รูปภาพ:https://pa1.narvii.com/5754/213985903cbede841cb1803dad8979435e4fb4e8_hq.gif

ฮัลโหลค่าาา สาวๆSistaCafeคนทุกคน #อิอิการที่มี ' เพื่อนสนิท ' สักคนในชีวิต ก็เหมือนได้ทองคำล้ำค่ามาในครอบครอง ทำให้สาวๆ หลายคนที่เริ่มรู้สึกมากกว่าเพื่อนกับ BFF ของตัวเองไม่กล้าบอกความในใจออกไป เพราะถ้าไม่ได้รู้สึกตรงกัน กลัวเสียทั้งเพื่อน เสียทั้งแฟน!แม้ความรู้สึกจะล้น หัวใจกรีดร้องอยากบอกออกไปให้มันจบๆ แต่ก็ต้องเก็บซ่อนเอาไว้ บางทีอีกฝ่ายก็ชอบมากวน มาป่วน เทคแคร์ดูแลจนรู้สึกเอ๊ะ? คิดอะไรรึเปล่า แต่สุดท้ายก็ไม่กล้าสารภาพ อึกๆ อักๆ อยู่อย่างนั้น จะไปชอบคนอื่นก็ทำไม่ได้อีก โอย เป็นกลุ้ม!!

เราเองก็เคยตกอยู่ในสถานการณ์นี้เหมือนกัน และตัดสินใจบอกความในใจกับเขาไป โชคดีมากๆ ที่เขาก็ตอบรับ เราเลยได้เพื่อนสนิทมาเป็นแฟน ซึ่งมันดีมากกก จนสงสัยว่าทำไมไม่บอกไปตั้งนานแล้ว ที่สัมผัสได้แน่ๆ คือเมื่อคนที่สนิทกับเรามากขยับสถานะขึ้นมา มันมีทั้งความห่วงใย ความผูกพัน ความเข้าใจที่ลึกซึ้งกว่าการโดนจีบจากคนแปลกหน้ามากๆในบทความนี้เราเลยมาแบ่งปัน' 7 ข้อดีของการคบเพื่อนสนิทเป็นแฟน 'มาให้คนที่ยังลังเลได้อ่านกัน เผื่อจะทำให้เธอตัดสินใจได้ง่ายขึ้น ^ ^ ถ้าพร้อมแล้วก็มาเริ่มกันเลย

1. เธอสามารถ ' อ่านใจ ' อีกฝ่ายได้ ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/rhzU39156.jpg

เพราะคบกันมานาน รู้นิสัยกันมาบางส่วนแล้ว พอเขยิบขึ้นมาคบเป็น ' แฟน ' ก็เหมือนมีรังสีเอ็กซ์เรย์สแกนอีกฝ่ายได้ทะลุปรุโปร่งว่าอีกฝ่ายคิดอะไรอยู่ หรือแม้แต่ตั้งใจจะทำอะไรในอนาคต


แค่สังเกตน้ำเสียง ท่าทาง หรือคำพูดที่พิมพ์ในแช็ตก็พอรู้แล้วว่ากำลังรู้สึกแบบไหนอยู่ ทำให้เรารู้ ' จังหวะ ' ว่าตอนไหนควรเข้าหา หรือตอนไหนปล่อยให้เขาอยู่คนเดียวดีกว่า ประมาณนี้

บางทีก็จะมีประโยคเด็ดบางคำที่เข้าใจกันแค่สองคน เหมือนเป็นภาษาของตัวเอง เช่น พอเราเริ่มพูดคำนึงขึ้นมา เขาก็เก็ททันทีว่าเราจะสื่อว่าอะไร ไม่ต้องมานั่งอธิบายยืดยาวให้เสียเวลา


หรือบางคำก็เอาไว้คุยล้อกันที่ไม่มีใครเข้าใจนอกจากเรากับแฟน แม้แต่การส่งมุกตลกมาให้ในแชท ก็เป็นสิ่งที่เข้าใจและตลกกับเรื่องเหมือนๆ กัน เหมือนอ่านใจกันได้ ทำให้ความสัมพันธ์มันไปต่อแบบไม่สะดุดค่ะ

2. ไปไหนไปกันได้ทุกที่ หรือถ้าอยากอยู่ติดบ้าน แฟนก็ไม่ว่า!

