สวัสดีค่ะสาวๆ ขอต้อนรับทุกคนสู่ฤดูฝนค่ะ เราเคยสวยท้ากล้องไปแล้ว ครั้งนี้เราจะมาท้าลมท้าฝนกันค่ะ

"ทำไมต้องท้า?"

ก็เพราะจะแต่งหน้าให้รอดในหน้าฝนช่างยากเย็นนะสิคะ เมคอัพก็พร้อมจะไหลเยิ้มบ้าง แต่งหน้าไม่ติดหน้าบ้าง

วันนี้เราเลยงัดทุกกลเม็ดเด็ดดวง มาให้สาวๆติดอาวุธไปสู้กับสายฝนกันค่ะ

เกิดเป็นคนสวยต้องสวยทุกที่ ทุกเวลา ทุกสถานการณ์ค่ะ ไม่ว่ายังไงเราต้องรอดเสมอ

Makeup Look ในครั้งนี้เราจะแต่งตามเทรนด์ในตอนนี้ที่เน้นไปทางสีชมพูทั้งหน้าโดยอิงเทคนิคการแต่งหน้าแบบสาวญี่ปุ่นกันคะสาวญี่ปุ่นจะเน้นงานผิว มีฉ่ำบ้างแต่ไม่มาก ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งดูจะเข้ากับสภาพอากาศในตอนนี้เพราะก่อนฝนตกอากาศจะร้อนอบอ้าวทำให้เรามีเหงื่อ และเมื่อฝนตกจะมีไอน้ำในอากาศมาก ทำให้เหงื่อเราไม่ระเหยและบวกกับน้ำในอากาศจึงทำให้เราเหนียวตัว เมคอัพไหลเยิ้มรู้เขารู้เรารบร้อยครั้งชนะร้อยครั้งค่ะ!


รูปภาพ:

ออก Start ดีก็สวย Non Stop

เบรค! ก่อนค่ะสาวๆ ก่อนแต่งหน้าเราต้องลงสกินแคร์ซึ่งมีส่วนสำคัญมากที่จะตัดสินชะตาชีวิตเมคอัพในวันนั้นสกินแคร์พวกมอยซ์เจอร์ยังสำคัญค่ะเพราะช่วยล็อกความชุ่มชื้นของผิวตามธรรมชาติ ถ้าผิวมีความชุ่มชื้นเพียงพอผิวจะไม่ผลิตความมันส่วนเกินออกมา โดยเฉพาะสาวๆ ผิวมันและผิวผสม ส่วนสาวผิวแห้งจะช่วยให้แต่งหน้าติดทนขึ้นค่ะข้อระวังคือไม่ควรใช้สกินแคร์มากเกินไปเพราะอาจจะซึมสู่ผิวได้ไม่หมด และควรเลือกสกินแคร์ที่ไม่ทั้งความมันบนใบหน้า แม้แต่ครีมกันแดด เพราะเมื่อเจอกับไอน้ำจะทำให้หน้าเยิ้มค่ะ

Tips1 :ถ้ารู้สึกผิวแห้งมากสาวๆ ลองมาร์กหน้าก่อนแต่งหน้าดูสิคะ ช่างมืออาชีพก็ทำกัน เป็นการฟื้นฟูผิวที่เร็วและเข้มข้น แต่ไม่ควรทำบ่อยนะคะ

Tips2:หลังลงสกินแคร์ให้สาวๆ ใช้มืออุ่นๆ ประกบบนหน้า ทิ้งไว้สัก 2-3 วินาทีแล้วเปลี่ยนตำแหน่ง ทำแบบนี้จนทั่วหน้า เพื่อความร้อนบนมือผลักสกินแคร์ให้ซึมลงสู่ผิวให้มากที่สุดค่ะ

1. Matte Veil Primer Illamasqua (แมทเวล ไพรเมอร์ อิลลามาสก้า)

รูปภาพ:

