ขอเม้าท์ก่อนว่า ดิฉันเพิ่งชีช้ำกะหล่ำปลีไปกับกล้องตัวล่าสุดที่ซื้อมาใช้ จึงเกิดความอัดอั้นตันใจอยากจะบอกต่อเป็นความรู้เกี่ยวกับการเลือกกล้อง ไว้เป็นเยี่ยงอย่าง เตือนสติ สอนใจ โดยเฉพาะผู้ที่อยากจะมีกล้องตัวแรกไว้ในครอบครองค่ะ

สำหรับคนที่ยังไม่เคยมีกล้องจริงๆ จังๆ ระดับDSLRมาก่อน อาจจะมีการตั้งคำถามกับตัวเองว่าสมควรหรือไม่ที่จะซื้อเพราะราคามันไม่ใช่ถูกๆ อันนี้ขอตอบสั้นๆ เลยค่ะว่าถ้าอยากได้และมีโอกาสได้ใช้ถ่ายรูปบ่อยๆ ก็หาโอกาสจัดเถอะค่ะเพราะตัวดิฉันเองตอนที่เปลี่ยนมาใช้กล้องDSLRถ่ายภาพ ก็สัมผัสได้ถึงความแตกต่างที่เกิดขึ้นด้วยตัวเองค่ะจากภาพถ่ายมือถือหัวโปกคุณภาพต่ำชั้นยอดไลค์หลักหน่วยต้นๆ สู่ภาพถ่ายคมชัดคุณภาพสูงยอดไลค์หลักสิบปลายๆ

( ได้แค่นี้จริงๆ ค่ะ ไม่ค่อยมีคนคบ )

รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:รูปภาพ:

เชื่อหรือยังคะ  ว่ากล้องโปรมันช่วยให้คุณภาพของรูปดีขึ้นจริงๆ  แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจัดองค์ประกอบของเราด้วย  เอาล่ะค่ะ!! เข้าเรื่องวิธีการเลือกซื้อกล้องกันดีกว่า

1. ยี่ห้อไหน รุ่นไหน จึงเหมาะกับเรา

รูปภาพ:http://www.tylershields.com/images/art/camera-men.jpg

ก่อนอื่นต้องดูภาพรวมแต่ละแบรนด์ค่ะ พอจะสรุปแบรนด์เด่นๆ ได้ดังนี้นะคะ

ก. Cannon

- ภาพถ่ายฟรุ้งฟริ้ง Skintone ( งานผิว ) สวย ถ่ายผีเป็นคน ถ่ายคนเป็นนางฟ้า ถ่ายวิดิโอ Auto Focus ขั้นเทพ ศูนย์ซ่อมขึ้นชื่อเรื่องบริการดี รวดเร็ว หาซื้ออุปกรณ์เสริม มือสอง หรือขายต่อก็ง่ายดาย

ข. Nikon

- ภาพคมบาดตา ชัด ละเอียด  ถ้าจะเน้นถ่ายคนต้องแน่ใจว่ามีผิวสวยระดับไฮเดฟ ( HD ) ค่ะ ไม่งั้นจบ แต่ถ้าเน้นถ่ายวิว สัตว์ สิ่งของ Nikon เป็นตัวเลือกที่ดีค่ะ งาน Auto Focus ปวดตับ ไม่ค่อยเหมาะหากจะถ่ายวิดิโออย่างจริงจัง

ค. Sony

- ภาพคมชัด บาดตา คุณภาพดีมาก ตัวกล้องน้ำหนักเบาเป็นส่วนใหญ่ คาดว่าจะกลายเป็นผู้นำด้านการถ่ายภาพในอนาคต ราคาจะสูงกว่ายี่ห้ออื่นๆ ไม่ค่อยมีอุปกรณ์ซัพพอร์ทจากข้างนอกมากนัก

