1. SistaCafe
  2. ทอนซิลอักเสบ เกิดจากอะไร? ชวนรู้วิธีรักษาและจะป้องกันยังไงได้บ้าง

ทอนซิลอักเสบ โรคใกล้ตัวที่ไม่ควรละเลย เพราะต่อมทอนซิลอักเสบนั้นเป็นอาการที่สามารถเกิดขึ้นทั้งเด็กและผู้ใหญ่ หากไม่สามารถควบคุมปริมาณการกินของหวานในแต่ละวันได้ ซึ่งหากเกิดอาการแล้วนอกจากทรมานยาวๆ แล้วจะส่งผลอันตรายต่อสุขภาพอีกแล้วด้วยในกรณีที่เป็นต่อเนื่องไม่หาย ฉะนั้นวันนี้https://sistacafe.com/ชวนรู้จัก“อันตรายจากต่อมทอนซิล”กันเลย

·٠•●♥ ♥●•٠· •♥•*•♥ ·•●゙


ทำความรู้จักกับ “ ต่อมทอนซิล ”

ต่อมทอนซิลคือ เนื้อเยื่อในลำคอ 2 ข้างบริเวณโคนลิ้น ที่ทำหน้าที่คอยดักจับและคัดกรองเชื้อโรคเพื่อป้องกันไม่ให้ลุกลามลงไปในร่างกายมากขึ้น ยังรวมไปถึงบริเวณผนังลำคอด้านหลังของเนื้อเยื่อที่โคนลิ้นและต่อมอะดินอยด์ (Adenoid) ซึ่งอยู่บริเวณคอหลังจมูกก็ช่วยเป็นตัวคัดกรองเชื้อโรคด้วยเช่นกัน สาเหตุที่ผู้คนเป็นต่อมทอนซิลคือเกิดจากที่ร่างกายอ่อนแอหรือติดเชื้อจากผู้อื่นที่เจ็บป่วยเชื้อโรคในช่องปากและคอมีปริมาณมากขึ้น ส่งผลให้การทำงานของต่อมทอนซิลหนักเพื่อกำจัดเชื้อโรคทำให้เป็นทอนซิลแดง บวม และโตขึ้นเรื่อยๆ ทั้งหมดนี้จึงเรียกอาการนี้ว่า“ ต่อมทอนซิลอักเสบ ”


เช็กสัญญาณ ทอนซิลอักเสบ มีอาการอะไรบ้าง?

เป็นอาการที่คล้ายกับคออักเสบทั่วไป คือมีอาการเจ็บคอร่วมกับอาการอื่นคือ ไข้ ไอ เสมหะหรือมีน้ำมูกโดยอาการเจ็บคอจะเจ็บมากขึ้นโดยเฉพาะด้านข้างของช่องปากทั้งสองข้าง เมื่อไปพบแพทย์แล้วอ้าปากจะพบว่าทอมซิลมีลักษณะบวมแดงและโตผิดปกติ บางกรณีที่อันตรายมากๆ คือติดเชื้อรุนแรงมีหนองที่ทอนซิลและต่อมน้ำเหลืองข้างลำคอโต


ปัจจัยเสี่ยงทำให้ต่อมทอนซิลอักเสบ

1. อายุ :โดยทั่วไปต่อมทอนซิลอักเสบมักจะพบในวัยเด็กและการติดเชื้อแบคทีเรียในเด็กอายุ 5-15 ปี2. การสัมผัสเชื้อโรค :เด็กในวัยเรียนมีแนวโน้มที่สามารถสัมผัสเชื้อโรคเต็มๆ ทำให้เกิดอาการป่วย โดยการสัมผัสส่วนมากก็มาจากการใกล้ชิดกับเพื่อนๆ ในโรงเรียน3. ภาวะแทรกซ้อน :การติดเชื้อบริเวณรอบต่อมทอนซิล สามารถเกิดหนองบริเวณช่วงคอลึกหลังต่อมทอนซิลได้ และยังสามารถเกิดภาวะการหยุดหายใจในขณะที่กำลังนอนหลับได้

การป้องกัน ทอนซิลอักเสบ ที่ควรทำ

ต่อมทอนซิลนั้นเป็นเชื้อไวรัสและแบคทีเรียของสาเหตุที่สะสมจนเกิดเป็นต่อมทอนซิลอักเสบขึ้นมา และสามารถแพร่กระจายหากไม่ป้องกัน แต่ทั้งนี้การลดการเกิดอาการต่อมทอนซิลอักเสบคือมีวิธีป้องกัน ดังนี้หมั่นล้างมือก่อนรับประทานอาการ และการล้างมือหลังจากออกจากห้องน้ำทุกครั้งงดการใช้สิ่งของร่วมกันกับผู้อื่น และลดการแบ่งอาหารร่วมกันเปลี่ยนแปรงสีฟันทุกครั้งเมื่อรู้ว่าเป็นต่อมทอนซิลการปิดปากแล้วจาม และล้างมือหลังจากไอหรือจามออกมาพักผ่อนให้เพียงพอ หรือหยุดพักที่บ้านเมื่อพบว่าเป็นต่อมทอนซิล


