ญี่ปุ่นคือหนึ่งในประเทศน่าเที่ยวที่สุดในภูมิภาคเอเชียอย่างไม่ต้องสงสัย ที่นี่เป็นบ้านอันแสนวิเศษให้กับสุดยอดตัวการ์ตูนอนิเมะต่างๆ มากมาย, เป็นแหล่งที่มาของวัฒนธรรม “ซูชิ” อันขึ้นชื่อที่พวกเราต่างเคยเห็น ได้กิน หรือได้ยินมาไม่เพียงเท่านั้นความงามตระการตาของต้นดอกซากุระ, ความปราณีตวิจิตรบรรจง, ความพิถีพิถันในรายละเอียด และเรื่องอื่นๆ อีกมากมายเหล่านั้น ทำให้ประเทศญี่ปุ่นได้รับการยอมรับว่าเป็น ประเทศที่ดีที่สุดลำดับที่สามของโลก
นอกเหนือจากความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจแล้ว ญี่ปุ่นยังพัฒนาประเทศให้สามารถท่องเที่ยวได้ในทุกๆ จังหวัด พร้อมๆ กันไปกับการประดิษฐ์คิดค้นนวัตกรรมเทคโนโลยีใหม่ๆ ให้โลกของเรารุดไปข้างหน้าอย่างไม่อาจหยุดยั้งได้ แต่ในขณะเดียวกันญี่ปุ่นในอีกมุมมองหนึ่ง ยังคงความเป็นชาตินิยมสูง และอนุรักษ์นิยม พยายามที่จะรักษาขนบธรรมเนียมประเพณีต่างๆ อย่างเคร่งครัด และพวกเค้าก็ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของตนเองเสียด้วย แต่นั้นไม่อาจทำให้ความเป็นมิตรน่ารัก และไว้ใจได้ของคนญี่ปุ่นนั้นลดลงได้เลย
ญี่ปุ่น ที่ต้องไปเยือนสักครั้ง
เราเชื่อว่ายังมีใครอีกหลายๆ คน ฝันว่าสักวันต้องไปเที่ยวญี่ปุ่นให้ได้ บ้างก็จะไปตามล่าเกอิชา บ้างไปล่าเมนูสุดอร่อยยั่วให้น้ำลายสอ แต่ไม่ว่าจะไปตามล่าอะไรก็ตาม ที่ประเทศญี่ปุ่นไม่เคยขาดคำว่า “สนุก”, “บันเทิง”, “ทึ่ง” และ “กระตุ้นความคิดสุดๆ” คงเป็นเพราะที่ญี่ปุ่น มีทุกสรรพสิ่งทุกรูปแบบ ของความความหลงใหลสำหรับทุกๆ คนจริงๆ
ฉะนั้นไม่ว่าคุณจะอยู่ในเมืองที่วุ่นวายอย่าง โตเกียว หรือแวะไปเที่ยวเมืองพี่เมืองน้อง อย่าง เกียวโต หรือ โอซาก้า คุณก็จะเจอเรื่องตื่นเต้นเสมอๆ นั้นแหละ
เราก็เหมือนคุณ เช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่เฝ้าฝันอยากจะแวะญี่ปุ่นสักครั้ง หรือ อีกครั้ง หรือ หลายๆ ครั้ง
อาจจะเป็นเพราะชื่อเสียง เรื่องงานประติมากรรม, ศิลปะประเพณี, สวนสไตล์ญี่ปุ่น, เครื่องปั้นดินเผา และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลย คือสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับการยกย่องจาก UNESCO World Heritage ถึง 23 แห่งเลยนะ
ความจริงคือ ยังมีหลายสิ่งหลายอย่าง ยังคงรอให้เราได้ออกไปสำรวจค้นหาพบเจอ ในดินแดนอัศจรรย์น่าประหลาดใจ “ประเทศญี่ปุ่น”
