ซัมเมอร์ซัมใจทั้งทีเน็ตไอดอลภาคพื้นทะเลก็อยากจะอวดหุ่นใส่ชุดบิกินี่แซ่บๆ แต่พอจะโพสรูปอวดประชาชีตัวแม่ก็ดันโดนกันซีนเพราะ " สิวที่หลัง " มันขึ้นแบบอลังเกินจะรีทัชไหว ก็เลยต้องปิดไว้ไม่ได้โชว์แบบที่ใจนึก วันนี้ SistaCafe พาทำความรู้จัก สิวที่หลัง เพื่อนคู่ใจใกล้ตัวที่ไม่อยากจะสนิทสนม มาดูกันว่าสิวที่หลังเกิดจากอะไร แล้วต้องรักษายังไงถึงจะหายแบบไม่กลับมาเป็นซ้ำกัน
สาเหตุการเกิดสิวที่หลัง
สิวที่หลังไม่ได้คิดอยากจะเกิดก็เกิด คิดอยากจะมาก็มา เพราะเค้าก็มีที่มาที่ไปเหมือนกันและต้นเหตุที่ทำให้เค้าผุดออกมาอวดโฉมโชว์ให้โลกรู้ก็มีจากหลายสาเหตุมาก ซึ่งก็จะประกอบไปด้วย 6 สาเหตุตามนี้เลยจ้าา
พันธุกรรม
ลองสังเกตุดู ถ้าเกิดว่าปู่ย่า ตายาย พ่อแม่ หรือญาติๆ ในครอบครัวเรามีสิวที่หลัง ก็อาจทำให้เราเองก็มีโอกาสที่จะเป็นสิวได้เหมือนกัน เพราะปัญหาเรื่องสิวที่หลังสามารถส่งต่อจากครอบครัวมายังเราผ่านพันธุกรรมได้
รูขุมขนอุดตัน
สาเหตุของการเกิดสิวที่หลัง ก็จะเหมือนกับการเกิดสิวที่ผิวหน้าเลยค่ะ โดยเริ่มจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังที่คอยผลิตน้ำมันหรือที่เราเรียกว่า ซีบัม (Sebum) มีการผลิตน้ำมันมากผิดปกติ จับรวมตัวกับเซลล์ผิวที่มีการแบ่งตัวมากกว่าปกติและรวมไปถึงสิ่งสกปรกตกค้างในรูขุมขน ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง ฝุ่นควัน เครื่องสำอางตกค้าง จนส่งผลให้รูขุมขนใต้ผิวเกิดการอุดตัน และเกิดเป็นสิวอุดตันขึ้นนั่นเอง และยิ่งถ้าเกิดมีการติดเชื้อแบคทีเรีย C.acnes แล้วก็จะเกิดเป็นสิวอักเสบตามมาได้ด้วย
การแพ้ผลิตภัณฑ์
การใช้ผลิตภัณฑ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นยาสระผม ครีมนวด สบู่อาบน้ำก็สามารถเป็นต้นเหตุของการเกิดสิวที่หลังได้เหมือนกัน เพราะเราอาจจะแพ้ส่วนผสมต่างๆ เช่น แพ้สารชะล้างทำความสะอาดหรือในสบู่บางยี่ห้อที่มีน้ำมันเป็นส่วนผสมหลัก ก็สามารถทำให้รูขุมขนเราอุดตันและเกิดเป็นสิวที่หลังได้เช่นกัน
การเสียดสี
การสวมเสื้อผ้าที่รัดตัวเราจนเกินไป หรือแม้แต่สายแบ็คแพ็คที่ต้องสะพายกระเป๋าติดตัวตลอดเวลา เมื่อเสื้อผ้าหรือเจ้ากระเป๋าเกิดการเสียดสีกับผิวหนังบริเวณหลังที่มีเหงื่อและแบคทีเรียสะสมอยู่แล้ว ก็สามารถทำให้เป็นสิวที่หลังได้
เหงื่อและความร้อน
เหงื่อและความร้อนเรียกว่าเป็นอีกสาเหตุหลักเลยที่ทำให้เราเกิดสิวที่หลัง เพราะเมื่อเราอยู่ในสถานที่ที่อากาศร้อน เหงื่อเราก็จะออก ผสมกับความสกปรกหมักหมมจากเสื้อผ้าจนเกิดเป็นสิวได้ และยิ่งไปกว่านั้นในบางคนที่มีอาการแพ้เหงื่อ ยิ่งเจอความร้อนเข้าไป เหงื่อยิ่งออกเยอะ ทำให้ร่างกายตอบโต้ด้วยการขนกองทัพสิวมาให้ชมต่างหน้าได้นั่นเอง