เริ่มต้นที่ไพรเมอร์ก่อนเลยเพราะไพรเมอร์จะช่วยให้เมคอัพเราติดทนขึ้นแต่! อย่าใช้เยอะเกินไปนะคะ เพราะทำให้เมคอัพไหลได้เหมือนกัน เราเลือกใช้ไพรเมอร์ของอิลลามาสก้าแต่เป็นคนละรุ่นกับที่เคยรีวิวไป รุ่นนี้เหมาะกับผิวมัน - ผิวผสมให้ความแมทไม่ทิ้งความมันวาวมีผิวสัมผัสคล้ายลงสกินแคร์ให้ความชุ่มชื้นถึงแมทแต่ผิวไม่แห้งไม่เคลือบผิวแต่ซึมลงผิวไปเลย เราไม่อยากให้ผิวฉ่ำเกินไปเพราะเดี๋ยวระหว่างวันจะฉ่ำมากเกินไป

2.Lunasol Skin Modeling water Cream Foundation (ลูนาโซล สกิน โมเดลลิ่ง วอร์เทอร์ ครีม ฟาวน์เดชั่น)

รูปภาพ:

ต่อมาเราใช้รองพื้นสูตรครีมของลูนาโซลถึงแม้ว่าจะเป็นครีมแต่บางเบามาก ไม่หนา ไม่หนักหน้า ดูเป็นงานผิวมีความคล้าย tinted moisturizer แต่ไม่ฉ่ำเท่าและปกปิดมากกว่า(นิดนึง)ตันี้ให้ลุคแบบสาวญี่ปุ่น ผิวจะนวลๆ นัวๆ ไม่ฉ่ำวาวมากที่สำคัญคือบางเบาแต่ติดทน กันน้ำ กันเหงื่อ ถึงแม้ว่าระหว่างวันจะมีซับหน้าบ้างก็ไม่หลุด ไม่ตกร่องถ้าอากาศแห้งๆไม่ต้องลงแป้งทับก็ได้ค่ะ

3. NARS Radiant Creamy Concealer (นาร์ส เรเดียนท์ ครีมมี่ คอนซีลเลอร์)

รูปภาพ:

หลังลงรองพื้นแล้วเก็บร่องรอยที่หลงเหลือด้วยคอนซีลเลอร์ค่ะ เพราะรองพื้นค่อนข้างบางจึงต้องกลบด้วยคอนซีลเลอร์อีกทีอนซีลเลอร์ของนาส์ตัวนี้เป็นเนื้อครีมสูตรน้ำให้ Coverage กลางๆคือจะไม่หนาจนเกินไป เวลาใช้เราจะแตะที่มือก่อนแล้วค่อยแต้มบริเวณที่ต้องการปิดใช้นิ้วแตะๆ ให้กลืนไปกับผิว เพื่อไม่ให้เห็นเป็นดวงๆ ถ้าหนาเกินไปตรงจุดที่แตะคอนซีลเลอร์ก็จะเห็นเป็นดวงๆ แยกกับเนื้อรองพื้นพอแห้งแล้วเกาะผิวดีค่ะ กันน้ำ กันเหงื่ออย่าลืมลงใต้ตาด้วยนะคะ จะได้ดูพักผ่อนเพียงพอ

4. Illamasqua Cream Blusher #Rude (อิลลามาสก้า ครีม บลัชเชอร์ สีรู้ด)

รูปภาพ:

ต่อมาเป็นครีมบลัชค่ะ สำคัญมากสำหรับลุคนี้เพราะจะคงไว้ซึ่งแก้มชมพูระเรื่องตลอดทั้งวันแม้จะเปียกฝนครีมบลัชของอิลลามาสก้า สีรู้ดตัวนี้มีสีเป็นโทนชมพูส้ม ซึ่งเหมาะกับสาวผิวโทนเหลืองแม้ว่าจะมีผิวขาว ผิวสองสีหรือผิวเข้มก็ใช้ได้นะคะใช้นิ้วเกลี่ยๆ วนๆ ไปบนครีมบลัช แล้วแตะๆ ที่แก้ม เนื้อครีมเค้านุ่ม เกลี่ยง่าย สีกลืนไปกับสีผิวดูเป็นธรรมชาติเราจะใช้อันนี้ลงที่เปลือกตาด้วย (เปลือกตาเราไม่มันถ้าคนที่เปลือกตามันแนะนำให้ใช้อายไพรเมอร์ลงก่อนนะคะ) เพื่อให้สีติดทนนานยิ่งขึ้น ที่สำคัญคือต้องกันน้ำ กันเหงือ ไม่เลือนหายระหว่างวัน

5. BSC C-Cover Light Powder (บีเอสซี ซี คัฟเวอร์ ไลท์ พาวเดอร์)

รูปภาพ:

ถูกและดียังมีบนโลกจ้า

เราจะเซทผลิตภัณฑ์ประเภทครีมทั้งหมดด้วยแป้งผสมรองพื้น

ของบีเอสซี

โดยใช้แปรงหัวพุ่ม ใหญ่ๆแบบนี้แตะที่ตลับแป้งแล้วเคาะแป้งส่วนเกินออกก่อนนิดนึง

จากนั้นจะมาวนๆ ให้ทั่วหน้า เพื่อไม่ให้แป้งหนาเกินไป

ปัดๆให้แป้งฟุ้งๆ แค่พอเซ็ทตัวเท่านั้น เราเลือกแป้งผสมรองพื้นเพราะเกาะหน้ามากกว่าแป้งฝุ่นและเพื่อเพิ่มการปกปิดอีกขั้น

แต่อย่าลงเยอะเพราะทำให้ตกร่องหรือเปลี่ยนสีระหว่างวันได้เหมือนกัน

ถ้าต้องการปกปิดเป็นพิเศษใช้มุมของพัฟแตะที่แป้งแล้วกดเฉพาะจุดที่ต้องการปกปิด

6. Mont Fleur Mineral Water Spray (มองท์เฟลอ มิเนอรัล วอร์เตอร์ สเปรย์)

รูปภาพ:

เราจะเซททุกอย่างด้วยน้ำแร่อีกทีพื่อซับเอาส่วนเกินออกและให้เมคอัพติดทนมากขึ้นด้วยน้ำแร่ก็สำคัญมากเพราะนอกจากจะทำให้สดชื่น ลดอุณภูมิผิวแล้ว น้ำแร่จะไม่ดึงความชุ่มชื่นออกจากผิว แต่จะดึงความมันส่วนเกินออกจากใบหน้าใช้ได้ทั้งก่อน ระหว่าง และหลังแต่งหน้าหรือแม้ระหว่างวัน ใช้ซับหน้าแทนกระดาษซับมันจะดีมาก เพื่อให้ความสดชื่นและซับเอาน้ำมันส่วนเกินและเหงื่อออก

7. Illamasqua Powder Blusher #Hussy (อิลลามาสก้า พาวเดอร์ บลัชเชอร์ สีฮัซซี่)

รูปภาพ:รูปภาพ:

แต่งตากันค่ะ เราจะใช้บลัชแบบฝุ่น อันนี้เป็นของอิลลามาสก้าเหมือนเดิม สีฮัซซี โทนสีชมพูส้มเหมือนกับแบบครีมลงให้ทั่วเปลือกตาเลยค่ะ แต่เน้นบริเวณใต้รอยพับใกล้ๆกับเส้นขนตาให้เข้ม ส่วนอื่นๆ เกลี่ยให้ฟุ้ง ไล่ระดับเข้มไปอ่อน อย่าลืมลงตาล่างด้วยนะคะ

8.Gino McCray Makeup Eye Shadow #19 Embia (จิโน่ แม็คเครย์ เมคอัพ อายชาโดว์ สี เอ็มบีอา)