เราโชคดีที่ได้มีโอกาสไปตะลอนเที่ยวทั่วทั้งประเทศญี่ปุ่น และได้พบกับเพื่อนชาวญี่ปุ่นที่มีจิตใจงดงาม น่ารักทุกๆ ท่าน ตลอดเส้นทางการเดินทางในครั้งนั้น เราต้องขอโค้งคำนับให้กับมนต์เสน่ห์อันน่าหลงใหลที่ไม่อาจต้านทานได้ของประเทศนี้ แต่ทว่ามีอยู่ปัญหาเดียวก็คือ การท่องเที่ยวที่นี่ค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง และเรื่องบางเรื่องก็มีความยุ่งยากซับซ้อนเกินไป
งบเท่าไหร่ถึงจะพอเที่ยวญี่ปุ่น
คุณคงทราบดีว่าญี่ปุ่น คือประเทศที่ค่าครองชีพสูงเป็นลำดับต้นๆ ของโลก ตั๋วค่ากิจกรรมทัวร์ต่างๆ ก็แพงที่สุดในเอเชีย ด้วยเหตุนี้ทำให้นักท่องเที่ยวบางกลุ่มกังวลที่จะเดินทางไปเที่ยวดินแดนอาทิตย์อุทัยแห่งนี้
เพราะหากลองคำนวนค่าใช่จ่ายต่างๆ ที่จะเกิดขึ้นแล้ว คุณสามารถใช้งบเท่ากันเที่ยวประเทศอื่นใกล้เคียงได้มากถึง สอง สามประเทศในคราวเดียวกันเลยก็ว่าได้ หลายๆ ท่านจึงเปลี่ยนใจ เลือกไปเที่ยวประเทศอื่นๆ ก่อนมาญี่ปุ่น หรือไม่ก็เลือกที่จะมาเที่ยว ระยะสั้นๆ แค่ 3–4 วัน
แต่ถ้าเราบอกทริคเด็ดๆ ที่จะช่วยให้คุณประหยัดได้มากขึ้น แถมท่องเที่ยวญี่ปุ่นได้นานขึ้นอีกด้วยละ
ลืมความกังวลเรื่องเงินไปซะ แล้วไปอ่านกันต่อด้วยกันเลย
4 ทริคง่ายๆ ประหยัดเงินสุดๆ เมื่อต้องไปตะลุย ดินแดนปลาดิบ
อย่าพึ่งท้อพับความฝันเก็บเข้ากระเป๋าไปซะก่อน คุณไม่กลัวว่ากลับมาแล้วตังค์จะไม่เหลือ เชื่อเราเถอะว่า “ญี่ปุ่นคือดินแดนมหัศจรรย์” หากคุณปล่อยให้ความฝันค่อยๆ ลอยหายไป มัวแต่รอทำงานเก็บเงิน กว่าจะได้สัมผัสมนต์เสน่ห์ที่น่าทึ่งเหล่านั้น ก็คงหมดแพชชั่นไปแล้วจริงๆ
จากประสบการณ์ส่วนตัว เราจะมาแชร์ทริคหลักๆ ง่ายๆ ที่จะช่วยคุณประหยัดได้เยอะมากๆ เวลาไปเที่ยวญี่ปุ่น เราได้ทริคเด็ดๆ พวกนี้จากประสบการณ์ตรง รวมถึงจากนักท่องเที่ยวเพื่อนรวมเดินทางคนอื่นๆ ที่ได้พบปะระหว่างเส้นทาง และแชร์ทริคดีๆ บางข้อต่อๆ ให้กับเรา
เราหวังว่าทริคดีๆ เหล่านี้จะเป็นแรงบันดาลใจ ให้ความฝันการมาเที่ยวญี่ปุ่นของคุณกลายเป็นเรื่องจริง ไม่อิงนิยายอีกต่อไป
1) ซื้อตั๋วรถไฟ Japan Rail (JR) Pass
หากคุณกำลังคิดว่า รถไฟความเร็วสูง คือ วิธีที่ดีที่สุดที่จะท่องเที่ยวให้ทั่วญี่ปุ่น และได้สำรวจหลายๆ จังหวัดได้อย่างสะดวกขึ้นแล้วล่ะก็...หยุดความคิดนั้นก่อน แล้วไปเสิร์ชค่าตั๋วดูเอาสิ คุณจะพบว่าค่าโดยสารนั้นแพงมากๆ บางเที่ยวราคาเท่าตั๋วเครื่องบินซะด้วยซ้ำ คุณเคยลองเปรียบเทียบดูรึยัง เราเตือนด้วยความหวังดีจากใจจริง
ทริคประหยัดค่าเดินทางโดยสารแบบสุดๆ เราขอแนะนำคุณให้ใช้ตั๋ว JR Pass ตั๋วรถไฟนี้สำคัญมากสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศญี่ปุ่น ในขณะที่พิมพ์บทความนี้อยู่ ราคาจะเริ่มที่ ¥28,300 สำหรับ 7 วัน, ¥45,100 สำหรับ 14วัน, และ ¥57,700 สำหรับ 21 วัน.