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/r3do39151.jpg

ซิสบางคนที่คบกับแฟนเพราะหน้าตา บุคลิก แต่ยังไม่ค่อยรู้ทัศนคติหรือรสนิยม อาจจะไม่กล้าชวนเขาไปเที่ยวในบางสถานที่ เช่น ถ้าซิสเป็นคนเนิร์ดจัดๆ แล้วอยากพาแฟนไปห้องสมุด ไปพิพิธภัณฑ์ ก็อาจกลัวว่าแฟนจะเบื่อไหม ทำให้เสียบรรยากาศรึเปล่า

เพราะผู้ชายบางคนก็อยากไปแค่สวนสนุก ไปห้าง ไปทะเล โรแมนติกหวานๆ มากกว่า สุดท้ายก็ต้องไปคนเดียว นานวันเข้าก็อาจเป็นความรู้สึกเหงา โดดเดี่ยว สุดท้ายก็อาจไปไม่รอด

แต่ถ้าเพื่อนสนิทคิดไม่ซื่อของซิสเป็นคนประเภทเดียวกัน ชอบไปที่เหมือนๆ กัน ถ้าได้คบกันเป็นคนรักก็ยิ่งเหมือนถูกรางวัลแจ็กพ็อต ได้ตัวติดใกล้ชิดกัน ไปไหนต่อไหนด้วยกันได้ตลอดเวลา 24 ชั่วโมง ชวนหรือลากไปไหนก็ได้เพราะยังไงเขาก็เข้าใจ อยู่บ้านเฉยๆ ทั้งวันก็ไม่มีปัญหา


ไม่ต้องมานั่งเลือกว่าจะไปเที่ยวกับเพื่อนหรือไปกับแฟน เพราะเขาก็เป็นสองตำแหน่งในเวลาเดียวกันอยู่แล้ว ทูอินวัน อิอิ!

3. พูดอะไรนิดหน่อย เขาก็เข้าใจ ไม่ต้องมานั่งอธิบายเยอะ

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/c7rz39153.jpg

อย่างที่เราบอกว่า ตอนเป็นเพื่อนกันก็ได้เห็นพฤติกรรม ความคิด การตัดสินใจ ทัศนคติ หรือเฝ้าดูการเจริญเติบโตของอีกฝ่ายมาพร้อมๆ กัน ดังนั้นเมื่อได้คบกันเป็นแฟน เราจะรู้เลยว่าพูดคำนี้ออกมาแปลว่าเขากำลังจะบอกว่าอะไร

ในทางกลับกัน ถ้าเราพูดแค่นิดหน่อย เขาก็เข้าใจ หากมีอะไรไม่โอเคก็กล้าที่จะพูดตรงๆ กับแฟน พูดแค่ไม่กี่คำเขาก็เข้าใจได้ ไม่ต้องมารีรันซ้ำๆ ซากๆ ค่ะ

เราเคยอยู่ในความสัมพันธ์อึดอัดกับแฟนเก่า พอมีเรื่องที่ไม่พอใจ เราไม่กล้าบอกเขาตรงๆ เลย ข้อแรกคือกลัวเขาเสียใจ เสียความรู้สึก และข้อสอง มันยังรู้สึกถึงกำแพงความไม่สนิทที่จะบอกได้ทุกเรื่องขนาดนั้น

ซึ่งนั่นคือปัญหาที่สุดท้ายต้องเลิกรากันไปในที่สุด พอมาคบกับแฟนที่เคยเป็นเพื่อน ก็ไม่เคยต้องเจอปัญหานั้นอีกเพราะรู้ว่าเขา ' คุยได้ ' และ ' เข้าใจตามที่พูดจริงๆ ' นั่นเองค่ะ

4. ไม่ว่าจะเจอเรื่องดีหรือร้ายในชีวิต ก็มีคนให้ ' แชร์ความรู้สึก ' เสมอ

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/0rnt39154.jpg

เราเชื่อว่ามีสาวๆ หลายคนเป็นแบบนี้ คือเวลาคบกับแฟนที่ไม่ใช่เพื่อนมาก่อน เราจะมีความเกรงใจ หรือแอบมีฟอร์ม ไม่อยากแชร์ส่วนแย่ๆ ให้เขาเห็น ไม่กล้าแสดงด้านที่ขี้บ่น พูดไปเรื่อยไร้สาระ หรือพูดทุกอย่างที่คิดเพราะไม่อยากให้แฟนมองเราเป็นคนงี่เง่าน้ารำคาญ

