รูปภาพ:https://cdn.twibooru.org/img/2020/7/19/1471937/full.gif

ฮัลโหลลล สาวๆSistaCafeที่อยาก' โตเป็นผู้ใหญ่ 'ทุกคนก็ปฏิเสธไม่ได้หรอกว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคมที่ต้องการการพึ่งพาอาศัย ช่วยเหลือกัน และบางคนก็มีแรงซัพพอร์ตดีเยี่ยมจากพ่อแม่ พี่น้อง คนในครอบครัว แก๊งเพื่อนก็คอยช่วยเหลือ สปอยล์เก่งเรียกว่าโตมาแบบเส้นทางโรยด้วยกลีบกุหลาบที่แท้ทรู...แต่เมื่อสาวๆ เหล่านั้นเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ เข้าสู่วัยมหาลัย วัยทำงาน เธอจะเริ่มเจอปัญหามากมายที่ถาโถมเข้ามาในชีวิต ทั้งเรื่องงาน สังคม การปรับตัว การจัดการอารมณ์ คนที่ไม่เคยเจอความจริงเหล่านี้มาก่อน ช็อกไปเลยก็มีค่ะบางอย่างพ่อแม่ก็ไม่สามารถยื่นมือมาช่วยได้ทุกเรื่อง หรือแม้แต่เรื่องที่ช่วยได้มาตลอด สักวันหนึ่งพวกเขาก็ต้องปล่อยมือ ไม่มีใครมาอุ้มชูหรือให้ท้ายเราได้ตลอดไป ทั้งเรื่องของทรัพย์สินเงินทอง วุฒิภาวะ ความรับผิดชอบ เมื่อไม่เคยมีภูมิคุ้มกันเลย ก็กลายเป็นคนอ่อนต่อโลก ต้องพึ่งพาคนอื่นตลอดเวลา ซึ่งไม่ใช่สิ่งที่แฮปปี้เลยวันนี้เราเลยพาซิสๆ ทั้งหลายมาเติบโตเป็นสาวแกร่งไปด้วยกันกับ' 7 วิธีเสริมความมั่นใจ บูสต์ Self-Reliance ดูแลตัวเองได้ 'จะต้องเริ่มจากอะไร เราไปดูกันเลยดีกว่าค่า

1. หัดที่จะมี ' ความรับผิดชอบ ' ( เริ่มจากเรื่องเล็กๆ ก่อนก็ได้ )

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/u42N39202.jpg

ต้องยอมรับก่อนข้อนึงว่า ความเป็นผู้ใหญ่จะมาเป็นแพ็กเกจคู่กับ ' ความรับผิดชอบ ' มีภาระหน้าที่ที่ต้องแบกรับ มีสิ่งที่สำคัญมากพอที่เธอยอมทำเรื่องที่ไม่ชอบ เพื่อป้องกันการสูญเสียมันไป


ถ้ายกตัวอย่างให้เห็นชัดที่สุดก็คือ อยากเรียนจบได้เกรดดีๆ เธอก็จำเป็นต้องเข้าคลาส อ่านหนังสือทบทวน ทำรายงานอย่างหนัก เพื่อให้ได้ทรานสคริปต์แปะ A+ เป็นใบเบิกทางสมัครงานนั่นเองค่ะ

เมื่อเรียนจบเข้าวัยทำงาน ภาระหน้าที่ก็จะเริ่มมากขึ้น หลายครอบครัวก็เริ่มจะปล่อยให้หารายได้ด้วยตัวเอง ไม่ส่งค่าขนมอีกต่อไป ต้องหางานประจำ เริ่มผ่อนบ้านผ่อนรถ ถ้าแต่งงานมีลูก การเลี้ยงลูกก็นับเป็นความรับผิดชอบมหาศาลที่ต้องดูแลกันไปอีกหลายสิบปี


