1. SistaCafe
  2. [รวม] สุดยอดหนังอารมณ์เหงา มาตอกย้ำความเหงากันเถอะ!



ม่รู้เป็นอะไรพอเห็นท้องฟ้าสีเทาๆ หม่นๆ มันมีความรู้สึก"เหงา"ทุกที ทั้งที่ผู้คนรอบกายก็มีตั้งมากมาย


แต่หากพูดถึงความเหงาก็คงเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราบ่อยครั้ง บางทีก็บ่อยเสียจนไม่อยากให้มันมาทักทายเท่าไร


พออารมณ์มันกลายเป็นสีเทา ก็ไม่รู้จะออกไปไหน อยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว เพื่อไม่ให้ต้องนอนเหงาเรื่อยเปื่อย



ราขอแนะนำหนังเหงาๆ สำหรับคนขี้เหงาไม่ว่าจะดูเพื่อตอกย้ำความเหงา หรือจะดูเพื่อคลายเหงาก็ได้ทั้งนั้น ....



Her

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F1fd06376-27d6-46db-bb3c-5ea3d050eb73.jpeg?v=20240306123729&ratio=1.500ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F80106c9a-e916-4108-a1ce-3e04e229c3e6.jpeg?v=20240306123729&ratio=1.500

หนังรักเหงาๆ ที่ต้องบอกว่าเหงาจริงๆ เพราะตัวเอกของเรื่องที่มีปฏิสัมพันธ์กับพระเอกนั้น ดันไม่ใช่คนแต่เป็นระบบ OS !  เรื่องราวคร่าวๆ ของหนังเรื่องนี้พูดถึง

Theodore ( Joanquin Phoenix )

นักเขียนจดหมายผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกที่ทุกอย่างง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เขาต้องพบเจอกับเรื่องอ่อนไหวมากมาย มิหนำซ้ำชีวิตยังต้องเจอกับการหย่าร้างอีก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ

Samantha ( Scarlett Johansson ที่มาแค่เสียง ​)

ระบบปฏิบัติการ OS ที่เปรียบเสมือนปัญญาประดิษฐ์ (OS) เพราะสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงรักกับ OS ความรู้สึกของเราที่ดูหนังเรื่องนี้ มันคือความเหงาจริงๆ คนที่จะรู้สึกอะไรๆ กับสิ่งที่เหมือนไม่มีเลือดเนื้อได้นั้น โหมดของความรู้สึกก็ต้องเข้าสู่จุดที่เหงาสุดๆ จริงๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็น Sci-Fi ที่มีกลิ่นของความโรแมนติคดราม่าอย่างเต็มเปี่ยม


Lost in Translation

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F27821815-ff4b-4ccf-a24b-29cfaca383d8.jpeg?v=20240306123729&ratio=1.350ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F37e5c9ef-5038-42c5-99e9-f0c1cdd86a99.jpeg?v=20240306123729&ratio=1.590

พูดถึงหนังเหงาจะขาดเรื่องนี้ได้อย่างไร เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยดู หรือไม่ก็ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะมันขึ้นชาร์จอันดับหนังเหงาตลอดกาล

Lost in Translation

ผลงานการกำกับของผู้กำกับสาว

Sofia Coppola

เรื่องราวภายในหนังพูดถึง

Bob ( Bill Murray )

นักแสดงชาวอเมริกาที่ต้องมาถ่ายงานในญี่ปุ่น และ

Charlotte ( Scarlett Johansson )

สาวสวยที่ต้องตามแฟนมาทำงานในญี่ปุ่น ความเหงาเกิดขึ้นเพราะการอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ได้อยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แล้วความบังเอิญก็พาทั้งคู่มาเจอกัน แลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อกัน มันไม่ใช่เรื่องของความรัก หรือความฉาบฉวยใดๆ แต่เปรียบเสมือนเรื่องของคนสองคนที่มีความรู้สึกเดียวกัน ได้พบเจอกัน เหมือนกับคำโปรยของหนังที่ว่า

“ Everyone Want to be found ”



Drive

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F4b05c18a-0b9d-49c9-9107-3d0cb83ad734?v=20240306123729&ratio=1.000ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F0292d83f-ef22-48c7-9bb7-bf8413e86620.jpeg?v=20240306123729&ratio=1.692

เหงา แต่โคตรเท่ น่าจะเป็นคำนิยามของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

Drive

ผลงานกำกับของ

Nicolas Winding Refn

ผู้กำกับหนังรางวัลคานส์ หากคุณคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังบู๊ มีฉากรถแข่งซิ่งกันทั้งเรื่อง ก็ต้องบอกว่าผิดถนัด เพราะหนังมันคือ หนังเหงาๆ ที่มีความดราม่าแทรกซ้อนอยู่เต็มไปหมด เรื่องราวของหนังเล่าถึงสตั๊นแมนหนุ่ม

( Ryan Gosling )

ที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อ เขาทำหน้าที่เป็นสตั๊นแมน ที่รับจ๊อบขับรถให้กับแก๊งค์โจร ชีวิตที่ดาร์คๆ หม่นๆ ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ

Irene ( Carey Mulligan )