เขาเลยมองเห็นแต่ส่วนที่เราสวย นิสัยดี เรียบร้อย อดทนได้ทุกสถานการณ์ แต่บางทีนั่นไม่ใช่ตัวจริงของเรา 100% เวลาเราเหนื่อยอยากบ่น อยากระบายก็ไม่กล้า สุดท้ายพอช่องว่างเยอะเข้าก็ไปไม่รอด

แต่ถ้าสาวๆ มีแฟนจากเพื่อนสนิท เธอจะแน่ใจได้เลยว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเสมอไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือใหญ่ เธอสามารถจะแชร์เรื่องดีๆ อย่างได้ทุนเรียนต่อ วันนี้ได้กินอาหารอร่อยๆ ได้ดูหนังที่ชอบ


หรือเรื่องแย่ๆ อย่างวันนี้สะดุดเท้าตัวเอง วันนี้ท้องอืด วันนี้แม่ด่า แม้จะเป็นเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม เธอก็ไม่ต้องห่วงว่าจะโดนตัดสินหรือทำหน้าเบื่อใส่ มันเป็นความสบายใจที่บอกไม่ถูก ต้องลองมาคบเองค่ะ

5. ไม่ต้องไปคอยหึงหวง โทรจิก เพราะเขาคือ ' Comfort Zone ' ที่เชื่อใจได้

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/rnbW39157.jpg

ข้อดีอีกอย่างของการคบกับเพื่อนสนิทคือ เธอรู้นิสัยใจคอเขาเป็นอย่างดี และเชื่อว่าเพื่อนคนนั้นคงไม่ใช่ผู้ชายที่นิสัยเจ้าชู้ โกหกตลบแตลง ปลิ้นปล้อนอย่างแน่นอน ( ถ้าเป็นแบบนั้นถึงหล่อแค่ไหนก็น่าจะชอบไม่ลง... )


แต่น่าจะเป็นคนที่อบอุ่น เชื่อใจได้ เป็น comfort zone ให้เธอวิ่งกลับไปซบอกเมื่อต้องการที่พักพิงใจได้เสมอ เธอจึงแอบรักและเกิดเป็นความรู้สึกดีๆ ขึ้นมา จริงไหม?

หากได้คบกัน เธอเองก็ไม่ต้องรับบทนางขี้ระแวง ขี้หึง โทรจิกให้เสียเวลา เพราะเธอก็รู้อยู่แล้วว่าวงสังคม คนรู้จักของเขาเป็นใครบ้าง ( เผลอๆ ก็กลุ่มเพื่อนเดียวกันกับเธอทั้งนั้นด้วยซ้ำ )

นิสัยทั้งด้านดีด้านแย่ตอนโสดก็เห็นมาหมดแล้ว  เพราะฉะนั้นเธอก็สามารถคบได้อย่างสบายใจ ชิลล์ๆ เอาเวลาที่มีค่าไปทำอย่างอื่นที่เป็นประโยชน์ดีกว่า

6. จะกินข้าว เดินเล่น หรือทำกิจกรรมใดๆ ร่วมกัน ก็ ' เป็นตัวของตัวเอง ' ได้เต็มที่

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/pS4839152.jpg

การเป็นเพื่อนกับเป็นแฟน มันมีข้อที่แตกต่างกันชัดๆ ก็ตรงนี้แหละ! หากเริ่มต้นความสัมพันธ์ด้วยการจีบตั้งแต่แรก สาวๆ บางคนจะรู้สึกว่าต้องแสดงแต่ด้านที่สวยงาม น่ารัก กิริยามารยาทต้องดี จะทำตัวโก๊ะกัง ซุ่มซ่าม พูดจาไม่สุภาพ หรือแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าเก่าขาดปอนๆ ก็ไม่ได้

ซึ่งถ้าทำให้ first impression ของเขาคือคุณหนูผู้ดี ( ทั้งที่เธอไม่ใช่ ) มันก็จะกลายเป็นภาพจำและความคาดหวังขึ้นมา เมื่อคบไปเรื่อยๆ แล้วเธอหลุดความเป็นตัวของตัวเอง ก็อาจจะมีความเสี่ยงที่เขาจะรับไม่ได้และเลิกรากันไปค่ะ

แต่ถ้าเป็นเพื่อนกันมาก่อน ฝั่งนั้นก็จะเห็นด้านหลุดๆ รั่วๆ พังๆ ของเธอมาหมดแล้ว ไม่ต้องมานั่งแอ๊บสร้างภาพ ( ยิ่งทำจะยิ่งขำใส่กันซะมากกว่า ) มาเดทที่ร้านอาหารจะนั่งแทะไก่ กินส้มตำ ปิ้งย่างชาบูหัวเหม็นๆ แค่ไหนเขาก็ไม่ว่า

