หลังจากภาค 1 และ 2 พี่อาร์ตรีวิวที่เที่ยวที่กินของฮ่องกงไปแล้ว บทความนี้จะเป็นภาคสุดท้ายค่ะ และจะพาข้ามไปดินแดนมาเฟีย " มาเก๊า " ก่อนจะกลับไทยกัน


2 บทความที่แล้ว พี่อาร์ตรีวิวที่กินที่เที่ยวในเกาะฮ่องกงไปแล้ว ในบทความนี้จะเป็นภาคสุดท้ายของทริปฮ่องกงค่ะ ที่จะพาไปแลนด์มาร์กยอดฮิต" ดิสนีย์แลนด์ "แล้วข้ามไปดินแดนมาเฟีย" มาเก๊า "ที่ว่ากันว่าเป็นสวรรค์ของนักเสี่ยงโชคทั่วโลกแหล่งหนึ่งเลย



วันสุดท้ายของการอยู่ฮ่องกง จะตื่นตัว ลั้ลลาเป็นพิเศษค่ะ เพราะจะได้บ๊ายบายห้องเช่ารังหนูซะที แล้วไปดิสนีย์แลนด์กัน ก็ตื่นเช้าประมาณ 8 โมงกว่า ๆ แล้วรีบจัดการธุระส่วนตัว รีบออกจากห้องเช่าย่านมงก๊ก ตีตั๋ว MTR ไปที่ดิสนีย์แลนด์ค่ะ ( จิ้ม google map เหมือนเดิม หลงทาง ไม่รู้ทาง เจ้า google map ช่วยชีวิตได้เยอะมากค่ะ )ที่ใกล้ ๆ สถานี MTR มีร้านขายอาหารแบบ take home เยอะมากค่ะ ราคาถูก เลือกกินได้เลย มื้อเช้าวันนั้นพี่อาร์ตกับแฟนเลือกซื้อหมี่ผัดที่แถมชามะนาวกล่องนึง ราคาเซ็ตละประมาณ 34 ดอลลาร์ฮ่องกง ตอนนั้นเหลียวซ้ายแลขวาก็ไม่มีที่นั่งให้นั่งเลย พี่อาร์ตกับแฟนก็ยืนกินแถว ๆ สถานี MTR นั่นแหละค่ะ แล้วรีบทิ้งขยะ รีบขึ้น MTR ไปลงดิสนีย์แลนด์


รูปภาพ:

รถไฟฟ้าขบวนที่จะไปดิสนีย์แลนด์ เป็นขบวนพิเศษกว่าใครตรงที่ตกแต่งให้รู้เลยค่ะว่าจะไปหามิกกี้เม้าส์และผองเพื่อนกัน ทั้งหน้าต่าง ราวจับ รูปปั้น จะเด่นเป็นพิเศษเลย และความพิเศษกว่านั้นก็คือ ขบวนนี้ค่อนข้างกว้างพอที่จะเหยียดแขนขาได้สบาย ใครเอากระเป๋าลากมาด้วยก็ไม่มีปัญหา


รูปภาพ:

พอรถไฟฟ้ามาเทียบที่สถานีแล้ว ใครมีกระเป๋าลากหรือรถเข็นเด็ก ก็ต้องไปขึ้นลิฟต์ค่ะ ส่วนใครที่สะพายเป้มา ก็ขึ้นบันไดไปได้เลย ( พี่อาร์ตกับแฟนกระเตงกระเป๋าเดินทางมาด้วย ก็ขึ้นลิฟต์กันค่ะ ) พอขึ้นมาปุ๊บ ก็เดินผ่านศาลาเข้าไปลานกว้าง ๆ แล้วก็เดินเข้าไปที่ประตูชั้นในอีกทีค่ะ ยื่นตั๋วให้เจ้าหน้าที่สแกนได้เลย ( ของพี่อาร์ตกับแฟนจองผ่านระบบออนไลน์มาล่วงหน้าแล้ว ก็ปริ๊นท์เอกสารมาแล้วให้เขาสแกน แค่นี้เอง ง่ายมาก )