เอาจริงๆ แค่ตั๋ว JR Pass แบบ 7 วัน, ก็สามารถนำทางคุณไปสำรวจท่องเที่ยว เส้นทางโตเกียว-โอกาซาก้าแบบเต็มอิ่มขาลาก แบบไป–กลับ ได้เลยนะ
คุณสามารถใช้ Japan Rail Pass สำหรับการเที่ยวแบบต่อเนื่อง, เยี่ยมชมจังหวัดรอง จังหวัดหลักอื่นๆ หรือเมืองเล็กๆ ที่อยู่ระหว่างเส้นทาง เช่น Sapporo, Sendai, Niigata, Tokyo, Shinjuku, Yokohama, Nagoya, Osaka, Hiroshima, Takamatsu, Hakata, New Chitose Airport, Narita Airport, Haneda Airport, and Kansai Airport. ตัวเราเองมีโอกาสได้ไปเที่ยว เกียวโต โอซาก้า และโตเกียว ด้วยบัตร JR PASS ใบเดียว แทนที่จะต้องซื้อบัตรโดยสารอื่นๆ ให้ปวดหัว และเสียเวลาแถมเสี่ยงเผลอทำหล่นหายระหว่างทางอีก JR PASS ใช้ได้ดีแม้กับกิจกรรมทัวร์ในตัวเมืองเช่นกัน บัตรนี้ช่วยประหยัดกว่าการซื้อบัตรโดยสารประเภทอื่นๆ
ยิ่งกว่านั้นคุณสามารถพบดีล,https://coupon.co.th/klook/เพื่อรับส่วนลด สำหรับการซื้อตั๋ว JR PASS ออนไลน์อีกด้วย เรียกได้ว่า คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม คุ้มสองต่อ อะไรทำนองนั้น คุณสามารถซื้อตั๋วนี้เตรียมล่วงหน้าก่อนไปญี่ปุ่นได้เลย และเป็นวิธีที่ดีมากๆ ที่จะทำให้การเดินทางไปเมืองต่างๆ หรือ สถานที่อื่นๆ ดำเนินไปอย่างราบรื่น เพิ่มเติมความอภิรมย์ระหว่างการท่องเที่ยว สะดวกสบายแบบไร้กังวลได้จริงๆ
2) จองกิจกรรมทัวร์
ต้องขอบคุณ “โลกอินเตอร์เน็ต” ในปัจจุบันที่มอบกล่อง “แพนดอร่า” ที่เต็มไปด้วยตัวเลือกต่างๆ มากมาย ให้กับทุกสิ่งในโลกใบนี้ ที่ช่วยให้พวกเราสามารถท่องเที่ยวในงบประหยัดได้อย่างสบายใจ
เราก็อยากแนะนำให้คุณจองกิจกรรมทัวร์ เพราะมีหลากหลายเอเจนซี่ท่องเที่ยวให้เลือก ต้องมีสักบริษัทที่ตรงกับสไตล์ของคุณ คุณลองเสิร์ชดูแล้ว คุณจะเห็นว่ามีเอเจนซี่ที่สามารถไว้วางใจได้อยู่หลายบริษัท คุณจะเลือกกิจกรรมทัวร์กลุ่มย่อย หรือ แบบส่วนตัว ในราคาเบาๆ ตามแต่ใจชอบ เพราะคุณได้เข้าใจ เข้าถึงข้อมูลทางประวัติศาสตร์ แบบลงรายละเอียด ผ่านไกด์ผู้นำทางจากบริษัทนั้นๆ
จะรวมค่าที่พัก, ตารางการท่องเที่ยว, การเดินทางเชื่อมต่อ และไกด์นำเที่ยวในราคาประหยัด กว่าการจัดการด้วยตัวเอง และยิ่งถ้าหากคุณหมั่นเข้าไปดูโปรโมชั่นหน้าเว็บบ่อยๆ หลายครั้งคุณจะพบดีลพิเศษ แบบร่วมตั๋วโดยสารเครื่องบิน ไป–กลับ ให้อีกด้วย คุ้มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว
แม้เราจะวางแผนท่องเที่ยวไปเที่ยวเองบ้าง แต่การจองกับบริษัททัวร์จะช่วยประหยัดได้มากกว่าการจองเอง เพราะบริษัทพวกนี้จะได้ส่วนลดที่เยอะกว่า บางครั้งก็มีคอมมิชชั่นให้พนักงานอีกด้วย แถมคุณยังไม่ต้องปวดหัว นั่งวางแผนทุกอย่างด้วยตัวเอง คิดแบบง่ายๆ ว่า จ่ายทีเดียวได้ราคาถูก และได้ช่วยอุดหนุนบริษัทจัดทัวร์ และก็พนักงานอีกหลายๆ คนที่เค้าต้องดำรงชีวิตในประเทศที่ค่าครองชีพสูงๆ แบบนี้ ไปพร้อมๆ กัน
บางเมือง หรือ บางสถานที่ เหมาะกว่าถ้าคุณจองกิจกรรมทัวร์ เพราะจะได้เที่ยวชมอย่างเพลิดเพลินๆ มากกว่า การเดินดูเรื่อยเปื่อยโดยที่ไม่ได้ข้อมูลเชิงประวัติศาสตร์ หรือเชิงวัฒนธรรมอะไรเลย การที่คุณได้เข้าใจถึงสถานที่นั้นมันจะทำให้การท่องเที่ยวของคุณน่าประทับใจ และเติมเต็มความทรงจำดีๆ ให้มากขึ้น
อีกข้อดีของการจองกิจกรรมทัวร์ คือ คุณไม่ต้องกังวลเรื่อง การไปสำรวจค้นหาสถานที่เก๋ๆ ใหม่ๆ ที่น่าสนใจที่จะได้อัพรูปสวยๆ โชว์ในไอจีด้วยตัวเอง เพราะไกด์นำทัวร์จะแนะนำคุณ ทุกซอกทุกมุม พร้อมชี้พิกัด แหล่งต่างๆ แล้วแต่สไตล์ที่คุณชอบ และตามหาอยู่ ไม่ว่าจะเป็นด้านวัฒนธรรม, ประเพณี, และ เรื่องน่าสนใจอื่นๆ ที่คุณอยากรู้อยากเห็น หรือ สัมผัสประการณ์นั้นด้วยตัวของคุณเอง ไกด์จะแนะนำคุณอย่างดี ไม่ต้องเสียเวลางมเข็ม นอกจากนั้นคุณยังสามารถแลกเปลี่ยนข้อมูลได้มากขึ้นกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ ในกลุ่มทัวร์ย่อยๆ นั้นได้ด้วย
และสิ่งที่คุณควรจะพิจารณาให้ดี เวลาจองตั๋วไปเที่ยวญี่ปุ่นนั้น คือ การเลือกบริษัทเอเจนซี่ท่องเที่ยวที่ถูกกฎหมาย, ธุรกรรมโปร่งใสตรวจสอบได้ อย่าลืมดูเครดิตความหน้าเชื่อถือของบริษัทให้ดี อ่านรีวิวให้มากเท่าที่จะเป็นไปได้ เปรียบเทียบราคา และดูรายละเอียดกิจกรรมทัวร์ว่า ค่าจ่ายทั้งหมดที่ต้องชำระนั้นครอบคลุมตลอดกิจกรรมทัวร์ หรือไม่ หากมีส่วนไหนต้องจ่ายเองก็ต้องสอบถามราคาที่แน่ชัด
ขอย้ำอีกครั้งว่ามี ดีลดีๆ มีอยู่จริงเยอะแยะมากมายบนโลกอินเตอร์เน็ต โดยเฉพาะดีลท่องเที่ยว ดีลกิจกรรมทัวร์ต่างๆ และรวมถึงดีลที่พักพร้อมตั๋วเครื่องบินโดยสารบินราคาถูก ลองแวะเข้าไปเลือกดูที่https://coupon.co.th/expedia/เพื่อว่าคุณจะเจออะไรที่โดนใจ
