บางครั้งจุดมุ่งหมายของคนเราก็ไม่ได้มีอะไรยิ่งใหญ่มาก ส่วนมากก็เป็นเรื่องของเงินเดือนสูง หน้าที่การงานดี แต่อีกสิ่งหนึ่งที่ผู้หญิงเราคาดหวัง คือการมีคนดีๆ สักคนอยู่เคียงข้าง เป็นคู่คิด คู่ชีวิต ซึ่งมันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะเจอบุคคลผู้นั้น หลายคนต้องผิดหวังกับความรัก ช้ำรักเจ็บทรวงมาหลายต่อหลายครั้งกว่าจะเจอ
" คนที่ใช่ "
จริงๆ หรือหากร้ายกว่านั้น บางคนอาจเข็ดขยาดกับความรักจนไม่กล้าจะมีแฟนอีก!!!
บทความนี้เขียนมาสำหรับสาว ๆ ที่มีคู่หรือมีคนที่คบหาดูใจกันอยู่ ถ้าหากอยากรู้ว่าผู้ชายคนนั้นจะเป็น
" คนที่ใช่ "
และเราพร้อมจะ
" แต่งงาน "
ด้วยหรือเปล่า ต้องลองมาอ่านดูกันค่ะ พร้อมแล้วก็เลื่อนลงมาอ่านกันเลย!
1. อยู่กับเค้าแล้วเราเป็นตัวของตัวเอง
ไม่แปลกที่คนเราเวลาเจอกันช่วงแรก ๆ เรามักจะทำดีต่อกัน โดยเฉพาะกับคนที่เราชอบ เพื่อเป็นการสร้างความประทับใจ ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกดี การที่ตัดสินใจเลือกใครบางคนมาเป็นแฟนไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เพราะนั้นจะเป็นการแสดงออกว่าคุณรู้สึกดีกับเค้ามาก ถึงขั้นให้เค้ามาเป็น
" คนสำคัญในชีวิต "
และแน่นอน หากเป็นแฟนกันมาเรื่อย ๆ ความเป็นตัวเองของคุณและเขาก็จะปรากฏให้เห็นเด่นชัดมากขึ้น ไม่ใช่เวลาที่จะต้องมาปั้นหน้ายิ้มเป็นสาวหวานเรียบร้อยเหมือนผ้าพับไว้ หรือห่วงสวยต่อหน้าแฟนอีกต่อไป ถ้าคุณอยู่กับเค้าแล้วคุณปฏิบัติตัวได้เป็นธรรมชาติ เป็นตัวของตัวเอง ไม่รู้สึกเกร็ง หรือกระอักกระอ่วนใจอะไร เช่น
กล้ากินอาหารคำใหญ่ ๆ ต่อหน้าแฟน , กล้าเรอให้แฟนเห็น ( อันนั้นก็ต้องทำในที่ลับตาคนนิดนึง ) , กล้าทาปาก ทำหน้าตลก ๆ ตอนแต่งหน้าให้แฟนเห็น ฯลฯ
นั่นก็เป็นสัญญาณที่ดีในระดับนึงแล้วล่ะค่ะว่าเค้ายอมรับความเป็นตัวคุณได้ โดยมองข้ามกิริยาบางอย่างที่ไม่เรียบร้อยของคุณออกไปได้โดยไม่มีข้อกังขาอะไร แต่ไม่ใช่แค่เค้ายอมรับได้นะคะ คุณเองก็ต้องยอมรับความเป็นตัวเค้าได้เหมือนกัน
2. เราอยากจะ " ดูแล " เขา และเค้าก็ " เอาใจใส่ " เราดี
เป็นธรรมดาที่ผู้หญิงส่วนใหญ่อยากให้แฟนดูแล เอาอกเอาใจ และหากแฟนของคุณทำสิ่งเหล่านั้นได้ดีอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง นั่นก็เป็นโชคดีของคุณแล้วล่ะค่ะ แต่ไม่ว่าหญิงหรือชาย ทุกคนต่างต้องการความสนใจจากแฟนแทบทั้งสิ้น คุณอาจจะพอใจกับการเป็นผู้รับตลอดเวลา แต่ก็นั่นแหละค่ะ เหรียญมันมี 2 ด้านเสมอ เขาดูแลเอาใจใส่คุณเพราะเขารักและเป็นห่วงคุณ ขณะเดียวกันหากคุณรักเขา คุณย่อมจะมีความรู้สึกที่อยากจะดูแลเขาด้วย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กหรือเรื่องใหญ่ก็ตาม คนเราจะใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันย่อมต้องอยากจะประคับประคองความรักไปให้ตลอดรอดฝั่ง จริงมั้ยคะ?
