-9-

ค่ำคืนแห่งความวุ่นวายผ่านพ้นไป เช้าวันจันทร์เริ่มขึ้นอีกครั้ง หากแต่ครั้งนี้คือวันที่เข้าสู่การนับถอยหลัง จากวันนี้คุมิจะเหลือเวลาเตรียมตัวสอบเพียง1อาทิตย์ คุมิค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆ และวันนี้เธอก็ไม่คิดที่จะรีบลุกขึ้นจากเตียงเหมือนเช่นเคย เธอจ้องมองใบหน้าคมได้ส่วนของหญิงสาวที่นอนหลับสนิทอยู่ข้างๆพลางนึกย้อนคำพูดที่คนหลับอยู่พูดไว้เมื่อคืนวาน

“สมมติว่ามีผู้หญิงคนนึงมาชอบเธอ เธอจะคิดยังไง...””

เสียงเรียบๆของอิงดังสะท้อนอยู่ในใจให้เธอค้นหาคำตอบอยู่สักพัก พูดแบบนั้นจะมีความหมายอะไรแฝงอยู่มั้ยนะ อ้ะไม่ได้สิตั้งแต่วันนี้เราต้องเอาจริงนี่นา ถ้าคะแนนสอบคราวนี้ดีขึ้นเรื่องสอบวัดระดับภาษาอังกฤษก็ไม่น่าเป็นห่วง

เธอรู้ตัวดีว่าการสอบครั้งนี้เป็นเพียงแค่การเริ่มต้น หลังจากที่ครึ่งเทอมที่ผ่านมาเธอได้ติวเตอร์(จำเป็น) มือดีอย่างอิงเข้ามาช่วยเก็งข้อสอบให้ตลอดเวลา แต่เธอก็อดที่จะประหม่าไม่ได้ ที่ผ่านมาการสอบเป็นเพียงเรื่องสนุกสำหรับเธอ ก็มันไม่ต้องเรียนตั้ง1อาทิตย์เต็มๆนี่นา แค่ทำข้อสอบไปมั่วๆนั่งรอให้จบการสอบแค่ครึ่งวันก็ได้กลับบ้านหาอะไรที่สนุกๆทำแล้ว อาจจะดูแปลกที่เธอคิดเช่นนี้ บางทีเธออาจจะเป็นคนที่มองโลกในแง่ดีเกินไปก็ได้

สาวน้อยเจ้าของห้องนั่งจ้องใบหน้ายามหลับของเพื่อนสาวต่างเชื้อชาติต่ออีกสักพักก่อนที่คนถูกจ้องจะค่อยๆลืมตาขึ้นเพราะรู้สึกถึงสายตาที่จับจ้องมาที่ตน ดวงตาสีนิลค่อยปรับโฟกัสช้าๆ แต่เพราะแสงอาทิตย์ยามเช้าที่ส่องทะลุเข้ามาในห้องนอนทำให้ดวงตาคมของเธอหรี่เล็กจนแทบจะเป็นขีดเดียว

“งืม อารุนซาหวัด”

”อิงพยายามพูดให้ชัดที่สุดอย่างยากเย็นด้วยน้ำเสียงงงๆเมื่อมองเห็นคุมิที่นั่งจ้องหน้าตัวเองอยู่ใกล้ๆ “”หน้าเรามีอาไรตีดเหรอออ””

“ฮ่าๆๆ โอ้ย เอาเข้าไป เนี่ยหรอที่เด็กห้องอื่นเค้าว่าเท่น่ะ หน้าตอนตื่นนอนดูไม่จืดเลยนะเธอนี่”” คุมิที่นั่งมองหน้าอิงปล่อยฮาออกมาชุดใหญ่เมื่อเห็นใบหน้าและน้ำเสียงยามตื่นนอนของอิง ด้านอิงที่ถูกปลุกขึ้นมามองหน้าคนปลุกอย่างตำหนิ ถ้าเป็นปกติไม่เจ็ดโมงครึ่งเธอไม่ตื่นอย่างเด็ดขาด แต่นี่แค่หกโมงเช้าเธอก็ต้องตื่นซะแล้ว คิดถูกรึเปล่านะที่มานอนกับยัยนี่เมื่อคืน

“ขำไปเลยนะ ขำเข้าไป ใครกันล่ะที่ทำให้ชั้นตื่น”” อิงที่ตอนนี้ตื่นเต็มตาเริ่มถามเสียงเซ็งๆ

“เปล่านี่ ใครทำให้เธอตื่นกัน ชั้นก็แค่มองหน้าเธอเฉยๆแล้วเธอก็ตื่นต่างหาก””

