บทที่ 2 : พู่กัน เพื่อนผู้ที่เหมือนจะเป็นคนดี

ฉันยืนมองไบค์ที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออย่างตั้งอกตั้งใจราวกับว่าตัวหนังสือมันจะไหลเข้าตาไปถึงสมองเขา คนอะไร ขยันอ่านหนังสือจริงๆ

เฮ้อ~ ฉันก็อยากอ่านหนังสือแล้วเป็นแบบเขานะ แต่ไม่รู้ทำไมความคิดของคนอื่นต้องไหลเข้าสมองฉันจนต้องเสียสมาธิแทนทุกที

นึกแล้วก็คิดถึงตอนอายุหกขวบ ฉันเกือบจะต้องเข้าพบจิตแพทย์เพราะเก็บตัวอยู่ในห้องคนเดียว ไม่ยอมไปโรงเรียนอยู่พักใหญ่ เรื่องมันเกิดจากตอนที่ฉันสามารถอ่านความคิดคนครั้งแรก ฉันได้ยินความคิดของเพื่อนที่ฉันรักคนนึงว่าเธอเกลียดฉันอยู่ลึกๆ เธออยากจะเอาดินสอทิ่มหลังฉัน ซึ่งนั่นทำให้ฉันนอนร้องไห้น้ำตารดหมอนทุกวันแบบนางเอกผู้น่าสงสาร ร้องขนาดที่ว่าน้ำตามันซึมลงลงหมอน ทะลุผ่านที่นอน ไปจนถึงไม้รองเตียง แล้วหนึ่งปีผ่านมาไม้มันก็ผุ

เดี๋ยวๆ ไม่ขนาดนั้น อันนั้นตอนเด็กฉันดันสระผมแล้วไม่ยอมเป่าผมให้แห้งแล้วนอน ไม้รองเตียงเลยผุค่ะ วีกรรมความเน่าของฉันโหดป่ะล่ะ โตมาถึงได้เป็นยัยหัวหมาพุดเดิ้ลแบบที่ยัยเทพีช้างน้ำด่าอยู่ในใจไง

“เกล” ไบค์ตะโกนเรียกให้ฉันหลุดจากภวังค์ “มานั่งนี่ดิ”

ฉันหันขวับไปมองเขาที่กำลังโบกมือทักทายด้วยความตื่นเต้น

เฮ้อ~ เขาเป็นคนแรกที่ทำให้ฉันกลัวว่าจะเป็นแบบตอนหกขวบ กลัวจะรู้ว่าเพื่อนคนเดียวที่ฉันสนิทและแอบชอบจะเกลียดฉันเข้าสักวัน

“ใจเย็นๆ กำลังเดินไป” ฉันหัวเราะให้กับท่าทางของไบค์ ก่อนจะเดินไปนั่งที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้ามเขาในที่สุด “เป็นไง หนังส...”

“ไบค์ รอนานไหม” เสียงหวานของใครบางคนดังขึ้นขัดฉันทั้งๆ ที่ฉันยังพูดไม่จบประโยคพู่กันเธอคือเพื่อนหน้าหวานสุดสวย ดาวคณะของเรานั่นเอง

ใช่ค่ะ เธอคือแฟนของไบค์ด้วย คนที่คาบเขาตัดหน้าฉันไปนั่นเอง ฮุ่ย คิดแล้วมันของขึ้นค่ะ เธอเป็นคนทำให้ฉันโสดตลอดมา ซึ่งจริงๆ ฉันก็สวยนะ (แอบเข้าข้างตัวเองแป๊บ ฮี่ๆ) คนจีบฉันก็มี แต่ก็นั่นแหละ ฉันไม่เคยเจอใครคิดดีๆ กับฉันนอกจากไบค์ไง ฉันเลยขออยู่บนคานทองไปจนแก่เสียจะดีกว่า

“พู่กัน กินข้าวกับเพื่อนไวจัง”“ก็เราอยากรีบมาหาไบค์ไง กลัวไบค์สุดที่รักของเราจะรอนาน”ฉันฟังยัยพู่กันคุยกับไบค์แล้วอยากจะเบ้ปากรัวๆแหวะ จะอวก!