ความเครียด
ต้องบอกก่อนว่าความเครียดไม่ใช่สาเหตุหลักของการเกิดสิวเลยทีเดียว แต่โดยปกติแล้วเวลาที่เราเกิดความเครียด ร่างกายเราจะผลิตฮอร์โมน Cortisol ซึ่งจะไปกระตุ้นการทำงานของต่อมไขมัน ทำให้ต่อมไขมันผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ และก็ตามสเต็ปเดิมเลยค่ะ ก็คือเมื่อน้ำมันและสิ่งสกปรกผสมเข้ากันก็จะทำให้เกิดสิวที่หลังตามมา
ชนิดของสิวที่หลัง
สำหรับสิวที่หลังนั้นมีหลายชนิดเหมือนสิวบนใบหน้า ซึ่งการที่เรารู้ชนิดของสิวที่กำลังเป็นอยู่ ก็จะช่วยให้เรารักษาเค้าได้อย่างถูกต้อง เหมาะสมมากยิ่งขึ้น มาดูกันว่าชนิดของสิวที่หลังจะมีอะไรบ้าง
สิวไม่อักเสบ
1. สิวหัวขาว
สิวอุดตันหัวปิด หรือเรียกกันว่า สิวหัวขาว มีลักษณะเป็นตุ่มนูน สิวยังไม่มีรูเปิด จึงทำให้ดันผิวจนนูนขึ้นมา เมื่อใช้มือลูบจะรู้สึกเหมือนมีไตก้อนเล็กๆ บีบออกยาก
2. สิวหัวดำ
สิวอุดตันหัวเปิด หรือเรียกว่า สิวหัวดำ ซึ่งพัฒนามาจากสิวหัวขาวที่ไปทำปฏิกิริยาออกซิเดชั่นกับออกซิเจนในอากาศเลยเปลี่ยนเป็นสีดำ มีลักษณะเป็นตุ่มนูน เม็ดเล็กๆ มีรูเปิดออกจนเห็นหัวสิว และมองเห็นจุดสีดำอยู่บริเวณตรงกลาง
สิวอักเสบ ถ้าให้อธิบายอย่างง่ายๆ สิวอักเสบคือสิวอุดตันที่เกิดการติดเชื้อจากแบคทีเรียและสิ่งสกปรกจนพัฒนามาเป็นสิวอักเสบในที่สุด ซึ่งสิวที่หลังที่เป็นสิวอักเสบจะมีด้วยกัน 3 ประเภทตามนี้เลย
1. สิวตุ่มแดง
มีลักษณะเป็นสิวหัวแดง มีขนาดเล็ก เมื่อสัมผัสหรือลูบบริเวณที่เกิดสิวจะรู้สึกเป็นนูนๆ ไตแข็งๆ ใต้บริเวณชั้นของผิวหนัง ไม่มีหัวหรือหนอง และรู้สึกเจ็บเพียงน้อยเมื่อสัมผัส
2. สิวอักเสบแบบหัวหนอง
สิวชนิดนี้สาเหตุการเกิดจะคล้ายกับสิวตุ่มแดง เพียงแต่สิวชนิดนี้จะใช้เวลาติดเชื้อสักระยะจนเค้าเกิดเป็นหนองขึ้นใต้ชั้นผิว โดยที่ลักษณะจะเป็นตุ่มสีแดง และบริเวณฐานตรงกลางจะมีจุดสีขาวเหลืองหรือเป็นหนอง
3. สิวหัวช้างหรือสิวซีสต์
เป็นสิวอักเสบที่ถือว่ามีความรุนแรงมากที่สุดและรู้สึกเจ็บปวดมากเวลาสัมผัส เกิดจากการอักเสบรุนแรงที่ชั้นผิวหนังแท้ ลักษณะของสิวหัวช้างเค้าจะเป็นตุ่มขนาดใหญ่ สัมผัสแล้วจะรู้สึกอ่อนนุ่มเหมือนมีของเหลวอยู่ข้างใน ไม่มีหัวและหนอง รักษาได้ยากกว่าสิวชนิดอื่นๆ และสามารถทิ้งรอยแผลเป็นไว้ได้
วิธีดูแลสิวที่หลัง
เป็นสิวได้ ก็หายได้เหมือนกัน เพียงแค่เราต้องทำความเข้าใจที่มาที่ไปของเค้า เราจะได้รักษาได้อย่างถูกต้อง รอบนี้ซิสก็เอามาแนะนำให้ถึง 6 วิธีด้วยกัน มีทั้งวิธีเบสิคที่สามารถทำตามได้อย่างง่ายๆ หรือแม้แต่ส่วนผสมในสกินแคร์และยาที่ช่วยกอบกู้สิวที่หลังก็มีเหมือนกัน มาดูไปพร้อมๆ กันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง เริ่ม!
