1. SistaCafe
  2. [รวม] สุดยอดหนังอารมณ์เหงา มาตอกย้ำความเหงากันเถอะ!



ม่รู้เป็นอะไรพอเห็นท้องฟ้าสีเทาๆ หม่นๆ มันมีความรู้สึก"เหงา"ทุกที ทั้งที่ผู้คนรอบกายก็มีตั้งมากมาย


แต่หากพูดถึงความเหงาก็คงเป็นหนึ่งในความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจของเราบ่อยครั้ง บางทีก็บ่อยเสียจนไม่อยากให้มันมาทักทายเท่าไร


พออารมณ์มันกลายเป็นสีเทา ก็ไม่รู้จะออกไปไหน อยากจะอยู่เงียบๆ คนเดียว เพื่อไม่ให้ต้องนอนเหงาเรื่อยเปื่อย



ราขอแนะนำหนังเหงาๆ สำหรับคนขี้เหงาไม่ว่าจะดูเพื่อตอกย้ำความเหงา หรือจะดูเพื่อคลายเหงาก็ได้ทั้งนั้น ....



Her

หนังรักเหงาๆ ที่ต้องบอกว่าเหงาจริงๆ เพราะตัวเอกของเรื่องที่มีปฏิสัมพันธ์กับพระเอกนั้น ดันไม่ใช่คนแต่เป็นระบบ OS !  เรื่องราวคร่าวๆ ของหนังเรื่องนี้พูดถึง

Theodore ( Joanquin Phoenix )

นักเขียนจดหมายผู้ที่อาศัยอยู่ในโลกที่ทุกอย่างง่ายเพียงปลายนิ้วสัมผัส เขาต้องพบเจอกับเรื่องอ่อนไหวมากมาย มิหนำซ้ำชีวิตยังต้องเจอกับการหย่าร้างอีก แต่แล้วเขาก็ได้พบกับ

Samantha ( Scarlett Johansson ที่มาแค่เสียง ​)

ระบบปฏิบัติการ OS ที่เปรียบเสมือนปัญญาประดิษฐ์ (OS) เพราะสามารถโต้ตอบกับผู้ใช้งานได้อย่างชาญฉลาด และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาหลงรักกับ OS ความรู้สึกของเราที่ดูหนังเรื่องนี้ มันคือความเหงาจริงๆ คนที่จะรู้สึกอะไรๆ กับสิ่งที่เหมือนไม่มีเลือดเนื้อได้นั้น โหมดของความรู้สึกก็ต้องเข้าสู่จุดที่เหงาสุดๆ จริงๆ หนังเรื่องนี้ถือเป็น Sci-Fi ที่มีกลิ่นของความโรแมนติคดราม่าอย่างเต็มเปี่ยม


Lost in Translation

พูดถึงหนังเหงาจะขาดเรื่องนี้ได้อย่างไร เราเชื่อว่าหลายคนคงเคยดู หรือไม่ก็ผ่านหูผ่านตากันมาบ้างแล้ว เพราะมันขึ้นชาร์จอันดับหนังเหงาตลอดกาล

Lost in Translation

ผลงานการกำกับของผู้กำกับสาว

Sofia Coppola

เรื่องราวภายในหนังพูดถึง

Bob ( Bill Murray )

นักแสดงชาวอเมริกาที่ต้องมาถ่ายงานในญี่ปุ่น และ

Charlotte ( Scarlett Johansson )

สาวสวยที่ต้องตามแฟนมาทำงานในญี่ปุ่น ความเหงาเกิดขึ้นเพราะการอยู่ผิดที่ผิดทาง ไม่ได้อยู่ในบ้านเกิดเมืองนอนของตัวเอง แล้วความบังเอิญก็พาทั้งคู่มาเจอกัน แลกเปลี่ยนความรู้สึกที่มีต่อกัน มันไม่ใช่เรื่องของความรัก หรือความฉาบฉวยใดๆ แต่เปรียบเสมือนเรื่องของคนสองคนที่มีความรู้สึกเดียวกัน ได้พบเจอกัน เหมือนกับคำโปรยของหนังที่ว่า

“ Everyone Want to be found ”



Drive

เหงา แต่โคตรเท่ น่าจะเป็นคำนิยามของหนังเรื่องนี้ได้เป็นอย่างดี

Drive

ผลงานกำกับของ

Nicolas Winding Refn

ผู้กำกับหนังรางวัลคานส์ หากคุณคิดว่าหนังเรื่องนี้เป็นหนังบู๊ มีฉากรถแข่งซิ่งกันทั้งเรื่อง ก็ต้องบอกว่าผิดถนัด เพราะหนังมันคือ หนังเหงาๆ ที่มีความดราม่าแทรกซ้อนอยู่เต็มไปหมด เรื่องราวของหนังเล่าถึงสตั๊นแมนหนุ่ม

( Ryan Gosling )

ที่ไม่มีแม้กระทั่งชื่อ เขาทำหน้าที่เป็นสตั๊นแมน ที่รับจ๊อบขับรถให้กับแก๊งค์โจร ชีวิตที่ดาร์คๆ หม่นๆ ของเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปเมื่อเขาได้พบกับ

Irene ( Carey Mulligan )

