ตอนที่ 6 : จอมมารบุกป่าอาถรรพ์

ถ้าถาม...จอมมารชักเริ่มเกลียดคนตระกูลนี้ซะแล้วสิ...

“ท่านรักเขารึเปล่า” อีกฝ่ายถามย้ำ

จอมมารอ้าปากจะตอบ แต่อีกฝ่ายชิงตัดหน้าก่อน

“ห้าร้อยปีก่อนท่านฆ่าเขาทั้งเป็น...” อดีตราชินีปีศาจก็เริ่มทำน้ำตาซึม “ท่านฆ่าเขาทั้งเป็นไปแล้ว...เช่นนั้น...การที่ท่านกลับมาที่นี่อีกเพื่ออะไร...เพื่อลงดาบฆ่าเขาอีกครั้งหรือ...”

“ท่านอดีตราชินี...” จอมมารพยายามแทรก

"ท่านรู้หรือเปล่าว่าห้าร้อยปีก่อนเกิดอะไรขึ้น" ราชินีเริ่มสะอื้น "ท่านรู้หรือไม่ว่าเขาหัวใจแหลกสลายแค่ไหน จิตใจของเขาดำมืดเย็นชาขึ้นแค่ไหน...แถมยังสงครามอีก...ท่านทำให้เขาถึงกับบ้าคลั่งตอนนั้น"

จอมมารพูดไม่ออกไปชั่วขณะ

“ถ้าท่านกลับมาเพื่อการนั้นข้าได้เพียงวิงวอนท่าน”  อีกฝ่ายยังพร่ำต่อไป “โปรดละมืออันสูงส่งของท่านจากเขาด้วยเถิดท่านจอมมาร...ข้าอดีตราชินียินดีชดใช้แทนให้ทุกอย่าง กระทั่งให้ข้าเป็นข้ารองบาทท่านก็ยินดี โปรดปล่อยจากเขาด้วยเถิด...”

อา...

บทโศกองก์ที่สองนี้ท่าจะยาวนัก...

แม้ไม่อาจทราบได้ว่าท่านอดีตราชินีปีศาจผู้สูงส่งคนนี้ไปผูกเรื่องกันอีท่าไหนถึงได้มาพร่ำพรรณนาน้ำตานองหน้ากับเธอ แต่ตอนนี้อารมณ์ของจอมมารกำลังอยู่ในภาวะล้ำลึกถึงขั้นที่บรรยายความรู้สึกของตัวเองออกมาไม่ถูก

ให้ตายสิ!

ข้าจะเอาอดีตราชินีปีศาจที่สวยน้อยกว่าข้ามาทำไมกัน! ข้ายังไม่อยากฟังบทโศกตลอดสามเวลาหลังอาหารและก่อนนอนหรอกนะ! ถ้าจะเอาอดีตราชินีปีศาจที่กระทั่งต้มน้ำยังไม่เป็นมาเป็นคนรับใช้ ให้จอมมารไปต้มน้ำเองซะยังดีกว่า! รองบาทเหรอ? ข้าไม่เห็นว่าอดีตราชินีปีศาจคนนี้จะใส่สบายกว่ารองเท้าตรงไหนเลย!

“ท่านอดีตราชินี...” จอมมารเรียก แต่อดีตราชินีผู้นั้นยังคงสั่นศีรษะไม่รับฟังอะไรทั้งสิ้น

“โปรดเมตตาเถิด...ที่ท่านฆ่าเขาเมื่อห้าร้อยปีก่อนยังไม่สาแก่ใจท่านหรือ...”

ใช่...ใช่..ยังไม่สาแก่ใจจริงๆ...เพราะข้าไม่ได้ฆ่าใครทั้งนั้นล่ะ!

เกรเทลอยากกรีดร้อง

ฆ่าอะไร! ใครกันแน่ที่ฆ่า! ชะ! เดี๋ยวแม่สาปให้เป็นกิ้งกือหมดเลยนี่!