“เหรอ” ...แต่ไอ้สายตาที่มองเรามานี่มันเล่นซะเย็นวาบเลยนะ จะไม่ให้ตื่นได้ยังไงกัน” คนขี้เซาได้แต่นึกอยู่ในใจ ไม่รู้ว่าถ้าพูดออกไปนี่จะโดนประทุษร้ายอะไรรึเปล่า

“เอ้าๆ ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาไป เดี๋ยวแต่งตัวเสร็จแล้วไปกันเลยนะ ข้าวเช้าไปซื้อเอาที่ระหว่างทางก็ได้ ไปเช้าๆซะบ้างก็ดีนะเธอ”” คุมิรีบไล่อิงไปทันทีที่บทสนทนาเมื่อครู่จบลง ที่จริงเพราะไม่รู้จะคุยอะไรต่างหาก ตั้งแต่เธอนึกถึงคำถามที่อิงถามเธอเมื่อคืนนั้นก็ทำเอาเธอชักคิดไปไกล ไม่แน่ว่าอิงอาจจะชอบเธออยู่นี่นา ช่างมันในเมื่อเธอตัดสินใจแล้วนี่ว่าคนที่รักจะเป็นหญิงหรือชายอาจจะไม่เกี่ยวแล้วก็ได้...อาจจะนะ

“แล้ว7โมงเจอกันหน้าห้องโอเคนะ”” เจ้าของห้องกล่าวนัดก่อนที่จะลุกขึ้นไปล้างหน้าล้างตาอย่างสบายอารมณ์

“...เจ็ดโมงครึ่งเหมือนเดิมไม่ได้เหรอ เจ็ดโมงมันเช้าไปอ่ะ อยากนอนต่ออีกหน่อย”” อิงเริ่มปฏิบัติการต่อรอง ดวงตาคมเริ่มมีประกายความหวัง

“ไม่ได้!”” เสียงเขียวดังออกมาจากห้องน้ำยังผลให้คนถามหุบยิ้มแล้วเดินคอตกไปแต่งตัวที่ห้องของตัวเองแต่โดยดี

ทั้งสองเดินไปโรงเรียนช้าๆด้วยความสบายใจ ท้องถนนยังไม่มีคนมากนักแม้อากาศจะยังคงเย็นอยู่แต่ก็ค่อยๆมีความอบอุ่นมากขึ้น แม้ดอกซากุระจะโรยไปนานแล้วก็ตาม อากาศยามเช้าอันสดชื่นของฤดูใบไม้ผลิทำให้ทั้งสอง(หรือแค่คนเดียว) รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นมา

เมื่อมาถึงห้องเรียน อิงที่ยังคงมึนๆอยู่เดินตรงไปที่โต๊ะของเธอพร้อมกับทรุดตัวลงและฟุบหน้าไปกับโต๊ะ โชคดีที่โรงเรียนเปิดเครื่องปรับอากาศเอาไว้ให้แล้วไม่งั้นเธอคงนอนไม่เป็นสุขแน่

“ยัยบ้า! มาถึงโรงเรียนแล้วยังจะมานอนอีก มานี่มากินข้าวเช้าซะ” ”คุมิที่หันไปเห็นอิงตั้งท่าจะนอนรีบดึงหูคนขี้เซามานั่งตรงข้ามเธอแล้วจัดแจงหยิบขนมปังและนมที่แวะซื้อเมื่อครู่ออกมาจากถุง

“โอ้ยๆๆๆ เจ็บนะ เบาๆหน่อยสิเดี๋ยวหูเราก็ขาดหรอก”

“เหรอ”” คุมิตอบสั้นๆแล้วจัดการยัดขนมปังไส้เนยถั่วเข้าปากอิงที่ทำท่าจะพูดต่อทันที

จังหวะที่คุมิป้อน(ยัด) ขนมปังเข้าปากอิงนั้น นัทสึกิก็เข้ามาในห้องพร้อมกับอายากะจังที่คอยพยุงอยู่ อีกทั้งยังถือกระเป๋าให้ด้วยเพราะตอนนี้นัทสึกิจำเป็นต้องใช้ไม้ค้ำสองอันช่วยเดิน นัทสึกิที่หันมาเห็นภาพนั้นพอดีชักสีหน้าไม่พอใจแล้วเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเองโดยที่ไม่หันมามองคุมิเลยแม้แต่น้อย

“นัทจัง ต้องใช้ไม้ค้ำเลยเหรอ”” คุมิพยายามหาเรื่องคุยกับเพื่อนรัก เธอดูตกใจไม่น้อยที่เห็นว่าต้องใช้ไม้ค้ำช่วยเดิน

“อืม”” นัทสึกิที่จริงๆแล้วแอบดีใจอยู่ลึกๆตอบสั้นๆ เธอยังไม่อยากให้คุมิจับพิรุธอะไรจากเธอได้ก่อนที่เธอจะสารภาพรัก

