บทนำ


“คุณว่ารักแท้จะแพ้ใกล้ชิดมั้ย? ”


ขอเชิญพบกับ‘Love & Distance’รายการเรียลลิตี้กึ่งสารคดี ที่จะจับคู่รักสองคู่มาสลับคู่กัน ทั้งเขาและเธอจะต้องไปใช้ชีวิตอยู่ร่วมกับคนรักของคนอื่น ในขณะที่แฟนตัวเองแทบจะไม่ได้เจอหน้า!


กำหนดเวลาคือ3เดือนก่อนที่คู่รักทั้งสองจะได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้ง แล้วมาดูกันสิว่าสุดท้ายแล้วรักแท้จะแพ้ใกล้ชิดจริงหรือเปล่า!?


ภาพอนิเมชั่นเปิดตัวรายการพร้อมเพลงประกอบสุดอลังการดังขึ้นก่อนที่กล้องจะตัดมารับหน้าฉันพร้อมกับขึ้นชื่อกำกับว่า‘คริสตัล’ฉันที่ตั้งตัวไม่ทันถึงกับนั่งตัวแข็งทื่ออยู่บนเตียง ดวงตาสีฟ้าจับจ้องไปยังชายแปลกหน้าที่นั่งห่างออกไปไม่ไกลนัก


ชายหนุ่มแปลกหน้าคนนั้นนั่งขัดสมาธิอยู่ที่ปลายเตียงฝ่ามือกว้างของเขาจับอยู่ที่บริเวณข้อเท้าแล้วเอนตัวเล่นไปมาเหมือนตุ๊กตาล้มลุก ปอยผมสีแดงเข้มเหมือนไวน์ของเขาสั่นไหวไปตามแรงขยับฉันมองตามการเคลื่อนไหวนั่นไปในขณะที่ดวงตาสีมรกตที่เหมือนจะยิ้มได้ของเขาจับจ้องกลับมาที่ฉัน


“สวัสดี ฉันชื่อชีต้าห์” ชายหนุ่มยิ้มกว้างจนตาหยี “แล้วเธอล่ะ”


“คริสตัล...” ฉันตอบ เมื่อพูดไปแล้วฉันถึงได้เพิ่งมารู้สึกว่าน้ำเสียงของตัวเองมันแข็งกระด้างสิ้นดี ราวกับตัวเองกำลังท่องบทอยู่อย่างไรอย่างนั้น


...แต่เอาจริงๆ ฉันก็ท่องบทอยู่จริงๆ นั่นแหละ ก็ด้านหลังชีต้าห์ยังมีทีมงานอีกเป็นฝูงคอยถือป้ายสคริปบทพูดให้ฉันอ่านตาม เนื่องจากฉันเป็นนักแสดงหน้าใหม่ ทุกคนก็เลยกลัวว่าฉันจะลืมบทพูดแต่อันที่จริงฉันก็ไม่ใช่หน้าใหม่เสียทีเดียวหรอก เพราะก่อนหน้านี้ฉันก็เคยแสดงละครมาบ้าง แค่เป็นละครเวที ไม่ใช่ละครโทรทัศน์แค่นั้นเอง ดังนั้นฉันจึงจำบทได้แน่นอนร้อยเปอร์เซ็น การเอาสคริปมายืนโบกไปโบกมาแบบนั้นแหละที่จะทำให้ฉันเสียสมาธิ


แล้วนอกจากระบำสคริปของทีมงานแล้วยังมีคุณมินตราผู้กำกับและเจ้าของรายการที่จ้องเขม็งมาที่ฉันอย่างกับจะกินเลือดกินเนื้อนั่นอีก คุณมินตราเป็นผู้หญิงประหลาดที่แค่มองเฉยๆ ก็ทำให้คุณกลัวจนตัวสั่นได้แล้ว แล้วแบบนี้ใครมันจะไปทำตัวชิลอยู่ได้ล่ะ!