ง. Fuji

- ตัวกล้องดูเก๋แบบวินเทจน์ ( Vintage ) ภาพที่ได้ออกแนวฮิปเสตอร์จนสัมผัสได้ ไม่รู้ทำไมเหมือนกัน ตัวกล้องจะน้ำหนักเบา พกพาสบายๆ แต่ขนาดภาพแค่ 16 ล้าน ซึ่งน้อยกว่าเจ้าอื่นไปเยอะ แต่อย่างไรก็ตามตอนนี้กล้องของ Fuji ค่อนข้างเป็นที่นิยมมาก จนสามารถหาซื้อมือสองประกันศูนย์เหลือๆ ได้อย่างไม่ยากเย็นค่ะ แต่ข้อเสียของนางคือ ไม่ค่อยมีเลนส์ที่หลากหลายเท่าไร หากต้องการถ่ายอะไรที่เฉพาะเจาะจงเช่น ถ่ายนก หรือแอบถ่ายผู้ชายหล่อๆ จากระยะไกล ต้องใช้อแดปเตอร์ช่วยค่ะ

ในเรื่องของยี่ห้อง Nikon และ Canon ยังคงได้เปรียบอยู่ค่ะ เนื่องจากเป็นค่ายใหญ่ที่มีประวัติเรื่องกล้องมายาวนาน และเป็นที่นิยม ทำให้อุปกรณ์เสริมต่างๆ มีออกมาเยอะมาก ทำให้ข้อจำกัดในการถ่ายภาพมีน้อยค่ะ มีอภิสิทธิ์เหนือยี่ห้ออื่นจริงๆ ค่ะ

และในบางยี่ห้อก็มีเลนส์ให้ใช้น้อยมาก ทำให้ต้องไปยืมเลนส์จากยี่ห้ออื่นมาใช้บ่อยๆ ซึ่งก็ต้องเชื่อมตัวด้วยอุปกรณ์เสริมที่เรียกว่า " Mount Adapter " ค่ะ

รูปภาพ:http://fb-g.lnwfile.com/_/g/_raw/5s/zj/8e.jpg

2. คุณสมบัติต่างๆ ของกล้อง เลือกอย่างไรดี

รูปภาพ:http://rack.0.mshcdn.com/media/ZgkyMDE1LzAyLzE5L2U4L05pa29uRDU1MDBELmNmNDMwLmpwZwpwCXRodW1iCTg1MHg4NTA-CmUJanBn/9c6b35cf/772/Nikon%20D5500%20DSLR%20Select%20Edit-10.jpg

เดี๋ยวนี้เทคโนโลยีของกล้องก้าวล้ำมากค่ะ แต่จะเลือกอย่างไรให้ฉลาด  เพราะถ้าเอามันซะทุกอย่างก็จะต้องแบกรับภาระค่าใช้จ่ายมหาโหด ดีไม่ดีฟังก์ชั่นนั้นก็ไม่ได้ใช้ กลายเป็นเสียตังค์ฟรีอีก


รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/207/015/000/1391358655-camerasens-o.jpg

Full frame หรือแค่ APS-C จะเป็นการดี ?

อาจจะเคยได้ยินคำว่า" กล้องตัวคูณ "กันมาบ้างนะคะมันก็คือขนาดของเซ็นเซอร์รับภาพนั่นเองซึ่งเป็นเซ็นเซอร์ที่อยู่ในกล้อง DSLR หรือ กล้องที่เทียบเท่า DSLR อย่าง Mirror less ของค่าย Sony หรือ  Fuji ค่ะ

APS-C หรือกล้องตัวคูณ จะมีขนาดเซ็นเซอร์ที่เล็กกว่า Full Frame ดังภาพด้านบนค่ะทำให้ลักษณะภาพเหมือนถูกครอป หรือซูมเข้าไป

ดังนั้นการถ่ายภาพด้วยกล้องตัวคูณ ( APS-C ) จะให้ภาพที่แคบกว่า เซ็นเซอร์แบบ Full Frame ค่ะยกตัวอย่างเพื่อนเรามีใบหน้าที่ใหญ่มาก เราสามารถถ่ายภาพใบหน้าทั้งหมดของเพื่อนเราด้วยกล้องแบบ Full Frame โดยการยืนห่าง 2 เมตร  แต่ถ้าเราใช้กล้องตัวคูณ ( APS-C ) จะต้องออกห่างจากใบหน้าอันใหญ่โตนั้นถึง 4 เมตร ค่ะ( ถ้าจินตนาการไม่ออก ดูภาพข้างบนเปรียบเทียบก็ได้ค่ะ )

