้นไอเท็มนี้ขึ้นมาsave my lifeสุดๆ ในช่วงอากาศร้อนๆอันนี้เป็นไอเทมที่ชาวไทยควรต้องมีเลยแหละ พกพาสะดวกไปได้ทุกที่สิ่งนี้เป็นแผ่นชีทที่มีนวัตกรรมความเย็นในตัวคือไม่จำเป็นต้องแช่ตู้เย็นเลยนะตัวแผ่นจะมีความเย็น cooling effect ตลอดเวลาและในแผ่นชีทจะมีผงแป้งใสๆซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ทางบิโอเรญี่ปุ่นได้คิดค้นขึ้นมาเจ้าแป้งที่ว่าจะทำหน้าที่ขจัดคราบไขมันจากเหงื่อไหล และยังช่วยขจัดกลิ่นทำให้ผิวกลับมานุ่มลื่น ไม่เหนียวตัวและไม่ทิ้งคราบขาววันไหนร้อนๆแล้วรู้สึกเหนียวตัว เพียงแค่หยิบแผ่นชีทขึ้นมาแล้วนำมาเช็ดลูบไล้ตามตัว จะรู้สึกเย็นขึ้นทันทีราวกับเสกเวทย์มนตร์ได้ฟินสุดๆ ไปเลย

รูปภาพ:รูปภาพ:

ต่อไปจะเข้าสู่หมวดเมคอัพ ^^

Marshmallow Finish Base Oil Block SPF28・PA+++ ราคาประมาณ 700 เยน

รูปภาพ:

เบสของ CANMAKEขวดสีม่วงพาสเทล รุ่น marshmellow finish oil block base(แค่ชื่อรุ่นก็อยากจะกิน marshmellow ขึ้นมาทันทีซะแล้วสิ) แน่นอนว่าคอนเซปท์ของรุ่นนี้เป็นเบสที่ทำให้ผิวนุ่มเนียนนวลเหมือน marshmellowที่สำคัญเหมาะกับคนผิวมันเพราะมีส่วนผสม Focus powder ที่ช่วยเบลอรูขุมขน และ ทำให้ผิวเรียบเนียนขึ้น(นอกจากนี้ยังมีอีกสูตรสำหรับคนผิวแห้ง)

รูปภาพ:

ถ้าพูดถึงเรื่อง

คุมมัน

คิดว่าทำ

ได้ดีในระดับนึง

ส่วนใหญ่เราทำงานแต่ในห้องแอร์ หน้าจะมันๆแค่ตอนกลับบ้านเท่านั้น ชอบตรงที่

ทาแล้วหน้าดูเนียนขึ้น รูขุมขนโดยรวมดูเล็กลง รอยสิวดูจางลง

แต่ทารอยดำเข้มมากก็ต้องใช้คอนซีลเลอร์

ชอบเทกซ์เจอร์ที่นุ่มจริงเหมือน

marshmellowตามคำเคลม โดยรวมคือชอบ ใช้แทบทุกวัน

ใครเป็นสาวผิวมันต้องลอง

SUGAO AIR FIT CC CREAM ราคาประมาณ 1,628 เยน

รูปภาพ:

ถ้าใครติดตามเครื่องสำอางญี่ปุ่นน่าจะพอรู้จักแบรนด์ SUGAO ซึ่งก็ถือว่ามีชื่ออยู่พอสมควร ถ้าพูดถึงแบรนด์นี้ส่วนใหญ่จะนึกถึง

cc cream

กัน เพราะ

เนื้อสัมผัสคือนิ่มมากๆ

คล้ายๆกับแคนเมคที่รีวิวไปด้านบนเลย ทางแบรนด์บอกไว้ว่า

เหมาะกับคนเวลาไม่พอ ไม่ว่าจะนอนดึก ตื่นสาย หรือ ออกไปข้างนอกแป๊บเดียว แต่ไม่อยากทารองพื้นให้หนักหน้า

เพียงแค่ทา cc cream ตัวนี้ตัวเดียวจะช่วยให้

หน้าไบรท์ขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง ผ่านการทดสอบะคายเคือง ไม่ใส่น้ำหอม และ alcohol free

