เซย์ไฮค่าา สาวๆSistaCafeทีม' #เงินปลิว 'ทุกคนพูดแล้วก็เศร้า มองเงินในบัญชีตอนนี้แล้วงงมาก นี่เงินเดือนหรือเงินทอนเอ่ย? แต่จะว่าบริษัทก็ไม่ได้ ต้องโทษตัวเองที่ช้อปแหลกแหกสะบั้นมากเวอร์ บัตรเครดิตนี่รูดปื๊ดๆ อยู่บ้านก็ช้อปปิ้งออนไลน์ กล่องพัสดุมาส่งบ้านทีเป็นสิบๆ กล่องจนแม่ด่าทุกวันบางอย่างซื้อมาก็ไม่ได้ใช้ เอาไปกองสะสมเป็นภูเขาจนจะล้นออกมานอกห้องอยู่แล้ว แถมยังบ้าโปรโมชัน อะไรลดซื้อหมดทั้งที่ตัวเองไม่ได้อยากได้จริงๆ ด้วยซ้ำ ก็เลยต้องมารับบทคนจน แม่นางกระเป๋ารั่วแบบนี้แหละค่าถ้าเป็นคนรวย เงินเดือนหลักแสน จะเปย์ทิ้งๆ ขว้างๆ มันก็พอได้แหละ แต่นี่ก็มนุษย์เงินเดือนกินข้าวแกงทั่วไป ถ้ายังทำแบบนี้ไปเรื่อยๆ จนกระทบค่าใช้จ่ายจำเป็น คงได้ติดหนี้บัตรเครดิตหัวโต ต้องไปนั่งล้างจาน ขับแกร๊บ ไลน์แมนหาอาชีพเสริมแบบจุกๆ เป็นแน่แท้ต้องดัดนิสัยตัวเองซะตั้งแต่วันนี้ ด้วยการทำตาม' 7 ทริคคุมรายรับรายจ่าย สไตล์คนไม่มีเงิน ถังแตก 'จงรูดซิปกระเป๋าตังค์ให้มั่น เพราะครั้งนี้เงินในบัญชีจะไม่รั่วไหลอีกต่อไป!!
1. ของไม่ใช้ ต้องขายออก / ของไม่จำเป็น ต้องหยุดสะสมจนล้นบ้าน

ข้อแรก ยังไม่ต้องถึงขั้นหาเงินเพิ่ม แต่ต้องหยุดซื้อของใหม่เข้าบ้านก่อน ถ้าตอนนี้ในบ้านมีของไม่จำเป็นวางกองเป็นภูเขา และมีเรื่องที่ต้องใช้เงินหรือจ่ายหนี้โดยด่วน อาจถึงเวลาที่ต้องหยิบบางส่วนไป ' ขาย ' กลับคืนมาเป็นรายได้แล้วละค่ะ
ค่านิยมคนรุ่นเก่าบางคนมักคิดว่า ถ้าซื้อแล้วไม่ควรขายออก ดูไร้ศักดิ์ศรี แต่อยากให้มองว่า ถ้ามีหนี้แล้วไม่ยอมจ่ายให้ทันเวลา มัวแต่หวงของ ดอกเบี้ยก็เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จะไม่ดูไร้ศักดิ์ศรียิ่งกว่าเดิมหรอกเหรอ ลองคิดกลับกันดู
ไม่ว่าจะเป็นไอเทมแฟชั่น กระเป๋า รองเท้า ตุ๊กตา ของอิเล็กทรอนิกส์ ฟิกเกอร์ หรือของสะสมใดๆ ที่วางไว้เต็มบ้าน ทริคของเราคือ ของชิ้นไหนที่ไม่ได้สนใจ ไม่ได้นำมาใช้ มาลูบคลำสัมผัส หรือรับรู้การมีตัวตนอยู่ของมันเกิน 6 เดือน แปลว่าของชิ้นนั้นไม่ได้สำคัญขนาดนั้น
