1. SistaCafe
  2. เลี้ยงสัตว์เลี้ยงกับแฟน เมื่อสัตว์เลี้ยงกลายเป็นโซ่ทองคล้องใจแทนการมีลูก

เลี้ยงสัตว์เลี้ยงกับแฟน เรียกได้ว่าในตอนนี้กระแสของการนำสัตว์เลี้ยงมาเป็นสมาชิกหนึ่งในครอบครัวหรือเป็นโซ่ทองคล้องใจของคู่รักหลายๆ คู่แทนการมีลูกส่วนใหญ่ในปัจจุบัน หรือเรียกอีกอย่างของเทรนด์กระแสนี้ว่า Pet Humanization เพราะด้วยสถานการณ์ในสังคมที่ไม่สามารถรองรับหรือความพร้อมต่างๆ ในการมีลูกได้ ทั้งคู่รักหลายคู่ก็ยังอยู่ในวัยที่ไม่สามารถสร้างครอบครัวได้ด้วย ทำให้การนำสัตว์เลี้ยงมาเป็นตัวแทนของกันและกันเพื่อเป็นตัวเลือกที่ดีทั้งสองฝ่าย ซึ่งรูปแบบการให้ความรักก็ไม่แตกต่างจากความรักของพ่อแม่คนหนึ่งที่จะให้ลูกได้ทั้งคอยประคบประหงม ดูแลเอาใจใส่ กินอิ่มนอนอุ่นทุกมื้อกันเลยทีเดียว แต่สำหรับคู่รักที่กำลังจะนำสัตว์เลี้ยงมาเป็นลูกนั้นต้องมีการเตรียมตัวหรือความพร้อมสำหรับเลี้ยงน้องๆ ด้วย ดังนั้นต้องดูถึงการเตรียมอะไรบ้างในการจะนำสัตว์เลี้ยงมาเป็นลูก และข้อที่ไม่ควรละเลยน้องๆ หากรับเลี้ยงมาแล้ว

Pet Humanization เทรนด์นี้คืออะไร ?


คำนิยามของเทรนด์ “Pet Humanization” หรือเรียกอีกอย่างว่า “Pet Parent” คือการเลี้ยงสัตว์เหมือนลูกหรือสมาชิกของครอบครัวด้วยการเอาใจใส่ดูแลแบบคน ทั้งให้ความสำคัญต่อสัตว์เลี้ยงค่อนข้างสูง ทุ่มเทกับการใช้จ่ายในการซื้อสิ่งของต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นเสื้อผ้า ของเล่น อุปกรณ์สำหรับสัตว์เลี้ยง เทคโนโลยี หรืออาหาร รวมทั้งการรักษาพยาบาลเมื่อเกิดอาการเจ็บป่วยด้วย

เมื่อเทรนด์เลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นลูก มีจำนวนมากขึ้นในไทย

ในปัจจุบันที่ทำให้เทรนด์ของการเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกับแฟนแทนการมีลูกเติบโตขึ้นนั้นเกิดจากผลการศึกษาวิจัยเชิงปริมาณของวิทยาลัยการจัดการของมหาวิทยาลัยมหิดล หรือ CMMU ที่ได้วิจัยจากกลุ่มตัวอย่าง 1,046 คน ค้นพบว่า 80.7% ของผู้ที่เลี้ยงสัตว์มีสถานะโสดในขณะที่ 19.3% นั้นมีสถานะสมรสแล้ว ทำให้มองว่าคนโสดนั้นมีมากขึ้นและยังมีลูกน้อยลงจึงสอดคล้องกับเหตุผลหลักของการเลี้ยงสัตว์พบว่า 49% บอกว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อเป็นลูกนั่นเองซึ่งปัจจุบันพบว่าเทรนด์เติบโตของ pet humanization หรือเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกับแฟนนั้นเกิดขึ้นเป็นจำนวนมากในประเทศไทย โดยอัตราการเลี้ยงสัตว์ในไทยมีการอ้างอิงจากฐานข้อมูลเพื่อการขึ้นทะเบียนของสุนัขหรือแมว(Pet Register) เพิ่มมากขึ้นในทุกปี ในขณะที่อัตราการเกิดของเด็กในประเทศไทยในช่วงปี 2060 - 2064 ก็ลดลงทุกปีอย่างต่อเนื่องด้วยเช่นกัน

ข้อดี-ข้อเสีย ของการมีลูกในปัจจุบัน

ข้อดีของการมีลูกในปัจจุบัน

1. การมีลูกอาจช่วยเติมเต็มให้ครอบครัว แม้ครอบครัวจะมีทุกอย่างที่ดูสมบูรณ์แบบอยู่แล้ว ทั้งหน้าที่การงาน ความมั่นคง และฐานะทางการเงินที่สามารถใช้ชีวิตได้อย่างอิสระและโลกส่วนตัวที่แสนสุข แต่การมีลูกนั้นสามารถช่วยเติมเต็มให้หลายๆ ครอบครัวยิ่งมีความสุขมากขึ้น

