วันเสาร์ หรือวันอาทิตย์ไม่รู้จะทำอะไร ให้นอนอยู่บ้านเฉยๆ ก็เบื่อ จะให้ไปเดินเที่ยวห้างก็ไม่อยาก..เพราะเดินมาจนพรุนแล้ว เรียกได้ว่าหลับตาเดินยังเดินไม่หลงเลยง่ะ เพื่อนๆ เคยมีอารมณ์แบบนี้มั้ยคะ ใครที่มีอารมณ์เบื่อบ้าน เบื่อห้าง แต่ไม่อยากไปเที่ยวไหนไกลมาก วันนี้เราจะมาแนะนำสถานที่เที่ยวในกรุงเทพฯ เนี่ยแหละ ไม่ต้องเดินทางไกล แถมได้เปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ที่เพื่อนๆ ไม่เคยลอง สนุกกว่าอยู่บ้าน ไม่น่าเบื่อเหมือนเดินห้างแน่นอน ว่าแล้วจะมีสถานที่ไหนบ้างน้าที่น่าไป เพื่อนๆ ตามกันมาดูเลยจ้า
1. ท้องฟ้าจำลอง


ไปดูดาวกัน....มาย้อนวัยกันหน่อยกับสถานที่สุดคลาสสิกอย่าง “ ท้องฟ้าจำลอง ” ที่ตอนเด็กๆ พวกเราได้เคยมาทัศนศึกษาและมาดูดาวกัน การเดินทางมาก็สะดวกมากเลยค่ะ ลง BTS สถานีเอกมัย ออกทางออกที่ 2 แล้วเดินย้อนมาทางบขส. ประมาณ 10 นาทีก็ถึงแล้ว ค่าตั๋วเข้าชมก็ไม่แพงเด็ก 20 บาท ผู้ใหญ่ 30 บาทเท่านั้นเอง แต่จะได้ดูการแสดงหมู่ดาวถึง 1 ชม.เต็ม พาเพื่อนๆ หรือจะพาแฟนไปเปลี่ยนบรรยากาศ นั่งดูดาวก็โรแมนติกไม่เบา แถมยังเป็นการทบทวนความรู้ทางด้านดวงดาวอีกด้วย เก๋ๆ

นอกจากดูดาวแล้ว ที่นี่ก็ยังมีแหล่งเรียนรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์อื่นๆ อีกด้วย อย่าง Aquarium เล็กๆ ที่ไว้ดูพวกสัตว์น้ำพิพิธภัณฑ์กลาง ก็จะมีให้ศึกษาเรื่องเคมี ฟิสิกส์ และพลังงาน ส่วนตึกพิพิธภัณฑ์ 6 ชั้น จะมีความรู้ทางด้านชีววิทยา ให้เพื่อนๆ ได้ศึกษากัน สงสัยอะไรก็ถามเจ้าหน้าที่ได้ค่ะ รับรองว่ามาที่นี่คุ้มสุดๆ
2. SNOW TOWN BANGKOK

จบจากการดูดาวกันแล้วก็มาสัมผัสกับอากาศเย็นๆ ที่เมืองหิมะใจกลางกรุง หรือ SNOW TOWN BANGKOK ตั้งอยู่ที่ชั้น 5 ศูนย์การค้า Gateway เอกมัย ติดกับ BTS เอกมัยเลยค่ะ เดินออกมาเชื่อมเข้าห้างเลยสะดวกมากๆ ภายในตกแต่งสวยมากเหมือนกับมาอยู่ในยุโรปผสมผสานกับวัฒนธรรมญี่ปุ่น อากาศก็เย็นสบายประมาณ 18 - 20 องศาเซลเซียส คือดีงามมากกับอากาศร้อนๆ อย่างบ้านเรา เหมาะกับพาลูกพาหลานมาเล่นกันให้ชื่นฉ่ำปอดกันค่ะ


