สาวๆ สังเกตไหมว่าเดี๋ยวนี้ไปที่ไหนก็เจอแต่คนหุ่นดี ทั้งสายเดี่ยว เอวลอยโชว์สะดือ เสื้อคร็อปทอป กางเกงเอวสูง ชุดบอดี้คอนรัดรูปเดินกันให้ทั่วไปหมด


หันมองหุ่นตัวเองแล้วร้องไห้หนักมาก นั่นหน้าท้องหรือพิซซ่าขอบชีส ย้วยซะเอาไม่กล้าออกนอกบ้านกันเลย อายยกกำลังสิบ T[]T ไม่ได้การละ ต้องไดเอทด่วนจี๋ และต้องผอมให้เร็วที่สุดด้วย ก็วัยรุ่นมันใจร้อนอ้ะ!

เธอยอมทำทุกอย่าง ( ย้ำว่าทุกอย่างจริงๆ ) เพื่อให้ตัวเลขบนตาชั่งลดลง คุมอาหารสุดๆ และโหมออกกำลังกายอย่างบ้าคลั่ง แต่เธออาจจะลืมไปว่าการลดน้ำหนักอย่างยั่งยืนต้องใช้เวลา มันเร่งกันไม่ได้!

สิ่งที่เธอได้รับกลับมาจึงเป็นหุ่นย้วยๆ ไขมันอยู่ครบแต่กล้ามเนื้อหายหมด สรุปต้องมาร้องไห้หนักมากอีกรอบ


รู้อย่างนี้ไม่น่าทำตั้งแต่แรกเลย T^T

การคุมอาหารที่เข้มงวดอย่างการตั้งแคลอรี่ต่อวันต่ำเกินไป, ดื่มแต่น้ำเปล่าเป็นแกลลอนๆ แทนขนมขบเคี้ยว อาจจะทำได้ในระยะสั้น แต่นานๆ ไปรับรองว่าตบะแตกแน่นอน ( ก็ใครจะอดของโปรดได้ทั้งชีวิตเล่า )

เมื่อกลับมากินเหมือนเดิมอาจเกิดภาวะ "โยโย่เอฟเฟกต์ "ได้ทันทีเลยล่ะค่ะ

กันไว้ดีกว่าแก้! มาอ่านบทความที่บอกถึง

6 สัญญาณว่าเธอโหมไดเอทหนักมากเกินไป ( หนักไม่ว่า แต่มันเป็นวิธีที่ผิด )

เพื่อเตือนใจและอย่าทำตามค่ะ ว่าแล้วก็ไปอ่านกันเลย!


1. ดื่มน้ำเกินกว่า 2 ลิตร / วัน


รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/shutterstock_99317708.jpg

พฤติกรรม " ดื่มน้ำบ่อยๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ " นั้นเป็นสิ่งที่ถูกต้องอยู่หรอก... แต่โหมดื่มเป็นลิตรๆ เป็นแกลลอนทุกครั้งที่หิว ( แล้วมื้อหลักไม่ยอมกิน ) เริ่มจะอันตรายต่อสุขภาพและเป็นภาระต่อกระเพาะอาหารแล้วล่ะค่ะ!

ถ้าไม่อยากกินเยอะเกินความจำเป็น ดื่มน้ำเปล่าหนึ่งแก้วก่อนกินข้าวมื้อหลักหรือของว่างก็ช่วยได้ แต่อย่าดื่มน้ำแทนข้าวเป็นอันขาด มันแทนกันไม่ได้! เธออาจจะอิ่มท้องในเวลาสั้นๆ แต่จะกลับมาหิวจัดและตบะแตกในภายหลังเพราะท้องว่างและขาดสารอาหาร สรุปอ้วนกว่าเดิมอีก

ปริมาณน้ำที่เหมาะสมกับร่างกายแต่ละคน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและความเข้มข้นของกิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน ถ้าเธอเป็นนักเรียน / นักศึกษาก็ดื่มปริมาณปกติ แต่ถ้าเป็นนักกีฬาหรือต้องใช้แรงงาน วิ่งไปมาทั้งวันก็ต้องดื่มน้ำเยอะขึ้นตามสัดส่วน อย่างไรก็ตาม ไม่ควรดื่มเกินวันละสองลิตร!