ทั้งนี้ ถ้าเธอยังเป็นมือใหม่กับเรื่องนี้ เราขอให้เธอเริ่มจากเรื่องเล็กๆ ก่อนก็ได้ เช่น ถ้ายังเรียนอยู่ ก็รับผิดชอบการเรียนของตัวเองให้ดีที่สุดก่อน หากทำงานเมื่อไหร่ก็ย้ายออกมาอยู่เอง ถ้ายังอยู่กับที่บ้านก็ช่วยจ่ายค่าน้ำค่าไฟ เป็นภาระให้น้อยที่สุด เท่านี้ก็ขยับขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่อีกก้าวแล้ว

2. เกิดเรื่องอะไรขึ้น ต้อง ' ตัดสินใจ ' เอง และรับผลที่ตามมาให้ได้

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/3vKC39204.jpg

ตอนที่เธอยังเด็ก เธอไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบกับการกระทำของตัวเองสักเท่าไหร่ เพราะไม่ว่าจะเลือกเส้นทางไหน ผู้ปกครองก็จะเคลียร์ปัญหาที่เกิดขึ้นแทนเธออยู่ดี แต่เมื่ออายุมากขึ้นเรื่อยๆ สิ่งที่ต้องเลือกในเส้นทางชีวิตจะเริ่มเป็นเรื่องใหญ่ที่ส่งผลกระทบมากขึ้น มากขึ้น

หากเธออายุเกินบรรลุนิติภาวะเมื่อไหร่ เธอต้องตัดสินใจเองได้แล้ว เพราะในวัยผู้ใหญ่ ถ้าเธอยังปล่อยให้พ่อแม่จัดการแทน นั่นไม่ใช่การช่วยเหลือ แต่เป็นการควบคุมเด็กโข่งที่ยังไม่โตต่างหาก

ไม่ว่าจะเรื่องคณะ มหาลัยที่เรียนต่อ, บริษัทที่จะสมัครเข้าทำงาน, แพลนย้ายไปใช้ชีวิตต่างประเทศ, บ้านหรือรถที่เล็งจะผ่อนซื้อในอนาคต หรือแม้แต่การเลือกคู่ชีวิต เธอก็ควรที่จะเลือกเส้นทางนั้นๆ ด้วยตัวเอง

และที่สำคัญ ต้องเตรียมใจรับผลที่จะตามมาและวิธีแก้ไขปัญหาด้วย หากสิ่งที่เลือกไม่ได้สวยหรูตามที่คิดไว้ เพราะชีวิตจริงมักไม่เคยเป็นไปตามแผน จะเป็นผู้ใหญ่หรือไม่ ก็วัดกันที่สกิลการแก้ไขปัญหาระหว่างทางนี่แหละค่ะซิส

3. เรียนรู้ทักษะที่ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน ( Practical Skills ) ให้มากที่สุด

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/sc7H39194.jpg

เมื่อเราเติบโต อายุมากขึ้น เส้นทางชีวิตของเราจะสวนทางกับพ่อแม่ที่อายุมากขึ้น เรี่ยวแรงของพวกเขาก็เริ่มลดน้อยลง งานที่เขาเคยทำได้ วันหนึ่งก็อาจทำไม่ได้อีกต่อไป เช่นทักษะการขับรถ งานช่างไม้ แบกของ ประกอบเฟอร์นิเจอร์ เปลี่ยนหลอดไฟ เติมยางลมรถ,งานบ้านทั่วไป ซักผ้า ล้างจาน ดูดฝุ่น ล้างห้องน้ำ ทำอาหาร หรือการคิดบัญชีรายรับรายจ่ายในบ้าน ใช้โปรแกรมสำคัญๆ ในคอมพิวเตอร์ เป็นต้น


เธอจึงควรเรียนรู้ไว้ หากยังอยู่กับที่บ้านก็จะได้ช่วยเหลือพวกเขายามลำบาก แต่ถึงจะแยกออกมาอยู่เองคนเดียว สกิลเหล่านี้ก็ยังจำเป็นต้องใช้เพื่อเอาตัวรอดอยู่ดี รู้ไว้ไม่เสียหลาย

