7 เรื่องจริงของการเป็นแฟน 'นักผจญภัย' รับได้ไหมถ้าเขาชอบเข้าป่า ไม่น้อยกว่าอยู่กับแฟน

มีแฟนเป็นสายลุย ไม่ว่าจะด้วยอาชีพ เช่น เป็นทหาร, ตำรวจ, เจ้าหน้าที่ป่าไม้, ทีมงานสารคดีผจญภัย หรือด้วยไลฟ์สไตล์ส่วนตัวที่ชอบเข้าป่ามาก ๆ เอะอะมีเวลาว่างก็เข้าป่า ดูแล้วเท่ น่าภูมิใจมาก ๆ ประหนึ่งมีสามีเป็นพีติ๊กซะเอง 555 แต่ความจริงแล้ว อาจไม่ได้สวยหวานอย่างที่เคยวาดหวังไว้ ต้องมีเรื่องให้อดทนกันบ้างเป็นธรรมดา " รักคนเข้าป่า ต้องอดทนเหมือนภูผาหน่อย "

#1 เขาอาจจะติดต่อเราในแบบที่คาดเดาเวลาไม่ได้เลย

แม้ว่าปัจจุบันจะมีการขยายเครือข่ายสัญญาณมือถือให้ครอบคลุมทั่วประเทศไทย ทั่วโลก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะสามารถติดต่อกันได้ทุกซอกมุมของโลก และทุกเมื่อทุกเวลา บางครั้งอาจต้องรอไปก่อน เพราะเขากำลังอยู่ในพื้นที่อับสัญญาณ หรือไม่ก็มีความจำเป็นต้องทำงานโดยมีสิ่งรบกวนน้อยที่สุด ( เช่น กำลังส่องสัตว์อยู่ เดี๋ยวสัตว์ตกใจตื่น ) ใครที่เป็นคนขี้งอแง ขี้งอน ถ้าไม่สามารถเรียนรู้ตรงนี้ได้ รับไม่ได้ที่จะรอในเวลาที่ไม่แน่นอน ก็ทำใจไว้เลยค่ะว่าไปกันได้ยากมาก

#2 เขาจะเป็นคนที่อัปเดตข่าวไม่ทัน วัน ๆ พูดแต่เรื่องป่าเขา

เพราะชีวิตติดป่า นาน ๆ จะได้อัปเดตข่าวที กว่าจะรู้ว่ามีข่าวเด่นข่าวดังอะไรก็คงปาไปหลายวันแล้ว รู้ช้ากว่าคนอื่นแล้ว ใครที่เป็นแฟนกับคนที่ติดป่ามาก ๆ ต้องหมั่นอัปเดตข่าวให้เขาฟัง เล่าว่ามีอะไรบ้างระหว่างที่ไม่เจอกัน เพื่ออย่างน้อยให้เขารู้ทันโลกบ้าง และเป็นการแสดงความใส่ใจอย่างหนึ่งด้วยว่า เราก็อยากให้เขารู้เรื่องโลกภายนอกในมุมที่เขาไม่ได้เจอ ( บางทีเขาอาจเล่าเรื่องผจญภัยที่เจอมาเป็นการแลกเปลี่ยนกัน น่ารักดีออก ^^ )

#3 อย่าซื้อของแบรนด์เนมให้เขา จงซื้อของที่เขาใช้งานได้นาน ๆ

ของแบรนด์เนมหมวดแฟชั่น เขาอาจไม่ค่อยใช้ หรือใช้ได้น้อยมาก ตราบใดที่ชีวิตยังติดป่า ควรหาของขวัญเป็นพวกอุปกรณ์เดินป่า, อุปกรณ์ยังชีพ หรือเสื้อผ้าที่ทนทานมาก ๆ ยิ่งฟังก์ชันเพียบ ยิ่งของชอบเลยแหละสำหรับผู้ชายที่รักการเดินป่าเป็นชีวิตจิตใจ