วิธีรักษาอาการทอนซิลอักเสบ

ถ้าอาการของต่อมทอนซิลอักเสบไม่รุนแรงหรือมากนักหรือมีอาการเพียงเจ็บคอเล็กน้อย ไม่มีไข้อาจไม่จำเป็นที่ต้องกินยาเพียงแค่พักผ่อนให้เพียงพอและดื่มน้ำมากขึ้นและกินอาหารให้ครบ 5 หมู่ ร่างกายก็สามารถฆ่าเชื้อโรคได้ภายใน 2-3 วัน อาการก็จะดีขึ้นตามลำดับจจนเป็นปกติในที่สุด แต่หากกรณีที่มีอาหารหนักเช่น มีไข้สูง เจ็บคอมาก ทานอาหารได้น้อยควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญให้ตรวจอย่างละเอียดเพื่อทำการรักษาอย่างโดยด่วนหากตรวจพบเป็ฯต่อมทอนซิลอักเสบที่รุนแรงจะมีการนำยาปฏิชีวนะร่วมกับยาอื่นให้ทาน ซึ่งหลังจากทานยาอาการก็จะดีขึ้นมาใน 3-7 วัน


จำเป็นต้องตัด ต่อมทอนซิล หรือไม่?

ต่อมทอนซิลนั้นมีหน้าที่สำคัญในการคัดกรองจำพวกเชื้อโรคและแบคทีเรียเพื่อไม่ให้ลุกลามเข้าไปในร่างกาย โดยแพทย์อาจจะไม่แนะนำให้ตัดทิ้ง แต่หากพบว่ามีอาการเป็นต่อมทอนซิลอักเสบอยู่บ่อยครั้งหรือมีอาการที่รุนแรงตลอด บางครั้งก็จำเป็นที่จะต้องตัดต่อมทอนซิลออกส่วนมากที่ตัดออกคือ มีอาการอักเสบบ่อยมากกว่า 6 ครั้งใน 1 ปีหรือ 3-5 ครั้งใน 2 ปีติดต่อกันมีกลิ่นปากจากทอนซิลอักเสบเรื้อรังหรือมีเศษอาหารอุดตันเข้าไปในทอนซิล และทอนซิลอักเสบชนิดสเตรปโตคอลคัสและทอนซิสที่โตข้างเดียวอาจก่อมะเร็งได้


กินช็อกโกแลตช่วยบรรเทาอาการทอนซิลได้จริงหรือ?

การกินช็อกโกแลตสามารถช่วยบรรเทาอาการอักเสบของทอนซิลได้จริงแต่ต้องเป็นแบบ“ ดาร์กช็อกโกแลต ”เท่านั้นเพราะว่าในดาร์กช็อกโกแลตมีสารที่ชื่อว่า ฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) ซึ่งเป็นสารที่สามารถลดการอักเสบในร่างกายได้ หากมีโกโก้เป็นส่วนผสมมาก ก็จะยิ่งมีสารตัวนี้เพิ่มขึ้นเท่าตัว และหากเมื่อทานเป็นในรูปแบบเย็นเช่น ไอศกรีมช็อกโกแลต เครื่องดื่มโกโก้เย็น ก็จะยิ่งช่วยบรรเทาการอักเสบได้อีกด้วยเช่นกัน

·٠•●♥ ♥●•٠· •♥•*•♥ ·•●゙


เป็นอย่างไรกันบ้าง บางคนอาจจะยังไม่รู้ถึงอาการทอนซิลอักเสบด้วย แต่สำหรับเราผู้เรียกได้ว่าแทบจะเคยชินกันอาการนี้ เพราะตอนเด็กนั้นเป็นบ่อยมากจนคุณหมอจำหน้าได้กันเลยทีเดียว แต่อย่างที่บอกข้างต้นถ้าเป็นติดต่อกันบ่อยๆ และแต่ละครั้งมีอาการรุนแรงก็ไม่ใช่เรื่องดีเท่าไหร่ แนะนำให้ไปพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อจะได้รักษาอาการได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม ฉะนั้นใครที่ยังไม่เคยเป็นคือเรื่องที่ดีนะคะ แต่สำหรับใครที่คิดว่ากำลังมีอาการ หรือเคยเป็นมาก่อนแล้วก็ควรนำวิธีป้องกันไปใช้เพื่อไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำได้อีกรอบ



บทความอื่น ๆ ที่น่าสนใจ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1