1. SistaCafe
  2. โรคหยุดกินไม่ได้ อยากหยุดก็หยุดไม่ได้ กินเท่าไหร่ก็ไม่อิ่ม

ก่อนหน้านี้ เราได้ยินดารา ศิลปินหลายคนออกมาพูดเรื่องโรคโรคนึง แล้วน่าสนใจดี อาทิเช่น พั้นช์ 4eve และ ไอซ์ ศรัณยู เป็นต้น ซึ่งโรคที่ว่านั้นก็คือ โรคหยุดกินไม่ได้ หรือ Binge Eating Disorder (BED) อีกหนึ่งโรคที่หลาย ๆ คนอาจจะมองว่า มันไม่ได้น่ากลัว แต่จริง ๆ แล้ว มันน่ากลัว เพราะการที่อยากหยุดกิน แต่ก็หยุดไม่ได้ มันจะนำพาโรคอื่น ๆ มาสู่เราแบบไม่ทันตั้งตัว หนึ่งในนั้นคือ โรคอ้วน นั่นเองค่ะ และวันนี้เราจะพาเพื่อน ๆ ไม่ทำความรู้จักกับโรคหยุดกินไม่ได้กัน อาการ สาเหตุ และวิธีรับมือกับโรคนี้ด้วยตัวเอง ต้องทำยังไงบ้าง มาไขข้อข้องใจไปพร้อม ๆ ที่นี่เลยดีกว่า


Binge Eating Disorder (BED) โรคนี้คืออะไร ?

โรคกินไม่หยุด หรือ Binge Eating Disorder (BED) คือ ภาวะความผิดปกติในการกิน เราไม่สามารถควบคุมปริมาณการกินของตัวเองได้ จะกินเยอะมากกว่าปกติ แม้จะเป็นในช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม จะกินเยอะแม้จะไม่รู้สึกหิว กินไม่หยุด หรือต่อให้อยากจะหยุดกิน ก็หยุดกินไม่ได้ ! และไม่สามารถหยุดกินได้แม้รู้สึกอิ่มจนแน่นท้องแล้ว โรคกินไม่หยุดสามารถเกิดขึ้นได้กับทุกเพศ ทุกวัย อย่างไรก็ตามปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดว่า โรคกินไม่หยุดนั้นเกิดจากอะไร


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


BED เกิดจากอะไร ?

แม้จะบอกว่า ไม่สามารถระบุสาเหตุที่แน่ชัดได้ว่า โรคกินไม่หยุด เกิดจากสาเหตุอะไร แต่ก็พอจะบอกได้ว่า มันมีสาเหตุเหมือนกันนะ เบื้องต้นคาดว่าโรคกินไม่หยุดมีสาเหตุและตัวกระตุ้นจากปัจจัยต่อไปนี้

  • ความเครียด ความกังวลที่ค่อนข้างมีอิทธิพลต่อผู้ป่วยมาก เช่น กังวลในรูปร่างของตัวเอง หรือกลัวอ้วนขึ้นมากๆ
  • พฤติกรรมลดน้ำหนักแบบผิด ๆ เช่น อดมื้อกินมื้อ หรือพยายามงดอาหารจนแทบไม่ได้กินอะไรในแต่ละวัน
  • ปัญหาทางครอบครัวที่ฝังลึกในจิตใจ หรือความกดดันทางสังคมจนก่อให้เกิดความเครียด

พฤติกรรมเหล่านี้ ล้วนมีผลที่ทำให้เราป่วยเป็นโรคกินไม่หยุดได้ ซึ่งทั้งหมดคล้ายกับอาการกินตามอารมณ์ ตามใจตัวเอง แต่ต่างกันที่ ถ้าเรากินตามอารมณ์ หรือตามใจตัวเอง อาจเกิดได้จากอารมณ์ที่หลากหลาย เช่น มีความสุข เศร้า เครียด และอาจไม่ได้กินเยอะ และรวดเร็วเท่ากับ Binge Eating Disorder แต่อาจเรียกได้ว่าการกินตามอารมณ์นั้นพัฒนามาเป็นโรคนี้นั่นเอง


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


กินไม่หยุดแบบนี้ มีอันตรายยังไงบ้าง ?

