-8-

“นัทจัง! เป็นอะไรมากมั้ย!”

เสียงของคุมิที่วิ่งกระหืดกระหอบมาหาทันทีที่รู้เรื่องเต็มไปด้วยความกังวล เธอรีบร้อนมากเสียจนไม่สนใจโค้ชที่ยังยืนหัวโด่อยู่ที่นั่นด้วย

“อ๊ะ คุมิ…”เสียงที่แสดงความดีใจเมื่อครู่หยุดลงทันที่เมื่อนัทสึกิเหลือบไปเห็นอิงที่กำลังเดินตามหลังคุมิมาติดๆ แววตาของนัทสึกิส่อเค้าไม่พอใจอยู่นิดๆเมื่อเห็นว่าอิงเข้ามายืนข้างๆคุมิ ‘ทำไมอิงถึงมาพร้อมกับคุมิล่ะ หรือนี่คือสาเหตุที่คุมิไม่ได้เข้ามาคลุกคลีกับเราเหมือนเมื่อก่อน...’ นัทสึกิรีบหลบตาทันทีที่คุมิพยายามจะมองหน้าเธอ

“ไม่เป็นไร เรื่องแค่นี้ แล้วใครบอกให้มากัน”” น้ำเสียงของนัทสึกิดูจะห้วนลงไปอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่คิดจะหันหน้ามาสบตาเพื่อนรัก ในใจของเธอก็ชักรู้สึกแปลกๆอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน... เจ็บ ใช่ มันเจ็บนั่นเอง แต่ว่าเพราะอะไรกันล่ะ

“เป็นที่ข้อเท้าสินะ” เสียงเรียบๆของอิงถามขึ้นหลังจากที่เข้ามายืนข้างๆคุมิเธอเงยหน้าขึ้นไปมองอิงที่ก้าวเข้ามาดูอาการที่ขาเธอสลับกับมองหน้าคุมิที่ทำหน้าแปลกใจกับน้ำเสียงที่เธอใช้ไปเมื่อครู่ แล้วก็ก้มหน้าลงอีกครั้ง

“เมื่อกี้ตรวจดูแล้วล่ะค่ะ คิดว่าข้อเท้าน่าจะแพลงเพราะว่าการซ้อมเมื่อครู่ค่อนข้างรุนแรงเกินไป แล้วไม่ทราบว่าพวกพี่จะพารุ่นพี่กลับไปพร้อมกันหรือว่าจะให้หนูพากลับดีคะ หอรุ่นพี่เองก็อยู่คนละทางกับของพี่คุมิด้วย”” อายากะที่ทนรอคำตอบจากปากคนเจ็บจริงไม่ไหวตัดสินใจตอบเองเสร็จสรรพ เธอมองหน้ารุ่นพี่คนเก่งที่ตอนนี้ไม่มีแววของคนร่าเริงเหมือนเช่นเคยอย่างเข้าใจ ถ้าหากให้พี่นัทสึกิไปกับพวกพี่คุมิล่ะก็ พี่นัทสึกิคงจะไม่สบายใจเท่าไหร่นักหรอก

“อืม นั่นสินะ...”” คุมิที่เริ่มเออออเห็นดีด้วยตอบกลับไป แล้วเธอก็หันไปถามความเห็นของคนเจ็บอีกครั้งหนึ่ง “ว่าไงนัทจัง พอจะเดินไหวมั้ยแล้วจะให้เราไปส่งรึว่าให้น้องเขาไปส่งล่ะ””

“......เธอไม่ต้องหรอก แค่ยอมมาดูอาการก็คงรบกวนพวกเธอสองคนมากแล้วใช่มั้ย ไป อายากะ กลับกัน”” นัทสึกิที่ยังคงไม่มองหน้าก้มหน้าก้มตาพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆอีกครั้งและหากตั้งใจฟังแล้วก็จะได้ยินคำว่า เธอสองคน ที่ดูจะเน้นมากเป็นพิเศษพลางยื่นมือไปหาอายากะเป็นเชิงขอให้ช่วยฉุดให้ยืนได้