ปล. โหลดแอพฯDisneyland Hongkongมาล่วงหน้าจะดีมากค่ะ เพราะจะทำให้เรารู้เลยว่า โปรแกรมโชว์พิเศษน่าสนใจในวันนั้นมีอะไรบ้าง และยังมีแผนที่แบบ Real Time ป้องกันหลงทางด้วยนะคะ เพราะข้างในค่อนข้างกว้าง ร้อน ถ้าเดินไปแบบไม่มีแผนอะไรเลย เหนื่อยแน่ค่ะ


รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

จริง ๆ ก็เดินไม่ทั่วเท่าไหร่ค่ะ ยังมีอีกหลายจุดที่ไม่ได้เที่ยว แต่ต้องทำเวลาข้ามไปมาเก๊าให้ได้ เวลาประมาณบ่าย 3 ครึ่งก็รีบเช็คเอ้าท์ แล้วกดตั๋วไปเกาะเกาลูนค่ะ ( ไปที่เกาะเกาลูนแล้วก็หาทางไปมาเก๊าค่ะ )

ปล. ตั๋ว MTR ก็ซื้อตรงที่เป็นศาลาเขียว ๆ นั่นแหละค่ะ ( ในรูปบน ) ตอนเช็คเอ้าท์ออกมา จะมีเจ้าหน้าที่ดักให้ทำแบบสอบถามนะคะ อย่าเพิ่งตกใจค่ะ ถ้าไม่สะดวกจริง ๆ ปฏิเสธกันได้ ถ้าสะดวกก็ใช้เวลาแป๊บเดียวค่ะ จะได้สติ๊กเกอร์การ์ตูนเป็นที่ระลึก


จำไม่ได้ว่าลงที่สถานีไหนนะคะ จำได้แค่ว่าจิ้ม google map ว่า macau ก็จะบอกเส้นทางให้มาที่ท่าเรือก่อน ( ท่าเรือเฟอร์รี่จิมซาจุ่ย-เกาลูน ) พอถึงท่าเรือ ก็จะมีนายท่าเก็บค่าตั๋ว คนละประมาณ 12 ดอลลาร์ฮ่องกงค่ะ


รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

พอถึงพื้นดินเกาะเกาลูน เดินออกมาจากเรือก็จะเป็นท่ารถเมล์พาไปทีต่าง ๆ ค่ะ ตรงนี้คือพี่อาร์ตกับแฟนงงกัน ไม่รู้ว่าจะต้องไปยังไงต่อ เลยถามพี่ผู้ชายที่ใส่แว่นนั่งเฝ้าตู้กดน้ำแถวนั้น พี่ผู้ชายคนนั้นดีมาก ภาษาอังกฤษฟังง่ายดี ค่อย ๆ พูดช้า ๆ โทรไปหาโรงแรมที่เราจะพักด้วยว่าต้องไปทางไหน ( ถามทางแทนพี่อาร์ตกับแฟน ) แล้วเขาก็บอกว่าต้องขึ้นรถเมล์ไปก่อน แล้วไปลงที่โบสถ์ยูเนียน แล้วค่อยหารถเมล์ต่อไปอีก

ปล. รถเมล์ที่ฮ่องกง-เกาลูน-มาเก๊า ต้องเตรียมเงินมาพอดีนะคะ ไม่มีเงินทอนให้ ถ้าให้มาเกิน ก็คือให้แล้วให้เลย

ปล.2 รถเมล์ที่ฮ่องกง-เกาลูน-มาเก๊า ประตูหน้ามีไว้สำหรับคนขึ้นมาค่ะ ประตูหลังมีไว้ลง อย่าเข้าผิดประตูนะคะ จะเสียเวลามาก ๆ

ปล.3 ถ้ามีแบงก์ใหญ่อยู่ พยายามไปแตกแบงก์ที่ร้านสะดวกซื้อค่ะ มีเยอะแยะ หาได้ไม่ยาก


รูปภาพ:

รูปภาพ:

ข้ามถนนมา จะเจอสถานีรถไฟฟ้า MTR Jordan B2 จิ้มเลือกไปที่ Sheung Wan ค่ะ ( จากสถานี Jordan ไปลงที่ Central เดินออกมา หาขบวนสายสีน้ำเงิน ไปลงที่สถานี Sheung Wan ) แล้วเดินออกจากสถานีประมาณ 600 เมตร ก็จะเจอตึกที่เป็นทางเข้า Macau Ferry Terminal กดลิฟต์ขึ้นไป เช็คอินกับเค้าน์เตอร์ได้เลย เพราะจอง speed boat ผ่านแอพฯ Klook มาแล้ว


