ตอนที่ 2


ตอนที่ 2

8  June 1995...

เป็นเวลาหนึ่งอาทิตย์แล้ว...ที่เราได้รู้จักผู้ชายคนนั้น

ผู้ชายที่เราเห็นเป็นคนแรกในวันที่เหยียบย่างเข้ามา ณ มหาลัยแห่งนี้

ท่ามกลางผู้คนมากมาย....ทำไมเรามองเห็นเขาคนเป็นคนแรก

ในยามที่ดวงตาประสานกัน...มันเหมือนเขาลอยเด่นออกมากลางฝูงชน

เขาอาจจะหล่อกว่าใครๆในคณะ แต่เขาก็ไม่หล่อไปกว่าใครคนหนึ่งที่เราเคยรู้จัก

ทำไมถึงรู้สึกราวกับว่ากำลังมีความรักอีกครั้ง ทั้งที่มันไม่น่าจะเกิดขึ้นได้อีกแล้ว

ทำไมแววตาคู่นั้น...ดูเหมือนมีเกลี่ยวคลื่นแห่งความผูกพันล้ำลึกหมุนเหวี่ยงอยู่

เราได้ยิน...เพื่อนๆเรียกชื่อเขาว่า...พลัม

ตั้งแต่วันที่ดีมช่วยเนยแบกกระเป๋าครั้งนั้น ดีมก็เหมือนว่าจะจำเนยไม่ได้ เพราะไม่เคยเอ่ยทักทายเธอเลย เวลาจะพูดคุยด้วยแต่ละทีก็...

"กลุ่มโบว์ๆ จดเล็คเชอร์มารึเปล่า"

เนยยังไม่กล้าบอกเพื่อน...แม้แต่โบว์หรือใบหญ้า เพราะกลัวจะโดนดูถูกที่ไปแอบชอบคนอย่างดีมที่เป็นถึงนักกีฬามหา’ลัยและยังเป็นที่กรี๊ดกร๊าดของสาวๆคณะอื่นมาก ด้วยหน้าตาดี…มีน้ำใจกับทุกคน อีกทั้งเวลาเล่นบาสแต่ละครั้ง..เขาก็จะเป็นผู้เล่นที่ทำคะแนนให้ทีมมากที่สุดเสมอ

ดีมสนิทกับ ท็อป ตี๋ บีท และนอกนั้นก็ไม่ได้สนิทกับใครเป็นพิเศษ แต่จะชอบคุยกับโบว์ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องเรียน เวลาคุยกับโบว์ดีมแทบไม่มองหน้าเนยเลย ทั้งที่เธอก็นั่งอยู่ข้างโบว์แท้ๆ

สงสัยดีมจะจำได้ว่า...กลุ่มเนยมีโบว์คนดียวกระมัง

แม้เนยจะแอบน้อยใจ แต่ยิ่งเขาดูไม่สนใจเธอเท่าไร เธอก็ยิ่งชอบดีมมากขึ้น...มากจนเริ่มกลัวตัวเอง

"เนย ตื่นได้แล้วนะ เดี๋ยวก็ไปสายหรอก"

เสียงของโบว์ดังขึ้นจากโต๊ะหนังสือที่ตั้งอยู่หัวมุมห้อง...ทำให้เนยฟื้นคืนสติจากการคิดคำนึงถึงหนุ่มในฝัน

ในห้องที่อยู่กันสามคม โบว์เป็นคนแรกที่ตื่นก่อนเพื่อน เธอเป็นคนขยัน...มักลุกขึ้นมาอ่านหนังสือก่อนไปเรียนทุกเช้า

"หืม" เนยลุกขึ้นอย่างงัวเงีย มองเพื่อนสาวคนขยันด้วยตาที่ยังปิดอยู่ข้างหนึ่ง

"เนย ปลุกใบหญ้าด้วยนะ" สาวน้อยตาโตพูดต่อ…โบว์เป็นเพื่อนที่ดี คอยเป็นห่วงเป็นใย และดูแลเพื่อนทุกคนอยู่เสมอ แม้ในช่วงแรกๆเธอจะไม่ค่อยสนิทกับใบหญ้านัก แต่โบว์ก็อดที่จะไม่เป็นห่วงใบหญ้าไม่ได้

เนยยันตัวขึ้นจากหมอนแล้วก็เอามือเคาะฝาเตียงเพื่อปลุกคนที่นอนอยู่ชั้นบน

"ใบหญ้า ๆ ตื่นได้แล้ว"

"อืม" เธอส่งเสียงตอบแล้วค่อยๆปีนลงมาจากเตียงสองชั้น

เนยมองผมสีดำอันยุ่งเหยิงและยาวสยายเหมือนนางเงือกของเพื่อนสาว คิดคำนึงถึงตอนที่เธอกับโบว์จับฉลากมาอยู่หอใหม่ๆ พอรู้ว่าได้อยู่ห้องเดียวกันก็ดีใจจนออกนอกหน้า กระโดดกอดคอเต้นโหยงเหยงกันหน้าหออย่างไม่อายคนอื่น แต่เมื่อเจ้าหน้าที่ประกาศชื่อรูมเมทคนที่สาม โบว์ก็หน้าเจื่อนลงทันที…

"เรารู้สึกหวั่นๆกับคนที่ชื่อใบหญ้านะ ดูเค้าน่ากลัว เนยกลัวเค้าเหมือนที่เรากลัวรึเปล่า""ไม่หรอก เราว่าเพราะพ่อของเค้าเพิ่งเสีย ช่วงนี้ก็เลยดูแปลกๆ ไม่แน่ถ้าอยู่ด้วยกันไป ใบหญ้าอาจจะนิสัยดีก็ได้นะ"

ทุกอย่างเป็นตามที่เนยคาดการณ์ไว้ ใบหญ้าไม่ใช่คนแปลกอย่างที่ใครๆต่างปรามาสเอาไว้ก่อน แต่กลับเป็นคนที่เนยรู้สึกถูกชะตาด้วยยิ่งกว่าใครในคณะ

