ต้องบอกก่อนเลยว่า จากประสบการณ์โดยตรง

CrystalBunny

เป็นคนชอบกินเนื้อสัตว์มากๆ จะไม่ค่อยชอบกินพวกแป้งหรือข้าวสักเท่าไร หนึ่งวันกินข้าวมื้อเดียว ที่เหลือกินแต่เนื้อๆ แต่ทำไมก็ไม่รู้สินะน้ำหนักเท่าเดิมมา 5 ปีแล้ว- 3- ( ผัวะ ! // โดนโบก ) จริงๆ ค่ะไม่โม้ กรรมพันธุ์เป็นคนอ้วนด้วย แต่กินเท่าไรก็ไม่อ้วน ( ฮิฮิ ) ด้วยความสงสัยมาเนิ่นนานว่าการเป็นแบบนี้เรามีความผิดปกติอะไรหรือเปล่านะไปหาหมอตรวจสุขภาพกี่ทีก็ปกติตลอด วัดไขมันในร่างกายก็ไม่ค่อยมีเอ๊ะ! ทำไมกันนะ

เราสืบไปสืบมาก็เพิ่งมารู้ว่าวิธีการกินแบบที่เรากินอยู่เนี่ย มันใกล้เคียงกับการลดน้ำหนักแบบ"คีโตเจนิกส์"ค่ะ ถึงบางอ้อกันเลยทีเดียว ซึ่งเราจะไม่ผอมหุ่นดีอยู่คนเดียวค่ะ เราก็จะเอาวิธีควบคุมน้ำหนัก "คีโตเจนิกส์" มาฝากสาวๆ กัน ไปดูกันเลย!


รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/96/d2/d5/96d2d5eaed603579e12dc787f96f2d2f.jpg

" คีโตเจนิกส์ไดเอ็ท " คืออะไรอ่ะ?

การไดเอทแบบ" คีโตเจนิกส์ "ก็คือการเน้นกินอาหารที่เป็นประเภทไขมันควบคู่กับโปรตีน ให้มากกว่าคาร์โบไฮเดรตอย่างพวกแป้งและกินน้ำตาลให้น้อยที่สุดเพื่อเป็นการปรับระบบเผาผลาญพลังงานในร่างกาย ( คล้ายๆ ทำให้ร่างกายเลียนแบบสภาวะการอดอาหาร )ซึ่งร่างกายก็จะดึงไขมันที่เก็บสะสมเอาไว้มาเผาผลาญแทนน้ำตาล( เริ่ด! )จริงๆ สูตรนี้ก็มีมานานตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980 โน่น โดยทางการแพทย์เขาก็คิดค้นขึ้นมาเพื่อรักษาผู้ป่วยลมบ้าหมู และสูตรนี้ก็กลายเป็นที่นิยมมากๆ ในหมู่คนเล่นกล้าม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/5e/db/3b/5edb3b46847807915aa6c7204683c2e3.jpg

แต่ แต่ แต่ทุกอย่างใดๆ บนโลกใบนี้นะคะมีทั้งข้อดีและข้อเสียสำหรับ

ข้อดีก็คือ


เนื่องจากร่างกายดึงไขมันไปเผาผลาญแทนน้ำตาล


ตับของเราก็จะไม่หลั่งอินซูลินออกมาเพื่อควรคุมน้ำตาล ในส่วนนี้ก็เรียกง่ายๆ ว่า

ทำให้ร่างกายอยู่ในสภาพ " คีโตน " ( สภาวะเผาผลาญไขมันแทนน้ำตาล)

ผลที่เกิดขึ้นก็คือ


เราก็จะไม่เหนื่อยล้า


สำหรับคนที่ต้องทำงานทุกวันจะมาลดน้ำหนักลดอาหารกินแต่ผักผลไม้ก็จะเห็นว่าเหนื่อยง่ายซึ่งวิธีนี้จะช่วยให้เราทำงานได้อย่างปกติ ไม่อ่อนเพลีย หรือปวดหัว อีกทั้งยังช่วยลดน้ำหนักและไขมันในร่างกาย ทำให้รู้สึกว่าผอมลง ( ส่วนตัวชอบวิ่งและชอบเดินบ่อยๆ น้ำหนักก็ลดได้ไวมากเลยค่ะ )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/99/bf/10/99bf109b28bdf66173468eeeebba1c8a.jpg

ข้อเสียก็คือถ้ากินแบบนี้ติดต่อกันไปนานๆ จะทำให้ร่างกายสูญเสียกล้ามเนื้อที่ดีไปเพราะถูกร่างกายดึงโปรตีนจากเนื้อเยื่อเราไปใช้ ซึ่งในวันข้างหน้าก็เสี่่ยงต่อการเป็น โรคเกาต์  นิ่วในไต และไปขัดขวางการดูดซึมแรงธาตุต่างๆที่จำเป็นต่อร่างกาย