รูปภาพ:

รูปภาพ:

บรรยากาศภายในเรือสปีดโบ๊ทก็คล้าย ๆ กับเฟอร์รี่ค่ะ แต่เบาะจะคล้ายรถเมล์ มีแต่เหล่าอาจุมม่านักแสวงโชคคอยเสียงดังโช้งเช้ง ๆ ไปมา ตรงนี้จะใช้เวลาประมาณเกือบชั่วโมงค่ะในการข้ามจากเกาลูนไปมาเก๊า ( ใครสะดวกจะนั่งรถทัวร์อาจไวกว่านี้ค่ะ ช่วงนั้นพี่อาร์ตกับแฟนมาทันช่วงที่เขาเปิดทางเชื่อมสำหรับคนใช้รถพอดี แต่เราไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้า เลือกจองตั๋วเรือไปแล้ว ก็นั่งเรือข้ามไปละกัน )


พอมาถึงที่ปลายทาง ก็รีบถามประชาสัมพันธ์เลยค่ะว่า Public Bus ไปรอตรงไหน เพราะไปเห็นแต่ป้ายทางไปที่จอดรถของพวกทัวร์ ป้าย Public Bus ก็มี แต่ไม่แน่ใจว่ามันชี้ไปทางไหนอีก ก็ตั้งใจฟังเจ้าหน้าที่ชี้ อธิบาย รีบขอบคุณเขา แล้วก็งม ๆ ทางมาค่ะ ที่รอรถเมล์สาธารณะ ( Public Bus ) ถ้าหันออกมาจากประชาสัมพันธ์ จะอยู่ประตูซ้าย เดินเลาะ ๆ มาเรื่อย ๆ ค่ะจนถึงฟุตปาธที่เป็นที่คนรอรถเมล์อยู่ ก่อนจะขึ้นไปสายไหน เปิด Google Map ช่วยหาอีกทีค่ะว่า โรงแรมที่เราจะไปพักนั้นต้องนั่งรถเมล์เส้นไปไหนลงได้บ้าง ( ของพี่อาร์ตกับแฟน ต้องไปลงที่โรงแรม Sofitel ค่ะ เพราะมันอยู่ตรงข้ามกันพอดี )

ปล. รถเมล์ที่มาเก๊า จะเป็นภาษาจีนกับภาษาอะไรไม่รู้ค่ะที่เป็นตัวอักขระภาษาอังกฤษ แต่มีอักขระพิเศษเพิ่ม สายตาต้องไวพอควร ห้ามคลาดสายตาเด็ดขาดนะคะ เปิด Google Map แล้ว ก็เอาชื่อเส้นทางภาษาอังกฤษมาเทียบกับรถเมล์ที่เราจะนั่งอีกทีว่ามันตรงกับภาษาบ้านเขาว่าอะไร ( ไอ้ที่เป็นอักขระพิเศษนั่นแหละค่ะ ) แล้วก็จับตาดูที่หน้าจอ LED ค่ะว่าขึ้นเตือนว่าจะถึงป้ายไหนแล้ว จอดป้ายไหนแล้ว การเดินทางที่นี่ลำบากหน่อยเพราะเขาไม่ค่อยใช้ภาษาอังกฤษกันค่ะ )


รูปภาพ:

พอถึงที่หมายปลายทาง ก็รีบข้ามถนน เข้ามาเช็คอินโรงแรมค่ะ โรงแรมที่นี่ราคาถูกสุดก็คืนละ 2,500 บาทโดยประมาณ ... อ่านไม่ผิดค่ะ คืนละอย่างต่ำ " สองพันห้าร้อยบาท " โดยประมาณ เหตุที่ราคาสูงกว่าฮ่องกงหลายเท่าตัว เพราะที่นี่ค่าครองชีพสูงกว่าเยอะค่ะ อีกทั้งที่นี่ก็ล้วนแต่เป็นสวรรค์ของนักพนัน อะไร ๆ ก็ต้องทำให้ดูดี ดูเป็นระเบียบด้วย