แม้โรคนี้จะไม่ใช่โรคที่ร้ายแรง แต่ก็อย่าเพิ่งชะล่าใจไปค่ะ เพราะมันเป็นโรคที่สามารถกระทบต่อชีวิต และจิตใจของผู้ป่วยได้ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม พฤติกรรมกินเยอะเป็นช่วง ๆ อาจนำมาซึ่งปัญหาสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน ไขมันในเลือดสูง ความดันสูง โรคอ้วน โรคหัวใจโรค หลอดเลือดหัวใจอุดตัน โรคหลอดเลือดสมอง รวมทั้งโรคที่เกิดจากน้ำหนักตัวที่มากเกินไปด้วย เพราะฉะนั้นเป็นแล้ว ควรรีบทำการรักษา อย่ากปล่อยเบลอ และมองว่า มันไม่ได้ร้ายแรงอะไรนะคะ



ชวนเช็กลิสต์ ! อาการโรคกินไม่หยุด เราเข้าข่ายไหม ?

ก่อนที่เราจะไปดูวิธีรับมือกับโรคกินไม่หยุดกัน มาเช็กลิสต์อาการของโรคกินไม่หยุดกันหน่อยดีกว่า อยากรู้แล้วว่า นอกจากอาการกินไม่หยุด มันมีอาการอะไรอย่างอื่นอีกมั้ย ไปดูพร้อม ๆ กันเลยค่ะ

  • กินมากกว่าปกติ และทุกครั้งที่เริ่มกิน ก็เหมือนจะควบคุมปริมาณอาหารที่กินเข้าไปไม่ได้
  • กินด้วยความรวดเร็วเสมอ และยังคงกินอีกได้เรื่อย ๆ แม้จะรู้สึกอิ่มจนแน่นท้องแล้วก็ตาม
  • สามารถกินอาหารในปริมาณมากได้ แม้จะไม่รู้สึกหิวเลยสักนิด
  • ทุกครั้งที่เกิดอาการ ก็มักจะหลบไปกินคนเดียว เพราะอายที่จะให้ใครรู้ว่า ตัวเองกินได้เยอะขนาดไหน
  • เมื่อไหร่ก็ตามที่เครียด หรือรู้สึกอารมณ์เสีย อารมณ์ไม่ดี จะยิ่งกินมากขึ้น แต่จะรู้สึกผิด และรู้สึกแย่ทุกครั้ง หลังกินอาหารมื้อใหญ่เข้าไปแล้ว
  • มีพฤติกรรมแปลก ๆ คือ กังวลกับน้ำหนักตัว และรูปร่าง แต่กลับกินไม่หยุด พยายามอย่างมากที่จะควบคุมตัวเอง หรือพยายามลดน้ำหนักอย่างหักโหมจนเกินพอดี แต่ก็เหมือนเอาชนะใจตัวเองไม่สำเร็จ จนบางครั้งก็เกิดความรู้สึกเกลียดตัวเองทุกครั้งที่กินอาหาร

แชร์ 10 วิธีหยุดตัวเองไม่ให้กินเยอะ ต้องทำยังไง ?


หยุดกินก่อนจะอิ่มจนยัดเข้าไปไม่ไหว!

ถ้าคุณฟังเสียงหัวใจ เอ๊ย! กระเพาะของคุณดี ๆ แล้วล่ะก็  ที่จริงมันคอยบอกอยู่ตลอดเวลาว่า เมื่อไหร่ที่คุณอิ่มจริง ๆ คอยสังเกตกระเพาะ เมื่อมันร้องเตือนว่า อิ่มเมื่อไหร่ รีบวางช้อนส้อมทันที ! แม้ว่า อาหารข้างหน้าจะเป็นข้าวผัดเจ้าอร่อย สเต็กห้าดาว ข้าวมันไก่ที่ได้เชลล์ชวนชิมก็ตาม หยุดเดี๋ยวนี้เลย ! ระหว่างกินก็ถามตัวเองเป็นระยะ ๆ ว่า “ ฉันยังหิวอยู่หรือเปล่า ” กระเพาะที่น่าสงสารถูกเติมเต็มแล้วใช่ไหม หลักการคือ กิน 2 - 3 ช้อน หยุดคิด แล้วกินต่อ ทำแบบนี้จนหมดจาน !