Benzoyl peroxide
Benzoyl peroxide สามารถพบได้ทั่วไปได้ตามคลีนเซอร์ เจล ครีม และสกินแคร์ชนิดอื่นๆ อีกหลายตัวเลยค่ะ โดยที่เค้าจะมีคุณสมบัติช่วยต้านเชื้อแบคทีเรียบนผิวหนังและช่วยลดการอักเสบของสิวอักเสบได้ รวมถึงยังทำหน้าที่ช่วยในการขจัดเซลล์ผิวที่ตายแล้ว ขจัดความมันเพื่อช่วยเปิดรูขุมขนที่อุดตันได้อีกด้วย เวลาจะใช้ก็ให้เราทาทิ้งไว้เป็นเวลา 2-5 นาที เพื่อให้ตัวยาเค้าซึมซาบเข้าสู่ผิของเราก่อน แล้วหลังจากนั้นค่อยล้างออก อาจจะมีผลข้างเคียงที่ทำให้ผิวบอบบางลงและไวต่อแสงแดดได้ เพราะฉะนั้นระหว่างใช้ควรหลีกเลี่ยงการอยู่กลางแดดเป็นเวลานานหรือใช้ครีมกันแดดควบคู่ไปด้วยนะคะ แต่ถ้าหากว่าใช้แล้วเกิดอาการแพ้ขึ้นมาให้หยุดใช้ทันทีและปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการรักษาเพิ่มเติม
Salicylic Acid (BHA)
เป็นกรดธรรมชาติที่สามารถช่วยลดการอุดตันของสิว ช่วยควบคุมความมันบนผิวและช่วยลดการอักเสบได้ นอกจากนี้ Salicylic Acid เค้ายังสามารถช่วยในการผลัดเซลล์ผิวได้ด้วย ซึ่งจะทำให้เซลล์ผิวที่ตายแล้วเกาะตัวกันน้อยลง ไม่อุดตัน ช่วยลดการเกิดสิวได้ค่ะ
ใช้มอยส์เจอไรเซอร์
ไม่ใช่แค่ผิวหน้าที่ต้องการความชุ่มชื้นแต่แผ่นหลังเราก็ต้องการเช่นกัน ยิ่งหลังที่เป็นสิวก็ยิ่งจำเป็นนะ เพราะนอกจากจะช่วยเรื่องความชุ่มชื้นแล้วมอยส์เจอไรเซอร์ยังช่วยลดการระคายเคืองได้ หลังจากอาบน้ำเสร็จให้เราเช็ดตัวให้พอหมาดๆ จากนั้นให้ทามอยส์เจอไรเซอร์ทาให้ทั่ว โดยให้เน้นเลือกตัวที่มีระบุไว้ข้างผลิตภัณฑ์ว่า Non Comedogenic หรือ Oil free จะได้ไม่ทำให้รูขุมขนเราอุดตันมากยิ่งขึ้น
0.1% Adapalene
Adapalene หรือที่เราคุ้นเคยกันในชื่อ Differin เค้าจะเป็นยาในกลุ่มอนุพันธ์กรดวิตามินเอ ออกฤทธิ์โดยการผลัดเซลล์ผิว เลยช่วยลดการทับถมของเซลล์ผิวชั้นบนซึ่งเป็นสาเหตุที่ก่อให้เกิดการอุดตันได้ ช่วยลดสิวอุดตันและสิวอักเสบ แต่เค้าก็มีผลข้างเคียงเหมือนกันน้า คืออาจจะมีอาการ ผิวแห้ง แสบ ลอกเป็นขุย หรือเกิดการระคายเคืองในบริเวณที่ทาได้ ซึ่งส่วนใหญ่มักเกิดขึ้นในตอนเริ่มใช้ยา โดยเฉพาะในช่วง 2-3 สัปดาห์แรก ซิสแนะนำว่าใครที่ยังไม่เคยใช้ ให้ใช้ยาในความเข้มข้นต่ำๆ ก่อน แล้วค่อยเพิ่มความเข้มข้นขึ้นเมื่อผิวเราคุ้นกับยามากขึ้น ที่สำคัญออกนอกบ้านอย่าลืมทาครีมกันแดดร่วมด้วยทุกครั้ง เพราะเค้าจะทำให้ผิวหน้าของเราไวต่อแสงแดดมากขึ้น