ยิ่งเธอมีทักษะรอบตัวเยอะมากเท่าไหร่ ก็จะยิ่งลดโอกาสการตกอยู่ในสถานการณ์ที่ทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้จะไปพึ่งพิงใคร ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ ซึ่งเชื่อเถอะว่าเวลาฉุกเฉินบางอย่าง มันรอคนมาช่วยไม่ทัน ถ้าเธอเอาตัวรอดไม่ได้ก็เท่ากับรอความตาย คงไม่มีใครอยากไปอยู่จุดนั้นแน่

สกิลไหนพ่อแม่สอนได้ก็ให้เขาสอน สกิลไหนต้องใช้ความเชี่ยวชาญก็ลงเรียนเป็นจริงเป็นจังซะ เชื่อเถอะว่ามันจะช่วยเธอได้ในอนาคตจริงๆ ค่ะ

4. ดูแลตัวเองให้แข็งแรง ทั้งสุขภาพกายและใจ

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/MVFn39195.jpg

ตอนยังเป็นวัยรุ่น ระบบเผาผลาญยังดี กำลังวังชายังเต็มเปี่ยม หลายคนก็ใช้ชีวิตแบบไม่ค่อยสนใจสุขภาพมาก กินอาหารจั๊งก์ฟู้ด ซัดขนมหวานตอนดึกๆ เหล้าบุหรี่จัดเต็ม ไปผับเมากันอ้วกแตกอ้วกแตนยันเช้า อดนอน นอนเช้า ออกกำลังกายเหรอ เอาไว้ก่อนละกันขี้เกียจ ย่ามใจว่ากินอะไรก็ไม่อ้วน


พอขึ้นเลข 3 เท่านั้นแหละเธอเอ๊ย กินเท่าเดิมแต่น้ำหนักมีแต่จะทะยานขึ้น โรคก็มาเคาะประตูเยี่ยมเยียนกันไม่หยุดหย่อน ทั้งเบาหวาน ความดัน หัวใจ เก๊าต์ และอีกมากมาย ถ้ายังทำพฤติกรรมเดิม กลัวว่าจะมีชีวิตอยู่ไม่ทันแก่ ก็จะได้ R.I.P ซะก่อนเด้อ

เมื่อเราเป็นผู้ใหญ่ เรามีภาระต้องดูแลคนข้างหลัง มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ การดูแลตัวเองให้แข็งแรงไร้โรคภัยก็ถือเป็นหน้าที่อย่างหนึ่งเช่นกัน เพราะถ้าเราล้ม เราป่วยติดเตียงขึ้นมาก็ต้องลำบากคนอื่นอีก

ดังนั้นจงพยายามรักษาสุขภาพให้มากขึ้น ตรวจสุขภาพทุกปีเพื่อเช็กสภาพร่างกาย,ลดของหวาน มัน ทอด, ดื่มน้ำเยอะๆ, ออกกำลังกายบ้างอย่างน้อย 20-30 นาที สัปดาห์ละ 3-5 วัน, เลี่ยงของมึนเมา สิ่งเสพติดทั้งหลาย เป็นต้น ได้ทั้งรักตัวเองและรักคนอื่นไปด้วยพร้อมๆ กัน

ที่จะละเลยไม่ได้ คือหาเวลาไปผ่อนคลายตัวเอง ทำงานอดิเรกที่ชอบ เพื่อรักษาสุขภาพจิตให้ยังมีความสุข เพราะการเป็นผู้ใหญ่มันเหนื่อยและบั่นทอนอารมณ์แน่นอน โดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามค่ะ

5. ฟังเสียงและยอมรับ ' ความรู้สึก ' ของตัวเอง อย่าพยายามหนีความจริง

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/eA0j39200.jpg

วุฒิภาวะอย่างหนึ่งที่แสดงชัดเจนว่าเธอเป็น ' ผู้ใหญ่ ' แล้วจริงๆ คือการยอมรับความจริง ไม่ว่าจะเรื่องดีหรือร้ายค่ะ มันอาจจะดูเป็นเรื่องง่ายนะ แต่สำหรับบางเหตุการณ์หลายคนก็ทำใจลำบากที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น เช่น การโดนแกล้ง โดนบุลลี่สมัยเป็นนักเรียนมาตลอดหลายปีจนเป็นปมฝังใจ,

