ไ
ม่รู้เป็นอะไรพอเห็นท้องฟ้าสีเทาๆ หม่นๆ มันมีความรู้สึก"เหงา"ทุกที ทั้งที่ผู้คนรอบกายก็มีตั้งมากมาย
แต่หากพูดถึงความเหงาก็คงเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราบ่อยครั้ง บางทีก็บ่อยเสียจนไม่อยากให้มันมาทักทายเท่าไร
พออารมณ์มันกลายเป็นสีเทา ก็ไม่รู้จะออกไปไหน อยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว เพื่อไม่ให้ต้องนอนเหงาเรื่อยเปื่อย
เ
ราขอแนะนำหนังเหงาๆ สำหรับคนขี้เหงาไม่ว่าจะดูเพื่อตอกย้ำความเหงา หรือจะดูเพื่อคลายเหงาก็ได้ทั้งนั้น ....
Her
Credit : Her
https://en.wikipedia.org/wiki/Her_(film)
หนังรักเหงาๆ ที่ต้องบอกว่าเหงาจริงๆ เพราะตัวเอกของเรื่องที่มีปฏิสัมพันธ์กับพระเอกนั้น ดันไม่ใช่คนแต่เป็นระบบ OS ! เรื่องราวคร่าวๆ ของหนังเรื่องนี้พูดถึง
Theodore ( Joanquin Phoenix )
นักเขียนจดหมายผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกที่ทุกอย่างง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เขาต้องพบเจอกับเรื่องอ่อนไหวมากมาย มิหนำซ้ำชีวิตยังต้องเจอกับการหย่าร้างอีก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ
Samantha ( Scarlett Johansson ที่มาแค่เสียง )
ระบบปฏิบัติการ OS ที่เปรียบเสมือนปัญญาประดิษฐ์ (OS) เพราะสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงรักกับ OS ความรู้สึกของเราที่ดูหนังเรื่องนี้ มันคือความเหงาจริงๆ คนที่จะรู้สึกอะไรๆ กับสิ่งที่เหมือนไม่มีเลือดเนื้อได้นั้น โหมดของความรู้สึกก็ต้องเข้าสู่จุดที่เหงาสุดๆ จริงๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็น Sci-Fi ที่มีกลิ่นของความโรแมนติคดราม่าอย่างเต็มเปี่ยม
Lost in Translation
Credit : Lost in Translation
https://en.wikipedia.org/wiki/Lost_in_Translation_(film)
พูดถึงหนังเหงาจะขาดเรื่องนี้ได้อย่างไร เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยดู หรือไม่ก็ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะมันขึ้นชาร์จอันดับหนังเหงาตลอดกาล
Lost in Translation
ผลงานการกำกับของผู้กำกับสาว
Sofia Coppola
เรื่องราวภายในหนังพูดถึง
Bob ( Bill Murray )
นักแสดงชาวอเมริกาที่ต้องมาถ่ายงานในญี่ปุ่น และ
Charlotte ( Scarlett Johansson )
สาวสวยที่ต้องตามแฟนมาทำงานในญี่ปุ่น ความเหงาเกิดขึ้นเพราะการอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ได้อยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แล้วความบังเอิญก็พาทั้งคู่มาเจอกัน แลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อกัน มันไม่ใช่เรื่องของความรัก หรือความฉาบฉวยใดๆ แต่เปรียบเสมือนเรื่องของคนสองคนที่มีความรู้สึกเดียวกัน ได้พบเจอกัน เหมือนกับคำโปรยของหนังที่ว่า
“ Everyone Want to be found ”
Drive
Credit : Drive
https://en.wikipedia.org/wiki/Drive_(2011_film)
เหงา แต่โคตรเท่ น่าจะเป็นคำนิยามของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี
Drive
ผลงานกำกับของ
Nicolas Winding Refn
ผู้กำกับหนังรางวัลคานส์ หากคุณคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังบู๊ มีฉากรถแข่งซิ่งกันทั้งเรื่อง ก็ต้องบอกว่าผิดถนัด เพราะหนังมันคือ หนังเหงาๆ ที่มีความดราม่าแทรกซ้อนอยู่เต็มไปหมด เรื่องราวของหนังเล่าถึงสตั๊นแมนหนุ่ม
( Ryan Gosling )
ที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อ เขาทำหน้าที่เป็นสตั๊นแมน ที่รับจ๊อบขับรถให้กับแก๊งค์โจร ชีวิตที่ดาร์คๆ หม่นๆ ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ
Irene ( Carey Mulligan )