เวลาเราป่วยก็จะหายช้ากว่าปกติ

จริงๆ แล้วสูตรนี้ควรกินติดต่อกัน 14 วันแล้วสลับไปกินอาหารแบบอื่นหรือลดน้ำหนักด้วยวิธีอื่นต่อ ( อย่างเราเอง ในหนึ่งอาทิตย์ก็หันไปกินมังสวิรัติ 1-2 วัน กินผักเยอะๆ กินพวกน้ำผลไม้บ้าง )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/5d/0e/ab/5d0eab016dc9c08c878ab077c2dd3115.jpg

อยากหุ่นสวยง่ายๆ แบบปลอดภัย ต้องรู้!

การกินอาหารที่ไม่มีคาโบไฮเดรตอย่างพวกแป้งหรือข้าวเลย เมื่อกินแบบนี้ติดต่อกันนานๆในท้ายที่สุดร่างกายก็จะไม่มีแรง รู้สึกอ่อนเพลียได้ง่ายๆเพราะกรดไขมันถูกเผาผลาญแทนทำให้ร่างกายมีสารเคมีที่เรียกว่าคีโตนมากเกินไปจากนั้นก็จะเกิดการปล่อยออกมาทางรูขุมขนและลมหายใจได้ เราก็จะรู้สึกได้ว่าลมหายใจของเรามีกลิ่นเหม็น( ยังไงก็สลับไปกินข้าวกินผักผลไม้แบบปกติบ้างนะคะ )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/ee/de/69/eede69a78f060dd9b02b4c54df9b9a64.jpg

หลักการ 3 ข้อของสูตรคีโตเจนิกส์ อยากกินไขมันแต่ก็อยากผอมต้องกินอย่างไร

ข้อแรกลดปริมาณอาหารหมู่คาร์โบไฮเดรต โดยการคุมปริมาณการกินคาร์โบไฮเดรตให้เหลือวันละ 25-50 กรัม ต่อวันบอกแบบนี้อาจไม่เข้าใจ เราก็จะมาบอกให้รู้กันว่า แล้วประมาณ 25-50 กรัม นี่มันคือประมาณไหน กินอะไรได้ คาร์โบไฮเดรตให้เหลือวันละ 25-50 กรัม

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/80/3e/db/803edbfa45b5294ae45e3efee7072510.jpg


แนะนำให้กินเป็นข้าวจะดีกว่าค่ะโดยข้าวสวย 1 ทัพพี จะได้คาร์โบไฮเดรตประมาณ 18 กรัม เท่ากับข้าวเหนียวประมาณครึ่งทัพพี ปริมาณคาร์โบไฮเดรตเท่ากัน ใครไม่ชอบกินข้าว พวกเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นๆ ทั้งหลาย 1 ทัพพี จะได้ 18 กรัม ส่วนขนมปังจะมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม

ส่วนใครไม่ชอบกินข้าว พวกเส้นหมี่ เส้นเล็ก เส้นๆ ทั้งหลาย 1 ทัพพี จะได้ 18 กรัม ส่วนขนมปังจะมีคาร์โบไฮเดรตประมาณ 15 กรัม

ควรกินผลไม้ควบคู่ไปด้วยซึ่งผลไม้ที่มีรสหวานน้อย ขนาดเท่ากำปั้นมือจะมีคาร์โบไฮเดรต 15 กรัม ( เรากินพวกแก้วมังกร เพราะอิ่มง่ายและช่วยเรื่องการขับถ่าย กับฝรั่งเพราะมีวิตามินซีสูง ) พวกผลไม้หวานก็มีคาร์โบไฮเดตร 15 กรัมเหมือนกันค่ะ

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/51/fc/40/51fc4013e5dee4ae037f56e49449a94a.jpgรูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/1b/45/38/1b45382b92c3db05a03cd5266464e24a.jpg

ข้อต่อมาเน้นกินโปรตีน เพราะโปรตีนจะถูกเปลี่ยนเป็นกลูโคส เพื่อให้ร่างกายนำไปเผาผลาญเป็นพลังงานมาดูกันซิว่าแล้วกินโปรตีนแบบไหนจะได้พลังงานเท่าไร ซึ่งก็ต้องขอบอกก่อนเลยค่ะว่าพลังงานที่เหมาะสมในแต่ละวัน

สำหรับ เด็ก ( 6-13 ) คนสูงอายุ ผู้หญิงที่ทำงานคือ 1600 แคลอรี่ต่อวัน วัยรุ่นชายหญิง ผู้ชายวัยทำงาน 2000 แคลอรี่ต่อวัน และคนที่ต้องใช้แรงงาน ออกกำลังกาย ทั้งผู้หญิงและผู้ชายคือ 2400 แคลอรี่ต่อวัน