“ดะ เดี๋ยวสิ แล้วทำไมไม่มองหน้ากันดีๆล่ะ คนอุตส่าห์มา”” คุมิเดินหน้าเข้าไปขวางนัทสึกิที่ตอนนี้มีอายากะคอยพยุงอยู่เริ่มมีอารมณ์เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักไม่คิดจะตอบคำถามเธอดีๆหากแต่คนเจ็บกลับไม่คิดจะตอบอะไร เธอเมินคำถามของเพื่อนรักโดยสิ้นเชิงแล้วยังทำเหมือนเช่นเธอเป็นอากาศธาตุ เดินกะเผลกผ่านหน้าเธอไปเฉยๆ

“คุมิ กลับเถอะ นัทสึกิไม่เป็นอะไรแล้วล่ะ”” อิงเดินเข้าไปจับมือคุมิที่ยืนมองภาพด้านหลังของเพื่อนรักด้วยสีหน้าที่ดูย่ำแย่“ทำไม...ทำไมถึงไม่พูดกับชั้น ไม่พูดเล่นกับชั้นเหมือนเดิมล่ะ ชั้นทำอะไรให้เธอไม่พอใจเหรอ...” หญิงสาวพึมพัมเบาๆกับตัวเอง สายตามองตามเพื่อนรักที่อยู่ๆก็ทำตัวเย็นชาใส่เธอ

ไม่มีวลีใดๆเกิดขึ้นอีก อิงเดินจับมือคุมิไปเรื่อยๆพลางลอบมองใบหน้าอันเศร้าสร้อยของสาวน้อยข้างตัวเป็นครั้งคราว เพราะไม่ได้รู้จักเรื่องของสองคนนี้ดีพอ ทำให้อิงไม่รู้วิธีปลอบอย่างอื่นนอกจากการเดินกุมมือน้อยนำทางไปที่สวนสาธารณะเพื่อหวังให้คุมิได้สงบสติอารมณ์ลงทางด้านนัทสึกิและอายากะ

นัทสึกิไม่ได้พูดอะไรอีกหลังจากที่ไล่พวกคุมิกลับไป เธอเดินกะเผลกไปที่ห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าปี2โดยมีอายากะคอยช่วยพยุง เมื่อไปถึงห้องนัทสึกิค่อยๆหยิบเสื้อนักเรียนขึ้นมาเปลี่ยนช้าๆด้วยความช่วยเหลือจากอายากะ แววตาที่เคยสดใสมีแววหมองลงอย่างเห็นได้ชัดจนแม้แต่อายากะที่เคยกล้าที่จะพูดทุกเรื่องกับเธอยังต้องรวบรวมความกล้าที่จะเริ่มบทสนทนากับเธอ

“เอ่อ รุ่นพี่คะ ไล่พวกพี่คุมิไปจะดีเหรอคะ คือ หนูแค่จะบอกว่าพี่เป็นคนขอให้หนูโทรไปเรียกไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม”...” อายากะกลั้นใจถามนัทสึกิที่กำลังมองอะไรบางอย่างอยู่ นัทสึกิค่อยๆหันมามองหน้าอายากะช้าๆ สายตาของเธอตอนนี้ดูไม่เป็นมิตรเหมือนแต่ก่อน แต่ด้วยความอยากรู้ที่มีอยู่ทำให้อายากะไม่คิดที่จะหลบสายตาคู่นั้นเลยแม้แต่น้อย

“เปล่า แค่ไม่อยากกลับด้วย แล้ว คุมิมีอิงอยู่แล้วนี่แล้วทำไมเค้าจะต้องคอยมารับส่งชั้นด้วยล่ะ ถึงว่าสิเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยจะมาคุยมาหาชั้นเหมือนเมื่อก่อน ได้มีเพื่อนเป็นคนต่างชาติสมใจแล้วนี่”” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงตัดพ้อและแฝงไปด้วยความโมโหอยู่เต็มเปี่ยม ดวงตาที่มองสาวน้อยรุ่นน้องอยู่นั้นแข็งกร้าว หมัดทั้งสองกำแน่นด้วยอารมณ์ในตอนนั้น