รูปภาพ:

ราจะเพิ่มความวิบวับเพื่อให้ดวงตาโดดเด่นขึ้นมาอีกด้วยอายชาโดว์แบบกลิตเตอร์ เราใช้นิ้วนี่แหละเพราะผลิตภัณฑ์จะเกาะดีกว่าใช้แปรง ค่อยๆ แตะลงไปที่กลางตาไม่ต้องเกลี่ยให้ทั่วนะจ๊ะ แค่ให้อยู่ตรงกลางก็พอเพื่อให้ตาดูมีมิติตอนแรกเราลงสีตาเป็นสีชมพูส้มไปแล้ว เมื่อเจอกับสีทองแดง (Copper บางยี่ห้อเรียกแบบนี้)จะได้เป็นสีพีชไม่ว่าคุณจะมีผิวสีอะไรก็สามารถแต่งตาแบบนี้ได้ค่ะ

9. Bobbi Brown Long-Wear Gel Eyeliner (บ็อบบี้บราวน์ ลองแวร์ เจล อายไลน์เนอร์)

รูปภาพ:

อายไลน์เนอร์ก็ต้องกันน้ำ กันเหงื่อ กันน้ำมันด้วยนะจ๊ะ เราเลือกอายไลน์เนอร์แบบเจลของ บ็อบบี้ บราวน์เพราะเขียนง่าย และกันน้ำ กันเหงื่อได้ดี แม้วันที่เปลือกตามันยังไม่เป็นแพนด้า ปกติสาวญี่ปุ่นจะไม่เขียนอายไลน์เนอร์นะจ๊ะ ถ้าเขียนก็ขียนบางๆ ดังนั้นเราจะเขียนให้แนบโคนขนตามากที่สุด และให้ฟุ้งๆ นิดนึงเพื่อให้ขนตาดูหนาและแน่นขึ้นอาจจะลากหางตาออกมานิดหน่อย ให้รอยพับที่หางตาชัดขึ้น ส่วนตาล่างใช้ส่วนที่เหลือที่ติดอยู่ที่แปรงแตะบริเวณหางตานิดหน่อยให้ตาดูกลมโตขึ้น หรือถ้าใครอยากให้ตาดูหวาน ไม่เน้นคมไม่ต้องเขียนก็ได้จ๊ะ

10. Lancome Grandiose Waterproof Mascara (ลังโคม แกรนดีโอส วอร์เตอร์พรูฟ มาสคาร่า)

รูปภาพ:

สาวญี่ปุ่นจะเน้นการปัดขนตามากเลยค่ะ เพราะทำให้ตาโตขึ้นและดูหวานขึ้น มาสคาร่าของลังโคมตัวนี้กันน้ำ กันเหงื่อ กันแม้กระทั่งคลีนซิ่งสูตรน้ำแนะนำว่าตอนลบให้ใช้อายรีมูฟเวอร์เช็ดก่อนนะคะไม่งั้นขนตาร่วงได้ หน้าฝนนี้ไว้ใจเขาได้เลยค่ะไม่แพนด้าแน่นอน กันสาดมาแล้ว ชูสะบัดท้าลม ท้าฝนไปเลยจ้า

11.Maybelline Lovebag Big Eyes Liner (เมเบลลีน เลิฟแบค บิ๊กอายส์ ไลน์เนอร์)

รูปภาพ:

จบการแต่งตาด้วยอายไลน์เนอร์สีขาวหรือสีโทนสว่างจะช่วยให้ตาดูหวานขึ้น ตอนใช้ค่อยๆ แตะบริเวณหัวตาแล้วใช้นิ้วเกลี่ยให้ทั่วกลิตเตอร์ไลนเนอร์ตัวนี้มีพิกเมนต์ค่อนข้างใหญ่ กระจายแสงดี ติดแน่นทำให้ตาดูไบรท์ขึ้นและหวานขึ้นมากๆ เลยหรือจะเขียนยาวตลอดเส้นขอบตาล่างก็ได้นะจ๊ะเหมือนเพิ่มพื้นที่ให้ดวงตาเราดูโตขึ้น ไบรท์ขึ้น และขนตาชัดขึ้นด้วย

