ถ้าพูดถึงตัวอัลปาก้า หลายคนอาจจะทำหน้าฉงนงุนงงว่ามันคืออะไรกัน ถึงได้มีชื่อแปลกๆราวกับขนมคบเคี้ยว (นั่นมันปาปริก้าแล้ว ^^) หรือบางคนอาจจะเคยเห็นแล้วบอกว่ามันช่างเหมือนพวกแกะเสียนี่กระไร หรือว่ามันจะเป็นสายพันธุ์เดียวกันกับแกะ เอาเป็นว่าก่อนที่จะสงสัยกันไปมากกว่านี้ ลองมาทำความรู้จักเจ้าตัวอัลปาก้านี้กันก่อนแล้วเดี๋ยวค่อยไปตามหามันกันต่อ

รูปภาพ:http://static.tlcdn1.com/data/11/pictures/0213/02-07-2013/p17iq3akhv1jfe1dng1cljc4cik85.jpg

อัลปาก้านั้นเป็นสัตว์ที่สามารถพบได้ในทวีปอเมริกาใต้ เป็นสัตว์ที่อยู่ในวงศ์ Camelidae หรือวงศ์เดียวกับสัตว์จำพวกอูฐนั่นเอง อัลปาก้านั้นเป็นสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนม ซึ่งถูกเลี้ยงเพื่อนำขนมาทำเครื่องนุ่งห่ม ขนอัลปาก้าได้ชื่อว่านุ่มมาก จนได้รับการขนานนามว่า “เส้นใยจากพระเจ้า” ด้วยความที่มันเป็นสัตว์ที่ไม่มีฟันหน้า และมีขนขาวนุ่มห่อหุ้มร่างกายทำให้ใครๆหลายๆคนต่างก็หลงใหลในความน่ารักของมัน

รูปภาพ:http://static.tlcdn2.com/data/11/pictures/0213/05-22-2014/p18oh16vv11e54t69cl41j5j12ii6.jpg

อยากดูอัลปาก้าไปที่ไหนดี?

ฟาร์มอัลปาก้าที่ใหญ่และน่าไปเที่ยวชมแห่งแรกของประเทศไทยอยู่ที่ อำเภอสวนผึ้งจังหวัดราชบุรี ใช้เวลาเดินทางจากกรุงเทพราว 2 ชั่วโมง 30 นาที มีชื่อว่า Alpaca Hill  ที่นี่คุณจะได้พบกับบรรยากาศที่แสนจะน่ารักและสนุกสนาน เพราะเมื่อคุณเดินเข้าไป เจ้าหน้าที่จะให้การต้อนรับและแนะนำคุณเป็นอย่างดี และหลังจากเลือกแพคเกจที่มีให้เลือกหลายรูปแบบทั้งแบบชมครั้งเดียว รายเดือน หรือรายปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว คุณจะได้รับกระเป๋าสะพายที่บรรจุแผนที่ของฟาร์ม โดยคุณจะต้องเดินไปตามฐานแต่ละจุด ซึ่งจะมีให้คุณได้เลือกชมหลากหลายสิ่งในฟาร์ม  ไม่ว่าจะเป็นเจ้าหนูตัวเล็กน่ารักอย่างหนูตะเภา กระต่ายที่แสนจะน่ากอด หรือเจ้าอาชาที่แสนองอาจ ก่อนจะไปพบเจอกับเจ้าอัลปาก้า! สัตว์ไฮไลท์ของฟาร์มแห่งนี้

รูปภาพ:http://sv5.postjung.com/imgcache/data/666/666784-img-1364331733-1.jpg

ในส่วนของเจ้าตัวอัลปาก้านั้นถูกเลี้ยงในคอกขนาดกว้าง เราสามารถให้อาหารและสัมผัสได้อย่างใกล้ชิด แต่ก่อนเข้าไปชมเจ้าตัวอัลปาก้านั้นต้องมีการใส่ถุงเท้าพลาสติกที่ทางฟาร์มเตรียมให้เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อโรคที่อาจจะติดจากนักท่องเที่ยวได้ ถือว่าทางฟาร์มใส่ใจในสุขภาพของสัตว์ที่เลี้ยงเป็นอย่างดี โดยทางฟาร์มจะมีอาหารของเจ้าตัวอัลปาก้าเตรียมเอาไว้สำหรับให้เราได้ป้อนอาหารมันด้วย เพียงแต่ต้องระวังอย่างนึง! เพราะเจ้าหน้าที่บอกว่าไม่ควรเข้าหาเจ้าอัลปาก้าทางด้านหลัง เนื่องจากมันจะตกใจและดีดขาใส่เราได้ นอกจากเรื่องนี้แล้วเราก็สามารถใกล้ชิดเจ้าอัลปาก้าได้อย่างเต็มที่กันเลยทีเดียว

รูปภาพ:http://www.thaigoodview.com/files/u77578/m265047.jpg

นอกจากนี้ก่อนจะออกจากบริเวณฟาร์มอัลปาก้า ก็ยังมีสัตว์อีกมากมายที่เราจะได้ชื่นชมกันต่อ ทั้งเจ้าเต่าหลังตุง แมวเปอร์เซียที่แสนจะเย่อหยิ่ง ซึ่งเป็นสัตว์ชนิดเดียวที่ได้อภิสิทธิ์อยู่ในห้องแอร์ และสัตว์อีกมากมายที่น่าสนใจ ก่อนจะบอกลากันไป ทางฟาร์มจะมีการมอบขนอัลปาก้าให้เราเก็บไว้เป็นที่ระลึกด้วย เป็นอะไรที่น่าประทับใจมากๆ

ใครที่กำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวซึ่งไม่ไกลจากกรุงเทพ ซึ่งสามารถมอบความสนุกสนานและเพลิดเพลินได้ทั้งวันก็ลองไปเยี่ยมชม AlpacaHill กันดู โดยทางฟาร์มจะเปิดให้เข้าชมทุกวัน และยังมีของน่ารักๆให้เราเลือกซื้อเป็นระลึกว่าครั้งหนึ่งเคยไปทักทายเจ้าสัตว์ที่แสนจะน่ารักอย่างอัลปาก้าอีกด้วย