ส่วนเรื่องค่าเข้าเด็กความสูงไม่เกิน 90 Cm. คนละ 80 บาท ส่วนคนที่สูงกว่านั้นรวมถึงผู้ใหญ่ก็คนละ 100 บาท ซึ่งค่าเข้านี้อะจ่ายครั้งเดียวแต่จะอยู่นานแค่ไหนก็ได้ แต่ถ้าอยากจะเข้าไปในเล่นในลานหิมะก็เสียเพิ่มอีก 100 บาท เล่นได้ 30 นาทีค่ะ ใครที่จะไปเตรียมถุงมือถุงเท้าไปด้วยนะคะ จะได้ไม่ต้องเสียเพิ่ม แถมด้านในนอกจากจะมีเมืองจำลองแล้วยังเป็นแหล่งรวมร้านอาหารดังๆที่ Import มาจากญี่ปุ่นอีกด้วย เล่นๆ เหนื่อยๆ ก็แวะมาทานได้ อยู่ทั้งวันได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะค่ะ
3. ท่ามหาราช คอมมิวนิตี้มอลล์

เปลี่ยนบรรยากาศมาถ่ายรูปชิลล์ๆ แต่งตัวสบายๆ สไตล์ฮิปสเตอร์ ปล่อยใจล่องลอยไปกับสายลม สัมผัสกับลมเย็นๆ บรรยากาศดีๆริมแม่น้ำเจ้าพระยากันที่ท่ามหาราช ขอบอกเลยว่าที่นี่ครบเครื่องสุดๆ ไม่ว่าจะเดินเล่น ช้อปปิ้ง จิบกาแฟ กินของอร่อย ถ่ายรูปสวยๆ ที่นี่มีครบเลยค่ะ การเดินทางก็มาสะดวก ในท่ามหาราชจะมีทั้งหมด 4 ชั้น แต่ความพีคของที่นี่จะอยู่ที่ชั้น 3 และ ชั้น 4 ซึ่งเป็นชั้นดาดฟ้า ให้เพื่อนๆ ได้ขึ้นมากินลม ชมวิว นั่งชิลล์ๆ ดูวิวแม่น้ำ รวมถึงถ่ายรูปฮิปๆ ไว้อวดเพื่อนกันค่ะ

ที่นี่นอกจากจะมีความอาร์ท ไม่ว่าจะเป็นของประดับตกแต่ง ภาพวาดตามฝาผนัง ทำให้มีมุมสวยๆ ไว้ถ่ายรูปไม่มีเบื่อ ยังมีความร่มรื่นจากต้นไม้ที่มองไปทางไหนก็จะเห็นต้นไม้อยู่รอบๆ ให้ความสบายใจเป็นที่สุด หากเพื่อนๆ คนไหนอยากที่จะมาหาไอเดีย หรือแรงบันดาลใจ ลองมานั่งที่นี่ชิลล์ๆ สักวัน รับรองว่าไอเดียกระฉูดแน่นอนค่ะ
4. ตลาดนัดสวนจตุจักร

แหล่งช้อปปิ้งที่ใหญ่ที่สุดโดนใจทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อนๆ คนไหนเบื่อเดินในห้าง ลองเปลี่ยนมาเดินตลาดนัดสวนจตุจักรกันดูนะคะ เปิดวันเสาร์ - อาทิตย์ ขอบอกว่าของเยอะม้ากกไม่ว่าจะเป็นข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของประดับตกแต่ง งานอาร์ท เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับต่างๆ ต้นไม้ แม้แต่สัตว์เลี้ยงจากฟาร์ม อาหารสัตว์ก็มี คือมีทุกอย่างจริงๆ ค่ะให้เพื่อนๆ ได้ช้อปกันได้อย่างจุใจ เดินกันจนเมื่อยกันไปข้าง แนะนำว่าหาเพื่อนไปช่วยถือของด้วยจะดีมากค่ะ