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/c1/33/a9/c133a9f24749f54110eecb96662da5d2.jpg

Tips 3:สาวญี่ปุ่นชอบให้ตาดูบริ้งค์ๆ มีประกาย แก้มชมพูระเรื่อ และปากชุ่มฉ่ำ ดูเป็นสาวสุขภาพดี เพราะเชื่อว่าสาวสุขภาพดีจะมีเสน่ห์มาก

12. Illamasqua Powder Blusher #Hussy (อิลลามาสก้า พาวเดอร์ บลัชเชอร์ สีฮัซซี่)

รูปภาพ:

ปัดแก้มกันค่ะ เราใช้ปัดแก้มเนื้อฝุ่นของอิลลามาสก้าตัวเดิม (สีHussy) เพื่อให้ดูเป็นธรรมชาติเทรนด์ของสาวญี่ปุ่นจะเน้นสีของแก้มค่อนข้างชัดแลดูเขินอายตลอดเวลา เหมือนแก้มเด็กในหน้าหนาว แต่เทรนด์ปัจจุบันนิยมปัดเป็นวงกลมบริเวณใต้ตา ส่วนตัวเราไม่ถนัดแบบนั้นขอปัดแบบธรรมดาดีกว่า แต่ให้สูงกว่าปกตินิดนึงตามแบบสาวญี่ปุ่น ทำให้หน้าดูเด็กขึ้นด้วยนะ สีปัดแก้มที่เป็นโทมพูอมส้มแบบนี้สาวผิวเข้มก็แต่งได้นะจ๊ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/b6/d8/1b/b6d81bb0b44f5d4df119f20e12e5f205.jpg

Tips 4:ถ้าสาวๆ ทำสีผมสีน้ำตาล เมคอัพสีส้มหรือชมพูอมส้มแบบนี้จะทำให้ใบหน้าของสาวๆ ดูสว่างขึ้น เข้ากับสีผมและไม่ทำให้หน้าดูซีดด้วย

13. Gino McCray Mariposa Strobing Powder (จิโน่ แม็คเครย์ มาริโพซา สโตรบิงก์ พาวเดอร์)

รูปภาพ:

สร้างมิติแบบเป็นธรรมชาติกันดีกว่า เราเลือกพาเลท 3 สีของจีโน่แมคเครอันนี้เพราะสีที่ 1 เป็นสีขาวออกครีมๆ เนื้อฝุ่นมีชิมเมอร์น้อยมาก เราใช้ตัวนี้เพื่อลบส่วนเกินจากอายชาโดว์และทำให้บริเวณใต้คิ้วดูเด่นขึ้นถ้าต้องการเด่นมากให้ใช้สีที่ 2 ค่ะสีที่ 2 เป็นสีแชมเปญมีชิมเมอร์มากกว่าเหมาะใช้เป็นไฮไลท์ สีไม่ขาวโดดเกินไปด้วยเข้ากับสีผิวและสีบลัชตอนลงจะใช้แปรงปัดหรือให้นิ้วแตะเอาก็ได้สุดท้ายเป็นบรอนเซอร์เนื้อฝุ่นสีแมท เราใช้เฉดที่จมูกเพื่อให้มีมิติมากขึ้นสาวญี่ปุ่นไม่นิยมเฉดดิ้งมากนัก สาวๆ ต้องลงอย่างเบามือและพยายามเกลี่ยให้ฟุ้งนะคะ จะได้ไม่แยกส่วนกัน ดูเป็นธรรมชาติมากกว่าค่ะ