บางครั้ง...เนยยังรู้สึกผูกพันกับใบหญ้ามากกว่าโบว์ เพราะทุกครั้งที่สบตากัน...เนยจะรู้สึกเหมือนเข้าใจอะไรบางอย่างในตัวเพื่อนหญิงคนที่ดูเป็นศิลปินจ๋าคนนั้นมาก สามารถสัมผัสความรู้สึกลึกๆในตัวใบหญ้าได้ แม้ไม่ได้พูดคุยอะไรกันมากมายและเนยก็คิดอยู่เสมอว่าว่าใบหญ้าคงจะรู้สึกเช่นเดียวกัน…แม้จะผ่านช่วงรับน้องมาแล้ว...แต่เด็กปีหนึ่งก็ยังต้องอยู่ภายใต้การควบคุมของรุ่นพี่ตลอดหนึ่งเดือนแรกของการเรียนและในวันสิ้นสุดของเดือนจะมีการเปิดวาร์กสองวันพอผูกบายศรีสู่ขวัญเสร็จแล้ว...รุ่นพี่กับรุ่นน้องจึงจะเป็นอิสระต่อกัน ดังนั้นภายในเวลาหนึ่งเดือนจะมีกิจกรรมต่างๆมาให้ทำเสมอทุกเย็น เมื่อเรียนเสร็จจะมีรุ่นพี่มารับที่หน้าตึกคณะ แล้วพาเดินเรียงแถวไปที่โรงอาหารพอไปถึงโรงอาหารคณะ...ก็จะมีโซนสำหรับให้เด็กปีหนึ่งนั่งโดยเฉพาะรุ่นพี่ปี 3 ปี 4 ที่นั่งกินข้าวกันอีกส่วนหนึ่ง หันมามองน้องๆเป็นตาเดียว ซุบซิบพึมพำเสียงอื้ออึงไปทั้งโรงอาหาร พี่หนวดเฟิ้มที่คอยเล็งน้องหน้าตาดีๆ...บางคนถึงกับส่งเสียงแซวขึ้นมาอย่างไร้มารยาทและรู้สึกว่าเมธาวี กับ ปลายฟ้า จะตกเป็นเป้าสายตามากที่สุด…พวกเราจะถูกจับแยกกันไปนั่งตามโต๊ะอาหารที่มีม้านั่งยาวสีขาวขนาบข้าง ทำให้นั่งได้ทีละประมาณ 20 คน เมื่อนั่งโต๊ะเสร็จ พี่นิด ประธานรุ่นปี 2 ก็ลุกขึ้นกล่าวเทศนายืดยาว ก่อนจะเชิญบอยประธานรุ่นปี 1 ขึ้นไปกล่าวถึงความรู้สึกของการเปิดเรียนวันแรกเป็นรายการถัดไปปรีชาผู้ไม่เคยทำให้ใครผิดหวัง…พูดสุนทรพจน์กล่าวถึงความรู้สึกวันแรกในการเปิดเทอมได้อย่างสง่าผ่าเผย บรรยายถึงบรรยากาศอันสดใสของการได้พบเพื่อนใหม่ๆ ตบท้ายด้วยการยกยอปอปั้นพวกรุ่นพี่ที่อุตส่าห์จัดกิจกรรมรับน้องขึ้น พอเขาพูดจบเสียงปรบมือก็ดังลั่นสนั่นโรงอาหาร เหตุการณ์วันนั้นสร้างชื่อเสียงให้บอยมากพอสมควรโต๊ะที่เนยนั่งมักเป็นที่จับตามองเสมอในโรงอาหาร มีรุ่นพี่คอยหันมามองแวบๆ สายตาจับอยู่ที่ใบหน้าของเมธาวี กับปลายฟ้าเป็นส่วนใหญ่…ก่อนจะเลยไปที่อิ๋วบ้างเล็กน้อยซึ่งสาวทอมก็มักจะทำตัวเด่นและพูดเสียงดังตลอดเวลาเป็นลักษณะนิสัยเฉพาะตัว"เฮ้ยๆ เพื่อนๆ วันนี้กินลูกชิ้นย่างกันมะ หารตังค์กัน มาปิงปอง ตามเราไปซื้อลูกชิ้น"หากวัดระดับความพูดมากที่สุดแล้วอิ๋วได้ครองอันดับ 1 และคนที่ได้อันดับ 2 ก็ต้องเป็นนิวอย่างแน่นอน ดูราวกับว่าสาวผิวคล้ำคนนี้พยายามจะพูดให้มากๆ เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกกลืนหายไปกับห้วงอากาศ ลำพังสีผิวและหน้าตาก็ไม่เป็นจุดเด่นอยู่แล้ว เธอเลยต้องสรรหาวิธีต่างๆนาๆมาเรียกร้องความสนใจจากคนอื่น"วันนี้อาจารย์สอนไม่ค่อยรู้เรื่องนะ…เราไม่ชอบเลย"นิวชอบเปิดประเด็นเนินทาอาจารย์ เพราะมักเป็นเรื่องที่เพื่อนๆทุกคนให้ความสนใจท็อป...หนุ่มตี๋ร่างเล็กจะเด่นสุดในการเล่าเรื่องโจ๊กทุกวันเขาจะคอยหาเรื่องตลกมาเล่าให้เพื่อนๆฟัง ส่วนมากจะเป็นการนินทาคนในหอชายตี๋...หนุ่มอ้วนใส่แว่นเพื่อนสนิทของท็อปก็คอยขำก๊ากๆเป็นลูกคู่ลูกรับให้ สองคนนี้เวลาเข้าคู่กันทีไรจะกลายเป็นมหรสพชั้นดีเพื่อนผู้ชายในกลุ่มของท็อป...คนที่นิ่งๆ ไม่ค่อยพูดจะมีอยู่ 2 คน คือดีม กับ บีทอิ๋วเคยตั้งข้อสงสัยในกลุ่มเพื่อนว่า…บีทน่าจะเป็นเกย์เพราะหน้าแดงปากแดงแถมกิริยาดูนุ่มนิ่มเหมือนผู้หญิงแต่กลุ่มเนยกลับนั่งยันนอนยันว่าบีทไม่ใช่เกย์…เป็นเพราะพ่อแม่บีทเป็นหมอทั้งคู่ บีทก็เลยติดนิสัยนิ่งๆแต่ดูอ่อนโยนมา จากการที่ได้รู้จักในส่วนหนึ่ง เนยรู้สึกว่าบีทจะสนใจโบว์เป็นพิเศษ เพราะสาวคนที่บีทแอบมองมากที่สุดก็คือโบว์ แต่ดูเหมือนเพื่อนสาวตาโตของเนยจะไม่เคยรู้สึกตัวเอาเสียเลยมีแต่คนพูดว่า ดีมน่าจะเป็นแฟนกับปลาย แล้วเมธาวีก็น่าจะคบกับพลัม เพราะคนสวยคนหล่อมักเป็นของคู่กัน ปลายเป็นคนยิ้มหวาน อ่อนโยน แม้ดูเหมือนจะเงียบเรียบร้อย แต่ก็มีคนอยากคุยด้วยเสมอ ส่วนเมธาวี...