“แล้วทำไมต้องโมโหกันถึงขนาดต้องไล่กันด้วยล่ะคะ พวกพี่คุมิอุตส่าห์รีบมาแท้ๆ เป็นเพื่อนกันก็น่าจะเข้าใจกันนี่นา”” สาวน้อยเริ่มขึ้นเสียงถามหลังจากที่ถูกสาวรุ่นพี่ทำเสียงแข็งใส่ทั้งๆที่เธอก็ถามดีๆไม่ได้คิดจะหาเรื่องแม้แต่น้อย

“ก็ชั้นไม่รู้ ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่เห็นสองคนนั้นมาด้วยกันวันนี้ชั้นถึงต้องโมโห เมื่อก่อนก็คิดว่าดีอยู่หรอกนะที่คุมิมีอิงเป็นเพื่อน... ยัยนั่นน่ะอยากมีเพื่อนเป็นคนต่างชาติมาตั้งนานแล้วด้วย”” นัทสึกิลุกขึ้นยืนทั้งๆที่ข้อเท้ายังคงเจ็บอยู่พลางเอื้อมมือไปเขย่าตัวสาวน้อยตรงหน้าและหยุดมองตาสาวน้อยประดุจว่าจะหาคำตอบจากดวงตากลมโตสีน้ำตาลเข้มของเธอ น้ำเสียงที่นัทสึกิพูดขึ้นในครั้งนี้ ช่างแตกต่างจากสองสามประโยคที่ผ่านมายิ่งนัก มันทั้งเศร้าทั้งโหยหาคำตอบที่ตัวเองไม่เข้าใจ

อายากะมองหน้านัทสึกิด้วยความตกใจ เธอค่อยๆนึกทบทวนปฏิกิริยาที่ได้เห็นในวันนี้สักพักจึงคิดว่าตนรู้คำตอบแน่แล้ว