ถ้าสงสัยว่าตัวเองดื่มน้ำเกินความจำเป็นของร่างกายหรือเปล่า ให้ลองสังเกตตัวเองว่า เข้าห้องน้ำไปปัสสาวะเกิน 8 ครั้ง / วัน และสีปัสสาวะใสเหมือนน้ำเปล่าหรือไม่ ถ้าใช่ก็ลดปริมาณน้ำดื่มให้น้อยลงจะดีกว่าค่ะ


2. ไม่ได้กินของโปรดมา 2 - 3 สัปดาห์แล้ว


รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/shutterstock_61041577.jpg

แน่ล่ะว่าการไดเอทก็ต้องเลี่ยงอาหาร / ขนมของโปรดบ้างเพื่อไม่ให้น้ำหนักขึ้น ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าขอบชีส ข้าวมันไก่ ไอติมใส่นมและครีมข้นๆ หรือขนมปังทาเนยหอมกรุ่น แค่คิดก็หิวขึ้นมาเลย *p* แต่การอดไปเลยไม่ใช่ทางเลื่อกที่ถูกต้อง!

การไดเอทด้วยวิธีที่ " ตึง " และสุดโต่งเกินไป เช่น อยู่ในสถานการณ์ที่ไม่มีอาหารแคลอรี่ต่ำ แทนที่จะกินอาหารปกติแล้วจำกัดปริมาณ เธอเลือกที่จะอดอาหารมื้อนั้นไปเลยดีกว่า ( กลัวอ้วนจัด ) ทำให้เธอได้รับสารอาหารไม่เพียงพอ ในที่สุดเมื่อทนความหิวไม่ไหวก็ตบะแตกรัวๆ กินทุกอย่างที่ขวางหน้า ผลลัพธ์งั้นเหรอ...ก็อ้วนกว่าเดิมไงล่ะ

การอดอาหารประเภทแป้ง นมและเนยไปเลย ไม่ใช่วิธีที่ยั่งยืน เพราะเราจะอดแป้งไปทั้งชีวิตไม่ได้หรอก -.- ถ้าเธอกลับมากินแป้งเหมือนเดิม น้ำหนักจะเด้งกลับคืนมาอย่างรวดเร็ว ที่สำคัญจะทำให้เธอขาดสารอาหารด้วย ทั้งผิวหยาบ ผมร่วง ไม่มีแรง อ่อนเพลีย เหมือนซอมบี้มากกว่าคนสวยนะ!

หันมาอยู่ทางสายกลางด้วยการกินคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เช่น โฮลเกรน ข้าวกล้อง ขนมปังโฮลวีตที่มีไฟเบอร์ ถ้าไม่มีไฟเบอร์เลยจะทำให้เธอท้องผูกและมีปัญหากับระบบย่อยอาหาร และถ้าร่างกายขาดไขมันดี ( ซึ่งมีในผลิตภัณฑ์ประเภทนม ) ทั้งสมองและระบบความจำอาจได้รับผลกระทบ เช่น เบลอ ทำงานไม่รู้เรื่องได้ ดังนั้นกินแป้งตามสมควรดีกว่าค่ะ


3. ออกกำลังกายหนักๆ ทุกวัน ( ย้ำว่าทุกวัน! )


รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/shutterstock_273425732.jpg

" อ้าว ไดเอทก็ต้องคุมอาหารแล้วออกกำลังกายสิ ไม่อย่างนั้นจะผอมเหรอ " สาวๆ ขมวดคิ้วเมื่ออ่านถึงข้อนี้ ใช่ค่ะ เราไม่เถียงว่าการไดเอทต้องออกกำลังกาย แต่ถ้าเข้าฟิตเนสทุกวันไม่มีพัก ฝนตก ฟ้าผ่า เมื่อยจนขาจะแตกเป็นเสี่ยงๆ หน้ามืด เวียนหัวยังไงก็ต้องไปให้ได้ นั่นไม่โอเคแล้วล่ะ พักบ้างเถอะ!