#4 อย่าเบื่อที่จะเดทกันโดยมีเรื่องป่าไม้ สัตว์ป่า อยู่ในบทสนทนา

เขาอาจเป็นผู้ชายน่าเบื่อตรงที่ไม่รู้เรื่องข่าวดังประจำวัน ไม่รู้เทรนด์แฟชั่น ไม่รู้ว่าข่าวซุบซิบอะไรเลย เอาแต่ตื่นเต้นกับการเล่าว่าเดินทางไปยังไง เจอสัตว์ป่าประหลาดอะไร เจอชนเผ่าหน้าตาแบบไหน ถึงเราไม่ชอบ หรือตอนนั้นกำลังอึน ๆ ไม่ค่อยมีอารมณ์ร่วมเท่าไหร่ ก็ฟังเถอะ นั่นคือเรื่องที่ตื่นเต้นที่สุดสำหรับเขาแล้ว และการที่เขาเล่าให้ฟัง นั่นก็หมายความว่าเขาก็อยากให้เรารับรู้โมเมนต์ดี ๆ นั้นด้วย ในฐานะคนสำคัญของชีวิตคนหนึ่ง

#5 อย่าทำให้เวลาที่เจอกันเป็นเวลาที่สูญเปล่า

การที่เขาหาเวลามาเจอกันได้ ถือว่าเป็นอะไรที่สุดยอดอย่างหนึ่งแล้ว เพราะเวลาปกติ ส่วนมากก็ใช้ไปกับการทำงานบ้าง เดินป่าบ้าง พักผ่อนนอนหลับหลังเดินป่าบ้าง อย่าทำให้เวลาที่อยู่ด้วยกันเป็นเวลาที่สูญเปล่าด้วยเรื่องไม่เป็นเรื่อง หรือการหยิบประเด็นเล็กน้อยมาทะเลาะกันให้เสียเวลา มีเวลา ก็ควรใช้ให้คุ้มค่า จะได้ไม่ฟูมฟายทีหลังว่าทำไมเขาไม่ให้ความสำคัญเลย

#6 ลองเปิดใจคลุกคลีกับไลฟ์สไตล์ของเขาสักครั้ง

ถ้าอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงชอบเข้าป่านักหนา หรือสงสัยว่าการทำงานในป่าของเขาจะลำบากแค่ไหน ก็ลองจัดทริปสักครั้งร่วมเดินทางไปกับเขา ( แต่อย่ากระทบการงานของเขาหรือเพื่อนฝูงเขานะคะ ควรเป็นทริปแบบสองต่อสองจะดีกว่า ) อย่างน้อยก็เพื่อเรียนรู้ว่าสิ่งที่เขาชอบ หรือสิ่งที่เขาทำงานอยู่นั้นมีดีอะไร อุปสรรคยากเย็นแค่ไหน ลองแล้วไม่ชอบ ก็ยังดีกว่าไม่ลองแล้วไม่รู้และไม่เข้าใจอะไรเลย ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้ทะเลาะกันได้ ( ด้วยความไม่เข้าใจกัน คิดไปเอง )

#7 พากันไปนวดตัว นวดเท้า บำบัด ก็เป็นไอเดียที่เก๋พอควร

เราก็ทำงานหนัก เขาก็ทำงานหนัก ใช้กำลังเยอะในการเข้าป่า ควรหาโอกาสดี ๆ ไปเข้าสปา นวดตัว นวดเท้า ดูแลผิว จะช่วยผ่อนคลายร่างกายจากความเหนื่อยล้าได้ดีมาก ถ้าร่างกายไม่ตึง ไม่ปวด สบาย ๆ จิตใจก็จะสบาย ๆ คุยอะไรกันก็รื่นหูไปหมด ส่งผลให้ความสัมพันธ์ดีขึ้นได้

แต่ถ้าสุดท้ายแล้ว เราพยายามปรับตัวทุกอย่าง แต่ไม่เข้ากันอยู่ดี ก็ต้องปล่อยกันไปนะคะ จะให้เขาเลิกคงยาก เพราะบางคนก็ชอบมากจนเลิกไม่ได้จริง ๆ อย่าฝืนใจใครให้เลิกสิ่งใดสิ่งหนึ่งที่เขารัก แล้วบังคับให้เขาทำเพื่อเรา ในขณะเดียวกัน เราก็อย่าฝืนใจตัวเอง ตามใจเขา โดยที่เราเสียความเป็นตัวเองไปมาก รักจะอยู่กันรอดได้ ถ้ารู้จักปรับตัวกันค่ะ ^^