“พี่คะ อย่าว่ามันประหลาดหรืออะไรเลยนะคะแต่หนูคิดว่าพี่คงจะรักพี่คุมิน่ะค่ะ” ”สาวน้อยค่อยๆพูดช้าๆเสียงใสมีความเจ็บปวดซ่อนอยู่และคำว่ารักที่พูดออกไปนั้นมันก็แทบจะขาดใจเมื่อต้องพูดออกไป เธอจับมือของนัทสึกิลงมากุมไว้และยิ้มให้น้อยๆ ยิ้มที่ดูเหมือนไม่มีอะไรแต่ที่จริงกลับแฝงไปด้วยความเจ็บปวดนัทสึกิมีสีหน้าแปลกใจอย่างเห็นได้ชัด ชอบ... ไม่สิ รัก คำนี้น่าจะเหมาะกว่า ตลอดเวลาเพราะความเป็นเพื่อนทำให้ไม่เคยคิด แต่พอห่างกันไปมันก็เริ่มคิดถึงมากขึ้น แต่จะว่าโกรธก็ใช่ เพราะยัยนั่นไม่บอกว่าอิงจะมาด้วยสักนิด แต่ความรู้สึกแปลกนั่นมันก็เป็นคำตอบที่ดีที่สุดว่าเธอคิดเช่นไรกับเพื่อนรัก“ขอบใจ...”” นัทสึกิปล่อยมือออกไปจากมือเล็กของรุ่นน้อง ทั้งสองไม่พูดอะไรอีกตลอดทางกลับบ้านทั้งสองโบกรถแท็กซี่กลับบ้านกัน รถแท็กซี่พาทั้งคู่มาถึงบ้านของนัทสึกิอย่างเร็ว“ถึงแล้ว วันนี้ขอบใจมากนะที่มาส่ง ชั้นคิดว่าชั้นรู้ใจตัวเองแล้วล่ะ ชั้นคงจะรักยัยนั่นจริงๆ เธอว่าแปลกรึเปล่า”” นัทสึกิที่สงบสติได้แล้วนั่งอยู่ที่โซฟาตัวโปรดในห้องนั่งเล่นเธอเงยหน้าขึ้นถามอายากะที่ยืนอยู่ตรงหน้าสาวน้อยส่ายหน้าเป็นเชิงปฏิเสธ เธอยิ้มให้รุ่นพี่เศร้าๆหลังได้ยินคำที่รุ่นพี่บอกออกมา สาวน้อยค่อยๆโน้มใบหน้าลงไปหาคนเจ็บขาที่นั่งอยู่ช้าๆ ริมฝีปากเล็กได้รูปจุมพิตคนตรงหน้าอย่างแผ่วเบาและค่อยๆผละออกมาห่างจากนัทสึกิเล็กน้อย“พี่ไปสารภาพรักกับพี่คุมิเถอะค่ะ หนูจะคอยเอาใจช่วย ขอให้สมหวังนะคะ”” เธอพูดด้วยเสียงที่แผ่วเบาและยิ้มให้กับรุ่นพี่อีกครั้ง ““แต่หนูก็อยากให้พี่รู้ว่าหนูรักรุ่นพี่ค่ะ...ขอโทษด้วยนะคะ หนูขอตัวกลับก่อน”” เธอหมุนตัวกลับและเดินออกไปด้วยความเร็ว และทิ้งนัทสึกิให้นั่งงงอยู่ในห้องเพียงคนเดียวคุมินั่งกอดหมอนใบโตอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆในห้องของเธอ ในมือมีมือถือที่เธอพยายามส่งข้อความไปหานัทสึกิอยู่นับสิบครั้ง แต่แม้จะนั่งรอนอนรอเช่นไรก็ไม่มีข้อความตอบกลับมาจากเพื่อนรักเลย อิงที่ยังคงเป็นห่วงคุมิอยู่นั่งอยู่ที่โต๊ะเขียนหนังสือของคุมิ ดวงตาสีนิลจ้องมองสาวน้อยบนเตียงด้วยความเป็นห่วง“อย่าคิดมาก นัทสึกิคงจะมีเหตุผลที่โกรธถึงชั้นจะไม่รู้ว่าคืออะไรนะแต่ที่จริงชั้นเองก็ไม่น่าจะตามคุมิไปที่นั่นเลย อาจจะโมโหที่ชั้นไปด้วยน่ะ”” อิงลุกขึ้นไปนั่งที่ขอบเตียงของคุมิพลางเลื่อนมือไปกุมมือคุมิเอาไว้“ไม่หรอก ชั้นต่างหากที่ผิด ชั้นยังไม่ได้บอกทั้งเรื่องที่ห้องเราอยู่ใกล้กัน เรื่องที่ถ้าสอบอังกฤษไม่ผ่านระดับ3แล้วจะต้องซ้ำชั้นจนต้องเดือดร้อนอิงให้มาติวให้ต่างหาก” ”คุมิส่ายช้าๆพลางพูดแก้ตัวกับอิง“ถ้าอย่างนั้นเราก็ต้องบอกความจริงไปนะปล่อยไว้นานมันไม่ดีหรอกจริงมั้ย นัทสึกิน่ะถ้าจะโกรธเรื่องนี้ก็คงเพราะว่ามีความลับกับเค้านั่นล่ะ เชื่อสิพอบอกไปเดี๋ยวก็กลับเป็นนัทจังคนเดิมแล้ว”” อิงยิ้มให้กับคุมิพลางดึงสาวน้อยเข้ามากอดไว้“อืม...