การใช้ชีวิตในแต่ละวันของเรา ต่างก็ต้องพบเจอทั้งเรื่องที่ดีและไม่ดีปะปนกันไป แต่ถ้าวันไหนที่ต้องเผชิญเรื่องราวเลวร้ายแบบที่เราก็ไม่ได้คาดคิดไว้ ทำให้เกิดความทุกข์ที่ยากจะสลัดออกจากสมองได้ ก็อาจพาให้เครียดได้อย่างมหาศาล ถ้าต้องเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เกิดปัญหาก็อาจพาให้เรากลายเป็นโรคซึมเศร้าเข้าสักวัน
ความเครียดทำให้ระบบภูมิคุ้มกันมีปัญหา ทำให้ผิวพรรณเสื่อมสภาพรวดเร็วกว่าปกติ เพราะสารแห่งความเครียดที่หลั่งออกมาจะทำลายระบบการทำงานต่าง ๆ ภายในร่างกาย ยิ่งหลั่งออกมามากเท่าไหร่ ก็ยิ่งทำลายร่างกายมากเท่านั้น เราจึงจำเป็นที่จะต้องสร้างสารแห่งความสุขขึ้นมาเพื่อลบล้าง หรือกำจัดสารแห่งควาเครียดให้เร็วที่สุด เพื่อเป็นการยังยั้งการเสื่อมสภาพของอวัยวะภายในร่างกายที่เร็วเกินไป และเป็นการฝึกฝนตนเองให้สามารถแก้ไขสถาการณ์เลวร้ายต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย
วันนี้เรามี 11 วิธีสร้างความสุขให้กับตัวเองทันที พร้อมหรือยังคะ! ถ้าพร้อมแล้วเรามากำจัดความทุกข์กันเลย!
1. สังสรรค์กับคนที่มีแต่รอยยิ้ม
ถ้าคุณเป็นคนที่มีเพื่อน ก็อย่าลืมที่จะชวนเพื่อน ๆ ออกไปสนุกสนานนอกบ้าน หรือจะสังสรรค์เล็ก ๆ ตามประสาเพื่อนในบ้านพัก พูดคุยเรื่องราวดี ๆ ที่ทำให้หัวเราะแบบท้องแข็งกันไปเลย แต่ถ้าคุณเป็นคนเพื่อนน้อย เพื่อนไม่มีเวลา หรือตัวเราเองไม่มีเวลาก็สร้างความสุขเล็ก ๆ ด้วยการนั่งดูคอนเสิร์ตหรือเรื่องราวต่าง ๆ ที่สนุกสนาน ทำให้สมองได้เปิดรับข้อมูลใหม่ ที่อาจสร้างแรงบันดาลใจหรือทางออกของปัญหาที่ดีกว่าเดิม ผ่านทาง Youtube หรือเว็บไซต์ต่าง ๆ การทำแบบนี้จะช่วยให้คุณขจัดความทุกข์ออกไปได้ช่วงเวลาหนึ่งเลยนะ!
2. ลองลิปสติกแดงสักนิด แล้วจะติดใจ
ไม่ใช่เรื่องไร้สาระถ้าจะบอกว่าลิปสติกสีแดงช่วยให้เกิดความสุขได้ เพราะเป็นผลวิจัยจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดและมหาวิทยาลัยบอสตัน ในปี 2011 พบว่าผู้หญิงที่แต่งหน้าแล้วทาลิปสติกสีแดงจะรู้สึกมั่นใจมากยิ่งขึ้น และดูว่าเป็นคนที่มีความสามารถ น่าเชื่อถือ โดดเด่นมากกว่าผู้หญิงที่ไม่แต่งหน้าเลย
นอกจากนี้ก็ยังมีผลวิจัยของนักศึกษาจากฝรั่งเศสในปี 2013 ที่พบว่าริมฝีปากสีแดงสดนี้ มีความสัมพันธ์กับระดับเอสโตรเจนเป็นอย่างมาก เพราะผู้หญิงส่วนใหญ่มักจะมีความคิดในเชิงบวกกับการแต่งหน้า ซึ่งความคิดในเชิงบวกนี้ทำให้เข้าไปเพิ่มระดับความสุขที่มากขึ้นในขณะแต่งหน้า และความสุขจะเพิ่มมากขึ้นอีกระดับ เมื่อผู้หญิงเริ่มหยิบลิปสติกสีแดงขึ้นมาทาอีกด้วย
3. ส้มสดช่วยได้
นิตยสารชื่อดังอย่าง
Chemical Senses