“นี่คือการพบกันครั้งแรกของชายหญิงทั้งสอง ดูเหมือนคริสตัลของเราจะประหม่านะครับ” ตากล้องยกกล้องขึ้นบ่าแล้วถ่ายวนรอบตัวฉัน


‘นี่เรียลลิตี้นะโว้ย ไม่ใช่หนังเมืองคานส์ แกจะดอลลี่รอบตัวฉันเพื่อ!?’ ฉันสบถอยู่ในใจพร้อมทั้งพยายามสะกดจิตตัวเองไม่ให้หันไปมองตากล้องคนนั้น


“เธอคงจะตื่นเต้นมาก ดูสีหน้าของเธอสิครับท่านผู้ชม” ตากล้องยื่นกล้องเข้ามาใกล้ๆ จนเกือบจะชิดหน้าฉัน


“ถ้าจะซูมขนาดนี้พี่ก็ไม่เอากล้องตบหัวหนูเลยดีกว่าค่ะ” ฉันหลุดโผล่งออกมา


“คัท!” คุณมินตราสั่งทันทีที่คำพูดไม่เข้าหูของฉันเดินทางผ่านอากาศเข้าไปกระทบกับโสตสัมผัสของเธอ“เมื่อกี้เธอว่ายังไงนะ”


‘เวรแล้วไง’ ฉันสบถกับตัวเอง


“เธอมีปัญหาอะไรกับรายการฉัน ว่ามาซิ” คุณมินตราก้าวเท้าฉับๆ มาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าฉัน แล้วเชิดหน้ามองเหยียดลงมา


ฉันถึงกับกลืนน้ำลายเอื้อกปกติฉันก็เป็นคนขี้กลัวอยู่แล้ว ยิ่งพอมาเจอผู้หญิงที่มีมาดราชินีแบบคุณมินตราแล้วยิ่งรู้สึกสั่นเข้าไปใหญ่ ริมฝีปากบางของฉันสั่นระริก เม็ดเหงื่อเย็นผุดขึ้นเต็มใบหน้าขาวซีด จู่ๆ ก็รู้สึกอยากจะวิ่งหนี อยากกระโดดออกนอกหน้าต่างอพาร์ตเม้นชั้น11อันเป็นสถานที่ถ่ายทำให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลย!


“ว่ายังไง? ” คุณมินตราถามซ้ำพลางส่งสายตาน่าสะพรึงกลัวใส่ ราวกับจะบอกว่า ‘เธอหนีฉันไม่ได้หรอก ถ้าเธอหนีฉันก็จะตาม และถ้าเธอตายฉันก็จะตามไปกระชากขึ้นมาจากนรก!!’


‘กรี๊ดดดดดดดด น่ากลัวเกินไปแล้ว!!!’ ฉันหวีดร้องอยู่ในใจ


“ค...ค...ค...คือว่า” ฉันพยายามควบคุมริมฝีปากที่สั่นเป็นเจ้าเข้าให้พูดตอบคุณมินตราไปให้ได้“น... หนูคิดว่าถ้าตั้งกล้องแอบถ่ายไว้เฉยๆ น่าจะดีกว่าน่ะค่ะ นักแสดงจะได้ไม่เสียสมาธิด้วย”


“เธอจะบอกว่าวิธีการถ่ายรายการของฉันมันไม่ดีอย่างนั้นเหรอ” คุณมินตราพูด เธอก็แค่พูดธรรมดา แต่ฉันกลับเห็นภาพราชสีย์คำรามซ้อนทับขึ้นมาได้ยังไงก็ไม่รู้


“ก... ก็ไม่ใช่ว่าไม่ดีหรอกค่ะ” ฉันละล่ำละลัก ก็จะให้พูดได้ยังไงล่ะว่ามันไม่ดีทั้งรายการนั่นแหละค่ะ รายการที่เฟคสนิทแบบนี้กล้าเรียกตัวเองว่าเป็นเรียลลิตี้ได้ยังไง คนดูเขาไม่เอะใจบ้างเหรอว่าทำไมฉันอยู่บ้านเฉยๆ แต่ดันแต่งหน้าจัดเต็ม ติดขนตาแผงใหญ่สุด ใส่เดรสหางปลายาวลากพื้นแบบนี้