ที่พักที่ที่อาร์ตกับแฟนพัก เป็นแบบต้องเข้ามาจ่ายตังค์ตอนเช็คอินค่ะ โดยทางโรงแรมจะเก็บค่าใช้จ่าย 2 ส่วนคือค่าห้องพักและค่ามัดจำคีย์การ์ด ( ใครจะจองโรงแรม อ่านเงื่อนไขให้ดีก่อนจองนะคะ ตอนแรกก็ช็อค เกือบไม่มีจ่ายเพราะเงินสดมีอยู่แค่ไม่กี่ร้อยดอลลาร์ฮ่องกง ต้องเอาไปใช้วันต่อไปอีก แต่โชคดีที่เอาบัตรเครดิตไปด้วยแล้วรูดได้ค่ะ ^^ ) พอเช็คอินปุ๊บ ก็กระเตงกระเป๋าขึ้นบันไดไปค่ะ ห้องสะอาด ดูดี มีครบ สมราคาคืนละ 2,500 มาก ๆ มีอ่างอาบน้ำ มีไดร์เป่าผม มีแปรงสีฟันพร้อมยาสีฟัน มีรองเท้าสลิปเปอร์ มีหวีให้ด้วย ปลั๊กก็ไม่ต้องใช้ adapter แปลงหัวอีกทีเลย เพราะมีให้พร้อมทุกแบบ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปค่ะ เพราะมือถือแบตฯ จะหมด กล้องก็ยังถ่ายที่มืดไม่ได้ แสงน้อยเดี๋ยวมองอะไรแทบไม่เห็น

มื้อเย็นในวันนั้นที่ได้กินกันก่อนจะนอนก็เป็นอาหารง่าย ๆ ในร้านสะดวกซื้อตรงข้ามกับโรงแรมที่พักค่ะ ร้านสะดวกซื้อที่นั่นจะให้ลูกค้าบริการตัวเอง เวฟอาหารเอง และจะให้ถุงพลาสติกก็ต่อเมื่อของนั้นเป็นชิ้นใหญ่มาก ๆ หรือมีหลายชิ้น ถ้าชิ้นเล็ก ๆ ไม่ใส่ให้ เพื่อลดมลพิษเหมือนกับเกาะฮ่องกง ( ใครจะกินอะไร จ่ายตังค์ก่อนค่อยเวฟนะคะ พี่อาร์ตโดนอาจุมม่าพนักงานดุนิดนึง เพราะไม่รู้ว่าเขาต้องจ่ายก่อน เห็นมีเตาไมโครเวฟอยู่ใกล้ ๆ ชั้นวางอาหารก็จัดการเวฟเองเลย เพราะนึกว่าเลือกของแล้วเวฟค่อยจ่าย 555 )


รูปภาพ:

ก่อนนอนก็เปิด google map อีกทีว่า ถ้าจะไปสนามบินมาเก๊าต้องนั่งรถเมล์สายไหน เที่ยวรถกี่โมง พอวางแพลนได้ปุ๊บก็รีบนอนค่ะ ตื่นอีกทีก็ประมาณ 6 โมงกว่าเลย ต้องรีบตื่น เพราะเดี๋ยวไม่ทันเที่ยวรถ แล้วเดี๋ยวจะตกเครื่อง กลับไทยไม่ทัน

รถเมล์สายที่จะไปสนามบินก็ไม่ยากเย็นเท่าสายอื่นค่ะ เพราะขึ้นแล้วยิงยาวไปจอดที่สนามบินเลย ( ระหว่างทางก็มีแวะจอดรับตามจุดของเขา เพียงแต่เราไม่ต้องไปหลายต่อแบบลงจากสายนี้แล้วขึ้นสายนั้นต่อไป อันนี้คือไปเรื่อย ๆ สบาย ๆ ค่อยลงตอนที่หน้าจอบอกสถานีของเราเหมือนเดิม )


รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

คนที่นี่ก็คล้าย ๆ กับคนฮ่องกง แต่ต่างกันที่คนฮ่องกงจะพูดภาษาอังกฤษได้เยอะกว่า และฟังง่ายกว่าค่ะ จากรูปบน ขวามือคือเส้นทางที่รถเมล์ที่เรานั่งอยู่จะแวะจอด เราก็เช็คไปเรื่อย ๆ ได้ค่ะว่าถึงไหนแล้ว ลองเทียบระยะใกล้ไกลดู แล้วก็เช็คมอนิเตอร์ดู ต้องทำแบบนี้มากกว่าจะสังเกตสถานที่ข้างนอกเอา ก็เพราะอย่างที่บอกไว้ค่ะว่า ป้ายรถเมล์เขาจะใช้ภาษาจีนกับภาษาอังกฤษที่เป็นอักขระพิเศษ เราต้องช่างสังเกตมาก ๆ จำรายละเอียดให้มากที่สุด จะได้ไม่พลาด


รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

พอมาถึงสนามบินมาเก๊า ก็รีบเช็คอินกับตู้เช็คอินอัตโนมัติเลยค่ะ เพราะขากลับเราสองคนกลับแอร์เอเชียกัน บินตรงจากมาเก๊าเข้าภูเก็ตเลย กางพาสปอร์ตแล้วให้เครื่องสแกนปิ๊บ ปริ๊นท์ตั๋ว แล้วก็เดินสวย ๆ เข้าไปหาอะไรกินกันที่ฟู้ดคอร์ทชั้น 2


รูปภาพ:

รูปภาพ:

รูปภาพ:

ผ่าน ตม.มาได้สบายก็แวะละลายทรัพย์ที่ duty free ค่ะ ของฝากที่นี่ก็มีหลากหลาย ตอนนั้นเหลือตังค์กันแค่ 400 กว่าดอลลาร์ฮ่องกง เลยได้แค่ลูกอมสมุนไพร 2 แพ็คใหญ่กับขนมกรุบกรอบนิดนึง ( duty free ไม่รับเหรียญดอลลาร์ฮ่องกงนะคะ รับแต่แบงก์ค่ะ เก็บเหรียญไว้เป็นที่ระลึกได้เลยค่ะ )


รูปภาพ:

สรุปแล้ว ทริปฮ่องกงและมาเก๊าครั้งนี้ ที่พี่อาร์ตไปกับแฟนนั้น ใช้เงิน 25,000 บาทโดยประมาณค่ะ ตีเป็นเลขกลม ๆ คร่าว ๆ นะคะ ไม่เป๊ะ เป็นค่าใช้จ่ายตั้งแต่ค่าโรงแรม, ค่าตั๋วเครื่องบิน, ตั๋วเครื่องเล่น และ pocket money ค่ะ ฟังดูแล้วอาจจะแพง ดูเยอะไป แต่ถ้าแบ่งเป็นส่วน ๆ ทยอยจ่ายทีละส่วน เหลือแค่ pocket money ไว้ 10,000 บาท ใช้กัน 2 คนก็ถือว่าปลอดภัยดีไม่มีห่วงแล้วค่ะ ส่วนใครที่มีบัตรเครดิต เอาไปด้วยก็ช่วยได้เยอะในกรณีที่ต้องการทุ่นค่าใช้จ่าย ไม่อยากจ่ายสด เก็บเงินสดไว้ค่ากินค่าเที่ยวระหว่างทางได้เยอะค่ะ

การแพ็คกระเป๋า พี่อาร์ตแนะนำว่าให้เป็นเป้ติดตัวสักใบ และกระเป๋าเดินทางแบบล้อลากอีกใบ แค่นี้พอค่ะ กระเป๋าเป้เอาไว้ใส่สิ่งของจำเป็นที่ต้องควักมาใช้บ่อย ๆ เช่น กระเป๋าตังค์, กล้อง, เอกสารสำคัญ, สมุดโน้ต, พาสปอร์ต, น้ำดื่ม หาเป็นที่มีซิปหนาแน่นและไม่ตุงมาก ไม่ใหญ่เกิน จะดีมากค่ะ ส่วนกระเป๋าล้อลากก็ไม่ต้องอายที่จะกระเตงไปไหนด้วย เพราะที่ฮ่องกง-มาเก๊า คนลากกระเป๋าไปมาเป็นภาพที่ธรรมดามาก ๆ ของคนที่นั่นไปแล้ว หลายคน หลายประเทศ ต่างแวะมาเพื่อเที่ยว, ธุรกิจ, การพนัน เลยไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร

จบแล้วค่ะรีวิวเที่ยวฮ่องกงแบบรีบ ๆ และตามประสาคนที่ทยอยเก็บเงิน ทยอยจ่าย ใครคิดจะแพลนไปเที่ยวตามที่พี่อาร์ตรีวิวก็ปรับเปลี่ยนกันได้ตามความเหมาะสมนะคะ ขอให้โชคดี เดินทางปลอดภัย สนุกตลอดทริปจ้า ^^