3) ที่กินจากร้าน ¥100 เยน
เซอร์ไพรส์, เซอร์ไพรส์… อาหารญี่ปุ่นสุดแสนอร่อยก็ไม่ได้แพงเสมอไปนะ และถ้าคุณยิ่งชอบ และเสพติดการกินซูชิอยู่แล้วเป็นชีวิตจิตใจ มันก็อาจจะยากหน่อยที่จะควบคุมไม่ให้เกินงบประมาณ
โดยปกติคุณอาจจะต้องจ่ายค่าอาหารอยู่ประมาณ ¥1,000 ต่อวัน ราเมนทั่วๆ ไปก็ราวๆ ¥700 หรือ Tempura ก็จะราวๆ ¥100. มีอาหารราคาไม่แพงอยู่มากมายให้เลือก ดังนั้นคุณสามารถกินอย่างประหยัด และเอาตัวรอดในญี่ปุ่นได้อย่างสบายชิลล์ๆ โดยไม่ทำให้ท้องของคุณต้องร้องโอดครวญเสียดังหรอกนะ
นอกจากนั้น ยังมีร้าน ¥100 ที่ขายสินค้าประเภทต่างๆ อยู่กระจายทั่วเมืองเต็มไปหมด บ้างเป็นร้านของชำ บ้างของใช้ บ้างเป็นร้านอาหารที่ไม่เกิน ¥100 นั้นเอง คุณน่าจะไปลองร้านซูชิสะพาน ชื่อดังที่มีอยู่ทั่วทุกมุมเมือง โดยมีราคาเริ่มต้นเพียงจานละ ¥100 – ¥170 เอง
วิธีสุดท้ายที่จะช่วยประหยัดได้มากขึ้นกับค่ากินก็คือ ไปซื้อของสดที่ตลาดสดท้องถิ่น และทำอาหารง่ายๆ กินเอง ค่าใช้จ่ายเต็มที่จะอยู่ไม่เกิน ¥800 ต่อวันแน่นอน หรือจะลองทำ Intimate Fasting ทานวันละมื้อ ไปพร้อมกันๆ ด้วยดีมั้ย เพราะนอกจากได้เที่ยวแล้ว ยังได้ดีท็อกซ์ แถมน้ำหนักลดอีกต่างหาก แต่อาจจะไม่เหมาะกับคนที่ยังไม่เคยทำ Fasting นะ ลองฝึกทำตอนอยู่ออฟฟิศที่ไทยก่อนก็ดีนะ
4) จองที่พักในโฮสเทล
ที่พักในญี่ปุ่นอาจจะทำให้กระเป๋าคุณกลวงได้ไม่ยาก เพราะขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ค่าครองชีพสูงลิ่ว ทั้งค่าที่ดินก็แพงสุดๆ นี่เป็นเหตุให้การหาที่พักราคาถูกนั้นอาจจะยากสักหน่อย
เราขอแนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงการจองห้องพักในโรงแรม เพราะถึงแม้ว่าการนอนในโรงแรมนั้นจะฟังดูหรูหราและน่ารื่นรมย์แค่ไหน แต่มันจะทำให้สถานะทางการเงินของคุณเองตกต่ำลงได้ทันที อีกอย่างลองนึกดูให้ดีว่าคุณใช้เวลาส่วนใหญ่ผจญภัยอยู่ข้างนอกมากกว่าอยู่ในห้องพักอันสวยหรูเสียอีก ถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วจะจ่ายเงินหลายพันเยนกับเรื่องพวกนี้ทำไปทำไมกัน
ญี่ปุ่นมีที่พักราคาประหยัดให้เลือกอยู่ไม่น้อย เพราะมีทั้งโฮสเทล และห้องพักใน Airbnb คุณสามารถจองห้องพักเหล่านี้ได้ในราคาเพียง ¥1,500 ต่อคืน ส่วนโรงแรมก็ต้องมีคูณไปอีก 5 เท่า เมื่อเทียบกับราคาห้องตามโฮสเทล