เธออาจจะเสียดายช่วงแรกที่เอาไปขาย แต่ถ้ามันถูกซื้อไป เดี๋ยวสักพักก็ลืมไปเอง ดังนั้นแยกของที่ไม่ spark joy ( สร้างความสุข ) ได้อีกแล้ว และนำไปขายตามตลาดนัดเปิดท้าย หรือลงขายออนไลน์ก็ได้ค่ะ
2. ของในบ้านหมด ต้องทำ ' Shopping List ' ให้ชัดเจน และซื้อแค่ที่เขียนไว้เท่านั้น

หนึ่งในนิสัย #ตำเงินละลายแม่น้ำ ของสาวซิสสายช้อปมากมายก็คือ ' ชอบซื้อของพ่วง ' อยู่เสมอ สบู่ แชมพู ยาสีฟันหมด ไปซูเปอร์มาร์เก็ต คนปกติก็ควรได้มาแค่แชมพูสบู่ถูกไหม แต่เปิดถุงช้อปเธอทีไร ผ้าอนามัย ครีมนวด ลิปมัน แปรงสีฟัน หรือแม้แต่ขนมปังแถว! โผล่มาได้ยังไงก็ไม่ทราบ
พอถามก็รู้เลยว่าอ๋อ เป็นทาสการตลาด พ่ายแพ้ให้กับโปรโมชันซื้อ 1 แถม 1, ลดวันนี้วันสุดท้าย, ตัวนี้ที่บ้านใกล้หมดพอดี ( ใกล้หมดที่ว่าคืออีกปีนึง... ) หรือบางทีแค่รู้สึกว่าของมันน้อยๆ ก็ช้อปเพิ่ม ถุงจะได้ดูเต็มๆ ก็มี เก็ทแล้วเนอะว่าเงินหายไปไหน //กุมขมับ
จงเริ่มดัดนิสัยตัวเองด้วยการเขียนรายการ ' ของที่ต้องซื้อ ' ในแต่ละครั้งอย่างชัดเจน แบ่งเป็นข้อๆ เลยว่าต้องซื้ออะไร เท่าไหร่ อย่าเขียนกว้างเกินไป เช่น แชมพูยี่ห้อ A 2 ขวด อย่าเขียนแค่แชมพู เพราะเธออาจเผลอซื้อเยอะเกินความจำเป็นได้ และที่สำคัญที่สุด ต้องแข็งใจไม่ซื้อนอกเหนือรายการนั้นโดยเด็ดขาด
ถ้าไม่ใช่ของที่ผ่านตามาวินาทีสุดท้าย และจำเป็นต้องใช้แบบคอขาดบาดตายจริงๆ จงเดินผ่านมันไป อย่าหยิบใส่ตะกร้า อาจจะทรมานหน่อยช่วงแรก แต่เมื่อเดินเข้าเคาน์เตอร์ชำระเงิน ถือถุงออกมาแล้ว ความอยากจะค่อยๆ จางหายไปเอง บางทีให้กลับไปคิดอีกครั้งยังงงเลยว่า" ทำไมตอนนั้นฉันถึงอยากซื้อขนาดนั้นนะ "
3. จัดตู้เสื้อผ้า ตัวไหนยัดอยู่ในหลืบ ไม่เคยใส่ ไม่ชอบแล้ว ควรขาย หาเงินคืน!