พู่กันคือผู้หญิงที่เพอร์เฟคในสายตาคนทั่วไป เธอสวยราวกับนางฟ้ามหาเสน่ห์ที่ผู้ชายนับล้านหมายปอง แต่เธอกลับเลือกไบค์ที่บ้านจนแสนจนแทน ไม่ใช่เพราะเธอเป็นคนจิตใจดีหรอกนะคะ เธออยากเรตติ้งดีต่างหาก ฉันรู้ความคิดเบื้องลึกของเธอดี เธออยากให้คนอื่นมองว่าเธอสวย ไม่ได้คบใครที่ฐานะ เพื่อเธอจะได้กลายเป็นคนดีศรีสังคมไปเลยจ้า เอาถ้วยรางวัลในนางหน่อยเร๊ววว

และเพราะฉันรู้ความคิดของยัยพู่กันดี ฉันเลยเคยคิดอยากจะทำลายความสัมพันธ์ของสองคนนี้ แต่เมื่อฉันอ่านความคิดอันซื่อๆ ของไบค์เท่านั้นแหละ ฉันไม่กล้าแม้แต่คิดจะทำให้เขาเสียใจเลย

ไบค์อยากดูแลพู่กันสุดชีวิต เขาตั้งใจเรียน และทำงานเพื่ออนาคตของเขาและพู่กัน ฟังแล้วขอเบ้ปากอีกที อะไรจะโลกสวยขนาดนั้นนะ คุณไบค์

“อ้าว เกล” พู่กันผู้ที่เพิ่งทำเป็นเห็นฉันยิ้มทักทาย แล้วคิดในใจ...

‘ยัยนี่ตามติดไบค์เป็นปลิงเลยนะ ฉันรู้อยู่หรอก ว่าเธออยากจะเขมือบเขามานานแล้ว แต่เสียใจด้วยนะ เธอสู้ความเพอร์เฟคของฉันไม่ได้หรอก’

ฉันได้ยินความคิดเธอแล้วอยากจะอัดเสียงให้ไบค์ฟัง แต่ก็เป็นไปไม่ได้ ฉันจึงทำได้ก็แค่...

“อ้าวสวัสดี แม่เพอร์เฟค” พูดเสียดสีเธอไปแทน

ยัยพู่กันมีท่าทีชะงักเล็กน้อย เหมือนเธองงว่าฉันรู้ได้อย่างไร หึ เธอควรรู้ไว้นะ ว่าสำหรับฉัน ไม่มีความลับในโลกนี้หรอกย่ะ

“ขอบคุณที่ชมนะ” เธอยังคงยิ้มให้ฉัน แล้วถาม “สบายดีมั้ย”

แต่ในใจ...

‘แหม ยัยนี่จะล้อเลียนฉันเหรอ ถ้าที่นี่ไม่ใช่ห้องสมุดนะ ฉันคงจะสวีทกับไบค์โชว์เธอไปแล้ว’

สวีทอะไรห๊ะ ยัยหน้าใสใจมาร หืม มันน่าโดนเสยสักทีจริงๆ

ถึงแม้จะโมโห ฉันก็ได้แต่...

“สวัสดี เออไบค์ ดีจังเลยเนอะที่เรายังอยู่ห้องสมุด แกได้หนังสืออะไรมาเหรอ เอามาอวดฉันหน่อยสิ” ฉันทำเป็นพูดเสียดสีเธอต่อ ก่อนที่จะทำทีเป็นสนใจคุยกับไบค์

ไบค์ผู้ที่ไม่รู้เรื่องอะไรเลยก็หันหน้ามามองหน้าฉันอย่างงุนงง เขาปิดหนังสือในมือแล้วตอบ “ก็...”

“ไบค์ เกล นี่จะได้เวลาเรียนแล้วอ่ะ ไปกันเถอะ เด๋ียวสายนะ”

และยัยพู่กันผู้มารยาททรามก็แทรกฉันอีกเช่นเคย

โอ๊ย อยากจะจับยัยนี่ฆ่าหมกป่า

ไบค์ก้มหน้ามองนาฬิกาแล้วพยักหน้า “ก็ได้” จากนั้นก็ส่งสายตามาทางฉัน “ไว้หลังเลิกเรียนเราจะเล่าให้ฟัง”