ไม่ต้องแต่งหน้า ไม่ต้องใส่เดรส กระโปรง ส้นสูงตลอดเวลา เพราะรู้ว่าจะอยู่ในสภาพแบบไหนเธอก็คือเธอคนเดียว และเขาก็ยังรักเธอเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง

7. เขาจะไม่มา ' ตัดสิน /อคติ ' แม้มีดราม่า เพราะเขารู้ว่าเธอเป็นคนยังไง

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/7sxO39155.jpg

ข้อดีข้อสุดท้ายที่ต้องอวยยศเลยก็คือ เพื่อนสนิทก็คือเพื่อนสนิท ถึงแม้จะขยับขึ้นมาเป็นแฟน เขาก็ยังรักและเข้าข้างเธอเสมอ แม้จะมีจุดพลิกผัน จุดดิ่งสุดในชีวิต หรือดราม่าใดๆ ที่เข้ามา เขาก็จะไม่ตัดสิน ไม่จี้จุด


ไม่คิดไปเองว่าเธอเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ เข้าใจถึงความคิด ความฝันและความกลัวของเธอ เรียกว่าเป็นฝ่ายซัพพอร์ตคอยเชียร์อัพให้เธอผ่านสถานการณ์เหล่านั้นไปได้นั่นเอง

หากซิสคบกับคนที่ไม่เคยรู้อดีตกันมาก่อน เมื่อมีจุดวัดใจในเรื่องที่ร้ายแรงมากๆ เช่น เธอถูกกล่าวหาว่าเป็นคนร้ายในคดีอาชญากรรม เป็นคนขโมยของ เป็นฆาตกร ถ้าเขาไม่เชื่อใจเธอมากพอ เขาก็อาจมีสิทธิ์ระแวงว่าเธอทำจริง เป็นสาเหตุของการทะเลาะกันและถึงจุดแตกหักได้

แต่ถ้าเป็นเพื่อนที่รู้ไส้รู้พุงกันมาแล้ว เขาจะเข้าข้างเธอสุดลิ่มทิ่มประตู เพราะเขารู้ว่ายังไงเธอก็ไม่ได้ทำ โดยที่เธอไม่ต้องไปนั่งอธิบายหรือนั่งพิสูจน์ตัวเองให้เขาเห็นด้วยซ้ำค่ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/originals/82/bb/96/82bb9602883eef76e8bb063a8e820245.gif

---------------------------------------------

' ความรัก ' เป็นเรื่องที่โรแมนติกและน่ากลัวในเวลาเดียวกัน อยู่ที่ว่าเราจะเจอรักที่ดีพาไปเจอสิ่งดีๆ ด้วยกัน หรือเป็นรัก toxic ที่พากันดิ่งลงเหวทั้งคู่ ยิ่งอีกฝ่ายเป็นเพื่อนสนิทที่ความสัมพันธ์ดีต่อกันมาตลอด เดิมพันก็ยิ่งสูง ถ้าไปกันไม่รอดก็จะทิ้งบาดแผลไว้ใหญ่กว่าคนแปลกหน้าที่ยังไม่มีความผูกพัน เราเองก็เข้าใจในข้อนี้มาตลอด และรับได้หากสุดท้ายวันนั้นจะต้องเกิดขึ้น แต่ถ้าเทียบกับโมเมนต์ดีๆ ที่ได้เขามาเป็นแฟน เราก็ไม่เสียดายเวลาที่ผ่านมาอยู่ดี และนั่นคือเหตุผลที่เราตัดสินใจบอกชอบเขาตั้งแต่แรกค่ะ

ใครที่กำลังสับสน ไม่แน่ใจ ก็ลองอ่านบทความนี้แล้วไปนั่งคิดทบทวนกับหัวใจตัวเองดูก่อน ถ้ารู้สึกว่ายังไม่กล้าเสี่ยงก็ไม่เป็นไร แต่อย่าลืมว่าเวลามันมีแต่เดินไปข้างหน้าเรื่อยๆ ถ้าปล่อยโอกาสไปแล้วเขาเจอคนอื่น จะเสียใจฟูมฟายภายหลังก็กลับไปแก้ไขอดีตไม่ได้แล้ว เราบอกแค่นี้ก็แล้วกัน ขอให้สาวซิสทุกคนโชคดีนะคะ ´・ᴗ・`♡