ได้มีการเปิดเผยผลของการศึกษาว่าส้มมีน้ำมันหอมระเหย ที่ได้แค่กลิ่นก็รู้สึกคลายเครียดได้ทันที มีเคลเมนไทน์ที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ให้กลับมาสู่ความสดชื่นได้อย่างรวดเร็ว พร้อมช่วยลดความวิตกกังวลให้ผ่อนคลายลง เมื่อรับประทานก็จะช่วยให้ระบบการย่อยอาหารดีขึ้น มีสารต้านอนุมูลอิสระจากวิตามินซีบริสุทธิ์ที่เข้าควบคุมสารแห่งความเครียดไม่ให้ทำร้ายผิวได้ดีอีกด้วย
4. ไปนวดฝ่าเท้าดูสักครั้ง
เพราะช่วงขาและเท้า ต้องเคลื่อนไหวทุกวัน จะต้องทั้งเดิน ทั้งวิ่ง หรือกระโดดอยู่ตลอดเวลา โดยเฉพาะในผู้หญิงที่จะต้องใส่รองเท้าส้นสูงเพื่อไปทำงานทั้งวัน ก็อาจทำให้กล้ามเนื้อเกิดอาการเกร็งและเลือดไหลเวียนไม่สะดวก จึงทำให้ร่างกายไม่เกิดความสมดุล เกิดอาการปวดตามส่วนต่าง ๆ ได้ง่าย และอาจจะยิ่งทำให้ความทุกข์ที่มีอยู่เพิ่มขึ้น ดังนั้นการได้ไปนวดกดจุดเท้า หรือนวดเท้าแบบสปา จะช่วยเพิ่มระดับการไหลเวียนของเลือดให้คล่องตัวมากยิ่งขึ้น เลือดดำสามารถที่จะตรงเข้าสู่หัวใจได้อย่างง่ายดาย สารอาหารจะถูกส่งไปยังทุกส่วนของร่างกาย และขับเอาของเสียที่ไม่ใช้งานแล้วออกไปตามเวลา
5. ให้ความสำคัญกับความรู้สึกของตัวเอง
ใส่ใจต่อความรู้สึกของตัวเอง คือ การวางอารมณ์หงุดหงิดต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น สร้างความสงบสุขให้กับอารมณ์ มองตัวเองให้มีคุณค่า ไม่ก้าวร้าว ยิ่งทำให้ตัวเองดูดีมากเท่าไหร่ คุณก็จะดูมีคุณค่ามากเท่านั้น ซึ่งนิตยสารทางจิตวิทยาสังคม ได้มีผลการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าคนที่สามารถแก้ไขปัญหาด้วยความมีสติทันที จะทำให้เกิดประโยชน์ต่ออนาคตข้างหน้าอย่างยาวนาน ซึ่งคนเหล่านี้มักเป็นคนที่ใส่ใจต่อความรู้สึกของตนเอง พร้อมให้คุณค่าแก่ตัวเองด้วยการมองโลกในแง่ดีอีกด้วย
6. ฟังเพลงที่ชื่นชอบ
การหยุดเพื่อฟังเพลงที่ชื่นชอบ ถือว่าเป็นการตั้งหลักที่ดีที่สุด เพราะเพลงจะช่วยให้คุณได้สัมผัสกับความรู้สึกดี ๆ ไปกับจังหวะและเนื้อเพลง แต่ควรเลือกเพลงที่มีความสนุกสนานหรือเป็นแนวให้กำลังใจ ฟังแล้วให้ความรู้สึกสบายใจ ให้บรรยากาศที่สดชื่นแจ่มใสมากกว่าเดิม ซึ่งทางมหาวิทยาลัยมิซซูรี่ได้มีการวิจัยที่แสดงให้เห็นว่าคนที่ตั้งใจฟังเพลงที่เป็นแนวเชิงบวก มีแนวโน้มที่จะมีความสุข คลายเครียด และมองเห็นทางออกของปัญหาได้ดีกว่าคนที่ไม่ฟังเพลงเลย ยิ่งถ้าลุกขึ้นมาร้องและเต้นไปด้วยก็จะยิ่งเป็นการปลดปล่อยที่ดีมากเลยทีเดียว
7. รับประทานอาหารที่มีถั่วผสม
ผลการวิจัยจากมหาวิทยาลัยในบาร์เซโลนา ได้กล่าวว่าเพียงแค่รับประทานถั่วและธัญพืชประมาณ 1 กำมือต่อวัน จะช่วยเพิ่มสาร Serotonin ในสมอง ที่เป็นตัวช่วยทำให้ความรู้สึกเครียดดีขึ้นและช่วยลดความอยากอาหารลง พร้อมช่วยลดความอยากของหวานได้ดีอีกด้วย โดยเฉพาะถั่วอัลมอนด์และเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถือว่าเป็นสุดยอดของถั่วที่ควรรับประทานเพื่อลดความตึงเครียดในสมองมากที่สุด
8. เริ่มต้นงานด้านศิลปะ