ถ้าคุณทำตามหลักการนี้อย่างเคร่งครัด ความอยากสวาปาม อาหารจะค่อย ๆ หดหายไป เปรียบกับเวลาที่เราอัดอั้นอะไรไว้เยอะ ๆ แต่เมื่อปล่อยระบายออกมาทีละน้อย ในที่สุดความอึดอัดนั้นจะหายไปเองโดยธรรมชาติ คุณจะหยุดกินเองโดยอัตโนมัติการที่คุณกินข้าวไม่หมดจาน ไม่ใช่ความผิดร้ายแรงระดับชาติ ดังนั้นอย่าคิดมาก ! คำพูดที่ว่า “ อย่ากินทิ้งกินขว้าง ” ทำให้คนไทย ( และทั่วโลก ) กินเยอะเกินความจำเป็น จนน้ำหนักเกินพิกัด ! ถ้าอิ่มแล้วก็เก็บไว้กินมื้อหน้าค่ะ ไม่ต้องฝืนกินจนไขมันพอกพูนนะจ๊ะ


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


เคี้ยวเยอะ ๆ เคี้ยวแล้วก็เคี้ยวอีก !

เคี้ยวให้ละเอียดที่สุดเท่าที่จะทำได้ ! การเคี้ยวทำให้คุณกินอาหารช้าลง รู้ตัวว่า กระเพาะมีอาหารเข้าไปเติมเต็มเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นหยุดกินได้ ! มีงานวิจัยกล่าวว่า คนที่น้ำหนักเกินเกณฑ์ สัญญาณในร่างกายที่ทำให้เรารู้สึก “ พอ ” กว่าจะส่งไปถึงสมอง ใช้เวลาถึง 20 นาทีเชียวนะ !

ถ้าคุณอยากผอม ต้องรอให้สัญญาณสมองทำหน้าที่ของมัน เคี้ยวให้ละเอียด ทีละคำ ๆ ทำความเข้าใจร่างกายว่า จริง ๆ แล้วเราต้องการอาหารเท่าไหร่กันแน่ ข้อดีอีกอย่างของการเคี้ยวคือ ช่วยทำให้ระบบย่อยอาหารทำงานดีขึ้น และยังหลอกให้มันคิดว่า ได้รับอาหารมากกว่าที่กินเข้าไปจริง ๆ อีกด้วย เคี้ยวอย่างละเอียด และเหมาะสมจึงทำให้หยุดยั้งอาการกินแหลกได้ค่ะ


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


ระหว่างกิน ดื่มน้ำตามเข้าไปด้วย !

ดื่มน้ำเปล่ากับอาหารทุกมื้อที่กิน ย้ำว่า น้ำเปล่าเท่านั้นนะคะ จะให้ผลตรงข้ามกับน้ำอัดลม แอลกอฮอล์อย่างสุรา หรือเบียร์ และเครื่องดื่มเพิ่มแคลอรี่ทั้งหลาย การดื่มน้ำช่วยบรรเทาอาการขาดน้ำได้ และยังมีส่วนสำคัญในการยับยั้งภาวะกินไม่หยุดด้วย ! เพราะน้ำเปล่าไม่มีแคลอรี่ ! ย้ำอีกรอบ ไม่มีพลังงานแต่อย่างใด ! แทนที่คุณจะสั่งกาแฟเย็น ฉีดวิปครีมแก้วโต ดื่มน้ำเปล่าแทนดีกว่า ลดแคลอรี่ฮวบ ๆ

สาว ๆ บางคนอาจคิดว่า พลังงานส่วนเกินมาจากอาหารเท่านั้น แต่สิ่งที่ทุกคนมองข้ามคือ เครื่องดื่ม มอคค่า ลาเต้เย็น ชามะนาว โกโก้ ทั้งหมดล้วนเพิ่มไขมันหน้าท้อง และมีพลังงานเท่ากับข้าวมื้อหลักเลยล่ะ คนรักสุขภาพบางคนจิบน้ำระหว่างกินข้าวทีละคำ ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น และยังช่วยทำให้ย่อยอาหารดีขึ้นอีกด้วย



ตั้งกฎการกินง่าย ๆ กับตัวเอง

อีกหนึ่งวิธีที่อยากหยิบมาแนะนำ ง่ายมาก ๆ คือ การตั้งกฎการกินง่าย ๆ กับตัวเอง เช่น “ กินได้แค่ครึ่งเดียว ” วิธีนี้เป็นวิธีที่ดีในการควบคุมปริมาณอาหารที่ทาน โดยเฉพาะกับคนที่กำลังควบคุมอาหาร และดีมากสำหรับคนที่เป็นโรคกินไม่หยุด การกินเพียงครึ่งเดียว จะช่วยลดปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละมื้อได้อย่างมีนัยสำคัญ อีกทั้งยังช่วยให้คุณใส่ใจกับรสชาติของอาหาร และปริมาณที่ทานมากขึ้น แถมยังลดความเสี่ยงของโรคต่างๆ เช่น โรคอ้วน โรคเบาหวาน และโรคหัวใจด้วย นอกจากนี้ การตั้งกฎง่าย ๆ ยังเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีในการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินที่ไม่ดีต่อสุขภาพให้เป็นพฤติกรรมที่ดีขึ้นอีกด้วย


