รีวิวรองพื้น 'Soul Skin Matte Foundation Stick' และคุชชั่น ปกปิดขั้นเทพจริงมั้ย? | บทความของ Weartoworkstyle

สวัสดีค่ะ สาวๆ SistaCafe ทุกคน

นี่เป็นบทความแรกที่แตนเขียนให้เว็บไซต์นี้ โดยครั้งนี้แตนจะมารีวิวเครื่องสำอางให้สาวๆ ได้ดูกันค่ะ จริงๆ คือแตนเพิ่งได้เครื่องสำอางมาใหม่ เป็นเครื่องสำอางจากแดนกิมจิ แบรนด์นี้เค้ามีโปรดักส์เยอะ แต่ที่เห็นจะเด่นสุดและแปลกตาคือ เจ้าตัว

Soul Skin Matte Foundation Stick

ที่ว่าแปลกตาเพราะแตนยังไม่เคยใช้รองพื้นรูปแบบแท่ง และที่สำคัญกว่านั้นคือเค้าบอกว่ามันเป็นรองพื้นเปลี่ยนชีวิต ไม่ลองให้ดูคงจะไม่ได้ละค่ะ

มาที่ตัวแรก ตัวนี้เค้าว่ามันเป็นรองพื้นเปลี่ยนชีวิต หืมม...ไปลองกันเลยดีกว่า

Soul Skin Matte Foundation Stick SPF50/PA+++ No.22 ( ผิวสองสี )

คูชั่นสติ๊ก ปกปิดขั้นเทพ กลบได้ทุกริ้วรอย เกลี่ยง่าย ทำให้ผิวดูเรียบเนียน สีรองพื้นเหมาะกับผิวคนเอเชีย ( มาพร้อมแปรงเกลี่ยรองพื้น )

รองพื้นแบบแท่งนี้ ด้านหนึ่งเป็นครีมรองพื้น อีกด้านหนึ่งเป็นแปรง แท่งเดียวจบ พกง่าย ใช้สะดวก เนื้อรองพื้นมีความแมทและค่อนข้างหนา ให้การปกปิดแบบสนิท เนียนกริบ

พอทาลงไปสีผิวอาจจะดูขาว แต่รอสักพักสีจะดรอปลงและเข้ากับผิวมากยิ่งขึ้น เหมาะสำหรับคนที่ต้องการการปกปิด ที่สำคัญเนื้อรองพื้นค่อนข้างติดทน แตนลองถูที่แขน เนื้อรองพื้นแทบจะไม่หลุดออกมาเลย

Level of Coverage ระดับการปกปิด

แตนทดสอบโดยใช้อายไลเนอร์จุดลงบนผิวหน้า รองพื้นสามารถกลบได้สนิทแบบสนิทมาก การปกปิดคือผ่านค่ะ

สังเกตได้จากรอยสิวอักเสบตรงหน้าผาก รอยแดงนี่ถูกปกปิดได้เป็นอย่างดี

Waterproof ความกันน้ำ-กันเหงื่อ

แตนทดสอบโดยฉีดสเปรย์น้ำแร่ลงไปที่หน้าแบบชุ่มๆ และซับด้วยกระดาษทิชชู่ ผลที่ออกมาคือไม่มีรองพื้นติดออกมาเลย แป้งที่หน้าก็ยังติดอยู่เพราะฉะนั้นเรื่องของความกันน้ำ กันเหงื่อ ถือว่าผ่านค่ะ

Super Definition Face Brush แปรงรองพื้น ( มาพร้อมกับคูชั่นสติ๊ก )

แปรงรองพื้นนี้เค้าแถมมาพร้อมกับตัวคูชั่นสติ๊ก ช่วยให้เกลี่ยรองพื้นได้ง่าย เรียบเนียนขึ้น เพราะขนที่หัวแปรงค่อนข้างแน่น แต่เวลาเกลี่ยต้องค่อยๆ ปาดรองพื้น ไม่กด ไม่ลากยาว จะทำให้รองพื้นเรียบเนียน และปกปิดดี

มาที่รองพื้นอีกตัวนึง ตัวนี้เป็นคุชชั่น เดี๋ยวนี้สาวไทยหันมาใช้คูชั่นกันเยอะ บางทีก็รอด บางทีก็เทา แต่สำหรับ Soul Skin เค้ามีสีให้เลือกถึง 4 เฉดที่เข้ากับเฉดสีผิวสาวไทยเลยค่ะ

Mineral Air CC Cu-shion SPF50/PA+++ No.22 ( ผิวสองสี ดำแดง )