เดินเมื่อยๆ เหนื่อยๆ ก็แวะพักกินของอร่อย เครื่องดื่มเย็นๆ ที่นี่ของกินเยอะมาก ไม่ว่าจะของคาว ของหวานก็อร่อย การเดินทางก็มาสะดวกมาก ไม่ว่าจะขับรถมาเอง หรือจะนั่งรถเมล์ก็ได้ สะดวกหน่อยก็รถ BTS ลงสถานีหมอชิต หรือรถไฟฟ้าใต้ดินลงที่สถานีกำแพงเพชร รถตู้ รถแท็กซี่ก็มีนะคะ มาง่ายจริงๆ ช้อปกันเพลินให้ลืมเบื่อกันไปเลยจ้า
5. Dinosaur Planet

มาตื่นเต้นเร้าใจกับที่ธีมพาร์คไดโนเสาร์ ใจกลางเมืองระหว่างซอยสุขุมวิท 22 และซอยสุขุมวิท 24 ให้เพื่อนๆ ได้มาสัมผัสกับไดโนเสาร์ที่มีขนาดเท่ากับขนาดจริงกว่า 200 ชีวิต แถมเหมือนจริงสุดๆ อยู่กันข้างในเพลินๆ กันจนลืมเวลาไปเลย เพราะด้านในมีหลากหลายกิจกรรมให้เพื่อนๆ ได้เลือกกัน ไม่ว่าจะเป็นการสัมผัสอาณาจักรโลกล้านปี ดำดิ่งสู่ใต้พิภพ ชมการแสดงที่ตื่นเต้น รวมถึงเปิดประสบการณ์ใหม่ด้วยการขี่ไดโนเสาร์ที่ไม่ซ้ำใคร และภายในยังมีร้านอาหารรวมถึงร้านของฝากที่ระทึก เอ้ย ที่ระลึกไว้เป็นของติดไม้ติดมือกลับบ้านกันอีกด้วยค่ะ


ไดโนเสาร์ที่นี่สามารถขยับ ก้าวเดิน ส่งเสียงร้อง รวมไปถึงเสียงลมหายใจ อุ๊ต๊ะ! ทำให้รู้สึกว่าเราได้อยู่ในยุคที่มีไดโนเสาร์จริงๆ โดยค่าบัตรผ่านประตู ผู้ใหญ่ ราคา 600 บาท เด็กความสูง 90 - 120 เซนติเมตร ราคา 400 บาท เด็กความสูงตํ่ากว่า 90 เซนติเมตร เข้าฟรี ส่วนกระเช้า Dino Eye ราคาคนละ 200 บาท และขี่ไดโนเสาร์ Dino Farm ราคาคนละ 100 บาท ราคาอาจจะสูงสักหน่อย แต่ถ้าแลกกับความสุข ความสนุกก็ถือว่าคุ้มค่ะ
6. เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ ฟรอนต์

อีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่อยากแนะนำเพื่อนๆ ให้มาที่นี่ แหล่งช้อปปิ้งในสไตล์ Shopping Street ไว้เดินชิลล์ๆ รับลมในยามราตรี การตกแต่งยังคงรักษาสไตล์ดั้งเดิมด้วยโครงสร้างโกดังท่าเรือ ที่ทำออกมาแล้วดู Unique สุดๆ ที่นี่มีหลายโซนให้เพื่อนๆ ได้เลือกเดินกัน แต่จุดที่นิยมกันมากที่สุดคงไม่พ้นโซนด้านในที่ติดริมน้ำ ให้เพื่อนๆ ได้รับลมเย็น ถ่ายรูปกันชิลล์ๆ นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังสามารถเดินช้อปปิ้งได้อย่างจุใจ ทั้งเสื้อผ้า รองเท้า ของประดับตกแต่ง ของกระจุกกระจิก รวมถึง ร้านอาหารที่นี่ก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะ ไทย จีน ญี่ปุ่น อิตาเลี่ยน หรือซีฟู้ดก็มีครบเลือกกันจนตาลายเลยล่ะค่ะ