สาวสวยสุดเชิ่ดคนนั้นเป็นเป้าหมายที่เพื่อนหญิงรุ่นเดียวกันชอบนินทามากที่สุด…ซึ่งคนเปิดประเด็นมักจะเป็นอิ๋ว"เราว่านะ เม ถ้าไม่สวยก็ไม่มีใครสนใจหรอก หยิ่งขนาดนั้น""นั่นสิปลายน่ารักกว่าตั้งเยอะ นิสัยก็ดีกว่าด้วย""แต่ปลายคนจีบน้อยกว่าเมนะ เมคนจีบเยอะเหลือเกิน ทำไมก็ไม่รู้ หน้าก็บึ้งซะอย่างนั้น""ก็เมธาวีเค้าสวยบ้านรวยนี่นา ดูเหมือนเค้าชอบข่มๆปลายด้วยเนอะ""ใช่...แถมยังมีดีกรีเป็นดาวคณะอีก..."การสนทนาของเพื่อนๆทำให้เนยนึกย้อนไปถึง วันประกวดดาวเดือนรุ่น ในคืนนั้นคนที่ขึ้นประกวดบนเวที...มีชาย 10 คน หญิง 10 คน มีการกำหนดให้สมาชิกผู้เข้าประกวด...แต่งตัวด้วยชุดที่ดีที่สุดเท่าที่จะหามาได้เมธาวีเปิดตัวอย่างเฉิดฉายในชุดราตรีสีดำ...ออกแนวเซ็กซี่เกินเด็กปี1 เรียกเสียงฮือฮาและเสียงแซวได้สนั่น แต่ดูเธอไม่สะทกสะท้านต่อเสียงแซวเหล่านั้นแม้แต่น้อย คางเรียวตั้งสง่านิ่งอยู่ในแสงไฟโดยไร้อาการหวาดหวั่นใดๆ...ในขณะที่ปลายฟ้าโผล่ออกมาในชุดไทยที่ดูสวยอ่อนหวานในการประกวด…ผู้หญิงจะเดินเรียงแถวออกมาก่อน จากนั้นผู้ชายค่อยเดินตามออกมาพอผู้ชายโผล่มาหน้าเวที..สาวรุ่นพี่กรี๊ดกันหูแทบแตก แต่เนื่องจากหนุ่มๆคณะนี้ออกแนวเซอร์ ไม่ค่อยมีคนหล่อมากนัก สี่หนุ่มพลัม บอย โจ ดีม…เลยโดดเด่นขึ้นมากว่าคนในแถวอย่างเห็นได้ชัดการประกวดใช้เวลาสั้นๆ มีคณะกรรมการเป็นรุ่นพี่ปี 4 สองคน กับพี่ปีอีกสาม 3 คนส่วนสองคน ส่วนชายหญิงที่เป็นเคยดาวเดือนมาก่อนรุ่นพี่ปีสอง…พี่ดาวกับพี่โอ๊ทที่เป็นดาวเดือนปีที่แล้วคอยทำหน้าที่เป็นพิธีกรคอยถามชื่อน้องๆและถามคำถามสำหรับผู้เข้าประกวด คำถามนั้นซ้ำๆกันคือ รู้สึกอย่างไรกับการที่เพื่อนเสนอชื่อคุณให้ขึ้นประกวด และรู้สึกอย่างไรที่ได้เรียนคณะนี้ เด็กบางคนก็ตอบดี บางคนตอบแย่ แต่คนที่ตอบได้แย่มากที่สุดก็คือพลัม"ไหนลองบอกเพื่อนๆถึงความรู้สึกที่ได้เรียนคณะนี้หน่อยนะคะ""ดีครับ...""จบแล้วเหรอคะ" พี่ดาวงุนงงจนต้องถามซ้ำ"ครับ""เอ่อ…แล้วเพื่อนๆที่นี่เป็นยังไง รักกันดีหรือเปล่า รุ่นพี่กับรุ่นน้องรักกันกลมเกลียวมั้ย"เป็นคำถามนำให้ตอบตามที่พิธีกรต้องการ…ตามคอนเส็ป รักเพื่อน รักสี รักพี่รักน้อง"ก็ไม่เห็นจะต้องรักกันนี่ครับ ต่างคนต่างอยู่ ไม่ใช่ญาติพี่น้องกันซักหน่อย"คำตอบของพลัม...ทำให้คนถึงกับเงียบพร้อมกันทั้งที่ประชุม…บอยคือคนที่ตอบดีสุด คำตอบของเขาฟังดูราวกับวาจาของผู้เข้าประกวดนางงาม แต่เสียดายที่เขาไม่ได้ตำแหน่ง เนยรู้ว่าทำไมบอยไม่ได้เป็นเดือน นั่นก็เพราะการประกวดเป็นแค่ภาพลวงจัดขึ้นเพื่อให้ทุกคนมีความรู้สึกว่าเท่าเทียมกัน คนที่จะเป็นดาวเดือนต้องมีสมอง ไม่ได้มีแค่หน้าตาอย่างเดียวแต่ไม่ว่าจะจัดประกวดอย่างไรคำตอบของการประกวดก็คือต้องสรรหาคนที่หน้าตาดีสุดเป็นสำคัญสรุปว่าปีนี้พลัม กับ เมธาวี ก็ได้ตำแหน่งดาวเดือนของรุ่นแต่ก็ไม่มีใครรู้สึกคัดค้านเพราะสองคนนี้เป็นที่ชื่นชอบอยู่แล้วสำหรับเพศตรงข้าม แต่เพศเดียวกันอาจบ่นบ้าง ถ้าเป็นผู้หญิงก็จะบ่นว่าดาวควรเป็นปลาย ถ้าเป็นผู้ชายก็บ่นว่าทำไมเดือนไม่เป็นบอย...ทั้งที่เขาดูมีสมองกว่าพลัมเยอะพลัมเป็นคนที่เพศเดียวกันไม่ชอบขี้หน้ามากที่สุดพอๆกับเมธาวี เพราะดูหยิ่ง เงียบๆไม่ค่อยพูดค่อยจา และชอบมองคนด้วยหางตาจนติดเป็นนิสัย ครั้งแรกที่เนยมองพลัม พลัมแค่เหลือบๆมองแล้วก็ตวัดหางตากลับไป…ทำให้เนยรู้สึกหงุดหงิด เห็นหน้ากันมาเกือบอาทิตย์หนึ่งแล้ว แต่เธอยังไม่คิดอยากคุยกับเขาเลยเมธาวี…ก็ไม่ใช่ว่าเนยจะชอบนัก แต่ก็ไม่เคยนินทา เพราะเพื่อนสองคนของเธอเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยชอบนินทาใครและในกลุ่มที่มีกันอยู่สามคนนั้น เนยดูจะเป็นคนที่ธรรมดาที่สุดทั้งนิสัยและหน้าตา ผมก็ตัดสั้นเพราะโรงเรียนที่จบมาบังคับให้ตัดผมทรงนักเรียน ด้านการเรียนก็เรียนได้เพียงคาบเส้นเท่านั้น…สู้คนที่เรียนเก่งและขยันอย่างโบว์ไม่ได้สำหรับใบหญ้า…เพื่อนสาวผู้ไม่เคยนอนตอนกลางคืน เธอเป็นคนพูดน้อย ไม่ค่อยยิ้ม ร่างเล็กผอมแห้ง ใต้ตาดำลึก แต่งตัวเซอร์ ผมยุ่งไม่ค่อยหวี ตรงตามแบบฉบับศิลปินทุกกระเบียดนิ้ว รูปที่ใบหญ้าชอบวาดเป็นแนว Abstract ลงสีเรียบนุ่ม เน้นความงามอันลุ่มลึกที่แฝงอยู่ตามทิวทัศน์ธรรมชาติที่คนมองเห็นได้ทั่วไปหน้าตาของใบหญ้า ถ้าดูลึกๆแล้วเธอสวยมาก และอาจจะมากกว่าเมธาวีด้วยซ้ำดวงหน้ากับริมฝีปากมีสีอ่อนๆเหมือนกลีบกุหลาบ ผมสีดำหยิกสลวยแม้กระเซิงหน่อยแต่เวลาต้องแสงแดดแล้วจะเปล่งประกาย ตาสีชาดูเย็นชาและอ่อนโยนผสมผสานกัน…ในเวลาที่ยิ้ม หรือขณะกำลังวาดรูปใบหญ้าจะเป็นคนที่สวยอย่างมีชีวิตชีวาที่สุดในความคิดของเนยแม้ไม่สนิทกับใครและชอบอยู่คนเดียว แต่คนที่ใบหญ้าคุยด้วยมากที่สุดก็คือเนยสิ่งที่ใบหญ้าพูดกับเนย มักเป็นคำถามแปลก...