อิงขอบใจนะที่อุตส่าห์อยู่เป็นเพื่อน”” คนดื้อที่บัดนี้กลับทำตัวน่ารักเงยหน้าขึ้นมองร่างสูงที่โอบกอดตัวเองอยู่ เธอรู้ว่าในตอนนี้ความโกรธเกลียดหมั่นไส้ที่มีให้อิงนั้นได้หายไปหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้“อะไรกันเรื่องแค่นี้เอง” ”อิงยิ้มให้คุมิอย่างจริงใจทำไมเดี๋ยวนี้ถึงยิ้มเก่งจังนะ คนอะไรยิ้มทีทำเอาเราแทบละลาย...ละลาย ?อิงเป็นผู้หญิงนี่นาทำไมเราถึงต้องใจเต้นด้วยนะ’ คุมิที่ยังคงให้ร่างสูงโอบกอดตัวเองอยู่คิดสงสัย ก็ตอนแรกที่เจอไม่ใช่เป็นคนแบบนี้เลยนี่...“ว่าไงอยากให้อยู่ต่อมั้ย”” อิงถามขึ้นเมื่อเห็นคุมิมีท่าทางดีขึ้นมาสาวน้อยหยุดคิดเพียงอึดใจ เธอไม่อยากให้นิสัยปากแข็งเธอทำเรื่องอีกถึงได้ไม่ให้คำตอบไปในทันที อิงทำท่าจะลุกขึ้นเมื่อเห็นว่าคุมิไม่ตอบจึงคิดว่าคุมิไม่อยากให้อยู่ต่อ“เดี๋ยวสิ เอ่อ...””คุมินิ่งไปอีกครั้ง เธอยังลังเลใจที่จะพูดสิ่งที่อยากทำ ถึงจะไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้อิงในตอนนี้คืออะไรก็เถอะ แต่ครั้งนี้ลองเปิดใจดูสักตั้งน่าจะไม่ถึงตาย““นอนด้วยกันคืนนึงสิ คิอ อย่าเข้าใจผิดนะวันนี้มันไม่อยากอยู่คนเดียวน่ะ””“หือ ได้สิ แต่พรุ่งนี้วันจันทร์คงต้องรีบตื่นนะ”” อิงตอบกลับโดยแทบไม่ต้องคิด“โหย พูดไปนั่นใครกันแน่ที่ตื่นสาย”” คุมิที่อารมณ์ดีขึ้นเริ่มหันมาย้อนอิงกลับ“จ้าๆ แต่คืนนี้ได้นอนกับคนสวยประจำห้องแบบนี้ไม่อยากตื่นสายหรอก”” อิงส่งสายตากรุ้มกริ่มแล้วกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น น่าแปลกที่คนถูกกอดไม่คิดที่จะดิ้นออกเลยเธอกลับคิดว่าในตอนนี้อ้อมกอดของคนๆนี้ช่างอบอุ่นยิ่งนัก ร่างสูงหรี่ตาลงมองสาวน้อยในอ้อมกอดก่อนที่จะตัดสินใจพูด“...คุมิ สมมติว่ามีผู้หญิงคนนึงมาชอบเธอ เธอจะคิดยังไง”” จากเสียงที่เคยล้อเล่นเมื่อครู่กลับเปลี่ยนเป็นเสียงที่จริงจังอย่างรวดเร็ว“หา? ทำไมถึงพูดอย่างนี้ล่ะ มีอะไรงั้นเหรอ”” เธอเลี่ยงที่จะไม่ตอบเพราะคำถามนี้มันแทงเข้าไปตรงใจเธอเต็มๆ“เอ้อ เปล่าแค่นึกขึ้นได้น่ะ” ”อิงพูดแก้ตัวหากแต่ท่าทางและสีหน้ากลับแสดงออกอย่างมีพิรุธ“ถ้ามีผู้หญิงมาชอบเหรอ ไม่รู้สิ ถ้าเค้าเป็นคนดีจริงๆก็อาจจะยอมคบด้วยนะ แค่อาจจะนะแต่ถ้าจะให้ดีขอเป็นผู้ชายนิสัยดีๆสักคนน่าจะดีกว่า”” คุมิใช้นิ้วชี้จิ้มที่แก้มตัวเองข้างนึง ดวงตากลมเหลือบมองด้านบนเหมือนกำลังใช้ความคิดอยู่“อืม นอนเถอะ” ”อิงที่ไม่ทันได้ฟังคำตอบเมื่อครู่รีบตัดบท แม้อยากจะบอกสิ่งที่คิดอยู่เท่าไหร่แต่เพราะคำตอบที่ได้รับทำให้เธอไม่คิดที่จะบอกออกไป ขอแค่ได้อยู่ด้วยกันแบบนี้ยังดีกว่าที่จะต้องมองหน้ากันไม่ติดเพราะเธอตัดสินใจพลาด สองสาวนอนหลับไปด้วยความเหนื่อยล้าหลังจากที่ต้องเจอเรื่องที่หนักใจมากันทั้งวัน ปล่อยให้เรื่องที่เจอมาในวันนี้ผ่านไปด้วยรู้ว่าอะไรที่จะเกิดก็ต้องเกิดอย่างแน่นอน