“ท่านอดีตราชินี” จอมมารเรียกเสียงเข้มขึ้น จากนั้นก็พูดต่อโดยไม่เปิดโอกาสให้แทรก “ข้าไม่ทราบว่าท่านเข้าใจอะไรผิดไป แต่ห้าร้อยปีก่อนก็ให้เป็นเรื่องเมื่อห้าร้อยปีก่อน ตอนนี้ข้าไม่คิดติดใจ การที่ข้ามาที่แดนปีศาจก็เพราะราชาปีศาจเห็นแก่น้ำใจเก่า ไปเชิญข้ามา ข้าจึงหวังแค่มาสนุกกับงานเลี้ยงเท่านั้น”

“ท่านเพียงมาสนุก แต่ในสายตาข้า ท่านมาเพื่อทรมานเขาทั้งเป็น!” อีกฝ่ายเริ่มขึ้นเสียง สองตาแดงฉาน “ท่านมาอยู่ที่นี่เพียงชั่วงานเทศกาล ครบเดือนแล้วก็จากไป ฆ่าขาทั้งเป็นอีกครั้งหนึ่ง...เช่นนั้น...ได้โปรด...ได้โปรด...”

แล้วร่างน้ำเงินๆ ของอดีตราชินีก็มีอันต้องทรุดเข่าร้องไห้บนพื้นอีกครั้ง

ดูเหมือนการมาแดนปีศาจเพื่อเที่ยวครั้งนี้จะเหลวซะแล้วสิ...

จอมมารถอนหายใจ

การจากกันเมื่อห้าร้อยปีก่อนนั้นเจ็บทั้งเขาและเธอ แต่เวลาก็ช่วยเยียวยามัน...ตอนนี้เกรเทลสามารถนึกถึงมันได้โดยไม่เจ็บเจียนตาย...แม้แผลใหญ่ยังคงทิ้งรอยไว้ให้ระลึกถึง แต่มันไม่ใช่แผลสดแล้ว ไม่เจ็บแล้ว...

เธอไม่เจ็บแล้ว...

...แล้วเขาล่ะ...

เธอรับปากมาที่นี่อย่างง่ายดายเพราะเบื่อสุดชีวิต และคงเพราะไม่คิดอะไรแล้ว...แต่อีกฝ่ายล่ะ...

เกรเทลก็ชักเริ่มเซ็งขึ้นมาแล้ว ที่นี่มีแต่คนชอบยุ่ง ขุดแต่เรื่องเก่าๆ ขึ้นมาทั้งนั้น จอมมารเป็นพวกขี้เบื่อขี้รำคาญ เห็นแก่หน้าราชินีปีศาจที่อุตส่าห์มาคุกเข่าตรงหน้าเธอแล้ว จอมมารก็มองอดีตราชินีนิ่ง แล้วเดินออกจากห้องโดยไม่กล่าวอะไร

เห็นทีคงต้องเร่งกำหนดการณ์กลับซะแล้วล่ะ...

ยังไม่มีของฝากกลับไปเลย จะบอกมัวร์ว่าไงดีนะ...หรือจะจับกิ้งกือแถวๆ นี้ไปดี...

“คารวะท่านจอมมาร”

ไม่นึกเลยว่า พอออกจากประตู ยังไม่ทันจะก้าวขาได้ครบก้าวดี ร่างสีทึมร่างหนึ่งก็แล่นปราดมาตรงหน้า สานมือย่อเข่างดงามไร้ที่ติหนึ่งครั้ง ก่อนจะยืดตัวตรงสูงสง่างามมีบุคลิก

เป็นจอมมารนี่ดังจริงๆ มีแต่คนอยากคารวะ

“ข้า มอร์แกน เลอ เฟย์ แม่มดแห่งป่ามายา” อีกฝ่ายประกาศตัว แววตาราบเรียบ แต่น้ำเสียงราบเรียบยิ่งกว่า

จอมมารที่รู้สึกคุ้นๆ หน้า แต่นึกชื่อไม่ออกก็นึกออกทันที

“ราชินีนางไม้” เกรเทลยิ้ม เรียกชื่อเล่นอีกฝ่ายล้อๆ ทันที “เรเชลสบายดีรึเปล่า”