* ห้ามใช้ในหญิงตั้งครรภ์หรือกำลังให้นมบุตร
ทากันแดด
หลังเราก็ต้องการครีมกันแดดเหมือนกัน เพราะรังสียูวีจะทำให้สิวดูคล้ำมากยิ่งขึ้นจนเห็นด้วยตาเปล่าเป็นรอยดำทิ้งไว้ชัดเจนแถมยังทำให้เกราะปกป้องผิวเสื่อมสภาพลงอีก ถ้าหากว่าเราจำเป็นต้องไปเผชิญกับแสงแดดข้างนอก ซิสแนะนำว่าให้ทาครีมกันแดดที่มี SPF 30-50 หรือมีค่า PA +++ ขึ้นไปก็จะช่วยปกป้องผิวเราไม่ให้เป็นรอยดำน่ากวนใจได้ค่ะ
งดการสครับผิว
ถึงการสครับจะช่วยผลัดเซลล์ผิวให้ดูกระจ่างใสขึ้ืนได้จริงแต่ข้อเสียเค้าก็มีเหมือนกันน้า ยิ่งใครที่บริเวณแผ่นหลังเป็นสิวอักเสบซะส่วนใหญ่ ถ้าเกิดว่าเราสครับแล้วล่ะก็ เป็นเรื่องแน่นอนค่ะ เพราะเม็ดสครับที่ไว้ใช้ขัดผิวเค้าจะมีเนื้อสัมผัสสากๆ และสามารถทำร้ายเซลล์ผิวรวมถึงทำให้สิวเกิดการอักเสบหนักกว่าเดิมได้ เพราะฉะนั้นแนะนำว่าให้งดสครับไปเลยจะดีที่สุดนะคะ
💖💖💖💖💖💖💖
อย่าปล่อยให้ สิวที่หลัง มากันซีนความแซ่บในซัมเมอร์นี้! เพราะความสวยแบบตัวมัมอย่างเราคนทั้งโลกควรได้เห็นนะคะซิส วันนี้รู้ต้นตอการเกิดหลังที่สิวไปแล้ว รู้วิธีรักษาไปแล้ว ก็อย่าลืมเอาไปลองทำตามกันดูได้ หรือถ้าเกิดว่าสกินแคร์ก็ช่วยอะไรไม่ได้ มันไม่ทันใจเพราะจะต้องไปออกทริปแล้วล่ะก็ ยังมีหัตถการอย่างอื่นที่พอช่วยได้ค่ะ เช่น การฉีดยารักษาสิวที่หลัง หรือถ้ารอยเกินเยียวยาก็สามารถลองเลเซอร์เพื่อรักษาสิวที่หลังได้เหมือนกัน ลองไปศึกษาเพิ่มเติมกันได้เล้ย
- - - - - - - - - -
💖💖💖💖💖💖💖
Designer :tt
Writer :BabyPeachy
Differin® Gel: An Over-the-Counter Retinoid for Acne
https://differin.com/learn/adapalene
Bacne May Be Difficult to Reach, but It's Not Difficult To Treat—8 Treatments To Try
https://www.health.com/back-acne-8350866
Back Acne: How to Treat It
https://www.healthline.com/health/how-to-get-rid-of-back-acne
Attention Required! | Cloudflare
https://www.webmd.com/drugs/2/drug-1344/benzoyl-peroxide-topical/details