ฟังดูเหมือน Full Frame จะดีกว่า ทั้งชัดกว่า และให้ภาพที่กว้างกว่า แต่กล้อง Full frame ส่วนใหญ่จะหนัก และมีราคาแพง - แพงโคตรๆ ค่ะจะซื้อเลนส์แบบสุ่มๆ ก็ไม่ได้เพราะเลนส์บางตัวก็ไม่ได้สนับสนุนกล้องที่มีเซ็นเซอร์ Full Frame ถ่ายไปก็เกิดกรอบดำๆ  แถมเลนส์ที่ใช้กับ Full Frame ได้ก็จะเป็นงานราคาแพงที่ต้องควักเงินจ่ายสบายกระเป๋าไปอีก บางครั้งเราก็ต้องปล่อยให้ช่างกล้องมืออาชีพขาดโหดเขาเล่นกันไปนะคะจ่ายสบายๆ เหลือเงินไว้กินมาม่าก็ดีนะคะ

รูปภาพ:https://upload.wikimedia.org/wikipedia/commons/0/06/Camera_GPS.jpg

GPS

อ่านไม่ผิดหรอกค่ะ มันอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่ขี้หลงขี้ลืมมากๆ จนจะเข้าขั้นอัลไซเมอร์ จำไม่ได้ว่าตัวเองไปถ่ายอะไรที่ไหนมา แต่สำหรับคนปกติอย่างเราฟังก์ชั่นนี้ไม่น่าจะจำเป็นนะคะ มันเป็นฟังก์ชั่นที่ผลาญพลังงานแบตเตอรี่อย่างมาก โดยเฉพาะหากเผลอเปิดเอาไว้ ยกเว้นว่าเราจะเป็นช่างภาพสงคราม หรือตามจับบ้านเล็กอยู่


รูปภาพ:http://www.nikon.co.th/tmp/Asia/4016499630/3857477713/365508689/3015334490/1054978028/1930845329/365508689/3099727137/689671561.jpg

Wifi

บางคนอาจจะมองว่ามันไม่สำคัญ แต่คิดดูนะคะเราสามารถโอนภาพถ่ายลง Smart Phone แล้วโพสอวดชาวโลกให้ริษยาบนโลกโซเชียลได้ทันทีแถมอิฟังก์ชั่นนี้มันเก๋ตรงที่ใช้ Smart Phone ของเราเป็นรีโมทถ่ายภาพได้อีกด้วย  ทีนี้เพียงแค่ตั้งกล้องไว้ก็สามารถถ่ายภาพ Selfie แบบแคนดิด ไม่ได้ตั้งใจ เหมือนถูกแอบถ่าย หรือมีช่างภาพส่วนตัวถ่ายให้ได้ทันที โดยไม่ต้องวิ่งไปวิ่งมาเพื่อตั้งเวลาถ่ายเลยค่ะ* อย่าลืมว่ามือถือของเรายังไร้ปัญญาที่จะอ่านไฟล์ Raw คุณภาพสูงของกล้อง ได้นะคะ ถ้าจะถ่ายภาพอวดโลกแบบไม่ต้องแต่งก่อน อย่าลืมเปลี่ยนโหมดเป็นถ่ายแบบ JPG ก่อนค่ะ

รูปภาพ:http://g-ec2.images-amazon.com/images/G/02/uk-electronics/product_content/canon/images/touch_screen_large._V370535337_.jpg

Touch Screen

หากเป็นช่างภาพมืออาชีพ ผ่านกล้องมาหลายตัว ใช้กล้องจนคุ้นชินราวกับเป็นอวัยวะชิ้นที่ 33 แล้ว ก็คงไม่มีความต้องการ Touch Screen เข้ามาในชีวิตหรอกค่ะ แต่หากเป็นช่างภาพมือใหม่แล้ว ฟังก์ชั่นนี้ถือว่าเป็นสิ่งประเสริฐเลยทีเดียว เพราะแค่จิ้มๆ ก็ได้มาทุกสิ่งอย่างที่ต้องการที่สำคัญหากต้องการแทรกตามสิ่งของ หรือเลือกโฟกัสเป็นจุดๆ เช่น เลือกโฟกัสที่หน้าเรา ไม่ใช่หน้าเพื่อน ฟังก์ชั่นนี้วิเศษมากค่ะ