สาวๆ บางคนถึงกับตัดขาดตัวเองจากสังคม ไม่ไปปาร์ตี้สังสรรค์กับกลุ่มเพื่อนเพราะกลัวอ้วน มาฟิตเนสคนเดียวนานๆ เข้าก็เกิดความรู้สึกเหงาหงอย แปลกแยก ซึ่งอาจเป็นสาเหตุให้เธอเครียด ซึมเศร้าและกลับไปหาอาหารเพื่อดับความทุกข์นั้น ( เวรกรรมจริงๆ -.- ) มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เธอไม่อาจใช้ชีวิตอยู่กับไอพอดไปตลอดชีวิตได้ หาจุดสมดุลที่ได้ใช้เวลากับเพื่อน ครอบครัวและการออกกำลังกายอย่างมีความสุขดีกว่า

ที่สำคัญ ร่างกายของเธอเป็นสิ่งทีมีเลือดเนื้อ มีชีวิตจิตใจไม่ใช่เครื่องจักร ต้องหาเวลาพักให้ร่างกายฟื้นฟูกล้ามเนื้อบ้าง = = ถ้าออกกำลังกายหนักรัวๆ โดยไม่พักเลย อาจทำให้ระบบเผาผลาญแปรปรวนได้อีกด้วย เพราะการพักผ่อนไม่เพียงพอมีผลต่อฮอร์โมนความหิว ทำให้กินเยอะขึ้นโดยปริยาย

เดินทางสายกลางด้วยการออกกำลังกายอย่างเหมาะสม และกินอาหารให้พอดีกับที่ร่างกายต้องการนั่นแหละ ดีที่สุดแล้ว!


4. กินอาหารที่พลังงานต่ำกว่า 1200 แคลอรี่ / วัน

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/shutterstock_220761682.jpg

วิธีหนึ่งที่ฮิตสำหรับสาวๆ ในปัจจุบันนี้ก็คือ " การกินอาหารแบบนับแคลอรี่ " เพระามีหลายรายออกมาพูดว่าได้ผลจริง เท่านั้นแหละขอทำตามทันที! จะกินอะไรต้องขอดูฉลากโภชนาการ ข้าวจานนี้กี่แคลอรี่ น้ำถ้วยนี้กี่แคลอรี่( ถ้าร้านป้าข้างทางติดฉลากได้ก็คงดูด้วยสินะ -.- ) ใช้ชีวิตอย่างหวาดระแวงคล้ายกับจะมีเจ้าหนี้จะมาล้างแค้น มีความสุขไหมล่ะนั่น!ปริมาณพลังงาน ( แคลอรี่ ) ที่ผู้หญิงคนหนึ่งต้องการในแต่ละวัน ขึ้นอยู่กับส่วนสูง, น้ำหนักปัจจุบัน, น้ำหนักเป้าหมายที่ต้องการ, กิจกรรมที่ทำในแต่ละวัน เมื่อรู้จำนวนแล้วก็ต้องกินตามนั้น ห้ามต่ำกว่านั้นเป็นอันขาด! ซึ่งปริมาณที่ต่ำสุดของผู้หญิงคือ 1200 แคลอรี่ค่ะถ้าเธอกินอาหารต่ำกว่า 1200 แคลอรี่ ร่างกายของเธอจะเริ่มเข้าสู่ " ภาวะจำศีล " และคิดว่ากำลังจะอดตาย ดังนั้นมันจะกักเก็บแคลอรี่ในอาหารทุกอย่างกลายเป็นไขมันทั้งหมด! แย่หน่อยนะที่ร่างกายแยกแยะไม่ออกว่า เธอแค่อยากอดเพื่อหุ่นดี หรือเธอไม่มีอะไรจะกินจริงๆ สุดท้ายผลลัพธ์ก็คือเนื้อย้วยๆ เผละๆ ที่เต็มไปด้วยไขมัน แม้น้ำหนักจะลดลงก็ตาม!เพื่อให้เธอลดน้ำหนักถึงเป้าหมาย ไม่เหนื่อย สมองเบลอ หิวอยู่ตลอดเวลา หรือเข้าสู่ภาวะลดน้ำหนักไม่ลง ( hit the plateau )  จงกินอาหารที่มีสารอาหารครบ พลังงานเพียงพอต่อวัน เราแนะนำให้ใส่ " ผัก " ลงไปในอาหารเยอะๆ และเน้นโปรตีนอย่างเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน เช่น เนื้อไก่และเนื้อปลา หรือกินถั่วซึ่งเป็นไขมันดี ทำให้อิ่มท้องไปได้ทั้งวันด้วยล่ะค่ะ