เหมือนถามขึ้นมาลอยๆไม่ต้องการคำตอบ"เธอเชื่อเรื่องชิวิตหลังความตายรึเปล่า เราว่าที่นั่นคงมีความสุขนะ"ใบหญ้าในสายตาเพื่อนคนอื่น คือ คนเงียบ คนแปลก คนไม่เข้าสังคม และคนไม่ทำกิจกรรม เป็นเรื่องจริงเพราะไม่ว่าเย็นวันไหน...มีกิจกรรมให้น้องๆทำป้าย ซ้อมเพลงเชียร์ ไปคัดตัวเป็นเชียร์ลีดเดอร์ เย็นวันนั้น...จะไม่มีใบหญ้านั่งอยู่เลยชีวิตมหา’ลัยของใบหญ้าคือ มาเรียน กินข้าว กลับหอพัก นอนตอนเย็น แล้วตื่นขึ้นมาวาดรูปตอนหัวค่ำ…แทบไม่น่าเชื่อว่าคนที่เฉยชามากขนาดใบหญ้า ก็ยังโดนคนอื่นหาเรื่องจนได้…เย็นวันศุกร์หลังเลิกเรียน อิ๋วเดินตรงมาที่กลุ่มเนยและต่อว่าใบหญ้าเสียงดังจนทุกคนหันมามอง สาวทอมหาว่าใบหญ้าไม่มีความรับผิดชอบ ไม่เคยเข้าร่วมกิจกรรมกับเพื่อนเลย"เธอน่ะ มันเป็นคนเห็นแก่ตัว รู้บ้างหรือเปล่า"ซึ่งในความคิดของเนยและเพื่อนๆทุกคนขณะนั้น...ต่างคาดการณ์ว่าสาวเซอร์คงจะนิ่งเงียบอยู่เฉยๆปล่อยให้อิ๋วต่อว่า ...ก็ใครจะกล้ามีเรื่องกลับอิ๋วจอมวีนล่ะ ยิ่งเป็นคนเงียบๆอย่างใบหญ้าด้วย"เธอมันไม่รักสถาบันเอาซะเลย เธอไม่รักเพื่อนๆด้วย เอาแต่ทำตัวแปลกแยก" อิ๋วโพล่งไม่หยุดใบหญ้าไม่ได้โต้ตอบ แต่สายตาที่จ้องอิ๋วกลับแข็งกร้าวขึ้นเรื่อยๆอย่างเห็นได้ชัด"ปลายเดือนนี้จะมีการเปิดวาร์ก ในฐานะรองประธานรุ่น เราขอสั่งให้เธอห้ามโดดอีกเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา""เธอเป็นแม่เราเหรอถึงมาสั่ง เห็นตะโกนใหญ่ คงอยากเด่นมากสินะ"สิ่งที่ใบหญ้าตอบ…ทำให้ทุกคนในบริเวณนั้นถึงกับอ้าปากค้าง"เธอ..เธอ นี่มัน"อิ๋วยังพูดไม่จบ เสียงสาวคนหนึ่งก็ดังขึ้นขัดจังหวะ"เธอเวอร์ไปนะอิ๋ว ใบหญ้าเค้าก็ทำงานเหมือนกันแหละ เค้ารับหน้าที่เขียนรูปติดบอร์ดไม่ใช่เหรอ"นั่นคือเสียงของเมธาวี...ที่เพื่อนๆเพิ่งจะเคยได้ยินชัดๆเป็นครั้งแรก"แล้วป้ายนั่น ใบหญ้าเค้าเป็นคนลงสีให้ไม่ใช่เหรอ หรือว่าเราเข้าใจผิด"เมธาวีพูดเรียบๆแต่แววตานั้นบอกได้เลยว่ากำลังหมั่นไส้กับยัยทอมจอมแสแสร้งเต็มที"ใช่ๆ ที่ใบหญ้ากลับหอก่อนทุกวัน ก็กลับไปวาดรูปที่พวกเราเอามาติดบอร์ดนี่แหละ เรายืนยันได้ ใบหญ้าไม่ได้เหนื่อยน้อยไปกว่าพวกเราเลย" เนยพูดเสริม…เห็นว่าถึงเวลาแล้วที่ต้องแสดงออกเพื่อปกป้องเพื่อนถึงตอนนี้จอมวีนอิ๋วเริ่มหน้าซีด เพราะรู้สึกว่าตัวเองกำลังถูกรุมสมน้ำหน้า!…เนยเห็นอิ๋วชอบด่าเพื่อนแรงๆต่อหน้าฝูงชน ชอบยกเรื่องคณะ เรื่องสถาบัน เรื่องประธานรุ่นมาอ้างหวังจะกร่างไปทั่ว"แต่นิวเห็นด้วยกับอิ๋วนะเม" จอมขโมยซีนลุกขึ้นพูด ก่อนจะหันไปทางใบหญ้าต่อ"เราไม่ได้โกรธเธอหรอกนะที่ไม่ค่อยมาเข้ากิจกรรม แต่เราคิดว่าการที่เรามาอยู่มหา’ลัยเดียวกัน อยู่คณะเดียวกัน เราก็ควรจะสามัคคี กลมเกลียว แต่เธอกลับแยกตัวออกไปทำงานคนเดียว เหมือนเธออยากแสดงออกว่ารังเกียจพวกเราเสียเหลือเกิน ไม่เข้าใจเลยว่าเธอจะทำตัวเป็นแกะดำไปทำไม เธอว่าอิ๋วอยากเด่น แต่เราคิดว่าคนที่อยากเด่นน่ะ..คือเธอต่างหาก"นิวใช้น้ำเสียงผู้ดีสุดฤทธิ์ คาดว่าเธอคงพยายามเลียนแบบเมธาวีอยู่"เราเห็นด้วยกับนิว"โอพูดขึ้นบ้าง กลุ่มผู้ชายเริ่มส่งเสียงงึมงำในทีสุดคุณชายบอยก็เริ่มออกโรงอีก…เขากอดอก มองใบหญ้าด้วยสายตาจริงจัง"เราเข้าใจใบหญ้านะ เรื่องสิทธิส่วนบุคคล คนบางคนก็ชอบอยู่เงียบๆชอบสันโดษ เธอเองก็มีความคิดส่วนตัวของเธอ ที่อาจคิดว่าระบบรุ่นน้องรุ่นพี่มันไร้สาระ อาจคิดว่าการทำอะไรตามที่คนอื่นสั่งมันไร้สาระ แต่การอยู่ในสังคม มนุษย์จำเป็นต้องเข้ากลุ่ม ต้องอยู่รวมกัน มีผู้นำ มีผู้ตาม ทุกคนต่างทำหน้าที่ของตัวเองให้ดีที่สุด...