พูดถึงเรเชลแล้วจอมมารก็นึกได้ว่า หลายร้อยปีมานี้ ยังไม่ได้หาโอกาสไปเจอเพื่อนเก่าเลย...ไม่ใช่เธอไม่ว่างหรอก แต่เรเชลน่ะไม่ว่างต่างหาก เป็นแม่มดประหลาดที่ชอบอยู่ไม่ติดที่จริงๆ

เรเชล เป็นแม่มดสายเลือดแท้ที่เหลืออยู่ไม่มากนัก เป็นคนสง่างาม เคยมาขอเข้าพบเธอครั้งหนึ่งเพื่อขอเลือดจอมมารไปทำกระษัยยา เลยโดนเกรเทลที่กำลังเซ็งได้ที่ชวนดื่มน้ำชา คุยโน่นนี่จนสุดท้ายก็สนิทกัน

มอร์แกนคือเด็กที่เรเชลเก็บมาเลี้ยง เท่าที่จอมมารรู้ เธอเป็นผลึกที่เกิดจากการสั่งสมของพลังในป่ามายา แต่เดิมไม่ใช่คน ไม่ใช่แม่มด ไม่มีรูปร่าง ตอนเรเชลเก็บมาเลี้ยงต้องยัดใส่ตุ๊กตาให้ขยับได้ แต่ใช้นานๆ ไปตุ๊กตาก็สึก พอสึกแล้ว วิญญาณก็ไม่เสถียร พร้อมจะหลุดออกมาสลายได้ทุกเวลา ที่มาขอเลือดเธอครั้งนั้น ก็เพื่อใช้ลงมนตร์ผนึกวิญญาณให้เสถียร เพราะยังหาร่างใหม่ไม่ได้

“เรเชลตอนนี้อยู่ที่อาณาจักรต้องห้าม แม้จะไม่ได้เจอกันมาเกือบร้อยปี แต่ข้าคิดว่าคงสบายดีค่ะ” อีกฝ่ายตอบ ไม่ได้ขยายความว่าไปทำไม ทำให้จอมมารที่ไม่ได้ข่าวเพื่อนเก่ามานานเริ่มสงสัย

อาณาจักรต้องห้าม? เรเชลไปทำอะไรที่เมืองของพวกแวมไพร์กัน...ฮืม...หวังว่าคงไม่ได้คิดจะเก็บเด็กแวมไพร์มาเลี้ยงหรอกนะ...

เฮ้อ...ช่างเถอะ ตอนนี้เรื่องอยู่ที่ยัยหนูตรงหน้ามากกว่า

“มาเอาเลือดหรือ” จอมมารถาม เลือกตัวเลือกที่คาดว่าน่าจะเป็นไปได้มากที่สุด แต่อีกฝ่ายส่ายหน้า

“ข้าจะไปหาดอลล์มาสเตอร์ค่ะ”

เกรเทลแปลกใจ กวาดตามองอีกฝ่ายอีกครั้ง “พังแล้ว?”

แทนคำตอบ แม่มดแห่งป่ามายาที่รวบมือไว้อย่างสำรวมมาตลอดก็คลายมือข้างหนึ่ง ทิ้งให้มือซ้ายเหวี่ยงห้อยราวกับไร้เรี่ยวแรงที่ข้างตัวทันที

แขนนั้นห้อยอย่างน่ากลัว แกว่งไปมาราวกับใกล้จะหลุดออกจากไหล่ จนเมื่อมันนิ่งไม่ไหวติงอยู่ข้างตัว จอมมารก็ทำหน้าลำบากใจ

เจ้าของแขนทำหน้าหมองลง “แขนซ้ายใช้ไม่ได้แล้วค่ะ ข้าทราบว่าคงรบกวน แต่ตอนนี้เรเชลไม่อยู่...”