คุณแม่ลูกหนึ่งที่อาศัยอยู่ห้องพักข้างๆ ที่สามีของเธอติดคุกอยู่ เขาทั้งสองได้ใช้เวลาสั้นๆ อยู่ด้วยกัน จนสามีของเธอพ้นโทษออกมา แต่ก็มีเหตุทำให้ต้องกลับไปพัวพันกับเรื่องเลวร้ายอีก และ Driver คนนี้ก็เอื้อมมือเข้าไปช่วย ทำให้มีเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา หนังเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงนำทั้งสองคนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านทางแววตาได้อย่างเหมาะสม สีภาพของหนังที่ให้ฟิลลิ่งเทาๆ ให้อารมณ์เหงาได้ดี อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ Ryan Gosling คูลมากทีเดียวสำหรับบทบาทนี้ ถึงจะเหงา แต่ก็มีความมันส์ที่ ไม่ควรพลาด
In the Mood for Love
Credit : In the Mood for Love
https://en.wikipedia.org/wiki/In_the_Mood_for_Love
หากจัดลิสต์หนังเหงา แล้วต้องมีหนังของ
หว่อง กา ไว
อยู่ด้วย เพราะฟิลเหงาถือเป็นลายเซ็นของหว่อง กา ไว สำหรับ
In the Mood for Love
นั้นเป็นหนังรักดราม่าแสนเหงา ที่ว่าด้วยเรื่องราวของความรักที่ถูกที่ แต่ผิดเวลา เพราะคนสองคนต่างก็มีคนรักของกันและกันอยู่แล้ว ฉากของฮ่อกกงในยุค 60s Su Li-zhen หรือ
Mrs.Chan ( Maggie Cheung )
ภรรยาของสามีที่ต้องบินไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอต้องเหงาอยู่คนเดียวในห้อง และ
Chow Mo-wan ( Tony Chiu Wai Leung )
สามีของภรรยาผู้ที่ต้องทำงานกะดึกจนแทบไม่มีเวลาได้พบหน้ากัน Su Li-zhen และ Chow Mo-wan ได้พบเจอกันเป็นประจำเพราะห้องพักของพวกเขาอยู่ติดกัน ก่อเกิดเป็นความรักที่ห้ามรัก เพราะมันผิดจารีตประเพณี ทำให้เกิดความเหงาที่เกาะกินหัวใจแบบสุดๆ ฉากของหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่มาถ่ายทำในเมืองไทยด้วย
Into the Wild
Credit : Into the Wild
https://en.wikipedia.org/wiki/Into_the_Wild_(film)
เรื่องราวของความขบถที่น่าจะเข้ากับหนุ่มสาวในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างมีความต้องการที่จะออกไปทำอะไรที่เป็นของตัวเอง หรืออยากออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ควรที่จะดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวเล่าถึง
Chris McCandless (Emile Hirsch)
หนุ่มนักคิดที่มีความคิดว่าการตั้งใจเรียน และรับปริญญาให้พ่อแม่ได้เป็นความหวังสูงสุดที่พวกเขาต้องการ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มแสดงอาการขบถต่อสิ่งต่างๆ อย่างเรื่องที่ชัดเจนเลยก็คือ การที่พ่อแม่อยากซื้อรถใหม่ให้ Chris แต่เขากลับเถียงว่ารถคันเก่ายังสามารถขับได้ดีอยู่ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจออกจากบ้านไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง เดินไป เข้าไปอยู่ในป่า หากินด้วยตัวเอง ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถหาได้จากในตำรา และไม่สามารถพบเจอได้ถ้าเขายังอยู่ในระบบตามแบบที่คนอื่นเป็น ความเหงาที่เกิดขึ้นจากความโดดเดี่ยว การเอาชีวิตรอดจากสิ่งต่างๆ สร้างอารมณ์เหงาเป็นอย่างมาก สิ่งที่ Chris จะต้องจดจำ คงเป็นสิ่งเดียวกันที่เราจะได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ
Sean Penn
นักแสดงมากฝีมืออีกหนึ่งคนของวงการ
หนังทั้งหมดที่เราแนะนำมา อยากรู้ต้องลองชมและตัดสินใจด้วยตัวคุณเองสำหรับเราดูแล้วมันเป็นความเหงา อึมครึมอย่างประหลาดทีเดียว
หลายคนก็ชื่นชอบกับความรู้สึกเหงา บางคนก็พยายามวิ่งหนีมัน แต่ความจริงแล้ว ความเหงา คือ เพื่อนคนสนิทที่วันใดเราขาดไป เราอาจจะคิดถึงมันก็ได้ ต่อให้มีแฟนมีเพื่อนมากมาย ความเหงาก็มาทักทายเราเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราก็หันหน้ามายอมรับ และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตไปกับมันดีกว่าไหมครับ.
บทความที่เกี่ยวข้อง
9 หนังรักที่คืนนี้ต้องนอนดูกับแฟน !!!
https://sistacafe.com/summaries/1236
10 หนังรักโรแมนติกที่คุณต้องดูให้ได้!!
https://sistacafe.com/summaries/562