5. ชั่งน้ำหนักทุกวัน

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/shutterstock_219588832.jpg

" การชั่งน้ำหนัก " เป็นสิ่งที่ควรทำระหว่างไดเอท เพราะทำให้เรารู้ผลความคืบหน้าของตัวเองและมีกำลังใจในการลดน้ำหนักถึงเป้าหมาย แต่! ชั่งน้ำหนักทุกวันก็ออกจะเกินไปหน่อย ดูเหมือนคนย้ำคิดย้ำทำเสียมากกว่า =_=น้ำหนักของมนุษย์สามารถ " แกว่ง " หรือขึ้น-ลงได้ 1-3 กิโลกรัมภายในหนึ่งวัน เนื่องจากสาเหตุหลายประการ เช่น การกักเก็บน้ำในร่างกาย, อาการท้องผูก, เวลาที่เพิ่งกินมื้อสุดท้าย ( ยกตัวอย่างง่ายๆ แค่ก่อนและหลังขับถ่าย น้ำหนักก็ต่างกันเป็นกิโลแล้ว ) ดังนั้นอย่าชั่งน้ำหนักถี่เกินไป แค่สัปดาห์ละครั้งก็เพียงพอค่ะแทนที่จะเน้นแค่ตัวเลขน้ำหนัก สนใจความเปลี่ยนแปลงอื่นๆ ของร่างกายด้วย เช่น รู้สึกแข็งแรง คล่องแคล่วมากขึ้น, เสื้อผ้าที่เคยใส่แล้วคับกลับหลวม ไม่อึดอัดหน้าท้อง ซึ่งทำให้เธอมีกำลังใจมากขึ้น อย่าลืมใช้สายวัด วัดสัดส่วนทั้งเอว สะโพก ต้นขาและต้นแขน ตัวเลขที่ลดลงจะทำให้เธอฮึกเหิม ไม่ท้อแท้กลางทางเสียก่อนค่ะ ^^ยิ่งไปกว่านั้น การชั่งน้ำหนักซ้ำๆ ทุกวันจะทำให้เธอ " เสพติด "และลุ่มหลงอยู่กับตัวเลขบนตาชั่ง ถ้าน้ำหนักขึ้นก็เครียด หงุดหงิด วิตกกังวล กระสับกระส่าย พอน้ำหนักลงก็โล่งใจ สลับกันไปมาแบบนี้เป็นวงจรอุบาทว์สุดๆ = = พฤติกรรมแบบนี้ส่งผลต่อฮอร์โมนความเครียด และในที่สุดเธอจะคิดว่า " ช่างมันเถอะ! กินดีกว่า " แล้วกลับมาอ้วนอีกครั้งค่ะ


6. แรงจูงใจอย่างเดียวที่อยากผอมคือ " อยากสวย หุ่นดี "