“งั้นหนูไปก่อนนะคะ แล้วตอนกลางวันจะมาอีกค่ะ”” อายากะที่มองหน้าคนทั้งสองสลับไปมาอยู่ตั้งแต่ต้นขอตัวกลับห้องเรียนของตัวเอง เพราะงานของผู้จัดการทีมที่มีมากทำให้เธอนั้นแทบไม่มีเวลาเตรียมตัวสอบเลยสักนิด 1อาทิตย์ที่ไม่มีการซ้อมนี้เท่านั้นที่เธอจะสามารถอ่านหนังสือได้อย่างเต็มที่

“แล้วนี่ต้องใช้ไม้นี่ไปอีกนานแค่ไหนน่ะ”” อิงที่ชักจะสนใจเดินเข้ามาร่วมวงสนทนาด้วย

“ไม่รู้สิ”” นัทสึกิทำหน้าเซ็งก่อนจะตอบไปสั้นๆ ไม่ได้อยากคุยด้วยสักหน่อย

“อืมๆ”” เมื่อไม่รู้จะพูดเรื่องอะไรอิงก็หันกลับไปที่นั่งตัวเองตามเดิม

หลังจากตอนเช้า นัทสึกิไม่ได้ปริปากพูดอะไรอีกเลย คุมิและอิงก็ยังไม่แน่ใจว่าจะชวนคุยดีรึเปล่าด้วย เพราะจะว่าไปนัทสึกิยังดูเหมือนจะโกรธๆพวกเธออยู่ไม่น้อย สำหรับคุมิแล้วการที่นัทสึกิโกรธเป็นอะไรที่เรียกว่าหลบได้ก็ต้องหลบ แต่หลบไม่ทันนี่กัดลิ้นตายก่อนซะดีกว่า คนใจเย็น เรื่อยๆเปื่อยๆอย่างนัทสึกิน่ะก็เป็นเหมือนพวกน้ำนิ่งไหลลึกนั่นล่ะ

แม้ในช่วงพักระหว่างคาบเรียนจะมีเพื่อนร่วมชั้นเข้าไปห้อมล้อมถามอาการอยู่เรื่อยๆ ความที่ต้องแสดงละครให้แนบเนียนทำให้นัทสึกิต้องทำทีเป็นวางท่าให้อีกฝ่ายคิดว่ายังโกรธอยู่ ก่อนที่จะปฏิบัติภารกิจรักของเธอ อย่างน้อยเธอก็อยากจะดูท่าทีว่าเพื่อนสาว(ที่)รักนั้นจะมีท่าทีเปลี่ยนไปหรือไม่ แต่เท่าที่เห็นท่าทางคุมิจะไม่ได้คิดอะไรมากเกินไปกว่าเพื่อนเลยแถมอิงดันทำตัวเป็นคลิปหนีบติดตัวคุมิไปทั่วทุกที่ ในสายตาของนัทสึกิแล้วความสัมพันธ์ของสองคนนี้มันดูยังไงๆอยู่ ทั้งที่คุมิคิดจะลอบทำร้ายอิงเพื่อเอาคืนแท้ๆ(ตามที่เจ้าตัวรายงานไว้ให้ฟังเมื่อต้นเทอม) แต่ทำไมเดี๋ยวนี้กลับไม่มีท่าว่าเกลียดอิงเลยสักนิดนึง แล้วยังไปกลับด้วยกันทุกวันอีก ยัยนั่นมีเวลามากขนาดที่ไปรับไปส่งเพื่อนรักเธอได้เลยรึไง สาวนักบาสสรุปเอาเองสั้นๆว่าอิงต้องตามจีบคุมิอยู่เป็นแน่ คิดอย่างนั้นแล้วเธอก็หันไปลอบมองอิงที่ฟุบหลับอยู่ด้วยสายตาอาฆาต

“งืม... ทำไมมันรู้สึกร้อนๆหนาวๆล่ะเนี่ย อย่างกับมีคนจะมาลอบฆ่าทิ้งเลย” ”อิงสะดุ้งตื่นขึ้นมางงๆสบถกับตัวเองเบาๆพลางหันไปมองรอบๆ แต่ก็ไม่พบอะไร (เพราะเมาขี้ตาอย่างแรง)

เมื่อเข้าสู่ช่วงพักกลางวันรุ่นน้องผู้แสนดีอย่างอายากะก็ทำหน้าที่ได้อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง เธอดข้ามาที่ห้องเรียนของพวกอิงอย่างรู้เวลาเพียงแต่หนนี้เธอนำข้าวกล่องมาเผื่อนัทสึกิด้วย

