เริ่มจากกางเกงยีนส์มีประวัติมายาวนาน ในช่วงแรกๆ ปี 1920 ยีนส์มีขึ้นสำหรับ ชาวไร่ ชาวสวนค่ะ ในยุคนี้ยีนส์เอวจะสูงและขาค่อนข้างใหญ่เพื่อให้ถนัดต่อการทำงานในไร่ ต่อมาผู้หญิงกลายเป็นกลุ่มแรงงานที่ทางโรงงานอุตสหกรรมต้องการมาก เนื่องจากเหตุผลด้านความปลอดภัย พวกเธอจึงหันมาใส่ยีนส์ในช่วงต้นทศวรรษ 1940 ยีนส์ของพวกเธอจึงกลายมาเป็นแฟชั่น มีการตัดเย็บให้กระชับ และเข้ารูปมากขึ้น เพื่อให้เหมาะกับสัดส่วนของผู้หญิง แต่เดิมแม้ยีนส์นี้ไม่ได้มีไว้สำหรับผู้หญิง แต่พอกลายเป็นแฟชั่น มันก็ถูกดีไซน์ให้มีหลายสี หลายรูปแบบหลายทรงจนกระทั่ง ต้นทศวรรษ 1970 ทรงที่ได้รับความนิยมที่สุดก็คือ
ทรงกระดิ่งหรือที่เราเรียกกันว่าขาม้า หรือ Bootcut Jeans
มีถิ่นกำเนิดในเมืองหนาว ปกติใส่กับรองเท้าบู้ตส้นสูง ทำให้ต้องมีปลายขากางเกงที่บานออกมาเผื่อให้ใส่บู๊ตถนัด จึงเป็นที่มาของชื่อในภาษาอังกฤษว่าบู๊ตคัทยีนส์นั่นเอง
มาดูกันว่ากางเกงขาม้าใส่กับอะไรแล้วเข้าบ้าง
กางเกงขาม้าใส่ไปทำงานก็ดูเป็นสาวเท่ ทะมัดทะแมง แต่ในขณะเดียวกันก็ดูเป็นสาวเท่ซ่อนเปรี้ยว ดูทรงกางเกงที่กระชับและเห็นสรีระของบั้นท้าย แต่กางเกงขาม้าใส่กับเสื้อแบบไหนละที่ไม่ทำให้ดูสบายเกินไป จนทำให้ไม่เหมาะกับชุดทำงาน? ก็แค่หา
สูทมาสวม ไม่ต้องเป็นสูทยาวมากนะ เอาเป็นสูทสั้นๆ เข้ารูปเอว ยิ่งทำให้เผยเอวและบั้นท้ายมากขึ้น
ที่นี้จะใส่ทำงานแบบไหนก็ถนัด เซ็กซี่ ไปดูตัวอย่างกันเลยว่าจะเป็นยังไงบ้าง
ที่ฮิตกันสุดๆ ก็คงจะเป็น
ขาม้ากับเสื้อตัวเล็กๆ หรือเสื้อสายเดี่ยว
สาวๆ คงคิดว่ากางเกงเรามีปลายขาที่ใหญ่แล้ว เสื้อก็ไม่ควรจะใหญ่อีก ด้านบนควรจะเป็นอะไรที่ชิ้นเล็กชิ้นน้อย หรือเปิดเผยผิวหน่อย จะได้ไม่ทำให้ดูตันหรืออึดอัดจนเกินไป ลองไปดูกันว่าจะเป็นยังไง
ที่คลาสสิกสุดๆ คือ
หยิบเสื้อยืดตัวโปรดของคุณมา match กับกางเกงขาม้า
เป็นอะไรที่เข้ากั๊นเข้ากัน หาง่ายจากตู้เสื้อผ้า ใส่กับสีอะไรก็เข้า หยิบง่ายใส่ง่าย
ดูสิขาม้าใส่กับอะไรก็เท่ แล้วข้อดีของกางเกงขาม้าก็คือ ทำให้รูปร่างผอมเพรียวขึ้น ดูขายาว เหมาะมากกับสาวที่มีรูปร่างอ้วน ร่างท้วม เห็นแบบนี้แล้วก็หยิบกางเกงขาม้าที่อยู่ในตู้ของคุณ ออกมาใส่กับเสื้อตัวโปรดกัน