รูปภาพ:https://media.canon-asia.com/shared/live/products/eflense/ef300mm-f28l-is-usm/ef300mm-f28l-is-usm-b1.png

น้ำหนัก

หลายๆ คนโดยเฉพาะสาวๆ กังวลเรื่องน้ำหนักของกล้องมากค่ะ เพราะบอบบางตัวเล็ก กลัวจะถือของหนักไม่ไหว ( ช่วยดูเครื่องสำอางในกระเป๋าหล่อนด้วย )

จึงเลือกกล้องที่น้ำหนักน้อยไว้ก่อน มันก็ถูกค่ะ เพราะน้ำหนักกล้องเราพอลดได้ แต่น้ำหนักเลนส์นี่แทบไม่มีทางเลือก ยิ่งถ้าต้องใช้เลนส์ที่ยาวมากๆ ตัวเลนส์จะยิ่งหนักค่ะ ยกตัวอย่างเลนส์ในภาพ ที่หนักมากจนต้องมีจงอยสำหรับล็อคกับฐานตั้งกล้องถ่วงน้ำหนักกันตรงตัวเลนส์ไปเลย

สำหรับใครก็ตามที่กังวลเรื่องน้ำหนัก ควรจะศึกษาทั้งตัวกล้องและตัวเลนส์ให้ดีค่ะ เพราะสองสิ่งนี้เป็นข้อผูกมัดซึ่งกันและกันค่ะ เลือกเท่าที่สบายใจดี และพกพาไหวดีกว่า

3. เลนส์แบบไหนดี

รูปภาพ:http://3.bp.blogspot.com/-_yXO7wBFuJ4/Tk5raUPUrjI/AAAAAAAAAjg/SWa8TstdTOQ/s1600/tumblr_lme3qky6AV1qj1gpyo1_500_large.png

ข้อกำหนดในการซื้อเลนส์ก็คือ

ลักษณะวิธีการถ่ายภาพของเรา

เองค่ะ ซึ่งจะดูได้จาก

ระยะโฟกัส ( Focal Length )

ที่มักจะเขียนกำกับว่า xxx mm. บนตัวเลนส์ค่ะ มาดูกันเลยดีกว่า

Landscape

( ภาพภ่ายทิวทัศน์ )

นิยมใช้เลนส์ที่มีระยะโฟกัสน้อยกว่า 35 mm. ค่ะ เพราะจะทำให้ภาพดูกว้าง ภาพโค้งเล็กน้อย ไม่ถึงกับเป็นเลนส์ตาปลา จริงๆ แล้วเลนส์ประมาณนี้ใช้ถ่ายภาพเหตุการณ์ก็เก๋ไม่แพ้กันนะคะ

รูปภาพ:http://f.ptcdn.info/834/020/000/1404384143-IMG0596JPG-o.jpgรูปภาพ:http://www.canon.co.uk/Images/IMG_8765_tcm14-1153336.JPG

Portrait


( ภาพถ่ายบุคคล )

นิยมใช้ 50 - 85 mm. ค่ะ เพราะภาพที่ได้จะไม่เบี้ยวมาก ระยะก็พอเหมาะ กำลังดี  แต่บางครั้งก็อาจจะเห็นช่างภาพใช้เลนส์ที่ยาวกว่านั้นค่ะ มากกว่า 100 mm. ขึ้นไป ( แต่ช่างภาพก็ต้องถอยไปไกล - ไกลโคตรๆ พร้อมขาตั้งกล้องด้วยนะคะ ) ทั้งนี้เพราะช่างภาพอยากได้ภาพที่ดูเป็นธรรมชาติ ชนิดที่นางแบบ-นายแบบไม่รู้สึกเหมือนมีกล้องมาจ่อพุงตัวเองค่ะ