“ไม่เป็นไรๆ” จอมมารโบกมือ “ข้าว่างอยู่แล้ว...อา... จะว่าไป ตุ๊กตารับใช้ที่บ้านหลานข้าก็พังยกปราสาท ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ข้าเองก็มีธุระกับมาสเตอร์เหมือนกัน ไม่นับว่ารบกวนหรอก”

อีกฝ่ายก้มศีรษะขอบคุณเธออย่างรู้มารยาท

“ไปกันเถอะ” จอมมารว่า แต่ก็ชะงักลงเล็กน้อยเมื่อจบประโยค

ราชาปีศาจชวนเธอมาเที่ยว เธอมาแล้วไปไม่บอกแบบนี้มันออกจะ...

อา...ช่างเถอะๆ เป็นจอมมารจะมากมารยาทไปทำไม อันนั้นเค้ามีไว้ให้คนที่ไม่ได้เป็นจอมมารเขาทำกันต่างหาก...

ดอลล์มาสเตอร์คือแม่มดเทาที่อยู่ในป่ามรกต สายเวทย์คลุมเครือ เกี่ยวกับชีวิตและความตาย สามารถเรียกวิญญาณมาสิ่งสู่ของได้ หรือในที่นี่คือ ตุ๊กตา...แม่มดเทาผู้นี้จึงรู้จักกันดีในนามของ ‘ช่างทำตุ๊กตาวิญญาณ’

ถ้าถามเกรเทลว่าดอลล์มาสเตอร์เป็นคนยังไง เธอจะบอกได้อย่างไม่ลังเลเลยว่า

วิกลจริต...

...ขั้นรายแรงด้วย...

ดอลล์มาสเตอร์บกพร่องทางจิต...เข้าขั้นรุนแรง...กรีดร้องได้กับทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่ดอกกุหลาบและผ้าม่าน หวาดกลัวได้ทุกสิ่งไม่เว้นนแม้แต่เงาตัวเองในกระจก

ไม่มีใครรู้สาเหตุของการวิปลาสนี้...

แต่เกรเทลค่อนข้างแน่ใจว่าเรเชลรู้...

ป่ามรกตเป็นป่าอาถรรพ์ ป่าอาถรรพ์คือป่าที่มีพลังอำนาจในตัว ส่วนมากแล้วมักมีจ้าวป่าสิงสู่เพื่อควบคุมอำนาจของป่า ป่าอาถรรพ์จะมีพลังแตกต่างไปตามแต่ท้องที่ อย่างป่ามายาเองก็จะมีหมอกมายาล่อลวงคนให้หลงป่า ส่วนป่ามรกต...

อืม...จ้าวป่ามรกตค่อนข้างมีรสนิยมพิกลพิการ นอกจากตัวป่าดั้งเดิมที่อุดมไปด้วยมิติซ้อนทับมากมายแล้ว จ้าวป่ายังนิยมค่ายมนตร์ กับดัก มักคิดหาทางผลิตค่ายมนตร์ใหม่ๆ ออกมาวางรอบป่าเสมอ เรียกได้ว่า ก้าวเข้าป่าเพียงก้าวเดียวถ้าไม่หลุดไปอยู่อีกมิติแล้วหลงจนตาย ก็อาจโดนกับดักของจ้าวป่ารุมโทรมทรมานจนตาย

มอร์แกนพอรู้เคล็ดเดินป่าแบบคร่าวๆ บ้านดอลล์มาสเตอร์อยู่ที่กลางป่า จะไปบ้านดอลล์มาสเตอร์ต้องเข้าที่ทางเหนือของป่าเท่านั้น ไม่เช่นนั้นจะไม่มีวันเจอบ้านของมาสเตอร์ แน่นอนว่าระหว่างทางต้องมีสารพัดกับดักพร้อมดาหน้าเข้ามา และสารพัดมิติที่พร้อมจะดูดกลืนเข้าไป ถ้าไม่เก่งจริงก็อย่าหวังว่าจะได้ออกมา

ค่ายกับดักของจ้าวป่าค่อนข้างพิสดาร ปกติเรเชลจะเป็นคนปลดค่ายมนตร์พวกนี้ออก แต่คราวนี้เรเชลไม่อยู่ มอร์แกนเองก็ไม่เก่งพอจะปลดกับดักชั้นสูงพวกนี้ได้ จึงได้แต่หวังพึ่งจอมมาร...