นอกจากจะช้อป ชิม ชิลล์กันเพลินๆ แล้ว เพื่อนๆ ยังจะได้พบกับโชว์สุดอลังการ พร้อมแสงสีเสียงที่โชว์คาลิปโซ่ และการเชิดหุ่นละครเล็กที่สะท้อนความเป็นไทยได้ที่โจหลุยส์เธียเตอร์อีกด้วย มาที่นี่ที่เดียวคุ้มมากมาย หากเพื่อนๆ เบื่อบ้าน หรือเบื่อความวุ่นวายในเมือง ลองแว่บมาที่นี่ดูสิคะ แล้วจะติดใจ
7. พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน

เพื่อนๆ คนไหนที่เบื่อความวุ่นวายในเมืองที่มีแต่คนเยอะๆ ปัญหาแยะๆ ลองเปลี่ยนบรรยากาศมาเที่ยวที่นี่กันดูค่ะ “ พิพิธภัณฑ์บ้านไทย จิม ทอมป์สัน ” หรือที่เราเรียกกันว่า บ้านจิม เป็นพิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวของ จิม ทอมป์สัน ผู้ก่อตั้งร้านผ้าไหมไทย จิม ทอมป์สัน และเป็นผู้นำในการสร้างชื่อเสียงของผ้าไหมไทยให้เป็นที่รู้จักไปทั่วโลก ที่นี่ตั้งอยู่ที่ท้ายซอยเกษมสันต์ 2 ซอยเล็กๆ ริมถนนพระราม 1 ไม่ไกลจากสถานีรถไฟฟ้า BTS สนามกีฬาแห่งชาติ เดินทางสะดวกสุดๆ ด้านในเมื่อเข้าไปเพื่อนๆ จะเห็นเรือนไทยเก่าแก่ ต้นไม้สูงใหญ่เต็มไปหมด บางต้นมีอายุเฉียดร้อยปี ร่มรื่นสุดๆ บรรยากาศก็เงียบสงบจนลืมไปว่า นี่อยู่ใจกลางเมืองที่เต็มไปด้วยฝุ่นควัน และแสงสีเสียง


เมื่อเข้ามาเพื่อนๆ จะเจอกับมัคคุเทศก์ของพิพิธภัณฑ์ ที่จะบอกเล่าที่มาอย่างละเอียด และพาเดินชมรอบๆ เพื่อนๆ จะได้เห็นงานศิลปะ ภาพจิตรกรรม เครื่องกระเบื้อง และของสะสมของมิสเตอร์จิม ที่สวยและหาชมได้ยากมาก เพื่อนๆ คนไหนอยากลองเปลี่ยนบรรยากาศก็สามารถมาเที่ยวที่นี่ได้นะคะ ค่าเข้าชมก็ไม่แพงค่ะ ผู้ใหญ่ 100 บาท นักเรียนนักศึกษาและผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 25 ปี 50 บาท เท่านั้นเอง แต่รับรองว่าสิ่งที่ได้กลับมาเกินคุ้มแน่นอนค่ะ
จบไปแล้วกับสถานที่เที่ยวในกรุงเทพฯ ที่เพื่อนๆ คนไหนเบื่อห้างต้องลองไปดู นอกจากจะได้พบเจอกับสิ่งใหม่ๆ เปิดประสบการณ์ที่ไม่เคยได้ลองทำ เปลี่ยนบรรยากาศเดิมๆ ให้หายเบื่อ เผลอๆ ยังเสียเงินน้อยกว่าไปเดินในห้างอีกด้วยค่ะ การเดินทางไปแต่ละสถานที่ก็ไม่ยากนะคะ เพื่อนๆ คนไหนสนใจที่ไหนก็อย่าลืมเช็ควันเปิด - ปิดทำการ การเดินทาง หรือราคาบัตรเข้าชม รวมถึงโปรโมชั่นต่างๆ กันดูนะคะ จะได้ไม่พลาดกัน วันนี้ขอตัวไปก่อนนะคะ บ๊ายบายค่ะ