รูปภาพ:http://www.sony.net/Products/di/common/images/products/lenses/lineup/detail/sel55f18z/photo_2.jpg

งานแอบถ่าย

ไม่ได้หมายถึงงานแอบถ่ายสไตล์ปาปารัซซี่อย่างที่ จัสติน บีเบอร์ เคยโดน อะไรแบบนี้นะคะ แต่อาจจะหมายรวมไปถึงการถ่ายนก ถ่ายสัตว์ ถ่ายนักกีฬาหล่อๆ ที่กำลังลงสนาม ในระยะไกลด้วยค่ะ พวกนี้จะเป็นเลนส์เฉพาะหน่อยค่ะ ตั้งแต่ 140 mm ขึ้นไป บางครั้งก็ 300 mm แล้วแต่สถานการณ์ค่ะ เลนส์พวกนี้จะเป็นตัวเลนส์อันบักเขื่อง มีขนาดใหญ่ ยาว น้ำหนักมาก อยากถ่ายแนวนี้ต้องเตรียมใจกับขนาดของมันนิดนึงนะคะ

รูปภาพ:http://photo.net/equipment/tamron/200_500_Di/size2.jpgรูปภาพ:http://www.robertotoole.com/wp-content/uploads/2012/08/Katmai-NR-2012-DS4_3722.jpg

ถ่าย Macro

( วัตถุชิ้นเล็ก ๆเล็กจัด ๆ)

เป็นอีกเลนส์เฉพาะทางค่ะ มีไว้สำหรับถ่ายวัตถุชิ้นเล็กๆ เช่น แมลง ต้นไม้เล็กๆ เป็นต้น ซึ่งเป็นข้อจำกัดของเลนส์ชนิดอื่นค่ะ แต่อันที่จริงแล้วแม้ว่า เราจะไม่ได้ซื้อเลนส์ชนิดนี้มาใช้ เราก็สามารถหาอุปกรณ์เสริมมาทำให้เลนส์ที่เรามีอยู่ถ่ายแบบ Macro ได้ แม้ว่า คุณภาพจะไม่เที่ยบเท่า แต่มันก็โอเคพอไปวัดไปวาได้เหมือนกันค่ะ

รูปภาพ:http://images.nationalgeographic.com/wpf/media-live/photos/000/262/cache/ladybug-macro_26203_600x450.jpgรูปภาพ:http://webneel.com/daily/sites/default/files/images/daily/04-2013/9-best-macro-photography.jpg

เลนส์ครอบจักรวาล

มันคือ เลนส์ที่มีช่วงของระยะโฟกัสกว้างๆ ค่ะ ถ่ายมันได้ทุกสิ่งอย่าง ทุกแบบ และก็มีหลายขนาดให้เลือกสรร ตั้งแต่ 18 - 140 mm, 18 - 200 mm, 16 - 270 mm, 18 - 300 mm เป็นต้น บางครั้งเลนส์พวกนี้จะติดมากับกล้องในฐานะเลนส์คิทค่ะ ข้อเสียของเลนส์ชนิดนี้คือ เมื่อปรับระยะโฟกัสให้ยาวขึ้น ค่ารูรับแสงจะตกลงค่ะ ทำให้ภาพมืดลง ถ่ายได้ยากขึ้น แต่ด้วยความสะดวกสบายครบครั้นของมัน ก็ทำให้มันเป็นเลนส์ยอดนิยมสำหรับการท่องเที่ยวค่ะ เรียกได้ว่า พกเลนส์เดียวเที่ยวได้ทั้งจักรวาลเลยค่ะ

รูปภาพ:http://www.bobatkins.com/photography/reviews/tamron_18-270_vc/tamron_18-270_vc_18mm-270mm2.jpg

นอกจากนี้ยังมีเลนส์อื่นๆ อีกค่ะ แล้วแต่จะสรรหากันมา แต่อธิบายเลนส์หลักๆ แค่นี้ก็น่าจะเพียงพอให้ตัดสินใจกันก่อนนะคะ

แล้วจะเลือกเลนส์ไหนดีล่ะ ?