ทว่ามหกรรมแห่งการหลอกลวงยังไม่จบ เพราะ ‘แฟน’ ของฉันที่โดนจับแยกให้ไปอยู่กับแฟนของชีต้าห์น่ะ มันไม่ใช่แฟนของฉันจริงๆ สักหน่อย แต่เป็นเพื่อนสนิทของฉันที่ชื่อซิลต่างหาก ส่วนแฟนตัวจริงน่ะกำลังยืนส่งสายตาอาฆาตอยู่ข้างๆ กล้องเบอร์สี่โน่น!


เขาชื่อยู ทำงานเป็นกราฟฟิคให้บริษัทออกแบบชื่อดังแห่งหนึ่ง แต่ด้วยความที่เป็นผู้ชายหน้าสวย พอเขาไว้ผมยาวเหมือนพวกติสท์ๆแล้วเลยยิ่งดูเหมือนผู้หญิงเข้าไปใหญ่ แต่กระนั้นยูก็ยังจัดได้ว่าหน้าตาระดับนายแบบ ฉันเลยคิดว่าเขาน่าจะออดิชั่นเข้ามาแสดงเรียลลิตี้นี้คู่กับฉันได้ไม่ยาก


แต่พอเอาเข้าจริงยูดันออดิชั่นไม่ผ่าน!!


แค่ยูออดิชั่นไม่ผ่านก็ว่าน่าปวดตับแล้ว แต่นี่ไหนจะยังเรื่องกล้องอีก ไม่รู้ทางรายการจะใช้กล้องหลายตัวไปทำไม รายการนี้มันรวยมากนักเหรอ ถ้าหาสปอนเซอร์ได้เพิ่มอีกนิด พี่จะขึ้นฮอถ่ายเลยมั้ย!? ภาพนี่ก็ตัดไปกล้องโน้นทีกล้องนี้ทีจนงงไปหมดแล้วว่าฉันต้องมองกล้องไหนกันแน่!?


ถึงในใจฉันจะพรั่งพรูออกมาขนาดนั้น แต่พอเอาเข้าจริงก็พูดไม่ออกหรอก แต่นี่ขนาดฉันไม่ได้พูด เจ้าของรายการสาวสวยคนนั้นก็ขมวดคิ้วแน่นพลางจ้องมองลงมาที่ฉัน จนฉันรู้สึกกลัวจนอยากจะสไลด์ตัวลงไปกราบขอขมาพร้อมพานดอกไม้ธูปเทียนครบชุดเลย (ยกโทษให้นังคริสตัลมันเถอะเจ้าค่ะ)


“นี่เธอ... ลืมสถานะตัวเองไปหรือเปล่า” คุณมินตราพูดด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ“งั้นฉันจะย้ำให้ฟังอีกรอบก็ได้ เธอเป็นนักแสดง!ต่อให้เป็นพวกหน้าใหม่ยังไง เธอก็ยังเป็นนักแสดง! เพราะฉะนั้นต่อให้ฉันใช้ให้เธอไปแสดงที่ไหนยังไง เธอก็ต้องแสดงให้ได้! ต่อให้ฉันบอกให้เธอไปเป็นลมแดดกลางพายุหิมะ หรือให้ทำท่าหนาวกลางทะเลทราย เธอก็ต้องทำ!”


“กรี๊ดดดดดดด หนูขอโทษค่า!!”