แล้วสังคมมันก็จะขับเคลื่อนไปตามธรรมชาติ และหากมีใครทำตัวแปลกแยก...ก็ไม่ต่างกับอะไหล่ที่ชำรุด ไม่มีประโยชน์ต่อสังคมอีกต่อไป ที่เราพูดเนี่ย...เธอพอจะเข้าใจมั้ยใบหญ้า เธอรู้มั้ยว่าควรทำตัวยังไง...เพื่อประโยชน์ของตัวเธอเอง"เธอนิ่งเงียบไปพักเพื่อคิดก่อนที่จะพูดขึ้นมาว่า..."ระบบสังคม...ของมนุษย์เหรอ ฟังดูเหมือนระบบสังคมสัตว์มากกว่า ทุกคนออกล่าหาอาหาร แต่มีจ่าฝูงที่ได้กินเนื้อมากที่สุด คอยคำรามโฮกๆแย่งตัวเมียกัน แต่ฝูงนี้รู้สึกจะแย่งตัวผู้กันมากกว่า""ใบหญ้า ทำไมพูดจาต่ำๆอย่างนี้ ไม่อยากจะเชื่อเลย"นิวโวยเสียงดัง ทำท่ากุมขมับเหมือนจะเป็นลม สงสัยจะร้อนตัวกลัวต้องคำรามโฮกออกมาจริงๆบอยก้มหน้าเม้มปากเงียบ...ส่ายหน้าแล้วก็หันหลังเดินจากไป ด้านนิวรีบเดินตามพร้อมปิงปองเพื่อนผู้ซื่อสัตย์ตามเจ้านายต้อยๆส่วนหวานยืนเก้ๆกังๆแล้วก็วิ่งตามเพื่อนไป พวกผู้ชายและเพื่อนคนอื่นๆยืนนิ่งอยู่ที่เดิมกระซิบกระซาบกัน บางคนก็มองแล้วแอบยิ้ม…เช่นพลัมเป็นต้น"เฮ้อ!...ใบหญ้า" อิ๋วพูดด้วยน้ำเสียงเยาะเย้ยถากถาง "นี่เธอทำตัวเด่นพอหรือยัง""ทำตัวเด่น...เธอพูดคำนี้ออกมาได้ไง ไม่อายปากเหรอ"ใบหญ้าพูดพลางยกเป้ขึ้นมาสะพาย"ไม่อายเท่าคนที่กำลังจะถูกเพื่อนๆแบนหรอก"อิ๋วสวนกลับทันควัน ผลักเก้าอี้กระแทกใส่ใบหญ้าด้วยอารามโมโห แต่ใบหญ้าไม่สนใจ เธอสะพายเป้เดินจากไป ก่อนออกจากโรงอาหาร เธอหันหลังมาตะโกนทิ้งท้ายว่า"อ้อ! ลืมไปอย่าง ที่นิวพูดว่าเรารังเกียจพวกเธอน่ะ เป็นความจริง แต่รังเกียจแค่บางคนเท่านั้นนะ และต่อไปนี้ถ้าคิดอยากจะแบนเรา ก็เชิญเลยตามสบาย"ในเย็นวันนั้น...เนยกับโบว์กลับไปที่ห้อง เห็นใบหญ้ายังนั่งวาดรูปที่จะนำไปติดบอร์ดอยู่เหมือนเดิม เหมือนปกติที่เธอเคยทำอยู่ทุกวัน"ใบหญ้า..ยังจะนั่งทำให้พวกนั้นอยู่อีกเหรอ"โบว์แตะไหล่เพื่อนให้กำลังใจ"แค่อยากทำงานให้เสร็จเท่านั้นแหละ"ใบหญ้าหันมายิ้มตอบเศร้าๆ"ช่างพวกบ้านั่นเถอะ ไม่ว่ายังไง เราสองคนก็จะเป็นเพื่อนเธอ" เนยพูดเสียงจริงจัง"ขอบใจนะ"ใบหญ้าตอบ...พลางจับมือเนยเขย่าเบาๆ ก่อนจะหันกลับไปทำงานต่อจากนั้น...แม้เนยกับโบว์จะหลับกันหมดแล้ว แต่ใบหญ้าก็ยังคงนั่งวาดรูปต่อจนกระทั่งเสร็จพอถึงตี 5 เธอก็ออกจากหอ เดินไปที่คณะเพียงลำพัง เอารูปที่วาดเสร็จแล้วไปวางพิงบอร์ดคณะ…และด้วยภาพวาดชิ้นนั้นเอง ที่ต่อมาได้ทำให้คณะของพวกเราได้รับรางวัล "บอร์ดสวยงามยอดเยี่ยมแห่งปี"วันแรกของการวาร์กคือวันเสาร์…เป็นวันที่รุนพี่ขอร้องแกมขู่บังคับไม่ให้รุ่นน้องกลับบ้าน เพื่อจะให้มาเข้าพิธีอันแสนอภิมหาการศักสิทธิ์…และในวันอันยิ่งใหญ่นี้ก็ไร่วี่แววของใบหญ้าอีกเช่นเคยช่วงเช้าของวันรับน้องเป็นเวลาแห่งความสนุกสนาน มีกิจกรรมรับน้องแบบเลอะๆ เช่นเป่าแป้ง ป้ายสี ล้วงไหปลาร้า ที่ฮือฮากันมากที่สุดเห็นจะเป็นการปิดตาผู้หญิงแล้วสั่งให้หาของบนตัวผู้ชาย โชคดีที่คู่ของเนยเป็นสาวประเภทสอง เนยเลยไม่ค่อยเขินเท่าไหร่เนยเห็นรุ่นพี่แกล้งให้ดีมผูกมือกับปลาย...และทั้งคู่ก็ดูเหมาะสมกันจนเพื่อนๆต่างพากันร้องเชียร์วี๊ดวิ่ว รุ่นพี่แกล้งให้ปลายกับดีมยกของใส่ตะกร้าโดยห้ามใช้มือ ทั้งสองเลยต้องเอาหน้าแนบกันหนีบลูกบอล ปลายเวลาหน้าแดงด้วยความเขินดูสวยน่ารักจนขนาดเนยที่เป็นผู้หญิงด้วยกันยังรู้สึกประทับใจ เนยจึงอดคิดไม่ได้ว่าดีมต้องแอบชอบปลายแน่พอตกบ่าย...ก็ถึงเวลาที่รุ่นพี่จะพาน้องไปอาบน้ำล้างสีที่เลอะตัว ก่อนจะสั่งให้แต่งชุดนักศึกษาเต็มยศออกมา แล้วให้ไปรวมกันที่หอประชุมซึ่งปิดม่านมืดสนิท และเปิดแอร์เย็นเฉียบจนทำให้ขนในร่างกายเนยลุกชันด้วยความหนาวทันใดนั้น…ไฟก็ดับพรึ่บเหลือเพียงแสงสปอร์ตไลท์สองดวงบนเวทีก่อเกิดบรรยากาศที่ชวนให้ใจระทึก ทุกคนถูกสั่งให้ห้ามออกเสียงใดๆทั้งสิน จึงได้แต่เงียบรอกระทั่งรุ่นพี่ในชุดสีดำก็เดินออกมาเป็นกลุ่มใหญ่ พวกเขาต่างเอามือไพล่หลัง เดินฉับๆเสียงกังแบบทหารขึ้นไปยืนเรียงหน้ากระดานบนเวทีหนึ่งในวาร์กเกอร์ทั้งหมด...