พอได้ลองใช้ ส่วนตัวคิดว่าสีค่อนข้างขาวเลยแหละ แต่ไม่ได้ดูวอกขนาดนั้น ใครอยากหน้าขาวๆน่าจะเหมาะกับอันนี้ เบลอขุมขนได้ในระดับนึง หน้าดูเนียนขึ้น

รูปภาพ:

ALLERBARRIER ESSENSE BB natural color - ราคาประมาณ 3,300 เยน

รูปภาพ:

bb ครีม จาก d programแบรนด์เวชสำอางที่อ่อนโยนต่อผิว เท่าที่ใช้ฟีลคล้ายกับ CANMAKE ตัวด้านบน คือ หน้าดูเนียนขึ้น และ คุมมันแต่ความแตกต่างของบีบีตัวนี้จะอยู่ที่ 4 คุณสมบัติ ดังต่อไปนี้

1.ช่วยปกป้องจากรังสียูวี ด้วย spf40 pa+++

2.เทคโนโลยี ALLERBARRIER ลิขสิทธิ์จากทางแบรนด์อันนี้ตัวสำคัญหลักเลยซึ่งจะช่วยปกป้องมลภาวะฝุ่นละออง  และ เกสรดอกไม้เป็นอะไรที่เวิร์คมากสำหรับสภาวะอากาศช่วงนี้ในบ้านเรา

3.ใส่สารบำรุงผิวเพื่อให้ผิวสวยดูดีขึ้นไม่ว่าจะเป็น เอสเซนส์ ครีม อิมัลชั่น และไม่ใส่สารเคมี(ไม่มีน้ำหอม , paraben-free , alcohol-free , mineral oil-free) คนที่ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้

4.ทางแบรนด์เคลมว่าช่วยให้เครื่องสำอางติดทนถึง 10 ชั่วโมงหลังจากที่ใช้ รู้สึกว่าติดทนจริงๆ เลิกงานตอนหกโมงเย็น สังเกตได้ว่าบีบีที่ทาแต่เช้ายังเกาะติดผิวอยู่เลย

d program skincare foundation #ochre10 สีเนื้อ - ราคา ประมาณ 3,080 เยน

รูปภาพ:

แป้งผสมรองพื้นจาก d program ตัวนี้เหมาะกับคนเป็นสิว ผิวมัน และ ผิวแพ้ง่ายโดยเฉพาะ ได้ผ่านการทดสอบจากผู้ที่มีผิวแพ้ง่าย ที่สำคัญไม่ใส่พาราเบน และ น้ำหอมและ ยังช่วงปกป้องจากรังสียูวีด้วยSPF17 PA+++พอได้ลองใช้ คือเนื้อเนียนดีมากเหมือนใยไหม ทาแล้วหน้าไม่ลอย ติดทนพอสมควรหน้าไม่ค่อยมันพอบอกว่าเป็นแป้งผสมรองพื้นสำหรับคนเป็นสิวรู้สึกอุ่นใจแบบบอกไม่ถูก เป็นแป้งผสมรองพื้นที่เหมาะกับคนเป็นสิวอย่างแท้ทรู

CANMAKE LIP CONCEALER MOIST IN - ราคาประมาณ 580 เยน

รูปภาพ:

ใครมีปัญหาปากคล้ำ ปากไม่ชมพู ทาลิปสีไม่กลบปาก ต้องคอนซีลเลอร์ตัวนี้เลยตอบโจทย์มากๆหลายคนอาจจะรู้จักตัวนี้อยู่แล้ว แต่เราพึ่งได้ลองใช้เลยพึ่งได้ค้นพบว่ามันดีมากๆ เลยอยากบอกต่อให้มีติดตัวไว้กันคือกลบสีปากคล้ำไปเลย พอทาลิปสติกทับลง คือสีสวยทั่วปาก ไม่เห็นรอยหมองคล้ำพูดง่ายๆ ว่าทาลิปได้สีที่สวยขึ้นและชัดเจนขึ้นแถมทำให้สีลิปติดทนด้วย กินข้าว หรือ กินน้ำก็ยังไม่หลุดลอก แต่ถ้าเวลาผ่านไปทั้งวันสีลิปก็จะดรอปๆบ้างแต่ยังมีสีของลิปติดอยู่จางๆ ที่สังเกตได้คือปากไม่แห้งเพิ่มขึ้น โดยรวมชอบต้องกลับไปซื้อมาอีกแน่นอน