ถ้าตอบแบบไม่ให้เจ็บตัวคงต้องบอกว่า ให้ดูตามการใช้งานค่ะ แต่... ดิฉันชอบโดนด่า เลยขอเสนอว่า หากเป็นเลนส์ตัวแรก แนะนำให้เป็นเลนส์ครอบจักรวาลเป็นเลนส์หลักดีกว่าค่ะ เพราะสะดวก และสามารถใช้ถ่ายได้อย่างรวดเร็ว ไม่ต้องเปลี่ยนไปเปลี่ยนมา แต่ถ้าหากมีเงินเหลือ หรืออยากจะถ่ายอะไรเป็นกรณีพิเศษ ก็อาจจะเลือกเป็นเลนส์ฟิกซ์ หรือเลนส์เฉพาะทาง เพิ่มมาสักตัวน่าจะดีค่ะ


สาเหตุที่ไม่เชียร์เลนส์ฟิกซ์ ( Len Fix )  หรือเลนส์ที่มีระยะโฟกัสเพียงระยะเดียวไปเลย  เพราะมันจะทำให้อึดอัดเวลาถ่ายค่ะ แทนที่จะยืนเฉยๆ แล้วเลือกถ่ายได้ดังใจ กลับต้องวิ่งเข้าวิ่งออก อาจจะทำให้พลาดการถ่ายภาพสำคัญไปอย่างที่ไม่น่าจะพลาดค่ะ

4. ประกันร้าน หรือประกันศูนย์ ซื้อแยกเลนส์ หรือแบบที่แถมเลนส์ Kit ดีมั้ยนะ ?

รูปภาพ:http://www.techxcite.com/uploads/20120514102107.jpg

ประกันร้านคือ ไม่มีประกันค่ะ แต่ทางร้านจะรับผิดชอบสินค้าให้เรา ซ่อมให้เราตามระยะเวลาที่เขากำหนด เช่น 1 ปี   2 ปี   3 ปี เป็นต้น ข้อดีคือ ประกันชนิดนี้จะทำให้กล้องมีราคาถูกจนน่าสนใจค่ะ

ส่วนประกันศูนย์กล้องจะแพงกว่า แต่ก็จะเป็นประกันที่เชื่อถือได้ และยังมีการลดค่าซ่อมให้ตลอดชีวิตของกล้องตัวนั้นอีกด้วยค่ะ

จริงๆ แล้วกล้องไม่ใช่อุปกรณ์ที่จะเสียง่ายๆ ค่ะ ยกเว้นว่ามันจะผลิตมาไม่ได้คุณภาพตั้งแต่โรงงานแล้ว และโอกาสที่จะซื้อเจอตัวที่เสียพอดี มีน้อยมาก ต้องเป็นคนที่ซวยจริงๆประมาณว่าซื้อหวยไม่ถูกรางวัลเลย โดยเลขที่ซื้อพลาดรางวัลที่ 1 ไปแค่ตัวเดียว เรียกได้ว่า เป็นที่สุดของความซวยค่ะซึ่งจะมั่นใจได้อย่างไรคะว่ามันจะไม่เกิดขึ้นกับเรา ?  เพราะมันเกิดขึ้นกับดิฉันแล้วค่ะ สำหรับกล้องที่ซื้อประกันร้านมาตัวล่าสุด

สิ่งที่ดิฉันเจอกับประกันร้านคือ การซ่อมที่ยาวนานเป็นเดือนๆ ค่ะเพราะกล้องที่ไม่ใช่ของศูนย์ย่อมถือว่าเป็นลูกเมียน้อย หาได้ถืออภิสิทธิ์ใดๆ เทียบเทียมกล้องศูนย์ไม่ ดิฉันจึงได้เพียงแต่เป็นแม่นางนั่งคอย กระวนกระวายอยู่เรื่อยไป และไม่รู้ว่าเมื่อไรจะได้กล้องคืน...