แตนเลือกมาเป็นสีเดียวกับMatte Foundation Stick no.#22แต่มันเข้มกว่าผิวมาก สีนี้แตนว่าเหมาะกับสาวผิวเข้มเหลือง ( ผิวสองสีแดงดำ ) ตัวนี้เข้มไปสำหรับแตนค่ะ

แต่พูดถึงเรื่องการปกปิด ก็ปกปิดได้พอสมควร ให้ความฉ่ำวาวแต่ไม่มาก แตนว่าเหมาะกับอากาศบ้านเรา แตนเป็นคนผิวแห้งอยู่แล้ว เลยไม่ต้องลงแป้งฝุ่นเพิ่ม แต่ถ้าเป็นสาวผิวมันอาจจะลงแป้งเพื่อเซ็ตให้ติดทนตลอดวัน

อย่างที่บอกว่าสีคุชชั่นตัวนี้ค่อนข้างเข้มกว่าผิวแตน แต่เรื่องของการปกปิดถือว่าอยู่ในระดับที่ดี กลบรอยแดงสิวตรงหน้าผากได้ ไม่ฉ่ำวาวเว่อร์ สาวไทยใช้แล้วรอดแน่นอน

เนื่องจากสีคุชชั่นของแตนที่ได้มาค่อนข้างเข้มมาก แตนเลยจะใช้ตัว Matte Foundation Stick เพิ่มความสว่างบนใบหน้า บริเวณใต้ตา หน้าผาก สันจมูกและคาง นอกจากจะช่วยปรับความสว่างบนใบหน้าแล้ว ตัวคุชชั่นสติ๊กยังช่วยเพิ่มความปกปิดบริเวณรอยสิว รอยดำ ทำให้หน้าเนียนขึ้นไปอีก

สำหรับ finish look ก็จะออกเป็นลุคผิวแทนนิดๆ แต่บอกเลยว่าหน้าเนียนกริบ สรุปเลยคือ

ความปกปิดดีมากทั้งสองตัว โดยเฉพาะถ้าใช้คู่กัน Mineral CC Cu-shion จะให้ความฉ่ำวาวเป็นผิว ปกปิดปานกลาง ( ต้องเลือกสีให้ตรงตามสีผิวตัวเอง ) และตัว Matte Foundation Stick จะช่วยเพิ่มความปกปิดขึ้นไปอีกระดับ ทำให้ผิวดูเรียบเนียน รอยสิวรอยแดงหาย สีผิวสม่ำเสมอ ไม่ต้องง้อคอนซีลเลอร์เลย

ความกันน้ำอันนี้ต้องยอมรับเลยว่ากันน้ำจริงๆ แตนได้ลองทาที่แขน ลองล้างด้วยน้ำแล้วซับด้วยกระดาษทิชชู่ สรุปว่าไม่มีรองพื้นติดกระดาษทิชชู่ออกมาเลย ลองถูที่รองพื้นที่แขนก็ติดผิวแบบสนิทมาก ยอมรับจริงๆ ( สงกรานต์ปีหน้าคงต้องใช้ตัวนี้ )

ความคุมมันเนื่องจากแตนเป็นคนผิวแห้ง เลยไม่ได้เห็นชัดเจนว่าผิวมัน แต่พอรู้สึกได้ที่ผิวหน้า อาจจะเป็นเพราะเนื้อรองพื้นค่อนข้างหนา สำหรับสาวหน้ามันอาจจะต้องมีการทัชอัพระหว่างวัน หรือใช้แป้งฝุ่นลงหลังจากลงรองพื้น

ความรู้สึกแตนคือ ( อันนี้สำหรับผิวแตนนะคะ ) แตนว่าใช้รองพื้นทั้ง 2 แบบด้วยกัน มันช่วยเพิ่มประสิทธิภาพมากกว่า เพราะจะได้ทั้งงานผิวและการปกปิด คือแตนเป็นคนไม่ได้มีปัญหาผิวหน้า แค่ต้องการได้งานผิว ได้สีผิวที่สม่ำเสมอ และการปกปิดบางจุด ทั้งสองตัวนี้ค่อนข้างจะตอบโจทย์ สีที่เหมาะกับแตนจริงๆสำหรับ

Mineral Air CC Cu-shion คงจะเป็นสี No.21 ผิวขาวเหลือง

Matte Foundation Stick น่าจะเป็น No.20 ผิวขาวเหลือง (No.22 ก็ใช้ได้อยู่แต่อาจจะดูผิวแทนไปหน่อย )

วันนี้ก็จบการรีวิวเพียงเท่านี้นะคะ ขอบคุณทุกคนที่อ่านมาจนจบน้า แล้วพบกันใหม่คราวหน้าค่ะ