รูปภาพ:

CANMAKE COLOR MIXING CONCEALER #01 LIGHT BEIGE - ราคาประมาณ 750 เยน

รูปภาพ:

ความดีงามคอนซีลเลอร์ 3 หลุมของ CANMAKE ตัวนี้ คือเพียงแค่ตลับเดียวสามารถปกปิดได้ทั้งรอยดำ รอยแดง และ รอบคล้ำใต้ตาถือว่าสะดวกสุดๆ เลยแหละ แถมไซส์กระทัดรัดพกพาไปไหนก็ได้ สีที่เราใช้คือเบอร์ 01 light beige เหมาะกับคนผิวขาวอมชมพู-ขาวเหลือง ถ้าใครผิวสองสีให้ใช้เบอร์ 02 natural beige ที่น่าสนใจคอนซีลเลอร์ตัวนี้เป็นสูตร 5-free fromula ปราศจากเคมีอันตราย และ อ่อนโยนต่อผิวคือไม่ใส่สารกันเสีย / ไม่ใส่น้ำหอม / ไม่ใส่สารดูดซับรังสียูวี / ไม่ใส่ mineral oil / ปราศจากสารทาร์นอกจากนี้ยังช่วยปกป้องแสงแดงด้วย SPF50+ PA+++

รูปภาพ:

ช่องแรกสี light ไว้ปกปิดรอยคล้ำใต้ตา และ ยังใช้เป็นเฉดดิ้งจมูกให้ดูมีสัน ช่องที่สองสี natural ไว้ปกปิดรอยแดงรอบจมูก และ รอยคล่ำแถวร่องแก้ม กับ มุมมาก และ ช่องที่สามสี dark ไว้ปกปิดรอยสิว ส่วนตัวไม่ได้มีปัญหารอยแดงเลยตอบตรงนี้ไม่ได้ ส่วนรอยดำถือว่าปกปิดในระดับนึงรอยคล้ำใต้ตาปกปิดได้โอเคเลย ใต้ตาดูไบรท์ขึ้น ถ้าพูดถึงคุ้มค่าถือว่าคุ้มเลยทีเดียว เพียงแค่ตลับเดียวสามารถใช้ปกปิดรอยได้ทุกประเภท

Cezanne Soft Loose Powder SPF16 PA++ ราคาประมาณ 780 เยน

รูปภาพ:

ทุกคนอยากจะบอกว่ามันดีกว่าที่คิดคิดไม่ผิดที่ซื้อมา เป็นแป้งฝุ่นที่ช่วยอัพหน้าให้ไบรท์สว่างใสเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัวจากหน้าที่ดูนอนไม่พอกลายมาเป็นนอนครบแปดชั่วโมงเฉย มีชิมเมอร์ประกายวิ๊งค์ๆ เนื้อแป้งเนียนละเอียดเบาสบายช่วงพรางรูขุมขน ที่สำคัญคุมมันด้วยจ้าเราได้ทดลองใช้คอนซีลเล่อร์ของ CANMAKE ที่รีวิวไปด้านบน กับ เจ้าแป้งฝุ่นตัวนี้เท่านั้น ผลปรากฏว่าพอกลับมาถึงบ้านตอนเย็นแล้วมาส่องกระจก เฮ้ยยย หน้ายังแมทอยู่เลย มีมันนิดๆแค่บางส่วน ถือว่าคุมมันได้ดีเลยทีเดียว

รูปภาพ:

สรุปคือเจ้าแป้งฝุ่นตัวนี้ช่วยอัพความสว่างให้กับใบหน้า และ คุมมันใครกำลังที่อยากได้แป้งฝุ่นคุณสมบัติแบบนี้ควรสอยเลยมีอยู่ด้วยกัน 2 เฉดสีสำหรับที่รีวิวในครั้งนี้จะเป็นสี02 PEARL PINKสีเนื้อแป้งจะออกชมพู หน้าจะสว่างขึ้นมากซึ่งเราก็ไม่แน่ใจว่าถ้าคนผิวสองสี ถ้าใช้แล้วหน้าจะดูลอยไม่ แต่ยังมีอีกเฉดสีนึงให้เลือก คือ01 LUCENT BEIGE ซึ่งใช้ได้กับทุกสีผิวยังไงเพื่อนๆก็ลองไปเทสต์ดูกันได้ว่าสีอันไหนที่ใช่สำหรับเรา

LB TINT THE BRUSH #TB-1 PURE RED - ราคาประมาณ 1,000 เยน

รูปภาพ:

มีใครรู้จักยี่ห้อ LB ไหมเอ่ย จะบอกว่าฮิตในบรรดาสาวญี่ปุ่นมาก หาซื้อได้ตามดรักสโตร์ทั่วญี่ปุ่น ที่ไทยก็มีขายเหมือนกันอยู่ที่ร้าน @cosme ไอคอนสยาม คอนเซปท์ของแบรนด์เน้นไปที่สายแซ่บ พร้อมฟาด พูดง่ายๆคือตรงข้ามกับแคนเมคที่เน้นลุคละมุนใสๆ วันนี้ที่จะมาแนะนำให้รู้จักกัน คือLip tintตอนแรกไม่ได้คาดหวัง แต่มันดีกว่าที่คิดไว้พอสมควรพูดได้เลยว่าควรมีติดตัวไว้รู้สึกชอบเลยหลังจากที่ได้ใช้มีพิกเม้นท์สีแดงที่ไม่จัดจ้านจนเกินไป อยู่ดีๆปากก็ดูสุขภาพดีแบบไร้สาเหตุ มีความถ่ายรูปขึ้นกล้องเลิฟตรงนี้เนี่ยแหละ ส่วนความชุ่มชื่นอยู่ในระดับปานกลาง ติดทนประมาณนึงเค้ามีให้เลือกทั้งหมดห้าเฉดสี เอาเป็นว่าใครเจอก็อยากให้ซื้อมาลองใช้กันเผื่อจะติดใจ

รูปภาพ:

Mentholatum Lip The Color SPF 26 PA+++ #PRECIOUS RED - ราคาประมาณ 600 เยน

รูปภาพ:

ลิปมันเปลี่ยนสีรุ่นใหม่ล่าสุดจาก mentholathum มีทั้งหมดด้วยกัน 4 สี ส่วนสีที่รีวิวในครั้งนี้ คือสี PRECIOUS RED จะออกสีแดงๆ ใสๆ ตามสไตล์ญี่ปุ่นแบบว่าจะแดงแต่ก็แดงไม่สุด แดงเบาๆพอเป็นพิธี คือห้ามคาดหวังว่าจะเป็นสีแดงพร้อมฟาดไรงี้ แต่พอได้ลองทาแล้วไปถ่ายรูปกับเพื่อน สังเกตจากสีปากตัวเองดูแดงระเรื่อๆ หน้าไม่ซีดส่วนตัวก็คิดว่ามันแอบใช้ได้เหมือนกันเหมาะกับน้องๆ ในวัยเรียนมากเพราะ มันแดงธรรมชาติ ไม่จัดจ้านหรือ วันไหนไม่ได้แต่งหน้า ออกไปแค่หน้าปากซอยลิปมันตัวนี้ก็ช่วยได้ เพราะ ไม่ทำให้เรารู้สึกปากซีด ส่วนความชุ่มชื่นอยู่ในระดับปานกลาง ไม่ได้ติดทนมาก กินข้าวกินน้ำก็หลุดแล้ว เหมาะกับการเติมเรื่อยๆข้อดีอีกอย่างคือไม่ใส่น้ำหอม และ มี SPF ป้องกันปากคล้ำจากแสงแดด

รูปภาพ:

Visée FOGGY ON CHEEKS N #RD420 PURE RED - ราคาประมาณ 1,265 เยน

รูปภาพ:

เห้ยยย มันดีอ่ะแกรนี้คือประโยคแรกที่อยากจะบอกกับเพื่อนๆ อันนี้เป็นบรัชออนยี่ห้อ Visee (วีเซ่) ซึ่งอยู่ในเครือ kose ไว้ใจคุณภาพได้เลย ปกติเราชอบแบรนด์นี้อยู่แล้ว ปกติถ้าไปญี่ปุ่นก็ต้องซื้อเครื่องสำอางยี่ห้อนี้มาด้วย เพราะ คุณภาพสมราคา และ หาซื้อได้ง่ายตามดรักสโตร์ทั่วญี่ปุ่น อยากให้นำเข้ามาขายที่ไทยจัง กลับมาพูดถึงบรัชออนต่อจุดที่ชอบ คือ ให้สีแดงระเรื่อ พอทาไปบนแก้มดูเลือดฝาด มันสวยผู้ดีแบบบอกไม่ถูก ดูเป็นแดงที่ไม่จริตจะกร้านมากนอกจากนี้ ยังมีความชิมเมอร์เบาๆ พอกระทบแสงแก้มของเราจะมีความแวววาวเป็นประกายสามารถแต่เป็น everyday look ได้ ถ้าอยากได้สีแดงที่เข้มขึ้นอีกก็แค่ปัดทับเรื่อยๆ

รูปภาพ:

AUBE COURTOURE - BRIGHT UP EYES #534 PURPLE ราคาประมาณ 3,800 เยน

รูปภาพ:

ปิดท้ายด้วยอายแชโดว์พาเลทยอดขายอันดับ 1 ของแบรนด์ Aube CoutureในเครือSofina(แบรนด์นี้คนไทยอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักเท่าไหร่ แต่ที่ญี่ปุ่นถือว่ามีชื่อพอสมควร ส่วนใหญ่สาวๆ ญี่ปุ่นจะรู้จักกัน มักมาพร้อมกับคอนเซปท์สวยประหยัดเวลา ของเค้าถือว่าดีมีคุณภาพ ราคาอาจสูงหน่อยในระดับดรักสโตร์ แต่ต้องยอมใจในแพ็กเกจสวยทุกชิ้นจริงๆ)แค่พาเลทเดียวที่จะเสกดวงตาให้ของเราให้สวยขึ้นภายใน 10 วินาที!ที่ซื้อพาเลทนี้เพราะความสะดวกล้วนๆ เลยล่ะ ต้องการประหยัดเวลา แต่ดวงตาของเราต้องสวยด้วยถึงแม้พาเลทตลับนี้จะมีหลายช่องแต่ใช้งานง่ายมาก

รูปภาพ:

ถ้าดูจากในรูปด้านบน ช่องแรกบนสุดจะเป็นเบสไว้ทาขั้นตอนแรก ส่วนช่องต่อมาจะแบ่งสีอายแชโดว์มาให้สองสี สีที่เราเลือกมา คือ สีม่วงอ่อน-ขาว ก็ทาสองสีนี้ทีเดียวพร้อมกันเลย ช่องถัดมาเป็นสีดำไว้เขียนเส้นขอบตาบน หรือ ขอบตาล่างก็ได้ เพื่อให้ดูตาโตและมีมิติขึ้น เห็นไม่ว่าง่ายมาก เราสามารถเนรมิตดวงตาให้สวยขึ้นภายในเวลาไม่ถึงนาทีด้วยซ้ำ ถ้าพูดถึงคุณภาพสีสวยโอเคอยู่ ติดทนทั้งวัน ถือว่าเวิร์คตลับสวย น้ำหนักเบา เหมาะต่อการพกพาไป


ถึงแม้ช่วงนี้ทุกคนจะไม่ได้ไปไหนกัน ไม่ว่าจะทำงาน หรือ เรียนออนไลน์ที่บ้าน ก็หวังว่ารีวิวในครั้งนี้จะช่วยให้เพื่อนๆหายเครียดจากการเสพสื่อต่างๆไม่มากก็น้อย และ หันมาดูแลตัวเองเพิ่มขึ้น ยิ่งในช่วงเวลาแบบนี้เราต้องทำตัวให้สดใสสู้ไว้รัส ชีวิตจะได้ไม่ห่อเหี่ยว หรือ ด่ำดิ่งไปกว่าเดิม พอสถานการณ์ผ่านพ้นไปแล้วเราก็จะสวยดูดี และ สตรองขึ้นกว่าเดิม!