ปัญหาโลกแตกของผู้หญิงอย่างเราๆ ไม่มีทางซะละที่จะมีเสื้อผ้าในตู้แค่ 5 ตัว 10 ตัว มันต้องมีเยอะกว่าที่จำเป็นเสมอ ก็เสื้อผ้าสวยๆ ราคาถูกมีเยอะแยะเต็มไปหมดเลยนี่นา มันคือความสุขในการแต่งตัว เปิดตู้มามีแต่ของเดิมๆ ไม่มีอะไรจะใส่ก็ไม่ไหว ยูโน้ว? แต่ซิสบางคนก็เอ็นจอยช้อปปิ้งหนักไปหน่อย บางเดือนสั่งเสื้อ เดรส กางเกงมาทีเป็นสิบๆ ตัวจนใส่ไม่ทัน
ไปกองอัดกันอยู่ในซอกหลืบของตู้ มุมไหนยัดได้ก็ยัดเข้าไป จนตู้บางคนแทบจะปิดไม่ลงแล้ว ถ้าเปิดแรงๆ คือเสื้อผ้าไหลทะลักออกมาแน่นอน ถ้าใส่บ่อยทุกตัวยังพอว่า นี่บางตัวลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่ามีแล้ว ซื้อซ้ำอีก พีคกว่าคือทั้งสองตัวนั้นทุกวันนี้ก็ยังไม่เคยใส่ //ฉันจะบ้าตาย
คงต้องถึงเวลาแล้วที่ซิสจะหาวันว่างๆ สักวันนึง เปิดตู้เสื้อผ้าเจ้าปัญหาเพื่อเคลียร์กองเสื้ออย่างจริงจัง แยกให้ชัดเจนว่าตัวไหนใช้แน่ๆ ตัวไหนที่ไม่น่าจะมีโอกาสได้ใส่อีกแล้ว สภาพดีหน่อยก็นำไปขายต่อมือสองออนไลน์
ถ้าสภาพแยกขายเดี่ยวไม่ได้ เขาก็มีขายแบบชั่งกิโลที่อาจจะเงินน้อยลง แต่อย่างน้อยก็มีรายรับเข้ามา แม้จะไม่มากก็ยังดี แถมการจัดระเบียบตู้เสื้อผ้า ยังมีข้อดีทางจิตวิทยาให้สาวๆ รู้สึกปลอดโปร่ง สดชื่น พร้อมรับสิ่งใหม่ๆ ที่จะเข้ามาในชีวิตอีกด้วยนะ
4. ติดตาม ' อัตราดอกเบี้ยเงินฝาก ' ของแต่ละธนาคาร ที่ไหนให้สูง ก็ฝากที่นั่น

เรื่องนี้ออกตัวก่อนเลยว่า ผู้ใหญ่ที่บ้านของเราก็ใช้วิธีนี้เพื่อหารายได้เพิ่มในครอบครัวเช่นกัน เพราะถือเป็นการลงทุนที่ความเสี่ยงต่ำสุดๆ ไม่เสี่ยงเหมือนเล่นหุ้น ยังไงเงินต้นก็ไม่หาย แต่อาจจะเหนื่อยในการติดตามข่าวสารสักนิด นั่นคือการ' โอนย้ายเงินในบัญชีธนาคาร เพื่อหาดอกเบี้ยที่คุ้มค่าที่สุด
'
บางธนาคารต้องเปิดบัญชีใหม่ จำกัดเงินว่าฝากไม่เกินกี่บาท แต่ได้ค่าตอบแทนสูง, บางธนาคารฝาก 2 ปี ห้ามถอนออกแม้แต่บาทเดียว, บางธนาคารถอนได้เรื่อยๆ แต่ดอกเบี้ยต่ำมากแทบเป็นศูนย์ เป็นต้น
ถ้าเธอยังเป็นกลุ่มที่มีเงินเก็บอยู่บ้าง ให้กันออกมาส่วนนึงเป็น' เงินฝากเพื่อเอาดอกเบี้ย 'โดยเฉพาะ นั่นหมายถึงห้ามไปแตะ ไปยุ่งอะไรกับมันเด็ดขาด อย่างน้อยก็ภายในเวลาที่กำหนด เมื่อฝากจบ ถอนออกมา เงินต้นก็จะเพิ่มขึ้นเพราะเป็นเงินเดิมของเรา + ดอกเบี้ย จากนั้นก็หาโปรโมชันใหม่ของธนาคารที่ให้ดอกเบี้ยต่อ วนลูปไปเรื่อยๆ