คนสำคัญในครอบครัวเสียชีวิต, ตัวเองหรือคนที่ห่วงใยป่วยเป็นโรคร้าย, ถูกไล่ออกจากงานโดยไม่มีสาเหตุที่ชัดเจน เป็นต้น //แค่อ่านก็รู้สึกกำหมัดในความดาร์กของโลกใบนี้แล้วใช่ไหมล่ะ แต่นี่แหละค่ะชีวิต บางคนจนแก่แล้วก็ยังรับไม่ได้อยู่เลย

ตอนยังเด็กๆ สมองส่วนอารมณ์อาจจะยังพัฒนาไม่เต็มที่ ทำให้เราไม่อยากรับรู้เรื่องร้าย หนีความจริงไปเรื่อย หรือแสดงอารมณ์ด้านลบๆ หงุดหงิด โมโหใส่คนอื่นออกไปโดนไม่ทันได้คิด บ่งบอกถึงความเป็นเด็กยังไม่โตสุดๆ


จะเริ่มแก้ปัญหาก็ทำไม่ได้เพราะไม่ยอมรับ สุดท้ายคนที่เจ็บสุดก็คือตัวเธอเอง ดังนั้นจงตั้งสติ นั่งสมาธิสงบจิตใจ แรกๆ อาจจะใช้เวลานานหน่อย แต่เมื่อปลดล็อกตัวเองได้เมื่อไหร่ อะไรๆ ก็จะง่ายขึ้นค่ะ

6. ถ้าอารมณ์เสีย ดิ่ง ต้องหาทางระบายด้วยวิธีที่ ' สร้างสรรค์ ' ไม่ใช่บ่อนทำลาย

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/JKlS39203.jpg

จะเป็นเด็กหรือผู้ใหญ่ มนุษย์ทุกคนก็เกิดอารมณ์ด้านลบ รู้สึกโกรธ โมโห เหวี่ยง นอยด์ได้เป็นเรื่องธรรมดา ถ้าเด็กเสียใจจากการไม่ได้กินไอติม ไม่ได้วิ่งเล่น ผู้ใหญ่ก็เสียใจจากการทำงานพลาด โดนเจ้านายด่า โดนแฟนบอกเลิกได้เช่นกัน


ถ้ายังอายุน้อย ไม่มีวุฒิภาวะ หลายคนก็แสดงออกด้วยความเกรี้ยวกราด กรี๊ด ทำลายข้าวของ ทำร้ายผู้อื่น ด่าหยาบคาย ซึ่งแน่นอนว่าเป็นพฤติกรรมที่ toxic และไม่มีคนไหนอยากทนกับเรื่องพวกนี้แม้แต่ตัวเธอเองด้วยซ้ำ

เมื่อจะเทิร์นโปรเป็นผู้ใหญ่ที่คนเกรงใจ นับถือ ไม่ทำตัวให้คนต้องมองแล้วซุบซิบนินทา เธอต้องรู้จักระบายอารมณ์ออกในเชิงบวก โกรธได้ไม่ผิด แต่ต้องไปลงกับวิธีที่สร้างสรรค์ ไม่ทำร้ายตัวเองและผู้อื่น เช่น นั่งสมาธิ ไปสงบสติอารมณ์ที่เงียบสงบอย่างทะเล ภูเขา วาดรูป เล่นเกม เล่นกีฬา

หรือจะเอาความโมโหไปใช้กับงานก็ยิ่งดี เช่น อยากชกหน้าใครสักคน ก็เอาแรงไปใช้กับการชกมวยออกกำลังกาย ตอกตะปู ขุดดิน ยกกระถางต้นไม้แทน ย้ำอีกรอบว่าเราไม่จำเป็นต้องอดทน นั่งนิ่งเป็นแม่พระค่ะ แค่เราต้องแสดงออกให้เป็นประโยชน์กับตัวเองเท่านั้น