โรงแรมแคปซูลก็เป็นทางเลือกที่น่าสนใจ ราคาต่อคืนอยู่ที่ ¥2,7000 คุณก็ควรจะลองนอนดูสัก 2-3 คืนก็พอแล้ว แค่ให้ได้รู้ว่ามันเป็นยังไง ส่วนเวลาที่เหลือก็นอนที่พักราคาถูกทั่วๆ ไปก็เพียงพอกับการท่องเที่ยวในญี่ปุ่น
หรือคุณจะลองใช้ Couchsurfing ดูก็ได้ ใช้ได้ดีเลยทีเดียว ไม่อยากจะบอก (แต่ก็ต้องบอก) ถึงแม้ว่ากลุ่ม Couchsurfing จะไม่นิยมในประเทศญี่ปุ่น มากเท่ากับทางประเทศทางฝั่งตะวันตก แต่ก็ยังมีกลุ่มคนเล็กๆ ที่คุณสามารถติดต่อหาที่พักจากชุมชนที่น่ารักนี้ได้
ที่พิเศษยิ่งกว่า คือ หากคุณอยากได้ที่พักฟรีๆ คุณสามารถแลกห้องพักฟรีกับการช่วยทำงานก็ได้นะ เพราะมีหลายโฮสเทลอนุญาตให้แขกเข้าพักฟรี หากแขกยินดีจะช่วนงานในโฮสเทล วันละ 2 - 3 ชม. โลกเรามันก็ยังมีความน่าอยู่ และไม่ได้เลวร้ายอย่างที่คิดนะ ต้องตั้งใจทำงานด้วยล่ะ อย่าให้เค้าว่าคนไทยได้ คนที่เค้าไปเที่ยวที่หลังจะได้มีเครดิต และพร้อมต้อนรับคนไทยงบน้อยอย่างพวกเรา
สรุปกันหน่อย
คุณก็คงเห็นแล้วว่า การไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้แพงอย่างที่คิด คุณสามารถเที่ยวได้นานขึ้น และยังมีเงินเก็บเหลือเฟือ หรือ เหลืออีกเพียบอยู่ในบัญชีออมทรัพย์ได้ไม่ยากจริงๆ คุณแค่ต้องไตร่ตรอง พิจารณาเลือกเท่าที่จำเป็นสำหรับตัวคุณ ไม่ใช่เลือกเพราะอิทธิพลของคนที่จะมาส่องโซเชียล เพราะในท้ายที่สุดคนที่จะได้รับความสุข หรือความทุกข์ก็คือตัวคุณเอง อย่าเสียเวลาสร้างภาพให้คนอื่นๆ สนใจ เพราะมันไม่มีวันจบสิ้น
เรามีทริคในการประหยัดค่าใช้จ่าย หลักๆ เพียงแค่ไม่กี่ทริคก็จริง แต่ก็จะสามารถช่วยคุณทำแต้ม พร้อมสนุกกับส่วนลด และดีลดีๆ ต่างๆ ตลอดทริปได้แบบสบายใจ
ถึงแม้ว่ามันจะมีวิธีจุกจิ๊กอื่นๆ อีกมากมายที่จะช่วยให้คุณประหยัดงบได้อีก ทั้งหมดนั้นก็ขึ้นอยู่กับคุณแล้วว่า แต่ละทริปจะใช้ยุทธศาสตร์ไหนบ้าง ที่จะจัดการกับทรัพยากรของคุณให้เพียงพอ ดังนั้นจัดการวางแผนทริปของคุณให้ดี และหาข้อมูลศึกษาให้ละเอียดพอ จะได้สำรวจประเทศที่ดีที่สุดประเทศหนึ่งในโลกอย่างเต็มที่
อย่าลืมแชร์บทความนี้ให้กับเพื่อนๆ ของคุณ การแชร์ของคุณคือกำลังใจของเรา และถ้าคุณมีเทคนิคพิเศษส่วนตัวที่อยากจะแบ่งปันจากประสบการณ์ตรงในการเที่ยวญี่ปุ่นของคุณเอง สามารถแชร์คอมเม้นท์ที่ด้านล่างบทความได้เลย พวกเรารอฟังจากคุณอยู่