จำไว้ว่าธนาคารไม่ได้ให้เงินเราฟรีๆ แต่เขาเอาเงินของเราไปหมุนให้ลูกค้าเงินกู้ ดังนั้นดอกเบี้ยคือค่าตอบแทน เราจึงต้องหาเจ้าที่ตอบแทนเราคุ้มค่าที่สุดนั่นเองค่ะ
5. เลี่ยงการซื้อ ' ฟาสต์ฟู้ด / ขนมกินเล่น กินมื้อเดียวหมด ' เข้าบ้าน

หากรายได้ในแต่ละเดือนของเธอค่อนข้างน้อย เรียกว่าอีกนิดก็จนกว่าคนได้ค่าแรงขั้นต่ำแล้ว ก็ต้องเริ่มปฏิวัตินิสัยฟุ่มเฟือยอย่างจริงจังแล้วนะคะซิส! ค่าใช้จ่ายประจำเดือนของมนุษย์เงินเดือนทั่วไป สิ่งที่ซื้อเยอะที่สุดก็คงไม่พ้น ' อาหาร ' เพราะเราต้องกินข้าวทุกวัน
บางคนหาความสุขด้วยการซื้อขนมหวาน พวกเค้ก คุกกี้ โดนัท หรือกินฟาสต์ฟู้ดมื้อละ 200-300 ทุกวัน แบบนี้อย่าว่าแต่เงินเก็บไม่เหลือ สุขภาพก็จะแย่ลงด้วยเด้อ
ในช่วงที่ต้องประหยัด รัดเข็มขัดกันตึงเปรี๊ยะแบบนี้ เราแนะนำให้เธอเปลี่ยนจากการซื้ออาหารข้างนอกกินที่เปลืองเงินมากโข เป็น' ซื้อวัตถุดิบจากซูเปอร์มาทำกินเอง 'แทน นอกจากจะได้อาหารที่สด ใหม่ เฮลตี้แน่นอนเพราะเราเลือกมากับมือ
เธออาจจะตกใจว่าอาหารหลายอย่าง ทำกินเองราคาถูกกว่าซื้อเขาครึ่งต่อครึ่งเลยทีเดียว อาจจะเหนื่อยตอนทำนิดนึง แต่มีเงินเก็บแบบเหลือๆ แบบที่รู้งี้ ทำนานแล้ว!
6. เปลี่ยน ' หลอดไฟในบ้าน ' เป็นแบบประหยัดไฟ เช่น ไฟ LED, CFL

ข้อนี้ขอเขยิบมาที่ ' อุปกรณ์ไฟฟ้า ' ในบ้านของสาวๆ สักนิด เป็นสิ่งที่หลายคนนึกไม่ถึงหรือมองข้าม แต่ชนิดเครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ทั้งไมโครเวฟ ตู้เย็น แอร์ พัดลม โทรทัศน์ ทุกอย่างล้วนส่งผลกับค่าไฟที่ต้องจ่ายทุกเดือนทั้งสิ้น
บางคนประหยัดไฟแทบตาย แทบไม่เปิดทีวี ทนร้อนไม่ยอมเปิดแอร์ แต่ค่าไฟก็ยังพุ่งสูง เพราะเปิดไฟสว่างโร่ทั้งบ้านตลอดเวลา และหลอดไฟที่ติดตั้งเป็นแบบเก่าที่กินไฟมหาศาล แบบนี้เขาเรียก ' เสียน้อยเสียยาก เสียมากเสียง่าย ' ค่าา
สเต็ปแรก ให้เปลี่ยนจากหลอดไฟธรรมดาทั่วบ้านเป็นแบบ' LED หรือ CFL 'แทน เพราะกินไฟน้อยกว่า และมีอายุใช้งานนานกว่า แม้จะใช้เยอะเท่ากัน บิลค่าไฟก็จะลดลง ไม่ทำให้เราอกสั่นขวัญแขวนกับตัวเลขของการไฟฟ้าอีกต่อไป
โดย LED จะราคาสูงกว่า CFL เล็กน้อย แต่เปิดแล้วติดทันที ไม่ต้องรอกะพริบ หลอดไม่ค่อยร้อน และมีอายุเป็นสิบปี ถ้ามีเงินก็ลงทุนกับ LED ไปเลยจะดีกว่า
7. ลบข้อมูล ' บัตรเครดิต ' จากเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์ให้หมด!