มีพี่อาร์ตเดือนปีสองที่เป็นขวัญใจน้องๆรวมอยู่ด้วยรุ่นพี่ทุกคนทำสีหน้าบึ้งตึง จนกระทั่งคนที่เป็นประธานวาร์กก้าวขึ้นมายืนกลางเวที"เปิดวาร์ก" เขาร้องเสียงดังจนเกือบจะเป็นตวาดจากนั้นวาร์กเกอร์ก็สั่งให้น้องๆทุกคนร้องเพลงเชียร์ ซึ่งการร้องเพลงจะต้องออกเสียงให้ถูก…ผิดไม่ได้แม้แต่คำเดียว จังหวะเร็วไปหรือช้าไปก็ไม่ได้…ต้องพอดี หากขยุกขยิกเท้าจะต้องโดนสั่งวิดพื้น ไม่ก็ให้วิ่งรอบคณะพลัมโดนทำโทษให้วิ่งเนื่องจากร้องเพลงไม่พร้อมเพื่อน เขาเหมือนจะดีใจมากที่ได้ออกจากห้องคุมขัง จึงวิ่งหน้าบานออกประตูหอประชุมไปอย่างรวดเร็วเนยได้เห็นเพื่อนคนอื่นๆโดนทำโทษด้วยสารพัดวิธี และด้วยเหตุผลไร้สมองทั้งหลายที่รุ่นพี่สรรหามากดดันน้อง ทำให้ตลอดสามชั่วโมงนั้น...ปัญญาชนผู้ที่ได้ชื่อว่าสอบเข้ามหาวิทยาลัยมาได้ ไม่ได้ทำอะไรอย่างอื่นเลยนอกจากแหกปากพ่นถ้อยคำหยาบคาย วางรองเท้าไม่เรียบร้อย ร้องเพลงเพี้ยน ยืนเข้าแถวไม่ตรงกัน และเรื่องขี้ปะติ๋วขนาดแค่มองหน้ารุ่นพี่ ก็โดนด่า แล้วละครน้ำเน่าก็เปิดฉากขึ้น...เมื่อรุ่นพี่ผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งเข้ามาร้องไห้แล้วบอกว่าทนไม่ได้แล้วที่เห็นน้องโดนทำโทษ โดนด่า พวกเรารักน้อง ถ้าหากจะลงโทษน้อง รุ่นพี่ขอยอมโดนทำโทษด้วยสุดอ้วก!...เนยคิด หากบอกว่านี่คือการแสดงละครเวที เธอจะเชื่อสนิท แต่หากบอกว่านี่คือเรื่องจริง เธอคิดคือการตอแหลอย่างไม่แนบเนียนที่สุดที่เคยพบมาในชีวิตรุ่นน้องบางคนอินจนออกอาการร้องไห้ระงมไปทั่วโธ่ นี่ดูกันไม่รู้เหรอไงว่าเค้าแสดง! เธออยากจะตะโกนให้ลั่นหอประชุม แต่ก็ได้เพียงเก็บกดเอาไว้เพราะกลัวจะโดนรุมประชาฑัณฑ์กลางหอประชุมเสียก่อนคนที่ไม่เก็บกดคืออิ๋ว เพราะลุกขึ้นประท้วงแล้วประท้วงอีก ทั้งที่เป็นตัวตั้งตัวตีอยากให้เพื่อนเข้าเชียร์แท้ๆ แต่ในเวลารับบทเป็นตัวเรียกร้องสิทธิ์อันเป็นธรรม"พวกเราเป็นคนนะคะ มีสิทธิ์เท่าเทียมกัน เรามีสิทธิ์แสดงออก"แล้วก็มีพวกชอบออกหน้าอีกลายคนลุกขึ้นพูดบ้าง สารพัดคำพูดที่ยกมาเหมือนจำบทมาจากหนังเรียกร้องประชาธิปไตย แต่คนที่ลุกขึ้นมาเพราะทนไม่ไหวจริงๆก็มี ซึ่งพวกนี้ส่วนใหญ่เดินออกจากหอประชุมไปเลย"เป็นพ่อเป็นแม่กูเหรอวะมาด่า อายุมากกว่าไม่กี่ปี แม่งทำใหญ่กันอยู่ได้"ผู้ชายคนหนึ่งพูดทิ้งท้ายก่อนออกไปเมื่อมีคนออกไปคนหนึ่ง วาร์กเกอร์จะกดดันน้องโดยให้วิดพื้น3 ครั้ง เพื่อเป็นการบังคับอ้อมๆไม่ให้เด็กต่อต้าน ถ้าทิ้งวาร์กเพื่อนก็โดนทำโทษแทน เอาความรักเพื่อน เอาคุณธรรมของการเห็นแก่เพื่อนมนุษย์มาใช้ควบคุมรุ่นน้องให้กลายเป็นสัตว์เลี้ยงดีๆไปชั่วขณะ เพราะสั่งอะไรก็ต้องทำตาม ด่าอะไรก็ต้องก้มหน้ายอมรับการแสดงโชว์ละครชีวิตของรุ่นพี่ยังจบไม่ได้หากไม่มีการเพิ่มจุดไคลแมกซ์ โดยให้รุ่นพี่ผู้ชายคนหนึ่งแสร้งทำเป็นลุกขึ้นด่าพวกวาร์กเกอร์"ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!พวกคุณทำน้อง ก็เหมือนทำเราด้วย"พูดจบรุ่นพี่ผู้ชายทั้งหมดที่ไม่ใช่วาร์กเกอร์ก็ลุกขึ้นพรึ่บพร้อมเพรียงกัน…ราวกับเตี๊ยมมานาน เดินตรงเข้ามากลางหอประชุม แล้วก็ลงไปวิดพื้นพร้อมน้องๆเพียงแค่นั้น สมใจรุ่นพี่ทันทีน้องหลายคนสติแตก ลุกขึ้นประท้วงกันลั่นหอประชุม มีการพูดปลุกใจราวกับอยู่ในหนังสงครามโลกครั้งที่ 2 อิ๋วดูจะอินสุดๆกับละครเวทีฉากนี้ ถึงกับน้ำตานองหน้าพูดด้วยเสียงดังฉะฉานด้วยมาดนางเอกผู้เข้มแข็งมีเกียรติ"รุ่นพี่คะ พวกเรามีอารมณ์ มีความรู้สุกเหมือนกัน พวกเราไม่ยอมปล่อยพวกพี่ที่เสียสละเพื่อพวกเรามาตลอดตอ้งทนลำบากขนาดนี้หรอก""จริงมั้ยพวกเรา!"เธอเริ่มหาแกนนำ"เราเห็นด้วยๆๆๆๆๆ!"เด็กปี 1 ร้องตะโกนกันลั่นงานนี้อิ๋วคงภาคภูมิเพราะเธอได้หน้าและความดังไปเต็มๆ งานนี้เรียกได้ว่าหลายคนได้เกิด!!"ปิดวาร์ก"ในที่สุดก็ปิด ...