2.ช่วยสืบสกุลของครอบครัว บางครอบครัวที่อาศัยกันเป็นครอบครัวใหญ่การมีลูกคือหนึ่งในเป้าหมายที่จะช่วยสืบสกุลให้สามารถคงอยู่ต่อไปได้ โดยส่วนใหญ่จะพบในครอบครัวคนจีนมากกว่าครอบครัวคนไทย

3. หวังพึ่งพิมพ์ในยามแก่เฒ่า คนที่ตัดสินใจมีลูกส่วนใหญ่นั้นต่างมีความหวังว่าลูกของตัวเองจะสามารถช่วยเป็นที่พึ่งในยามแก่ชราได้ โดยเฉพาะปัญหาสุขภาพที่เข้ามารุมเร้าในยามที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ก็จะมีลูกนั้นเป็นที่พึ่งช่วยเหลือดูแลในช่วงบั่นปลายของชีวิต

4. เพิ่มสีสันให้ชีวิตครอบครัวมากขึ้น การมีลูกนั้นจะช่วยเพิ่มสีสันให้กับครอบครัวดูสดใสเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะและรอยยิ้มของเด็กเล็กในบ้านมากกว่าการอยู่ลำพังแค่สองคน

5. ได้เรียนรู้โดยไม่สิ้นสุด การเป็นคุณแม่นั้นจะได้ฝึกการเป็นครูจนเหมือนเป็นงานอดิเรกตลอด ซึ่งได้ลองผิดลองถูกเรียนรู้ไปกับลูกเพราะชีวิตจริงนั้นไม่มีบทเรียนสำคัญที่ตายตัว จึงทำให้ได้เรียนรู้เรื่องต่างๆ ทั้งยังตระหนักถึงวันข้างหน้าเสมอ


ข้อเสียของการมีลูกในปัจจุบัน

1. เวลาพักผ่อนน้อยลง พ่อแม่ทุกคนนั้นได้นอนหลับไม่เพียงพอตั้งแต่วันแรกที่ลูกลืมตา เพราะต้องดูลูกไม่ว่าจะทั้งกลางวันและกลางคืน ต้องคอยอาบน้ำ ป้อนนม เปลี่ยนผ้าอ้อม ปั๊มนม อุ้มลูก 24 ชั่วโมงวนไปแบบนี้จนกว่าลูกจะถึงวัยที่ดูแลตัวเองได้

2. ร่างกายที่เปลี่ยนไป ร่างกายของคุณแม่นั้นจะเปลี่ยนไปมีหน้าท้องใหญ่และรอยแตกลายจากการตั้งครรภ์ หน้าอกหย่อนคล้อยลง ซึ่งทำให้คุณแม่หลายคนนั้นดูโทรมลง ทั้งยังมีเวลาที่ดูแลตัวเองน้อยลงอีกด้วย

3. มีเรื่องให้เครียดและกังวลมากขึ้น เนื่องจากสุขภาพของลูกนั้นมีอะไรหลายอย่างที่อาจเกิดขึ้นจึงทำให้พ่อแม่หลายคนนั้นเครียดและกังวลมาก นอกจากเรื่องสุขภาพแล้วยังรวมไปถึงเรื่องการใช้ชีวิตของลูกในการเติบโตเป็นผู้ใหญ่ในวันข้างหน้า จึงทำให้คนที่เป็นพ่อเป็นแม่นั้นยังมีความกังวลและความห่วงอยู่เสมอ

4. เวลาส่วนตัวที่หายไป จากที่เคยใช้ชีวิตอย่างอิสระหรือทำงานอดิเรกต่างๆ ก็อาจแทบไม่มีเวลาเหลือ เพื่อนำเวลาเหล่านั้นมาดูแลลูกทั้งยังต้องดูแลเอาใจใส่อย่างใกล้ชิด ทำให้กิจกรรมส่วนใหญ่นั้นหมดไปกับการเลี้ยงดูลูกน้อยนั่นเอง

5. ภาระที่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการดูแลลูก การอบรมเลี้ยงดู หรือหากลูกไม่สบาย รวมถึงค่าใช้จ่ายต่างๆ ตลอดการเติบโตอีกด้วย


มุมมองของคนรุ่นใหม่ในการมีลูก

1. ค่าใช้จ่ายในการเลี้ยงดูลูกที่สูง ในปัจจุบันนั้นเรียกได้ว่าค่าใช้จ่ายสูงมากทั้งค่านมผง ค่าอาหาร ค่าเสื้อผ้า ค่าเล่าเรียนหนังสือ ค่ารักษาพยาบาล และอื่นๆ อีกมากมาย ส่งผลให้ในปัจจุบันนั้นหลายคนไม่สามารถแบกรับภาระค่าใช้จ่ายในส่วนนี้ได้

2. สภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดีซึ่งใน ปัจจุบันนั้นสภาพของเศรษฐกิจส่งผลให้หลายคนมีรายได้ไม่เพียงพอที่จะเลี้ยงดูลูกได้ประกอบกับค่าครองชีพที่สูงขึ้นทำให้หลายคนต้องประหยัดค่าใช้จ่ายในทุกด้านและทุกทางเพื่อไม่ให้กระทบกับชีวิตประจำวัน

3. การมีเวลาว่างที่น้อยลงเนื่องจากต้องทำงานหนักเพื่อหาเงินเลี้ยงชีพประกอบกับไลฟ์สไตล์ที่ต้องเร่งด่วนอยู่ตลอดเวลา ทำให้หลายคนนั้นไม่มีเวลาที่จะดูแลลูกอย่างใกล้ชิด

4. ความกังวลเกี่ยวกับอนาคตของลูกเนื่องจากในโลกปัจจุบันนั้นมีการเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ประกอบกับปัญหาสิ่งแวดล้อมและปัญหาสังคมต่างๆ ทำให้ยังมองว่าไม่มั่นใจว่าลูกของตนจะเติบโตขึ้นมาอย่างมีความสุขและประสบผลสำเร็จได้หรือไม่

5. ไม่อยากเสียสละ ซึ่งหลายคนนั้นไม่อยากเสียอิสระในการใช้ชีวิตของตนเองจึงทำให้ต้องการที่จะทำในสิ่งที่ตนเองต้องการโดยไม่ต้องกังวลเรื่องลูก บางคนอาจต้องการที่จะเดินทางท่องเที่ยว บางคนอาจจะต้องการที่จะทำงานในสิ่งที่ตนเองรัก และบางคนอาจต้องการที่จะใช้ชีวิตแบบโสด


สิ่งที่ต้องเตรียมตัวหากจะเลี้ยงสัตว์เป็นลูก

1. เตรียมใจ

สัตว์เลี้ยงนั้นต้องการการดูแลเอาใจใส่ไปตลอดอายุขัย ดังนั้นจึงต้องปรับให้เข้ากับวิถีชีวิตของสัตว์เลี้ยงในบ้าน ควรที่จะแน่ใจว่าได้เตรียมใจและเต็มใจที่จะแบ่งพื้นที่และรับผิดชอบชีวิตของสัตว์เลี้ยงในบ้านของเราแล้วจริงๆ

2. เตรียมพื้นที่ของบ้าน

ต้องเตรียมพื้นที่สำหรับสัตว์เลี้ยงในบ้านอย่างเพียงพอ ยกตัวอย่างเช่น การเลี้ยงแมว บางคนอาจจะเลี้ยงแบบปล่อยจึงต้องมีพื้นที่ให้วิ่งเล่นทั้งในบ้านและนอกบ้าน แต่บางคนนั้นอาจจะเลี้ยงระบบปิดตลอดทั้งวัน ก็ต้องดูว่าในพื้นที่ของบ้านนั้นเหมาะสมกับธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงในบ้านของเรามากแค่ไหน และที่สำคัญห้องเช่าหรือคอนโดที่อยู่นั้นจะต้องตรวจสอบให้แน่ใจว่าพื้นที่เหล่านั้นมีการอนุญาตให้นำสัตว์เลี้ยงมาเลี้ยงได้หรือไม่ด้วย

3. เตรียมความปลอดภัยของบ้าน

ความปลอดภัยเป็นสิ่งสำคัญมากที่สุดสำหรับการเลี้ยงสัตว์ในบ้าน เพราะว่าบ้านของเรานั้นจะกลายเป็นพื้นที่อยู่อาศัยระหว่างเราและสัตว์จึงต้องปรับแบ่งบางส่วนของบ้านให้เข้ากับธรรมชาติของสัตว์เลี้ยงด้วย นอกจากนี้นั้นต้องคอยระวังหรือเคลื่อนย้ายสิ่งของบางอย่างที่อาจจะก่อให้เกิดอันตรายหรือความเสียหายได้ง่ายอย่างเช่น ปลั๊กไฟ ปลั๊กพ่วง หรือรางปลั๊กไฟที่อาจจะล่อตาล่อใจสัตว์เลี้ยงให้รวมทั้งโซฟาหนังที่สัตว์เลี้ยงของเราอาจจะชอบข่วน