หวังพึ่งจอมมาร...

...เธอชักไม่รู้แล้วสิว่าหวังพึ่งจอมมารคนนี้นับว่าถูกต้องแล้วรึเปล่า...

จอมมารเชี่ยวชาญเรื่องเวทมนตร์ เรื่องการวิเคราะห์ค่ายมนตร์พวกนี้แล้วหาทางปลดไม่ใช่เรื่องยาก แต่ต้องใช้เวลาพิจารณากันนาน ไม่ทันใจ ดังนั้นเกรเทลจึงเลือกวิธีที่ลัด ง่าย และสะใจที่สุด

บุกฝ่ามันเข้าไป!

จอมมารดาหน้านำทัพ เดินเข้าไปยังทางเหนือของป่า ก้าวไปอย่างมั่นอกมั่นใจ เจอกับดักก็สะบัดมือทำลายทิ้ง มีต้นไม้โผล่มาขวางก็เผาทำลาย ถ้าเผลอก้าวเข้าไปอยู่ในอีกมิติก็ระเบิดมันทิ้งทั้งมิติ เดินหน้าอย่างเดียวไม่มีเลี้ยวหรือหยุดชะงัก มีเสียงตูมตามเปรี้ยงปร้างดังขึ้นทุกที่ที่ผ่าน เรียกได้ว่า แทบจะก่อวินาศกรรมทุกย่างก้าวที่เดินเลยทีเดียว

มอร์แกนเร่งฝีเท้าเดินตามติดๆ เธอไม่ต้องทำอะไร นอกจากมองสภาพป่าที่บางทีก็โดนเผาวอดวายไม่ก็ระเบิดหายไปทั้งก้อนด้วยสีหน้าบรรยายไม่ถูก จอมมารเองก็ดูจะยิ้มสะใจกว้างขึ้นเรื่อยๆ...คาดว่าวันนี้ คงต้องเป็นฝันร้ายของจ้าวป่ามรกตแน่ๆ

“อ้อ...” จอมมารทำหน้าเหมือนเพิ่งนึกออก หันกลับไปหาคนด้านหลัง สะบัดมือกางเกราะต้านใบมีดลมที่สาดมาอย่างกับห่าฝนโดยไม่สนใจ “เจ้าไปโผล่ที่งานเลี้ยงได้ยังไงหรือ...หรือราชินีนางไม้สนใจกับงานเลี้ยงกับเขาด้วย”

ประโยคท้ายเหมือนจะล้อ เพราะรู้ว่ามอร์แกนเกลียดการเข้าสังคม เกลียดคนวุ่นวาย ต่างกับเรเชล ฝ่ายนั้นถึงไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายเหมือนกัน แต่จะให้ออกสังคมโปรยยิ้มสวมหน้ากากนี้ถนัดนัก และก็ไม่ได้รังเกียจอะไรด้วย

“ข้าไปหาท่านที่ปราสาท คนที่นั่นบอกว่าท่านไปร่วมงานเลี้ยงที่แดนปีศาจอีกเดือนกว่าจะกลับ ข้าไม่มีทางเลือกเลยต้องตามไป” มอร์แกนตอบ สีหน้าเรียบสนิท ยังเป็นคนที่ล้อไม่สนุกอย่างเคย

“เรเชลนี่ก็จริงๆ เลย” จอมมารบ่นไปหาอีกคนหนึ่งที่ไม่ได้อยู่ตรงนี้ “รู้ว่าร่ายกายเจ้าเป็นแบบนี้ก็ยังหนีไปโน่นไปนี่”

“เรเชลเห็นข้าเอาตัวรอดได้เลยปล่อยไว้ค่ะ ยังไงก็ยังมีท่านอยู่” อีกฝ่ายตอบ แม้จะไม่ได้อธิบายอะไร แต่น้ำเสียงก็แก้ต่างให้คนที่ถูกกล่าวหาเต็มที่