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


จดบันทึกสิ่งที่กิน ( Food Journal )

การจดบันทึกการกิน หรือ Food Journal คือ การจดบันทึกอาหารที่เรากินเข้าไป ไม่ว่าจะเป็นมื้อเล็ก หรือมื้อใหญ่ หรือแม้จะเป็นแค่เศษขนม หรือเครื่องดื่มก็ตาม เขียนมื้อ เวลา อาหารที่กินเข้าไปลงในสมุดบันทึก วิธีการนี้จะช่วยให้เห็นภาพรวมว่า เรากินอะไรบ้างในแต่ละวัน แต่ละมื้อ และในช่วงเวลาใด พอเราเห็นว่า มีอะไรที่เราจับใส่เข้าปากบ้าง เราก็จะสามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการกินได้อย่างเหมาะสม นอกจากนี้ วิธีนี้ ยังช่วยในการคำนวณปริมาณแคลอรี่ที่ได้รับในแต่ละวัน เพื่อควบคุมน้ำหนัก หรือเพื่อเป้าหมายด้านสุขภาพอื่น ๆ ได้ด้วย เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีมาก ๆ เลยค่ะ


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


เลี่ยงของหวาน ของมัน ที่ทำให้ “ หยุดไม่ได้ ”

ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนที่หยุดกินไม่ได้ กินไปหมดไม่สนว่า ตรงหน้านี้ มันคือเมนูอะไร หวาน หรือคาว อยากจะแนะนำว่า ให้หลีกเลี่ยงของหวาน และของมันไว้ก่อน อันนี้สำคัญมาก ๆ เพราะของหวาน ๆ เป็นอะไรที่กินแล้ว มันจะหยุดกินไม่ได้ เมื่อรู้สึกอยากของหวาน ลองหากิจกรรมอื่นทำ เช่น ออกกำลังกาย หรือทำงานอดิเรก เพื่อเบี่ยงเบนความสนใจ และลดความอยาก ถ้ารู้สึกว่า หักดิบเลยไม่ได้ แนะนำให้ค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลในเครื่องดื่ม และอาหารที่เคยทาน เช่น ชา กาแฟ หรือขนมหวาน โดยลดปริมาณลงทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ และถ้ายังรู้สึกอยากกินอีก เปลี่ยนจากขนมเป็นผลไม้แทนดีมั้ย เพราะผลไม้มีรสหวานจากธรรมชาติ และมีประโยชน์ต่อร่างกายมากกว่าขนมหวาน ที่เต็มไปด้วยน้ำตาล และไขมัน



ใช้จาน และช้อนเล็กลง

รู้มั้ยว่า การใช้จาน และช้อนที่เล็กลง สามารถช่วยลดปริมาณที่เราจะกินได้นะ อีกทั้งยังช่วยให้เราไม่รู้สึกว่าต้องกินเยอะเกินไปด้วย แม้การใช้ช้อนที่เล็กลง จะทำให้รู้สึกรำคาญใจ แต่เหมาะกับคนที่กินเร็วมาก เพราะช้อนเล็ก ๆ จะช่วยทำให้เรากินได้ช้าลง ทำให้ร่างกายมีเวลาในการรับรู้สัญญาณความอิ่มได้ทันเวลา นอกจากนี้ ยังมีผลการวิจัยออกมาด้วยนะว่า การใช้จาน และช้อนที่เล็กลง สามารถส่งผลต่อปริมาณอาหารที่รับประทานได้จริง เป็นอีกหนึ่งวิธีที่น่าสนใจมาก ๆ


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


ลองดื่มชาร้อน หรือหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาลแทน

อีกหนึ่งวิธีง่าย ๆ ที่เราว่า น่าสนใจไม่แพ้กันเลยคือ การลองดื่มชาร้อน หรือหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาลแทนการกินจุกจิกเรื่อยเปื่อย การดื่มชาร้อน หรือเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล เป็นทางเลือกที่ดีในการทดแทนการดื่มน้ำหวาน หรือกินขนมที่มีน้ำตาล กล่าวคือ วิธีนี้เป็นทางเลือกที่ดีในการลดปริมาณน้ำตาลที่บริโภคเข้าไปนั่นเองค่ะ อีกอย่าง ชาร้อน ไม่มีแคลอรี่ และมีสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพ ส่วนหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล ยังช่วยกระตุ้นการผลิตน้ำลาย ซึ่งช่วยทำความสะอาดฟันและลดความเป็นกรดในช่องปาก ซึ่งอาจเป็นประโยชน์ต่อสุขภาพช่องปาก