4. เตรียมความสะอาดของบ้าน

เรื่องความสะอาดนั้นอย่าปล่อยให้พื้นที่ของเรากลายเป็นพื้นที่สะสมความสกปรกของสิ่งปฏิกูลของสัตว์เลี้ยงในบ้านเด็ดขาด! ดังนั้นจึงต้องแบ่งพื้นที่สำหรับขับถ่ายของสัตว์เลี้ยงในบ้านให้อย่างชัดเจน ใช้เครื่องดูดฝุ่นช่วยดูดเศษขนสัตว์เลี้ยง ทำความสะอาดพื้นที่ขับถ่ายของสัตว์เลี้ยงในบ้านให้สะอาดอยู่เสมอ เพื่อไม่ให้กระทบต่อสุขภาพทั้งของคนและสัตว์

5. เตรียมค่าใช้จ่ายและค่าดูแล

โดยเฉพาะค่าใช้จ่ายในยามที่สัตว์เลี้ยงเจ็บไข้ได้รับการดูแลรักษา รวมทั้งการฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคต่างๆ ทั้งค่าใช้จ่ายในการใช้บริการตกแต่งขนหรืออาบน้ำอยู่เป็นประจำ ดังนั้นอย่าลืมคำนึงถึงค่าใช้จ่ายและเวลาที่ต้องเสียไปด้วย

คำเตือนของคู่รักที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงเป็นลูก

1. อย่าทิ้งสัตว์เลี้ยงเมื่อต้องเลิกรา

เมื่อเกิดการเลิกราขึ้นให้ทั้งสองฝ่ายนั้นตกลงคุยกันว่าใครจะเป็นผู้รับเลี้ยงดูแลสัตว์เลี้ยงต่อไป ถ้าตกลงกันไม่ได้ให้ใช้วิธีสลับกันดูแล เช่น แบ่งคนละ 3-4 วันต่อสัปดาห์ หรือฝ่ายหนึ่งเลี้ยงแต่อีกฝ่ายมาเยี่ยมน้องพาไปเที่ยวเล่น เป็นต้น และที่สำคัญต้องไม่ทำร้ายสัตว์เลี้ยงเพียงเพราะน้องเคยเป็นอดีตของคนที่เรารักหรือทิ้งน้องเพื่อเอาชนะ หรือความสะใจเด็ดขาด

2. ฝึกความอดทน

สัตว์ก็คือสัตว์มีบ้างที่ดื้อและไม่ฟัง ทั้งยังสื่อสารกันไม่เข้าใจ ฉะนั้นจึงต้องอดทนกับความดื้อ ความไม่เป็นระเบียบ ความสกปรก และความวุ่นวายหลายๆ อย่าง ดังนั้นเมื่อผ่านความอดทนเหล่านี้ได้ก็จะทำให้เราและสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วยกันได้อย่างยาวนานมากยิ่งขึ้น

3. ต้องไม่กลัวข้อผูกมัด

เมื่อตัดสินใจจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกับแฟนเป็นลูกด้วยกันแล้ว ระยะทางในความสัมพันธ์ต้องยาวนานอย่างแน่นอนเพราะด้วยทั้งอายุขัยของสัตว์เลี้ยง ทำให้เรื่องข้อผูกมัดในอนาคตนั้นเราจะต้องไม่กังวลและไม่กลัวเพราะเมื่อทั้งสองตกลงปลงใจจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงตัวนี้แล้วนั้น ต่อให้มีปัญหาใดๆ สิ่งหนึ่งในความสัมพันธ์ต้องไม่ยอมแพ้นั่นเอง

สรุป

ใครที่กำลังตัดสินใจจะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงกับแฟนเปรียบเสมือนดั่งตัวแทนลูก ดังนั้นจึงต้องเตรียมตัวรับมือไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของค่าใช้จ่ายส่วนต่างๆ ที่ไม่มีสิ้นสุด การดูแลเอาใจใส่เรื่องอาหารและความรัก ทั้งต้องรักษาความสะอาดเป็นประจำเพื่อไม่ให้กระทบสุขภาพทั้งคนและสัตว์ สิ่งเหล่านี้พ่อแม่ของสัตว์เลี้ยงมือใหม่ต้องใส่ใจเป็นอย่างมาก อีกทั้งหากตัดสินใจแล้วเราจะต้องเดินหน้าต่อและต้องรักษาความสัมพันธ์ระหว่างคู่รักเพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อสัตว์ในวันที่ต้องเลิกรา เพราะสัตว์เลี้ยงไม่มีทางเข้าใจว่าพ่อแม่เลิกกันเพราะน้องจะมองเราเหมือนโลกทั้งใบของเขา ฉะนั้นแล้วใครที่กำลังมองหาสัตว์เลี้ยงเพื่อเลี้ยงเป็นลูกต้องยอมรับในข้อนี้ด้วยนะคะ


ขอบคุณรูปภาพจาก : Freepik



Designer :namoodong

Writer :ManooFK


บทความอื่นๆ ที่แนะนำ

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้