7. หยุด ' เปรียบเทียบชีวิตกับคนอื่น ' โฟกัสกับเส้นทางของตัวเองก็พอ

รูปภาพ:https://www.i-pic.info/i/qm3y39201.jpg

พูดง่ายแต่ทำยาก อันนี้เข้าใจ! ยิ่งสาวๆ คนไหนที่อยู่ในวงสังคมที่คนรอบข้างต่างประสบความสำเร็จ คนนี้ก็มีเงินในบัญชีร้อยล้าน คนนั้นก็เพิ่งแต่งงานมีลูกน่ารัก อีกคนแพ็กกระเป๋าไปเที่ยวชิคๆ รอบโลกอีกแล้ว หันกลับมาดูตัวเองยังไม่มีอะไรสักอย่าง

หน้าที่การงานก็ธรรมดา บ้านกับรถก็ยังผ่อนไม่หมด มันก็แอบจะน้อยใจตัวเองอยู่บ้างเหมือนกัน แต่คนเป็นผู้ใหญ่แล้วเขาจะรู้กันว่า เส้นทางชีวิตของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เอาไปเปรียบเทียบกันไม่ได้ เทียบไปก็นอยด์เปล่าๆ ค่ะ

แต่ละคนเติบโตมาในสภาพแวดล้อม ฐานะทางบ้าน สถาบันการศึกษาที่จบ คอนเน็กชันต่างๆ ต่างกัน ที่สำคัญคือดวงชะตาคนเราไม่เท่ากัน บางคนโชคดีที่บ้านปูทางไว้ให้แล้ว บางคนจับพลัดจับผลูทำธุรกิจถูกจังหวะเลยรวยเร็ว และการมองคนจากตัวจริงแป๊บๆ หรือโซเชียลที่เซตทุกอย่างมาแล้ว มันคือด้านที่เขาเลือกจะแสดงกับคนนอก


เบื้องหลังมีเรื่องลำบากต้องเสียน้ำตา ดราม่ามากมายแค่ไหนใครจะรู้ บางคนหน้ายิ้มแต่น้ำตาไหลอยู่ข้างใน แอบอิจฉาชีวิตเรียบง่ายของเธออยู่ก็มี ดังนั้นอย่าไปเทียบกับใคร ปล่อยวางเรื่องที่ควบคุมไม่ได้ รับผิดชอบหน้าที่ที่มี ตั้งใจทำชีวิตตัวเองให้ดีที่สุดก็พอค่ะ

รูปภาพ:https://i.gifer.com/HGRP.gif

-----------------------------------------

การเติบโตเป็นผู้ใหญ่มันไม่ยาก แต่ก็ไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไม่อย่างนั้นคงไม่มีภาพยนตร์และซีรีส์มากมายที่แสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนผ่านของช่วงวัย ( coming of age ) เป็นสิบๆ ร้อยๆ เรื่อง แต่ละคนก็เจอปัญหาในชีวิตแตกต่างกันไป มนุษย์เกิดมาก็มีเรื่องน่าปวดหัว น่าเสียใจ หรือน่าหงุดหงิดให้ต้องรับมือทั้งนั้น อยู่ที่ใครจะตั้งรับกับสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว และแก้ไขปัญหานั้นได้หรือเปล่า บางคนก้าวผ่านไปได้อย่างสบายๆ บางคนไปแบบมีบาดแผลขีดข่วนบ้าง และบางคนก็แผลช้ำเหวอะหวะ แต่สุดท้ายทุกอย่างก็จะผ่านไป เป็นบทเรียนหน้าหนึ่งไว้ในชีวิตค่ะ

การเติบโตไม่ใช่การกลายเป็นคนแก่ ยังไม่ใช่จุดจบชีวิตบนโลกใบนี้ แต่คือการปลดล็อกอีกเลเวลที่จะทำให้เธอได้ใช้ชีวิตอย่างรอบคอบ คำนึงถึงผลลัพธ์ที่ตามมามากยิ่งขึ้น ผิดพลาดน้อยลง มีความสัมพันธ์ที่มั่นคงยิ่งขึ้นต่างหาก ก็จริงที่เป็นผู้ใหญ่ไม่ได้สนุกตลอดเวลา แต่มีอะไรให้ออกไปค้นหามากกว่าตอนยังเป็นเด็กน้อยอย่างแน่นอน มาเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุขไปด้วยกันนะคะ ^ ^