14. Bobbi Brown Nourishing Lip Color สี Rose petals (บ็อบบี้ บราวน์ นูริชชิ่ง ลิป คัลเลอร์ สีโรส พีทัล)

L’oreal Color rich Extraordinaire #111 (ลอลิอัล คัลเลอร์ริช เอ็กส์ตร้าออดิแนริ สี #111)

รูปภาพ:

สุดท้ายแล้ว ^_^

เราจะทาลิปโทนชมพูเนื้อครีมให้ดูชุ่มฉ่ำ

และจะลง 2 ตัว

ตัวแรกคือบ็อบบี้บราวน์ นูริชชิ่งลิป

เพราะปากเราแห้งมากถ้าลงลิปแมทก่อนปากเราจะแห้งแตก

ลิปตัวนี้เป็นเนื้อครีม เนียนนุ่ม เกลี่ยง่ายและให้ความชุ่มชื่นพร้อมบำรุงด้วยในตัว

ไม่ทำให้ปากแห้ง

และเราจะเพิ่มความแซ่บแบบสาวไทยด้วยลอลิอัล คัลเลอร์ริช ตัวนี้เป็นลิปเนื้อแมท เราใช้แทนลิปทินต์เพราะติดทนนานมาก

เม็ดสีแน่น ให้ลุคแบบกำมะหนี่ แม้ว่าจะทำให้ปากแห้ง แต่รับรองว่าติดทนนาน

Finish Look

รูปภาพ:

จะได้ลุคใสๆ หวานๆ ดูสดใส สุขภาพดีแบบสาวญี่ปุ่น พร้อมท้าลมท้าฝนกันแล้ว ถึงแม้ระหว่างวันจะมีเหงื่อ อากาศชื้น เหนียวเหยอะหนะ แต่ไม่มีปัญหา เพราะเราลงเมคอัพบางๆ ทำให้ไม่รู้สึกหนักหน้า และเมคอัพที่ใช้ก็กันน้ำกันเหงื่อ

เราจะมาพิสูจน์กันว่าจะสวยคงทนแม้ตอนเปียกฝนรึเปล่า โดยเราจะฉีดด้วยน้ำเปล่าทั้งหน้าเลย

รูปภาพ:รูปภาพ:

Tips 5 :สิ่งที่สาวๆ ควรมีติดไว้ในกระเป๋ายังชีพคือ ครีมบลัชเชอร์และลิปทินท์หรือลิปมันก็ได้ เพราะมีประโยชน์มากเวลาที่สาวๆ ขี้เกียจแต่งหน้า หรือจะไปออกกำลังกาย ไปว่ายน้ำ ไปทะเล ไม่สะดวกแต่งหน้า แต่ไม่อยากให้หน้าดูซีด ดูป่วย จนเกินไป สามารถใช้แต้มบนหน้าให้พอมีสีสันเป็นธรรมชาติ เท่านี้ก็ดูดีขึ้นมาแล้วค่ะ อีกอย่างยังกันน้ำกันเหงื่อได้ด้วย หนุ่มๆ ก็ใช้ได้นะคะ แค่แต้มบางๆ เพื่อให้หน้าไม่ซีด เวลาถ่ายรูปลง IG ดูเป็นหนุ่ม Healthy ให้สาวๆ กรี๊ดไปตามๆ กัน

ถึงแม้จะเเป็นแนวสาวญี่ปุ่น

แต่สาวไทยอย่างเราก็แต่งได้นะคะ เพียงแค่เลือกสีที่เหมาะกับสีผิว

ลุคนี้กำลังเทรนด์แถมยังแต่งได้ทุกวันอีกด้วย

ง่ายและใช้เวลาไม่เยอะ ผ่านการทดสอบแล้วว่าทนลมทนฝนจริงๆ

เปียกขนาดไหนก็ไม่หวั่น จะแต่งไปตามรอยแม่การะเกด (คัมแบ็ค) ก็ได้นะจ๊ะ ^_^