เราทั้งสามคนจัดการยืมหนังสือหลังจากลุกขึ้นจากโต๊ะ แล้วเราก็เดินตรงมานั่งรออจารย์ที่ห้องเรียนในตึกคณะ แต่วันนี้อาจารย์ผู้ไม่เคยสายกลับมาช้าผิดปกติ นักศึกษาทุกคนในห้องนั่งรออาจารย์กว่าครึ่งชั่วโมง แต่เธอก็ยังไม่มา ช้าจนพวกนักศึกษาบางคนเริ่มไตร่ตรองกันแล้วว่าจะโดดเรียน

“เราโดดเรียนกันเถอะ” เพื่อนคนนึงในห้องเสนอความคิดเห็น และจริงๆ ฉันก็เห็นด้วยนะ คือถ้าอาจารย์จะมาช้าขนาดนี้ ก็ไม่รู้จะได้เรียนอะไรบ้าง

“เออ ป่ะ” เสียงอีกคนแสดงความคิดเห็นพลางลุกขึ้นจากเก้าอี้

ฉันหันไปมองไบค์ที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ข้างๆ ฉัน (ที่เขานั่งตรงนี้ได้ก็เพราะพู่กันนั่งอยู่กับกลุ่มเพื่อนของเธออีกสี่คนตรงกลางห้อง)

“ไปกันเถอะ จารย์คงไม่มาแล้วมั๊ง” ฉันถามไบค์

“หือ...” เขาเงยหน้าที่จมดิ่งอยู่ในหนังสือแล้วหันมามองฉัน ก่อนจะมองไปรอบๆ ห้องด้วยท่าทีงงงวย

หน้าแกไม่มีแบบอื่นนอกจากหน้างงแล้วหรือวะ

“พู่กัน ไปเลยไหม” เขาหันไปถามพู่กันที่นั่งเม้าท์แตกอยู่กับเพื่อน

หึ ถ้าพู่กันเป็นคนถามแก แกจะหันมาถามฉันแบบนั้นบ้างไหมฮะ คิดแล้วก็เจ็บปวดใจ เห็นคนที่แอบชอบดันมีความรัก แถมยังมีความรักกับยัยหน้าใสใจมารนี่อีก ฉันอยากจะลงแดงตาย

พู่กันหันมาแล้วส่ายหัวประมาณว่า ขอคุยกับเพื่อนก่อน

ไบค์จึงหันมาหาฉันต่อแล้วยิ้มให้ “รอพู่กันก่อนนะ”

หึ ยิ่งมั่นไส้หนักขึ้นไปอี๊ก อยากจะกรี๊ด ให้ตายเหอะ ถ้าเป็นฉัน แกคงไม่รอแล้ว หมั่นไส้ยัยพู่กันโว้ย

“ขอโทษด้วยนะจ้ะที่มาช้า” เสียงของอาจารย์ดังขึ้นขณะที่ฉันแอบบ่นอยู่ในใจ “ขอโทษทีจ้ะ พอดีมีเพื่อนเราเพิ่งโอนวิชามาเรียนที่นี่ เขาขอลงวิชานี้เพิ่ม เลยต้องทำเรื่องกันอย่างวุ่นวายไปหน่อย อาจารย์จึงมาช้า” เธอพูดพร้อมหลบทางให้นักศึกษาที่มาใหม่เข้าไปนั่ง

ฉันมองหน้านักศึกษาคนนั้นแล้วก็พอเข้าใจว่าทำไมอาจารย์ถึงยอมเสียเวลาด้วย เพราะเขาหล่อลากดินเลยทีเดียว เขาทั้งสูง หุ่นดี คาดเข็มขัดแอร์เมส บวกกับกระเป๋าแบรนด์เนม ประมาณว่า หล่อ เท่ สมาร์ท มาดมหาเศรษฐี

แล้วเป็นใครจะไม่เสียเวลาด้วยล่ะ

เอ่อ...และดูเหมือนว่านักศึกษาหญิงทั้งห้องทำลังจะหลงเสน่ห์เขาเข้าแล้ว แต่ละคนมองตาเป็นมันอย่างกับหิวผู้ชาย

“ขอโทษที่เป็นต้นเหตุที่ทำให้ช้านะครับ พอดีผมเพิ่งกลับมาจากลอนดอนเมื่อวาน เลยไม่มีเวลาได้ลงเรียนเลย” ตานั่นเอ่ยอย่างสุภาพ

ฉันรู้ความคิดแกนะ ไอหน้าหล่อ แกกำลังจะหว่านเสน่ห์

และการกระทำของเขานั้น ยิ่งทำให้ฉันได้ยินความคิดสาวๆ ที่สะท้อนเข้ามาในสมองว่าอยากจะครอบครองเขาให้ได้ ไม่เว้นแต่... พู่กัน!