คุณแม่ลูกหนึ่งที่อาศัยอยู่ห้องพักข้างๆ ที่สามีของเธอติดคุกอยู่ เขาทั้งสองได้ใช้เวลาสั้นๆ อยู่ด้วยกัน จนสามีของเธอพ้นโทษออกมา แต่ก็มีเหตุทำให้ต้องกลับไปพัวพันกับเรื่องเลวร้ายอีก และ Driver คนนี้ก็เอื้อมมือเข้าไปช่วย ทำให้มีเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา หนังเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงนำทั้งสองคนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านทางแววตาได้อย่างเหมาะสม สีภาพของหนังที่ให้ฟิลลิ่งเทาๆ ให้อารมณ์เหงาได้ดี อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ Ryan Gosling คูลมากทีเดียวสำหรับบทบาทนี้ ถึงจะเหงา แต่ก็มีความมันส์ที่ ไม่ควรพลาด


In the Mood for Love

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F9ac0c23b-8794-4fd7-b5f3-ce9469ec72c3.jpeg?v=20240306123730&ratio=1.478ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F9ff82908-5cf9-484b-8571-063ba00f8825.jpeg?v=20240306123730&ratio=1.216

หากจัดลิสต์หนังเหงา แล้วต้องมีหนังของ

หว่อง กา ไว

อยู่ด้วย เพราะฟิลเหงาถือเป็นลายเซ็นของหว่อง กา ไว  สำหรับ

In the Mood for Love

นั้นเป็นหนังรักดราม่าแสนเหงา ที่ว่าด้วยเรื่องราวของความรักที่ถูกที่ แต่ผิดเวลา เพราะคนสองคนต่างก็มีคนรักของกันและกันอยู่แล้ว ฉากของฮ่อกกงในยุค 60s Su Li-zhen หรือ

Mrs.Chan ( Maggie Cheung )

ภรรยาของสามีที่ต้องบินไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอต้องเหงาอยู่คนเดียวในห้อง และ

Chow Mo-wan ( Tony Chiu Wai Leung )

สามีของภรรยาผู้ที่ต้องทำงานกะดึกจนแทบไม่มีเวลาได้พบหน้ากัน Su Li-zhen และ Chow Mo-wan ได้พบเจอกันเป็นประจำเพราะห้องพักของพวกเขาอยู่ติดกัน ก่อเกิดเป็นความรักที่ห้ามรัก เพราะมันผิดจารีตประเพณี ทำให้เกิดความเหงาที่เกาะกินหัวใจแบบสุดๆ ฉากของหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่มาถ่ายทำในเมืองไทยด้วย


Into the Wild

ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F9d01a946-d011-4417-8f36-98a80bc8478d.jpeg?v=20240306123730&ratio=1.586ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2F44fa2341-2699-4588-91af-5dc07f1fc660.jpeg?v=20240306123730&ratio=1.400

เรื่องราวของความขบถที่น่าจะเข้ากับหนุ่มสาวในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างมีความต้องการที่จะออกไปทำอะไรที่เป็นของตัวเอง หรืออยากออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ควรที่จะดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวเล่าถึง

Chris McCandless (Emile Hirsch)

หนุ่มนักคิดที่มีความคิดว่าการตั้งใจเรียน และรับปริญญาให้พ่อแม่ได้เป็นความหวังสูงสุดที่พวกเขาต้องการ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มแสดงอาการขบถต่อสิ่งต่างๆ อย่างเรื่องที่ชัดเจนเลยก็คือ การที่พ่อแม่อยากซื้อรถใหม่ให้ Chris แต่เขากลับเถียงว่ารถคันเก่ายังสามารถขับได้ดีอยู่ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจออกจากบ้านไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง เดินไป เข้าไปอยู่ในป่า หากินด้วยตัวเอง ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถหาได้จากในตำรา และไม่สามารถพบเจอได้ถ้าเขายังอยู่ในระบบตามแบบที่คนอื่นเป็น ความเหงาที่เกิดขึ้นจากความโดดเดี่ยว การเอาชีวิตรอดจากสิ่งต่างๆ สร้างอารมณ์เหงาเป็นอย่างมาก สิ่งที่ Chris จะต้องจดจำ คงเป็นสิ่งเดียวกันที่เราจะได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ

Sean Penn

นักแสดงมากฝีมืออีกหนึ่งคนของวงการ


ภาพประกอบบทความ:sistacafe-assets:____%2Fc%2F1463%2Fc232bbf1-6199-40c5-a022-fa5a6da72f60.jpeg?v=20240306123730&ratio=1.400

หนังทั้งหมดที่เราแนะนำมา อยากรู้ต้องลองชมและตัดสินใจด้วยตัวคุณเองสำหรับเราดูแล้วมันเป็นความเหงา อึมครึมอย่างประหลาดทีเดียว


หลายคนก็ชื่นชอบกับความรู้สึกเหงา บางคนก็พยายามวิ่งหนีมัน แต่ความจริงแล้ว ความเหงา คือ เพื่อนคนสนิทที่วันใดเราขาดไป เราอาจจะคิดถึงมันก็ได้ ต่อให้มีแฟนมีเพื่อนมากมาย ความเหงาก็มาทักทายเราเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราก็หันหน้ามายอมรับ และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตไปกับมันดีกว่าไหมครับ.


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้