การจะหยุดความเครียดหรือทำให้เบาบางลง ก็ต้องพยายามให้ตัวเองอยู่กับปัจจุบันให้ได้มากที่สุด ซึ่งวิธีการที่รวดเร็วและดีที่สุดคือการได้เริ่มต้นวาดภาพหรือระบายสีลงสมุดระบายสีของผู้ใหญ่ ไม่จำเป็นต้องสวยอะไรมากมาย แต่ขอแค่ได้ทำเพื่อให้มีสมาธิจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ตัวเองกำลังทำอยู่ และสร้างสรรค์งานศิลปะแบบส่วนตัว หรือจะเขียนนิยายแนวต่าง ๆ และเขียนบทความในแนวที่ตัวเองถนัด ก็ถือว่าเป็นหนึ่งในงานศิลปะแบบตัวอักษรที่ช่วยให้มีสมาธิมากขึ้นได้เช่นกัน
9. ทำท่าที่ช่วยให้เลือดไหลเวียนดี
ถ้าไม่มีเวลามากพอที่จะไปเรียนโยคะ ก็เพียงแค่เคลียร์บ้านให้มีพื้นที่กว้างขึ้นอักนิด แล้วปูผ้าเพื่อทำท่าโยคะที่ช่วยให้เลืดไหลเวียนดี คือ
- handstand คือท่าที่ใช้แขนตั้งตรงแทนเท้า
- plow pose คือท่านอนหงายแล้วยกขาย้อนกลับไปทางศีรษะ ตั้งตัวตรงและแขายืดตรงสวนทางกับขา
- downward facing dog คือท่านอนคว่ำแล้วยกสะโพกขึ้น พร้อมใช้แขนทั้งสองข้างยันพื้นไว้ ท่าลักษณะคล้ายสุนัขกำลังบิดขี้เกียจนั่นเอง
เลือกสัก 1 ท่าที่คิดว่าทำได้ เพื่อให้เลือดได้ไหลเวียนเข้าสู่สมองได้ดีขึ้น ช่วยเพิ่มความรู้สึกที่มีชีวิตชีวาและสมองโล่งได้ดีเลยทีเดียว
10. วางแผนวันหยุดสุดสัปดาห์กับเพื่อน ๆ
ถ้าต้องการกำจัดพลังงานความเครียดแบบเร่งรีบ ก็เพียงแค่นัดเพื่อน ๆ มาสังสรรค์ สนุกสนาน และพูดคุยเรื่องราวดี ๆ ในเชิงบวกก็จะช่วยให้คุณได้ผ่อนคลายความเครียดลง และเพิ่มความสุขขึ้นมาทันที ซึ่งนักวิจัยเองก็ได้มีการบอกว่า "การได้พูดคุยกับเพื่อนในเชิงบวก สนุกสนาน ก็สามารถให้ความสุขแบบเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ส่งผลต่อช่วงชีวิตปัจจุบันได้เป็นอย่างดี และทำให้ชีวิตของคุณวันนั้นรู้สึกไม่น่าเบื่ออีกด้วย"
11. ใช้เงินซื้อความสุข
เคยรู้สึกไหมคะ? เวลาที่เราไม่สบายใจ มีความทุกข์ หรือเจอปัญหาที่แสนน่าเบื่อ เรามักจะมีความรู้สึกอยากจะชอปปิ้งหรือใช้เงินแบบสูงปรี๊ด! แต่การใช้เงินเพื่อซื้อความสุขในที่นี้ คือการใช้เงินเพื่อคนอื่น เช่น การบริจาคเงินแก่องค์กรต่าง ๆ หรือการซื้อตุ๊กตาเพื่อไปแจกน้อง ๆ ที่บ้านพักเด็กกำพร้า เป็นต้น ซึ่งมีผลการวิจัยในปี พ.ศ. 2551 มีผู้ที่ได้รับโบนัสสิ้นปีมูลค่า 5,000 เหรียญ หรือราว ๆ แสนกว่าบาท หนึ่งใน 3 ของคนที่ได้รับเงินโบนัส นำเงินไปซื้อของให้ผู้ด้อยโอกาสและบริจาคเงินให้แก่องค์กรต่าง ๆ ทั้งยังรวมไปถึงการให้เพื่อนยืมเงินอีกด้วย ซึ่งการทำแบบนี้จะช่วยให้เกิดความสุขจากใจอย่างแท้จริงและรวดเร็ว
เมื่อยามที่เรามีความทุกข์ หรือต้องเผชิญปัญหามากมาย ที่เราคิดว่าอาจจะสู้ไม่ไหว ลองคิดดูให้ดี ๆ ว่ายังมีผู้คนอีกจำนวนมากที่ต้องเผชิญความทุกข์ยากที่มากกว่าตัวเรา ดังนั้นถ้าต้องการกำจัดความทุกข์แล้วเติมเต็มความสุขอย่างรวดเร็ว เพื่อจะได้ลุกขึ้นสู้อย่างมีแรงใจ ก็ลองนำทั้ง 11 วิธีนี้ไปใช้งาน รับรองไม่ผิดหวังแน่นอนค่ะ