กว่าจะปิดวาร์กได้ก็ปาเข้าไป 5 ทุ่มแล้วเด็กปี 1 ร้องไห้กันตาบวมเป่ง ร้องเพลงเชียร์กันเสียงแหบแห้งเหมือนผี ข้าวไม่ได้กิน น้ำไม่ได้ดื่ม สภาพไม่ต่างกับทหารเพิ่งกลับจากออกศึก แต่บางคนกลับยิ้มร่าสนุกสนานเหมือนเพิ่งได้ดูหนังจบหนึ่งเรื่อง…หนึ่งในนั้นคือพลัมนั่นเองเช้าวันถัดมา…พวกเราถูกรุ่นพี่สั่งให้ตื่นแต่ตี 5 ไปวิ่งออกกำลังกายรอบมหา’ลัย แล้วก็ถูกเกณฑ์กลับเข้าสู่วัฏจักรเดิม คือ การเข้าวาร์ก ร้องเพลงเชียร์ โดนด่า ทำโทษ เหมือนวันแรก แต่วันนี้ผิดปกติตรงที่ในจำนวนเพื่อนๆที่โดดเชียร์แล้ว…นอกจากใบหญ้า ยังมีเมธาวีเพิ่มมาอีกคนเมธาวีหายไปตั้งแต่เช้า หลังออกกำลังกายเสร็จ เธอไม่ยอมเข้าเชียร์โดยให้เหตุผลกับปลายว่า"รู้สึกไม่ชอบคิดว่าไร้สาระและไม่อยากฝืนใจอยู่"วันนั้นในช่วงพักครึ่งชั่วโมง เมธาวีเลยกลายเป็นเป้าสนทนาของคนในกลุ่ม"น่าจะถอดตำแหน่งดาวออกจากยัยคนนี้ซะ คนอะไรไม่มีความรับผิดชอบ ปลายๆ ถามจริงปลายไปคบกับเมได้ไงเนี่ย" อิ๋วถามอย่างใส่อารมณ์"ก็พ่อแม่ รู้จักกัน เราคบกันตั้งแต่เด็ก อย่าไปว่าเมเลย เมก็เป็นคนแบบนี้แหละตรงๆหน่อย"ปลายแก้ต่างให้เพื่อน"เราว่าปลายมาอยู่กลุ่มเราดีกว่านะ เมธาวีอะ มีแต่คนไม่ชอบ เราก็ว่าเค้าดูร้ายๆนะ คนดีๆอย่างปลายน่าจะหาเพื่อนได้ดีกว่านี้" นิวเสริม"ปลายไม่อยากทิ้งแม อยู่โรงเรียนเก่าก็มีแต่คนพูดแบบนี้กับปลาย ปลายสงสารเม"ปลายพูดน้ำตาคลอ"โธ่ ปลายๆ ปลายเป็นคนดีอย่างนี้นี่เอง ถึงได้โดนเมรังแก"ปิงปองเสริมบ้างเนยถึงกับงง…เพราะเท่าที่ดูมายังไม่เคยเห็นเมธาวีรังแกปลายฟ้าตอนไหนเลยพวกผู้หญิงนี่ พอได้ทีนินทาก็พูดกันซะเว่อร์ขณะนั้นเนยเห็นดีมมองปลายด้วยสายตาสงสารสักพักก็เดินมาตบไหล่ปลายเบาๆเหมือนปลอบใจ เนยเจ็บแปล๊บขึ้นมาในอก รู้สึกอยากร้องไห้เมื่อเห็นความสนิทสนมของเขาทั้งคู่ ในขณะเดียวกันก็รู้สึกเจ็บมือด้วย เพราะมือข้างที่เนยปล่อยให้โบว์กุมอยู่นั้น เพื่อนสาวตาโตบีบมันเสียแน่นเลยทีเดียว แล้วโบว์ก็ลากเนยไปเข้าห้องน้ำ พอไกลจากผู้คน...เธอก็ยืนหันหลังให้เนย เงียบอยู่นาน...ก่อนจะหันหน้ามากล่าวน้ำตาคลอ"เนย เราไม่กล้าบอกใคร เนยอย่าไปพูดให้ใครฟังนะ เราอาย""อะไรเหรอ" เนยถาม...ได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้นระทึกโบว์เงยหน้าขึ้นก่อนจะตอบด้วยหน้าแดงซ่าน"เราชอบดีม"เวลาทานอาหาร....เพื่อนๆนั่งกันเป็นกลุ่มตามเดิมเนยนั่งหน้าซีดเผือดผมเผ้ายุ่งเหยิง…อยากเจอใบหญ้ามาก อยากแยกตัวออกไปพูดคุยปรึกษากับใบหญ้า แต่ก็ยังออกไปไหนไม่ได้ตอนนี้…อึดอัดใจเหลือเกินเวลานั้น…เมธาวีกลับมาที่โต๊ะอาหารด้วยหน้าตาผ่องใส เธอคงกลับไปนอนพักที่หอมา พอเมธาวีนั่งที่โต๊ะ ทุกคนเงียบจนสาวสวยจับได้ถึงอาการผิดปกติในกลุ่ม แต่เธอแกล้งทำเป็นไม่สนใจ...ค้นกระจกในกระเป๋าออกมาส่องกระทั่งรุ่นพี่ที่ทำหน้าที่แจกข้าวเดินมาแล้วถามว่า"โต๊ะนี้เอาข้าวกี่กล่องคะน้อง""16 ครับ"บอยตอบ"ไม่ใช่ค่ะรับแค่ 15 กล่องก็พอ เพราะคนมีสิทธิ์ทานข้าวมีแค่ 15 คนที่เอาแต่สบายไม่ยอมหนื่อยพร้อมเพื่อนไม่น่าจะได้กินเหมือนเพื่อน" อิ๋วเริ่มเปิดศึกทันทีเมธาวีเหมือนรู้ตัว...หันขวับไปหาอิ๋ว "ทำไม เธอมีอะไรกับชั้น จะหาเรื่องเหรอ"พอเมธาวีเริ่มแว๊ด...ปลายฟ้าก็รีบเอามือจับไหล่เพื่อนเป็นการปรามไว้"เราไม่ได้หาเรื่อง แต่เราแค่ทำตามความเสมอภาค คนไหนเหนื่อยมา คนนั้นก็ควรได้กินข้าว คนไหนเอาแต่สบาย กินแรงเพื่อน คนนั้นก็ไม่ควรกิน""มากไปแล้วนะ เธอใหญ่มาจากไหน ถึงมาสั่งให้ใครทานข้าวหรือไม่ทานข้าว"เมธาวีลุกพรวดขึ้นยืนมองหน้าอิ๋วด้วยสายตาโกรธเกรี้ยว แต่เธอยังด่าไม่ทันจบ นิวก็ลุกขึ้นสวนบ้าง…"แต่นิวเห็นด้วยกับอิ๋วนะเม เมคิดดูพวกเราทนเหนื่อยร้องเพลงทั้งวัน เมหนีไปนอนสบายอยู่คนเดียวที่หอ แล้วก็จะกลับมาแต่ตอนกินข้าว เมไม่คิดว่าตัวเองเอาเปรียบเพื่อนๆเหรอ"สิ้นเสียงนิว…อิ๋วยิ้มอย่างมีชัย ลำพองเข้าไปใหญ่เมื่อรู้ว่ามีคนเข้าข้างเธอบอยเห็นดังนั้นก็รีบออกโรงปกป้องเมธาวีทันที"เอาน่าอิ๋วกับนิว อย่างน้อยเมก็เข้าเชียร์เมื่อวาน คงเหนื่อยมาก ให้เค้ากินข้าวเถอะ เพื่อนๆกันน่าจะให้อภัยกันได้""ใช่ๆ ไม่เอานะคะเม อย่าโมโหสิ นั่งลงก่อน"อีตาโจจอมกะล่อนลุกขึ้นปลอบเมธาวีอีกคน"อย่าลืมนะว่าชั้นก็จ่ายตังค์ค่าข้าวเท่าๆกับพวกเธอ เธอจ่ายค่าข้าวให้ชั้นเหรอยัยอิ๋วถึงจะมายึดข้าวของชั้น"เมธาวีกัดไม่ปล่อย เธอไม่ยอมให้ใครมาข่มได้ง่ายๆอยู่แล้ว"เอ้า! เอาไป ข้าวของเธอ ตังค์ของเธอ เฮอะน่าขำ ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างเธอจะได้เป็นดาวคณะ"อิ๋วหยิบข้าวกล่องโยนลงตรงหน้าเมธาวีทันที พูดจีบปากจีบคอกอดอก เธอคงไม่รู้ตัวว่า มาดทอมที่เสแสร้งแกล้งทำมาตลอด ตอนนี้หมดสิ้นไม่มีเหลือแล้ว เธอกลายเป็นหญิงสาวผู้มีจริตก้านยิ่งกว่านิวเสียอีก"ชั้นทนไม่ไหวแล้วนะ!" เมธาวีตะโกนเสียงดัง จนทุกคนในห้องอาหารหันมามองดาวคณะเป็นตาเดียว"เธอคิดว่าเธอเป็นใคร ยัยทอมตอแหล ชั้นเห็นเธอดัดจริตเป็นทอมมาตั้งนานแล้ว ทอมบ้าอะไรจะมานั่งติดหนึบกับผุ้ชายทั้งวัน แถมใส่เสื้อยังกล้ามรัดรูปอีก ทุเรศสิ้นดี เป็นผู้หญิงบ้าผู้ชาย ก็บอกมาเถอะไม่ต้องมาทำพูดจาทำท่าเป็นทอมเพื่อจะได้นั่งใกล้ผู้ชายแล้วดูไม่น่าเกลียดหรอก"สิ่งที่เมธาวีพูดทำให้เนยเกือบจะกรี๊ดแล้วกระโดดหอมแก้มเมธาวีทันที…แต่เก็บอาการไว้ทัน"แก นัง"อิ๋วหน้าแดงด้วยความโกรธ ทำท่าเหมือนจะเดินเข้าไปทำร้ายร่างกายเมธาวี แต่พวกบอยลุกขึ้นดึงไว้ทันปลายนั่งตัวสั่นร้องไห้ด้วยความตกใจกลัว "อย่าทะเลาะกันๆ ฮือๆ"ดีมเห็นดังนั้นก็รีบเข้าไปปลอบปลายทันที เนยหันไปมอง...ได้เห็นสายตาที่บ่งบอกความเจ็บปวดของโบว์ ซึ่งคล้ายกับเป็นกระจกเงาที่สะท้อนตัวเธอเองแม้เรื่องเริ่มไปกันใหญ่ แต่เมธาวีก็ยังยียวนอิ๋วต่อไม่ยอมหยุด…เธอหยิบข้าวกล่องที่ถูกโดนโยนใส่ขว้างไปที่โต๊ะอื่น"อ๊ะ เอาไป โต๊ะเราได้เกิน"เมธาวีว่าแล้วก็หยิบกระเป๋า เชิดหน้าใส่อิ๋ว แล้วเดินออกไปจากห้องอาหารคืนนั้น...เมธาวีกลับไปเก็บข้าวของที่หอแล้วโทรไปบอกให้ที่บ้านมารับ พ่อหรือป๊ะป๋าของเธอรีบส่งคนบึ่งเบนซ์คันใหญ่มารับที่มหาวิทยาลัยทันที จากนั้นอธิการก็โทรมาต่อว่าประธานรุ่นปี 2 เสียยกใหญ่…เนื่องจากปล่อยให้ลูกสาวคนใหญ่คนโตเกือบจะโดนทำร้ายร่างกาย ประธานรุ่นปี 2 จึงเรียกพวกเด็กที่อยู่ในเหตุการณ์ไปสอบสวนเพื่อจะได้รู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น ซึ่งเนยก็คันปากอยากจะบอกรุ่นพี่ไปเหลือเกินว่า...เพราะอิ๋วนั่นแหละเป็นคนทำให้เรื่องมันใหญ่โตกลุ่มของนิวเข้าข้างอิ๋วอย่างเป็นปี่เป็นขลุ่ย ส่วนบอยกับโจได้แต่ออกตัวว่า...เป็นกลาง...พวกเราเป็นกลางดีมไปนั่งปลอบใจปลายสองต่อสองส่วนพลัม…ได้แต่นั่งเงียบ อันที่จริงผู้ชายคนนี้ก็เงียบมาตลอดอยู่แล้วและตอนนี้...เขากำลังนั่งไขว่ห้างกระดิกเท้าดิกๆด้วยมาดกวนประสาท อยู่ตรงข้ามเนยกับโบว์เนยกับพลัมจ้องหน้ากัโดยบังเอิญ แวบนั้นเธอรู้สึกว่าตาเขามีแววรื่นรมย์มากเป็นพิเศษ สบตากันสักพัก...เขาก็ค่อยๆคลี่ยิ้มมุมปาก แล้วลุกมานั่งข้างเธอทันทีเนยถึงกับชะงัก...รู้สึกตั้งตัวไม่ติด เธอไม่เข้าใจว่าเขาพยายามจะทำอะไรแล้วพลัมก็กระซิบถามเนยว่า "ที่จริงเมื่อกี๊ เธอแอบสะใจใช่มั้ยล่ะ""อะไรของนายกันนี่!" เนยสะดุ้งโหยง"เบื่อมาหลายวัน นึกว่าจะไม่มีอะไรมันส์ๆเกิดขึ้นซะแล้ว เมธาวีนี่ก็เจ๋งดีเหมือนกันนะ ด่าซะสะใจเชียว"พลัมพูดฉอดๆถึงสิ่งที่อยู่ในใจเขาอย่างไม่กระมิดกระเมี้ยน ทำเอาเนยกับโบว์อ้าปากค้างการที่พลัมเข้ามาพูดกับเนยแบบนี้เนื่องจากเป็นคนอ่านนิสัยคนออก เขารู้ว่าคนไหนจริงใจ คนไหนเสแสร้ง รู้ว่าผู้หญิงแต่ละคนเป็นอย่างไรโดยมองจากแววตา อีกทั้งรู้ว่าเนยคงอึดอัดเหมือนเขามานานหลายวัน...กับเพื่อนๆจอมเสแสร้งทั้งหลายในตอนนั้น...เนยไม่คิดเลยว่า ต่อมาพลัมจะกลายมาเป็นเพื่อนผู้ชายคนแรก และเพื่อนคนสำคัญที่สุดในชีวิตของเธอ ภายใต้หน้าตาและบุคลิกที่ดูเย็นชาของเขา เมื่อได้คบหาอย่างสนิทใจ...เขากลับกลายเป็นคนที่ทั้งกวนประสาท ทั้งกล้าหาญ และมีหัวใจที่สูงส่งยิ่งกว่าผู้ชายทุกคนที่เธอเคยรู้จักมาและไม่เคยรู้เลยว่า...พลัมจะกลายเป็นเพื่อนที่เนยรัก และเป็นห่วงที่สุดเรื่อยมาจนกระทั่งเวลาผ่านไปเป็นสิบปีแล้ว


#โปรดติดตามตอนต่อไป