3. เค้ากล้าที่จะพูดถึง " ข้อเสีย " ของเราแบบตรงไปตรงมา
การแต่งงาน ไม่ใช่เป็นเพียงแค่การเปลี่ยนนามสกุล การนอนบ้าน นอนห้องเดียวกันเท่านั้น แต่มันเป็นการสะท้อนความเป็นตัวตนของเราและเขาออกมา พูดง่าย ๆ ก็คือ เหมือนกับตัวเราเวลาที่กำลังส่องกระจกอยู่บานหนึ่ง เขาคนนั้นคือกระจกที่จะสะท้อนตัวเราออกมา
สิ่งที่สะท้อนออกมาผ่านการกระทำและคำพูด แสดงให้เห็นถึงข้อดีข้อเสียในตัวเราที่บางอย่างคนเป็นเพื่อนสนิทก็ไม่กล้าพูด แต่คนเป็น
" คู่ชีวิต "
คือคนที่รู้จักเราดีที่สุด โดยที่เราเองอาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าเราเป็นยังไง
การที่เขากล้าพูดถึงข้อเสียของคุณแบบตรงไปตรงมา ถือว่าเป็นเรื่องที่ดีนะคะ มันไม่ใช่การตำหนิ ว่ากล่าวกันให้เสียความรู้สึก แต่มันเป็นการทำให้คุณต้องรู้จักการปรับตัวมากขึ้นต่างหาก อย่างไรก็ตาม เมื่อเขาเป็นกระจกให้คุณแล้ว ตัวคุณเองก็ต้องเป็นกระจกที่สะท้อนตัวเขาออกมาอีกเช่นกัน หากเป็นแบบนั้นชีวิตคู่ของคุณกับเขาก็น่าจะสมบูรณ์มากขึ้น :)
4. เค้ายังอยู่เคียงข้างเรา แม้ในวันที่เราลำบาก
คนเราจะเห็นน้ำจิตน้ำใจกันจริง ๆ ก็ต่อเมื่อวันที่เรากำลังลำบาก แม้ว่าตอนนี้คุณกำลังทุกข์ร้อนเรื่องอะไรก็ตาม หากเขายังเป็นคนที่อยู่ข้าง ๆ ให้กำลังใจ ช่วยเหลือคุณ โดยไม่คิดจะหนีหน้าไปไหน หรือทิ้งเราไว้ให้เผชิญปัญหาตามลำพัง มั่นใจได้แล้วล่ะค่ะ ว่าเขาคือ
" คู่ชีวิต "
ของคุณ คุณสามารถไว้ใจผู้ชายคนนี้ได้ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ตาม และมันยังเป็นเครื่องพิสูจน์อีกอย่างหนึ่งว่า
เขารักคุณอย่างจริงใจ
:)
และนี่ก็เป็นเพียง 4 ข้อง่าย ๆ นะคะที่จะบอกว่าแฟนหนุ่มของคุณคือ
" ตัวจริง "
ที่คุณจะ
" แต่งงาน "
ด้วยรึเปล่า
คำว่า
" คู่ชีวิต "
มันมีความหมายที่ลึกซึ้งกว่าคำว่า " แฟน " หลายเท่านัก จงคิดตริตรองให้ดีว่าคุณมั่นใจในตัวเขามากพอหรือยัง ฝากไว้เพียงเท่านี้ แล้วกลับมาพบกันใหม่ในครั้งนะคะ สวัสดีค่ะ
Sista Peony
บทความที่เกี่ยวข้อง
11 สัญญาณที่บอกว่าเราพร้อมแต่งงาน
https://sistacafe.com/summaries/9194
6 นิสัยของผู้ชาย ที่จะไม่มีวันนอกใจคุณ
https://sistacafe.com/summaries/6288
10 บุคลิก ผู้หญิงที่ผู้ชายอยากขอแต่งงาน
https://sistacafe.com/summaries/3567