“พอเอาตัวรอดได้ก็ปล่อยทิ้ง นิสัยเดียวกับท่านแม่ข้าเลย” จอมมารให้ความเห็น “แต่เรเชลก็เลี้ยงเจ้ามาได้ดีกว่าท่านแม่ข้านัก”

อีกฝ่ายเพียงค้อมศีรษะรับ ไม่ได้พูดอะไร

มอร์แกนโตมาดี...อย่างน้อยก็ในความคิดของเกรเทล เพราะถึงเรเชลเองก็ไม่ถึงกับรักเหมือนลูก แต่ค่อนข้างรับผิดชอบอยู่ ถือว่าตัวเองเก็บมาแล้ว อยู่ในความรับผิดชอบ มีอะไรก็ให้ มีอะไรก็แบ่ง ป่วยต้องรักษา ดูแลให้ดี สอนให้ดี แต่พอสอนทุกอย่างจนหมดแล้ว เห็นว่าพร้อมแล้ว ดูแลตัวเองได้แล้วก็จะปล่อยไป ให้โตด้วยตัวเอง

ตรงนี้ล่ะที่ต่างกับแม่ของเกรเทลนัก...ท่านแม่ไม่เคยสอน ไม่เคยสน พวกพี่ๆ น้องๆ ของเกรเทลล้วนถูกปล่อยปละละเลยทันทีที่เดินได้ แม้เกรเทลจะเป็นลูกคนโปรด ถูกประคบประหงมอย่างดี แต่ถ้าถามว่าท่านแม่เป็นแม่ที่ดีไหม เกรเทลคงตอบได้ว่าไม่

บทสนทนาทั้งหลายจบลงแค่นี้ มอร์แกนไม่ใช่คนชอบพูด ส่วนเกรเทลนั้นกำลังเพลิดเพลินกับการระเบิดกับดัก ยิ่งลึก ไม่ทราบว่าเพราะจอมมารลงมือหนักไปรึเปล่า จ้าวป่าถึงได้โกรธ กับดักถึงได้เริ่มรุนแรงขึ้น จากแค่พายุมีดใบไม้ก็เริ่มมีค่ายมนตร์ผสมชั้นสูง มนุษย์ดินที่ฆ่าเท่าไรก็ไม่ตาย ต้นไม้กินคนหน้าตาพิกล แต่ฝ่ายนั้นแรงมายังไง จอมมารก็แรงกว่าสิบเท่า  เกรเทลจัดการพวกมันด้วยการแช่แข็งให้หมดทุกตัว พอเริ่มแช่นานเข้าจนนิ้วเริ่มชาก็เปลี่ยนมาทำการปลุกศพซอมบี้ขึ้นจากนรก ใช้พลังแหวกพื้นลึกไปถึงขุมนรกแล้วขุดเอาเหล่าโครงกระดูกขึ้นมาต่อกร รวมทั้งอัญเชิญปีศาจจากปรภพทั้งหลายมาร่วมด้วยช่วยกันเผาป่า

ยี่สิบนาทีผ่านไป...ขบวนทัพของจอมมารที่แต่เดิมประกอบด้วยสองคนเริ่มยิ่งใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ นอกจากฝูงซอมบี้ที่เดินตามเป็นพรวนล้อมหน้าหลังคอยจัดการตัวขวางทางแล้ว ยังมีสัตว์ปีศาจตัวบักเอ้งคอยกรรโชกโฮกฮากขู่ขวัญทุกห้านาที ตัวอะไรบางอย่างบินได้คอยส่งเสียงกี๊ซพ่นไฟอยู่บนศีรษะ ปีศาจชั้นกลางที่ขี่ม้าปีศาจไร้หัวคอยสั่งการรบ สภาพการณ์เริ่มเหมือนกำลังจะไปรบขึ้นทุกทีๆ