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


อย่าเก็บอาหารล่อใจไว้ในห้องเด็ดขาด

อีกหนึ่งวิธีคือ อย่าเติมของ ตู้เย็นไม่ต้องแน่นเอี๊ยดขนาดนั้นก็ได้ ปล่อยมันว่าง ๆ บ้างเถอะ เพราะคนที่กินไม่หยุด มักจะชอบแอบกินกลางดึกบ่อย ๆ ถ้ามีของอะไรไว้ในตู้เย็น หรือใกล้ ๆ ตัวนะ ไม่เหลือแน่นอน ฟาดเรียบ ! เพราะฉะนั้นการมีขนม หรือของกินไว้ใกล้ ๆ ตัว มันจะง่ายต่อการหยิบกิน ไม่มีเลยดีกว่า ซื้อเท่าที่กินเป็นพอ แต่ถ้าอดไม่ได้ ไม่ชอบเห็นตู้เย็นว่าง แนะนำให้แช่เป็นพวกผลไม้ หรืออาหารคลีนต่าง ๆ ที่ไม่มีไขมัน ไม่มีน้ำตาล เชื่อเถอะ พอเห็นของเพื่อสุขภาพเต็มตู้ เดี๋ยวความอยากอาหารมันก็เบาลงเอง


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


ถามตัวเองก่อนกินว่า เราหิวจริง หรือแค่อยาก ?

และสุดท้าย เพื่อน ๆ ลองถามตัวเองก่อนกินว่า เราหิวจริง หรือแค่อยาก ? ทำไมต้องถามด้วย เพราะการถามตัวเอง จะช่วยทำให้ทานอาหารอย่างมีสติ และเหมาะสมกับความต้องการของร่างกายมากยิ่งขึ้น อีกอย่าง รู้มั้ยว่า การฝึกแยกแยะความหิว และความอยาก เป็นสิ่งสำคัญในการดูแลสุขภาพ และการควบคุมน้ำหนัก หากเราสามารถแยกได้ เราก็จะสามารถทานอาหารได้อย่างมีสติ และมีความสุขมากขึ้น เมื่อเกิดการตระหนักรู้ เราก็จะได้เห็นว่า ตัวเองกินอะไรเข้าไปมาก และปริมาณขนาดไหน มื้อถัดไป เราจะได้กะปริมาณการกินได้ดียิ่งขึ้นด้วย



โรคกินไม่หยุด แม้จะไม่ได้ร้ายแรงถึงชีวิต แต่ก็เป็นโรคที่อันตรายต่อสุขภาพมาก ๆ เพราะฉะนั้นเราจะมองว่า ไม่เป็นไรไม่ได้เด็ดขาด ความเสี่ยงที่มาพร้อมกับการกินไม่หยุดนั้น น่ากลัวเกินกว่าที่เพื่อน ๆ จะบรรยายได้เลยนะ มันหนักหนามากจริง ๆ ทั้งโรคอ้วน ความดัน ไขมันอุดตัน จากโรคที่ดูเหมือนไม่อันตราย กลับนำพาความอันตรายมาเต็มเลย !

ใครที่รู้ตัวว่า ตัวเองกำลังป่วยเป็นโรคนี้อยู่ ลองหยิบวิธีของเราไปปรับใช้กันดูก่อน ถ้าไม่ได้ผล แนะนำให้ไปหาหมอ เพื่อทำการวินิจฉัย และทำการรักษาได้อย่างตรงจุด ไม่แนะนำให้ล่อยไว้นะคะ เพราะผลสุดท้ายแล้ว มันไม่ได้ส่งผลแค่ในเรื่องของสุขภาพกายเท่านั้น แต่ยังส่งผลต่อสุขภาพใจด้วย


ขอขอบคุณภาพประกอบจาก freepik และข้อมูลจากเว็บไซต์ : กินไม่หยุด กินไม่รู้จักอิ่ม อาจเป็นโรคต้องรักษา / โรคกินไม่หยุดคืออะไร แบบไหนถึงเป็นโรค / Decoding Your Hunger: Are You Really Hungry or Not? / How To Keep a Food Journal: Instructions and Tips


🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭🍰🍕🍔🍿🍫🍩🌭


บทความแนะนำเพิ่มเติม

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1