โปรตีนที่มาจากสัตว์ ( วงเล็บข้างหลังคือปริมาณแคลอรี่นะคะ ทั้งหมดประมาณโดยปริมาณ 100 กรัม )

ปลาทูน่า ( 184 ) , อกไก่สันในไก่ ( 164 ) , ไข่ไก่ฟองใหญ่ ( 80/1 ฟอง ), เนื้อวัว ( 250 ) , เนื้อปลา ( 205 ) , เนื้อหมู ( 242 )โปรตีนที่มาจากพืช ( ทั้งหมดประมาณโดยปริมาณ 100 กรัม )

ถั่วเหลือง ( 446 ) , อัลมอนด์ ( 575 ), เต้าหู้ ( 76 ), อโวคาโด ( 160 )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/32/35/22/323522640536db676420e976c939c2c7.jpg


ข้อสุดท้าย

เน้นกินไขมันที่เป็นไขมันชนิดดี เพราะสารอาหารประเภทไขมันจะทำให้ร่างกายเพิ่มประสิทธิภาพในการเผาผลาญพลังงานมากขึ้นไขมันมีทั้งแบบดีและไม่ดีนะคะ ไขมันไม่ดีก็พวกเนื้อหมู ไก่ ไข่ ชีส ( อ้าว )ไม่ต้องงงค่ะ มันก็กินได้ค่ะซิส แค่หันไปเน้นกินปลาจะดีกว่า และพวกเต้าหู้ ถั่วเหลือง ( กินแล้วผิวดีผมสวย )

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/90/d6/83/90d683cacfd540eecbb796d117070327.jpg

เพิ่มเติมอีกนิด ประเภทอาหารที่เหมาะกับการลดน้ำหนักด้วยวิธี " คีโตเจนิกส์ "

อาหารประเภทไขมัน

เนย ไข่แดง ไวลด์แซลมอน ปลาทูน่า ปลาเทราต์ หอย ถั่วแมคคาเดเมีย อะโวคาโด น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันเมล็ดลินิน และน้ำมันดอกคำฝอย

อาหารประเภทโปรตีน

ไข่ไก่ ชีส ครีม วิปปิ้งครีม เนื้อสัตว์ไม่ติดมัน พวกปลาต่างๆ เช่น ปลาดุก ปลาค็อด ปลาตาเดียว ปลาแมกเคอเรล ปลามาฮิ-มาฮิ ปลาแซลมอน ปลากระพงแดง ปลาเทราต์ ปลาทูน่า เนื้อวัว เนื้อแกะ เนื้อแพะ เนื้อลูกวัว เนื้อหมูสันนอก เนื้อหมูติดซี่โครง หรือ พอร์คชอป ส่วนถั่วก็ แมคคาเดเมีย วอลนัท อัลมอนด์ เม็ดมะม่วงหิมพานต์ พิตาชิโอส เป็นต้น เลี่ยงถั่วลิสงนะคะเพราะมีคาร์โบไฮเดรตสูง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/09/67/7b/09677b47be50778c36aca196487d7657.jpg

☆·.¸¸.·´¯`·.¸¸.¤☆·.¸¸.·´¯`·.¸¸.¤☆·.¸¸.·´¯`·.¸¸.¤

ทั้งหมดนี่ก็เป็นวิธีลดน้ำหนักแบบ" คีโตเจนิกส์ "นะคะ เห็นไหมล่ะคะ ต่อไปนี้ไม่ต้องคอยอดอาหาร กินแต่สลัด งดของทอด เนื้อหนักๆ ให้เจ็บปวดใจกันอีกแล้วนะ กินได้แบบหายห่วงเลยแต่ก็ควรกินแบบที่พอเหมาะเนอะ และกินให้เพียงพอต่อพลังงานที่ร่างกายต้องการภายในหนึ่งวันทั้งนี้ก็งดวิธีการลดน้ำหนักและหันไปให้รางวัลตัวเองด้วยการกินของหวานสักชิ้น หรือกินแบบปกติสัก 1 วันบ้างดีที่สุดก็ควรออกกำลังกายบ้าง สำหรับใครขี้เกียจก็ลุกขึ้นมาเต้นๆ หรือเดินเล่น ปั่นจักรยานสบายๆก็ได้ค่ะ ดื่มน้ำเยอะๆ หวังว่าที่กล่าวมาทั้งหมดจะมีประโยชน์สำหรับสาวๆ ชาวSistaCafeนะคะ ขอให้สนุกกับการลดน้ำหนักนะคะ เอาใจช่วยสาวๆ ที่อยากหุ่นดีทุกคนค่ะ  ≧ω≦