แต่ก่อนที่ขบวนทัพจากนรกจะได้มีโอกาสประกาศศักดาบุกไปถึงที่ประทับของเทพแห่งแสงสว่างและก่อสงครามระหว่างแสงสว่างและความมืดจนต้องจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ หมอกสีเขียวประหลาดสายหนึ่งก็โฉบลงมาจากที่ใดไม่ทราบ ฝ่าทะลุพวกซอมบี้อย่างรวดเร็ว มาหยุดอยู่ตรงหน้าจอมมาร

จอมมารเลิกคิ้ว มองหมอกสีเขียวสายนั้นที่ค่อยๆ รวมตัวกันเป็นรูปเป็นร่าง แต่ยังไม่ทันรวมกันได้หนาแน่นดี ส่วนศีรษะที่พอจับตัวกันได้เป็นหน้า มีหูตาและปากเรียบร้อยพอใช้งานได้ก็เปิดปากว้ากทันที

“เก็บขบวนทัพท่านไปเดี๋ยวนี้นะจอมมาร!”

“จ้าวป่ามรกต” จอมมารยังคงใจเย็น ยกมือห้ามซอมบี้และเหล่าปีศาจไม่ให้โจมตี ก่อนแย้มยิ้มทักทาย “สบายดีรึเปล่า”

อีกฝ่ายไม่เย็นด้วย ร่างเล็กๆ ปราดเรียวที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศหายใจฮึดฮัดตัวโยน จ้องเขม็งมาอย่างเชือดเฉือน “หยุดเผาป่าข้าได้แล้ว!”

ยิ่งอีกฝ่ายร้อนเท่าไร จอมมารก็ยิ่งใจเย็นเท่านั้น เกรเทลยังคงสงบนิ่งเยือกเย็นประดุจผู้บรรลุธรรมทางโลก ยืนตัวตรงผ่าเผยงดงาม มุมปากคลี่ยิ้มบาง สงบนิ่งนุ่มนวลราวกับไม่มีเรื่องใดจะสะเทือนความรู้สึกได้

กำลังสะใจ...

แม่มดที่ยืนนิ่งอยู่ด้านหลังงึมงำในใจ...จอมมารกำลังสะใจอยู่แน่ๆ...

แน่นอนว่านอกจากแม่มดจะเดาได้แล้ว จ้าวป่ามรกตเองก็เดาได้เช่นกัน ท่าทีแบบนี้จึงเหมือนเหวี่ยงอารมณ์เธอให้พุ่งสูงเป็นเท่าตัว

“จอมมาร! ท่านเอากองทัพนรกนี่ขึ้นมาจากหลุมไหนส่งมันกลับหลุมนั้นเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นข้าจะส่งเรื่องยื่นไปยังเบื้องบน! ถ้าท่านอยากประกาศสงครามกับภูตจ้าวป่าก็ลองเดินหน้ามาสักก้าวสิ!”

มอร์แกนยืนนิ่งไม่พูดอะไร ในขณะที่จอมมารนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนผงกหัวหงึก

“อากาศดีนะ” จอมมารว่า “แต่ร้อนไปหน่อยว่าไหม”

จ้าวป่ามรกตอยากกรีดร้องขึ้นมาทันที

“แต่...ไม่ได้เจอกันตั้งนาน ท่านดูไม่โตขึ้นเลยนี่” จอมมารยังคงกวนประสาทตาใสต่อไป “บางทีท่านน่าจะดื่มนมเยอะๆ ผลไม้ไม่ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันหรอกนะ”

คำพูดของจอมมารแทงใจดำอีกฝ่ายฉึกๆ คราวนี้คนที่ลอยตัวอยู่กลางอากาศนึกอยากเอามือเข้าไปบีบอขาวๆ ของอีกฝ่ายให้แหลกคามือนัก แต่จนใจที่ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่กระฟัดกระเฟียดเอาเล็บตะกายอากาศอย่างแค้นใจ