รูปภาพ:http://www.womenshealthmag.com/sites/womenshealthmag.com/files/styles/slideshow-desktop/public/shutterstock_245554960.jpg

เธอรู้ไหมว่า ความคิดที่อยู่ภายในจิตใจส่งผลโดยตรงกับลักษณะ รูปร่างภายนอกของเธอ! ถ้าเธอคิดว่าตัวเองน่ารัก เธอจะยิ้ม หัวเราะและทำให้คนรอบข้างมีความสุข ในทางกลับกัน ถ้าเธอคิดว่าตัวเองไม่ดี ไม่มีคุณค่า เธอก็จะทำหน้าอมทุกข์อยู่ตลอดเวลา ทำให้คนอื่นคิดว่าเธอไม่มีค่าขึ้นมาจริงๆ!

มีงานวิจัยเปิดเผยว่า คนที่คิดว่าตัวเองน้ำหนักเกินเกณฑ์ มีแนวโน้มจะอ้วนขึ้นมากกว่าคนที่คิดว่าตัวเองน้ำหนักปกติ สาวๆ ที่เอาแต่เฝ้าย้ำว่าตัวเองอ้วน จะส่งผลให้พวกเธอเครียดจนปลง ไม่ดูแลตัวเอง ปล่อยตัวเป็นยายเพิ้ง ไม่มั่นใจในตัวเอง แม้เธอจะมีความคิดว่าอยากสวย ดูดีขึ้น แต่ถ้ายังสลัดความคิดด้านลบต่อตัวเองไม่ได้ ก็ยากที่เธอจะ " สวย " จากทั้งภายนอกและภายในค่ะ

แทนที่จะเอาแต่กล่าวโทษตัวเอง คิดว่าต้องเปลี่ยน " รูปร่าง " ให้ได้ ปรับมุมมองใหม่ว่า " จะทำอย่างไรให้ตัวเองมีความสุข ทั้งทางกาย สังคมและจิตใจ " ไม่ใช่แค่หุ่นดีเท่านั้น แต่ต้องมีความสุขในทุกวัน มองโลกในแง่บวกด้วยจึงจะเป็นคนสวยที่แท้จริง!

แค่ใช้ชีวิตตามปกติ เลือกอาหารเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์และออกกำลังกายบ้างตามสมควร เธอก็จะหุ่นดีขึ้น ไม่เครียด ส่งผลให้อารมณ์ดีและทำให้ผู้คนรอบข้างชอบเธอมากขึ้นด้วยล่ะ


=====================

อ่านทั้ง 6 สัญญาณนี้จบแล้ว ตรงกับวิธีไดเอทของสาวๆ ที่กำลังทำอยู่ ( หรือกำลังคิดจะทำ ) บ้างหรือไม่ ถ้าใช่รีบเลิกพฤติกรรมเหล่านี้เสีย! การดันทุรัง ทำสิ่งที่ฝืนธรรมชาติเช่น การอดอาหาร ดื่มน้ำแทนข้าว ออกกำลังกายหักโหม ชั่งน้ำหนักทุกวันจนกลายเป็นโรควิตกกังวลนั้นไม่ยั่งยืนถาวร และเมื่อร่างกายรับไม่ไหวขึ้นมาเมื่อไหร่ ภาวะ " โยโย่เอฟเฟกต์ " มาแน่นอน เผลอๆ เธอจะกลับมาอ้วนกว่าเดิมด้วยซ้ำ

ทางที่ดีที่สุดคือ เดินทางสายกลาง! กินอาหารให้พอเหมาะ ไม่มากไป ไม่น้อยไป ลดของมัน ของทอด ขนมหวาน ของขบเคี้ยวนอกมื้อหลัก ควบคู่กับการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เท่านี้ก็หุ่นสวยสุขภาพดีได้แบบชิวๆ ไม่ต้องพึ่งยาลดความอ้วนยี่ห้อไหน และไม่กลับมาอ้วนอีกแน่นอนค่ะ

=====================


บทความที่เกี่ยวข้อง