ดังนั้น หากเห็นแค่ส่วนลดของกล้องประกันร้านแล้ว ดิฉันแนะนำให้ทำการเทสมันเสียทุกอย่างเท่าที่จะคิดได้เลยค่ะตั้งแต่หา Dead Pixel โดยการถ่ายภาพสีล้วน ขาว ดำ แดง เขียว น้ำเงิน, ถ่ายด้วย Speed Shutter สูงสุดว่าเกิด Error หรือไม่, ถ่ายแบบภาพต่อเนื่อง รัวไปเลยค่ะ, สังเกตสีภาพถ่ายด้วยว่าสม่ำเสมอ ไม่มีเหลืองลาง เหลืองบน เป็นต้นค่ะ จำไว้ว่าทดสอบทุกอย่างเท่าที่ทำได้นะคะและภายใน 7 วันใช้กล้องให้เต็มที่ไปเลยค่ะ ถ้ามันเสียก็จะได้ทันเปลี่ยนตัวใหม่

รูปภาพ:http://www.gigabook.com/blog/wp-content/uploads/2015/07/Camera-Repair-Service-Software.jpg

อีกอย่างหนึ่งหากอยากประหยัด สามารถเลือกเป็นกล้องมือสองได้ค่ะ แต่นะนำให้เป็นกล้องมือสองที่ประกันศูนย์ หรือหมดประกันศูนย์จะดีที่สุดค่ะ เพราะเวลาซ่อมจะไม่เข้าเนื้อมากเนื่องจากมีส่วนลดค่าซ่อมที่โอเคทีเดียว หากการซ่อมนั้นต้องการอะไหล่แท้ๆ

รูปภาพ:https://s-media-cache-ak0.pinimg.com/736x/b4/c1/f2/b4c1f299b97ab73881ff188e2b6474cf.jpg

อีกเรื่องหนึ่งคือจะซื้อเฉพาะตัวกล้องหรือซื้อเป็นแบบเลนส์พร้อมกล้องดี ?

อันดับแรกเลยค่ะKit Lens ส่วนใหญ่จะเป็นเลนส์ครอบจักรวาล เหมาะกับการท่องเที่ยวและถ่ายทุกอย่างคือตั้งแต่ mm. ต่ำๆ ไปจนถึงสูง เช่น 18 - 140 mm. ซึ่งเราต้องพิจารณากันด้วยนะคะว่า มันเพียงพอหรือยัง หากเรามีความต้องการที่จะแอบถ่ายหนุ่มๆ ที่อยู่ไกลออกไป 200 เมตร ให้ชัดเจน การซื้อเลนส์ 18-300 mm ซึ่งไม่อยู่ในเลนส์ประเภท Kit โดยการซื้อเฉพาะตัวกล้อง แล้วซื้อเลนส์แยกอาจจะเหมาะสมกว่า

แต่หากว่าระยะเลนส์ Kit ที่แถมมากับกล้องเพียงพอกับความต้องการของเราแล้ว ก็อาจจะต้องดูคุณภาพของเลนส์ด้วยว่า เราพอใจหรือยัง เพราะเลนส์ Kit ส่วนใหญ่ คุณภาพกระจกเลนส์จะไม่สูงเท่าเลนส์ที่ขายแยกยกเว้นบางยี่ห้อที่แทบจะเป็นตัวเดียวกันขาดแค่กล่องอย่าง Nikon เท่านั้นค่ะ ดังนั้นก่อนจะซื้อกล้องที่แถมเลนส์ ลองศึกษาคุณสมบัติของเลนส์นั้นๆ ดูก่อนค่ะ


รูปภาพ:http://phlearn.com/wp-content/uploads/2013/06/Bronica-Girl.jpg

นี่คือเพียงเล็กน้อยที่ได้รวบรวมมาเล่าสูกันฟังนะคะ หวังว่าจะมีประโยชน์สำหรับมือใหม่ที่อยากจะเล่นกล้องไม่มากก็น้อย ขอให้สนุกกับกล้องตัวใหม่  หากมีอะไรสงสัยถามกันเข้ามาได้เลยค่ะ ทางทีมงานจะตามตอบให้ค่ะ และหากมีเรื่องไหนอยากให้เขียนขยายก็แจ้งเข้ามานะคะ จัดให้แน่นอนค่ะ

ด้วยรักและอยากสิง

แอนนา เบลล์


บทความที่เกี่ยวข้อง