เกรเทลมองท่าทางของจ้าวป่ามรกตแล้วก็อมยิ้มขำ จ้าวป่ามรกตยังเป็นคนที่แกล้งแล้วสนุกตามเคย เกรเทลอยากได้แบบนี้ไปไว้ที่ปราสาทสักคนจริง...พวกปีศาจในปราสาทส่วนมากโดนจอมมารรุ่นก่อนๆ หาเรื่องแก้เบื่อจนบรรลุวิชา ’อ้อ...งั้นเหรอ...แล้วไง?’ เรียบร้อยแล้ว ไม่ว่าจะแกล้งยังไงก็ไม่มีปฏิกิริยาตอบสนอง ไม่สนุกเลยสักนิด

หลังจากมองดูอีกฝ่ายกระฟัดกระเฟียดสบถด่าโคตรเหง้าเธอไปครบสิบรอบ จอมมารก็เลิกเก๊กมาด ยอมเข้าเรื่องสักที

“ข้ามาหาดอลล์มาสเตอร์” จอมมารพูดเสียงเรียบ “ปลดกับดักและประตูมิติของท่านออกให้หมดแล้วข้าจะส่งเด็กๆ พวกนี้กลับ”

“ได้!” จ้าวป่าว่าอย่างหงุดหงิด รับโดยไม่ต้องคิด ขอแค่เอากองทัพตะบักตะบวยพวกนี้ออกไปจากป่าเธอ ยังไงก็ได้ทั้งนั้น แต่พอออกปากรับ แล้วมองบริเวณรอบด้านที่โดนกวาดล้างซะแทบเหี้ยนอีกครั้ง ก็ยังอดไม่ได้จะโวยวาย “แล้วป่าข้าที่โดนท่านเล่นซะวอดวายนี่จะชดใช้ยังไง”

คำเรียกค่าชดเชยทำให้คนก่อเรื่องเหลียวมองรอบตัว ป่าไหม้เยอะไม่น้อย บางต้นโดนระเบิดเหลือแต่ตอ  บางต้นโดนมนตร์ดำคำสาปจนกลายพันธุ์ มีไอมนตร์ดำตกค้างในป่านิดหน่อย แต่ป่านี้ออกจะกว้าง ใช่ว่าจะไม่มีต้นไม้ดีๆ เหลือสักหน่อย...

แต่ต่อให้มันไม่มีเหลือจริงๆ เกรเทลก็ไม่สนหรอก

“ท่านอยากให้ข้าเผามันให้หมดแทนไหม” จอมมารผู้โหดโฉดชั่วว่าพร้อมรอยยิ้ม “ถ้าท่านกังวลใจนักกับป่าที่แหว่งไปนิดหน่อย ข้ายินดีระเบิดมันทิ้งทั้งป่าให้ฟรีไม่เสียค่าใช้จ่าย”

จ้าวป่าคิ้วกระตุก ในขณะที่จอมมารยิ้มเย็น

อย่ามาคิดเรียกค่าเสียหายจากจอมมารเด็ดขาด!

“ข้าไม่พูดกับท่านแล้ว!” เพราะไม่รู้จะเถียงยังไงต่อ สุดท้ายจ้าวป่าก็สะบัดหน้าสลายตัวเป็นหมอก หลอมรวมกับป่าตามเดิม แต่ก็ยังไม่วาย ทิ้งท้ายไว้

“ข้าให้เวลาสามวัน มีธุระก็จัดการให้เสร็จภายในสามวันแล้วออกไป ไม่งั้นข้าจะลงมือไล่ออกไปเอง!”

“ไม่หรอก” จอมมารหัวเราะในลำคอ แม้อีกฝ่ายจะสลายตัวหลอมรวมกับป่าแล้ว แต่เกรเทลมั่นใจว่าเธอต้องได้ยินแน่ “ถ้าท่านคิดจะไล่ข้าจริง ก็เตรียมพร้อมรับหายนะที่จะเกิดกับป่าท่านต่อไปได้เลย”

จบคำ...มอร์แกนเหมือนจะได้ยินเสียงกรีดร้องดังแว่วมาแต่ไกล...