‘หล่อจัง คนอะไร รวย ดีกรีนักเรียนนอกด้วย‘พู่กันคิด เธอชายตาหวานเยิ้มไปให้แมธธิว

หึ่ม ไม่ค่อยอ่อยเลยนะยะ

‘ผู้หญิงที่นั่งกลางห้องคนนั้นสวยดีว่ะ เสร็จแน่’นักศึกษาคนนั้นคิด เขายิ้มกรุ่มกริ่มกับความคิดในใจของตัวเอง

‘อุ๊ย เขาหันมามองที่ฉันด้วยอ่ะ หรือว่าเขาจะชอบฉัน แบบนี้ก็ถึงเวลาที่ฉันจะสลัดหนุ่มจนๆ แบบไบค์ทิ้ง แล้วไปหาหนุ่มเศรษฐีคาดเข็มขัดราคาแพงดีกว่า’

อะไรนะ! สลัดไบค์ทิ้ง!? เธอจะทำแบบนี้ไม่ได้นะพู่กัน ไบค์เป็นคนดีนะ

“อ้าวไปนั่งได้แล้ว แมธธิว” อาจารย์สั่งก่อนที่จะเดินนำไปที่หน้าห้องเพื่อจัดการเอกสาร

แล้วดูเหมือนทุกอย่างมันจะเหมาะเจาะหรืออะไรไม่รู้ ดันมีที่นั่งว่างใกล้ๆ พู่กันพอดิบพอดี อีตาแมธธิวนั่นเลยเดินไปนั่งตรงนั้นทันใด

โอ้ว นายตายแน่ นายไบค์เอ๋ย

ฉันรีบหันขวับไปมองไบค์ที่ยังมัวแต่อ่านหนังสือ ไม่สนใจสิ่งรอบข้างแล้วลมจะจับ ใครก็ได้ส่งยาดมให้น้องเกลหน่อยค่า เห็นคนซื่อบื้อแล้วหน้ามืด

“สวัสดีเราชื่อแมธธิว”

แล้วในที่สุดนายแมธธิวก็เริ่มขบวนการหยอดยัยพู่กัน และแน่นอน แม่นั่นก็วางกับดักล่อเหยื่ออยู่แล้วไง เธอก็ทำตัวเป็นเรียบร้อย สงบเสงี่ยมเจียมตัว

หึ่ย อ่อยเนียนเชียวนะ

“เราพู่กันนะ”

“ยินดีที่ได้รู้จักนะ เออ เราขอไลน์เธอหน่อยดิ ไว้จะถามเรื่องงาน”

อะหึย มาไว เคลมไว เสียด้วย

‘ขอไลน์ถามเรื่องงานเหรอ นายจะจีบฉันสินะ ก็ดี ฉันจะได้เป็นผู้หญิงสวย แฟนรวย แบบที่ใครหน้าไหนก็อิจฉา ถึงเวลาบอกลาไบค์แล้วจริงๆ ล่ะ อิอิ’

ถุย ยังจะมี ‘อิอิ’ ในใจอีกเหรอยัยนี่ แต่เฮ้ย! เธอทำแบบนี้ไม่ได้นะ แล้วสิ่งที่ไบค์พยายามสร้างทุกอย่างมาเพื่อเธอล่ะ แล้วถ้าไบค์เสียใจจนฆ่าตัวตายล่ะ เขาหวังกับเธอมากนะยัยบ้า

“ไม่ได้นะพู่กัน!” ฉันโวยเสียงดังลั่นจนทุกคนทั้งห้องหันมามอง รวมถึงอาจารย์

“เป็นอะไร ยัยเกวลิน” อาจารย์เรียกฉันเสียงดุ ข้อหาที่กำลังขัดการเตรียมการสอนของเธอ ฉันจึงได้แต่โค้งตัวขอโทษแล้วหันไปมองหน้ายัยพู่กันที่ทำเป็นไม่รู้เรื่อง และส่งไลน์ให้แมธธิว

ยัยพู่กัน เธอที่มันร้ายภายใต้ใบหน้าซื่อๆ จริงๆ