ข้อสุดท้ายนี่เรียกว่าถ้าทำได้ change the game เปลี่ยนชีวิตขาช้อปจากหลังเท้าเป็นหน้ามือแน่นอน เพราะสาวๆ ยุคใหม่จะเสียหลัก หกคะเมนตีลังกากับเรื่องการเงินส่วนใหญ่ก็จากแอปพลิเคชัน หรือเว็บไซต์ช้อปปิ้งออนไลน์นี่แหละค่า! ไม่ว่าจะ shop..., la..., kon... ที่แสนจะสั่งซื้อของได้สะดวกสบาย
มีหลายสิ่งให้เลือกสรร สามารถทิ้งข้อมูลบัตรเดบิต / เครดิตในแอปได้เลยเพื่อกดสั่งได้ทันที อะไรจะง่ายปานนั้น! แต่บางทีก็ง่ายไป ของบางอย่างไม่ได้อยากซื้อขนาดนั้น แต่มือไวไม่ทันได้คิด รู้ตัวอีกทีก็กดสั่ง เงินตัดไปแล้วจ้า //ล้องห้าย
ใครที่อยากดัดนิสัยช้อปปิ้งไร้สาระขั้นรุนแรง ก็ต้องหักดิบด้วยการ ' กดลบ delete ' ข้อมูลบัตรเครดิต เดบิตใดๆ ที่มีในแอปทุกแอปให้หมด! ข้อดีคือครั้งต่อไปที่เธอจะซื้อของ เธอต้องกรอกรหัสบัตรทุกครั้ง ซึ่งเวลานั้นแหละที่ต้องกลับมานั่งคิดว่าของชิ้นนั้นควรจ่ายเงินให้หรือไม่?
และอีกข้อคือลดความเสี่ยงที่ข้อมูลบัตรของเธอจะรั่ว พวกล็อกข้อมูลทิ้งไว้เฉยๆ นี่มองว่าสะดวกก็สะดวก แต่ถ้ามองในแง่ร้ายถ้าแอปนั้นถูกแฮก บัตรของเธอก็อาจโดนอาชญากรเอาไปใช้ฟรีๆ ก็เป็นได้
--------------------------------------------
#ถังแตกไปแล้วก็เติมให้เต็มได้ จากคนเงินในบัญชีเกือบติดลบ ก็กลับมาตั้งหลักได้แน่ ถ้าทำตาม 7 วิธีในบทความนี้ ซึ่งหลักๆ ก็คือการเคลียร์ของเก่าเท่าที่ทำได้ ลดของไม่จำเป็น และตัดโอกาสในการก่อร่างสร้างหนี้เพิ่ม เพราะนี่คือการสร้างนิสัยในการใช้เงินใหม่อย่างแท้จริง ถ้ามีสติและวินัยกับการใช้เงิน หยุดฟุ่มเฟือย หลายคนไม่จำเป็นต้องหาอาชีพเสริมด้วยซ้ำยิ่งในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้ ซิสต้องเพลาๆ การมโนตัวเองเป็นคนรวย ใช้เงินแบบไม่ยั้งคิดเด้อ กรรม ( ในรูปแบบใบแจ้งหนี้ ) มันตามทันเร็วกว่าที่คิด ถ้าไม่มีเงินจ่ายชีวิตจะยิ่งกว่าตกนรกอีก บอกเลย! ขอให้สาวๆ ทุกคนควบคุมการใช้เงินของตัวเองให้ได้ แล้วเราจะฝ่าวิกฤติการเงินนี้ไปด้วยกัน รักทุกคน บายส์!
(´,,•ω•,,)♡
Cr. 10 Money Saving Tips for a Balanced Life [lifehack.org]
https://www.lifehack.org/446028/10-money-saving-tips-for-a-balanced-life