คุณแม่ลูกหนึ่งที่อาศัยอยู่ห้องพักข้างๆ ที่สามีของเธอติดคุกอยู่ เขาทั้งสองได้ใช้เวลาสั้นๆ อยู่ด้วยกัน จนสามีของเธอพ้นโทษออกมา แต่ก็มีเหตุทำให้ต้องกลับไปพัวพันกับเรื่องเลวร้ายอีก และ Driver คนนี้ก็เอื้อมมือเข้าไปช่วย ทำให้มีเหตุการณ์ต่างๆ ตามมา หนังเรื่องนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับนักแสดงนำทั้งสองคนที่สามารถถ่ายทอดอารมณ์ผ่านทางแววตาได้อย่างเหมาะสม สีภาพของหนังที่ให้ฟิลลิ่งเทาๆ ให้อารมณ์เหงาได้ดี อีกหนึ่งเรื่องที่ไม่พูดไม่ได้ก็คือ Ryan Gosling คูลมากทีเดียวสำหรับบทบาทนี้ ถึงจะเหงา แต่ก็มีความมันส์ที่ ไม่ควรพลาด


In the Mood for Love

หากจัดลิสต์หนังเหงา แล้วต้องมีหนังของ

หว่อง กา ไว

อยู่ด้วย เพราะฟิลเหงาถือเป็นลายเซ็นของหว่อง กา ไว  สำหรับ

In the Mood for Love

นั้นเป็นหนังรักดราม่าแสนเหงา ที่ว่าด้วยเรื่องราวของความรักที่ถูกที่ แต่ผิดเวลา เพราะคนสองคนต่างก็มีคนรักของกันและกันอยู่แล้ว ฉากของฮ่อกกงในยุค 60s Su Li-zhen หรือ

Mrs.Chan ( Maggie Cheung )

ภรรยาของสามีที่ต้องบินไปทำงานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง ทำให้เธอต้องเหงาอยู่คนเดียวในห้อง และ

Chow Mo-wan ( Tony Chiu Wai Leung )

สามีของภรรยาผู้ที่ต้องทำงานกะดึกจนแทบไม่มีเวลาได้พบหน้ากัน Su Li-zhen และ Chow Mo-wan ได้พบเจอกันเป็นประจำเพราะห้องพักของพวกเขาอยู่ติดกัน ก่อเกิดเป็นความรักที่ห้ามรัก เพราะมันผิดจารีตประเพณี ทำให้เกิดความเหงาที่เกาะกินหัวใจแบบสุดๆ ฉากของหนังเรื่องนี้ส่วนใหญ่มาถ่ายทำในเมืองไทยด้วย


Into the Wild

เรื่องราวของความขบถที่น่าจะเข้ากับหนุ่มสาวในสมัยนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะทุกคนต่างมีความต้องการที่จะออกไปทำอะไรที่เป็นของตัวเอง หรืออยากออกไปใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองต้องการ ควรที่จะดูหนังเรื่องนี้เป็นอย่างยิ่ง เรื่องราวเล่าถึง

Chris McCandless (Emile Hirsch)

หนุ่มนักคิดที่มีความคิดว่าการตั้งใจเรียน และรับปริญญาให้พ่อแม่ได้เป็นความหวังสูงสุดที่พวกเขาต้องการ หลังจากนั้นเขาก็เริ่มแสดงอาการขบถต่อสิ่งต่างๆ อย่างเรื่องที่ชัดเจนเลยก็คือ การที่พ่อแม่อยากซื้อรถใหม่ให้ Chris แต่เขากลับเถียงว่ารถคันเก่ายังสามารถขับได้ดีอยู่ ในที่สุดเขาก็ตัดสินใจออกจากบ้านไปใช้ชีวิตในแบบของตัวเอง เดินไป เข้าไปอยู่ในป่า หากินด้วยตัวเอง ทำให้เขาต้องเผชิญหน้ากับสิ่งต่างๆ ที่ไม่สามารถหาได้จากในตำรา และไม่สามารถพบเจอได้ถ้าเขายังอยู่ในระบบตามแบบที่คนอื่นเป็น ความเหงาที่เกิดขึ้นจากความโดดเดี่ยว การเอาชีวิตรอดจากสิ่งต่างๆ สร้างอารมณ์เหงาเป็นอย่างมาก สิ่งที่ Chris จะต้องจดจำ คงเป็นสิ่งเดียวกันที่เราจะได้เรียนรู้จากหนังเรื่องนี้เช่นกัน ซึ่งเรื่องนี้เป็นผลงานกำกับของ

Sean Penn

นักแสดงมากฝีมืออีกหนึ่งคนของวงการ


หนังทั้งหมดที่เราแนะนำมา อยากรู้ต้องลองชมและตัดสินใจด้วยตัวคุณเองสำหรับเราดูแล้วมันเป็นความเหงา อึมครึมอย่างประหลาดทีเดียว


หลายคนก็ชื่นชอบกับความรู้สึกเหงา บางคนก็พยายามวิ่งหนีมัน แต่ความจริงแล้ว ความเหงา คือ เพื่อนคนสนิทที่วันใดเราขาดไป เราอาจจะคิดถึงมันก็ได้ ต่อให้มีแฟนมีเพื่อนมากมาย ความเหงาก็มาทักทายเราเสมอ ถ้าอย่างนั้นเราก็หันหน้ามายอมรับ และเรียนรู้ที่จะใช้ชีวิตไปกับมันดีกว่าไหมครับ.


บทความที่เกี่ยวข้อง

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1