“มาแล้วค่ะ ขอโทษที่ทำให้รอ หนูเห็นพี่ขาเจ็บคิดว่าคงไม่มีเวลาไปหาข้าวกลางวันแน่เลยทำมาเผื่อน่ะค่ะ กินให้หมดนะคะ”” สาวน้อยพูดพลางยื่นกล่องข้าวไปให้รุ่นพี่

“โห ไม่เห็นต้องลำบากขนาดนั้นเลยนี่ พี่เองลงไปซื้อขนมปังมากินเหมือนปกติก็ได้โรงอาหารก็ใกล้แค่นี้” ”ปากพูดไปนั่นแต่ดูเหมือนมือเธอจะไม่ทำตามที่พูดแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมาคีบมี้ตบอลชุ่มซอสท่าทางน่ากินเข้าปากไปอย่างเร็ว

”ค่อยๆกินสิคะ ถ้าชอบขนาดนั้นเดี๋ยววันหลังทำมาให้อีกก็ได้” ”เธอขำกับท่าทางที่รุ่นพี่คนเก่งทำอยู่

“ก็มันอร่อยจริงๆนี่นา ทำอาหารเก่งแล้วไหงไม่เข้าชมรมคหกรรมล่ะ มาเข้าทำไมชมรมบาส ต้องคอยมาเป็นเบ๊เค้าอีก””

“เหตุผลน่ะมีแน่ค่ะ แต่ถ้าถึงเวลาหนูจะบอกพี่เอง””

“อืมๆ”” นัทสึกิไม่พูดอะไรต่อ เธอสนใจกับอาหารตรงหน้าอย่างเต็มที่ไม่ให้เป็นการเสียน้ำใจรุ่นน้องที่อุตส่าห์ทำมาให้

“ดูสองคนนั้นเค้ามีความสุขจังนะ”” คุมิที่นั่งกินข้าวอยู่กับอิงสองคนนั่งมองภาพนัทสึกิที่ดูร่าเริงมากขึ้นพออายากะจังมาหา

“เหรอ”” อิงไม่สนใจจะหันไปดูแถมยังเอาแต่ก้มหน้าก้มตากินข้าวของเธอไปเรื่อยๆ

“...นี่”” คุมิชักรำคาญที่อิงไม่สนใจที่เธอพูดแม้แต่น้อย

“...นี่”” เธอทักอีกครั้ง นี่จะไม่เงยหน้าขึ้นมามองง่ายๆใช่มั้ย

“อิง!”” รอบนี้ไม่แค่พูด เธอขยับมือไปใกล้อิงโดยที่มีเป้าหมายคือหน้าผากของอิงนั่นเอง

โป๊กกก…”

“โอ้ย เจ็บนะ มีอะไรพูดกันดีๆสิ”” อิงคลำหัวตัวเองป้อยๆ เธอไปทำอะไรให้ไม่พอใจอีกล่ะเนี่ย

“เชอะ สนใจแต่กินนะ พูดด้วยดีๆแล้วอยากไม่หันเอง สมน้ำหน้า” คุมิเริ่มเชิดหน้าใส่อย่างผู้ชนะ

“.....วันนี้จะติวอะไรมั้ย หรือว่าอยากพัก””

“อะไรเนี่ย เปลี่ยนเรื่องพูดดื้อๆเลย ไว้กลับไปที่หอแล้วค่อยว่ากันอีกทีเหอะ ถ้าวันนี้เหนื่อยมากชั้นก็จะพัก ติวมากันตั้งเป็นเดือนๆ เธอเองน่ะไม่เหนื่อยบ้างรึไง”” คุมิถอนหายใจเฮือกใหญ่กับอาการอยากติวเวอร์ของอิง กะอีแค่อีก1อาทิตย์ก่อนสอบ จะมาติวให้หนักหัวทำไม สู้นั่งพักสบายๆดีกว่า (ทั้งๆที่เมื่อเช้าตัวเองยังกังวลเรื่องผลการเรียนอยู่แท้ๆ)

ทั้งสองวุ่นวายอยู่ด้วยกันสองคนโดยที่ไม่ได้รู้ว่ามีนัทสึกิคอยลอบมองอยู่เป็นพักๆ

ทำไมพักหลังๆนี่สนิทกันจัง ทีแรกว่าเกลียดนี่นาพอไม่ค่อยได้คุยกันนี่ความคิดมันต่อกันไม่ติดได้ขนาดนี้เชียวรึไงนะ’ สาวนักบาสคนเก่งได้แต่ส่งสายตาดุๆมองไป นึกน้อยใจที่ไม่เข้าใจตัวเองให้เร็วกว่านี้ เอาเถอะขอเวลาเราเตรียมใจอีกหน่อย ไว้ถึงเวลาชั้นจะบอกความรู้สึกให้เธอได้รู้ซะที

#โปรดติดตามตอนต่อไป