หญิงสาวเจ้าของรายการย่างสามขุมเข้ามาใกล้พร้อมทั้งมองด้วยสายตาแหลมคมประดุจใบมีดราวกับว่าแค่เธอตวัดหางตาครั้งเดียวก็สามารถตัดคอฉันได้แล้ว


ฉันถึงกับนั่งตัวเกร็ง ทำอะไรไม่ถูก ฉันรู้สึกอยากจะวิ่งหนีไปใจแทบขาด แต่ทำไม่ได้เพราะมีทีมงานยืนขวางประตูอยู่ แล้วถ้าจะให้ฉันกระโดดพุ่งตัวหนีออกไปทางกระจกระเบียงเหมือนในหนังแอ็คชั่นก็เกรงว่าจะดูโหดเกินไปแถมดีไม่ดีเรื่องอาจพลิกกลายเป็นหนังสยองขวัญเลือดสาดอีกต่างหาก


“แต่ผมว่าที่คริสตัลพูดมามันก็มีเหตุผลนะ”


ทั้งฉันและคุณมินตราต่างพากันหันขวับไปที่ต้นตอของเสียงอย่างรวดเร็ว แล้วพวกเราก็พบว่าคำพูดนั้นหลุดออกมาจากปากของชีต้าห์ ชายหนุ่มผมแดงที่ดูเหมือนจะไม่ได้เกรงกลัวคุณมินตราเลยสักนิด


“ถ้านักแสดงเล่นออกมาเป็นธรรมชาติมันก็ดีแล้วไม่ใช่เหรอ แถมถ้าไล่คริสตัลออกตอนนี้ ก็ต้องเสียเวลา เสียแรงหานักแสดงใหม่อีกนะ ลองคิดดูดีๆ สิ คุณมินนี่”


“มินตราโว้ย! อย่ามาตั้งชื่อเล่นให้ฉันนะ ไอ้เด็กเมื่อวานซืน!” คุณมินตราคำรามลั่น แต่พอนึกขึ้นได้ว่ามันเสียภาพพจน์ เธอก็กลับมาวางมาดนิ่งอีกครั้ง “แต่ที่พูดมาก็มีเหตุผลพอฟังได้ งั้นฉันจะให้โอกาสพวกเธอเล่นกันเองแบบไม่มีทีมงานคอยช่วยแล้วกัน”


คุณมินตราทิ้งช่วงไปสักพักก่อนจะพูดต่อ“แต่อย่าลืมซล่ะว่าต่อให้พวกเธอมีแฟนอยู่แล้ว พวกเธอก็ต้องแสดงท่าทีหวั่นไหวต่ออีกฝ่ายบ้างเป็นครั้งคราว คนดูเขาจะได้ไม่เบื่อ เข้าใจมั้ย”คุณมินตรากำชับก่อนสั่งเลิกกอง


“ครับ/ค่ะ” ฉันกับชีต้าห์รับปากเป็นเสียงเดียวกัน


ฉันนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปถามคุณมินตรา “แล้วจะให้หนูแสดงคาแรคเตอร์แบบไหนออกมาเหรอคะ”


“ก็แสดงเป็นตัวเธอเองนั่นแหละ” คุณมินตราตอบ


‘คือโจทย์กว้างมาก... เหมือนบรีฟงานบอกเอาอะไรก็ได้ แต่พอทำมาให้ก็ไม่ถูกใจสักอย่าง’


“ฉันว่าเธอเป็นคนมีสเน่ห์นะ ไม่งั้นฉันไม่เลือกเธอมาออกรายการนี้หรอก”คุณมินตรายิ้มมุมปาก


ฉันพยักหน้ารับเล็กน้อย ดูเหมือนคุณมินตราเองก็ไม่ได้ดุไปเสียทุกเรื่องหรอก เธอเองก็มีมุมที่ใจดีอยู่บ้างเหมือนกัน คล้ายๆ กับพวกคุณครูใจร้ายล่ะมั้ง


“ผู้หญิงขี้กลัว เงียบๆ หงิ๋มๆแบบเธอเนี้ยน่าจะเรียกคะแนนสงสารจากคนดูได้ดีนะ หึหึหึ”คุณมินตราเอานิ้วแตะปลายคางอย่างครุ่นคิด ขณะที่นัยน์ตาวาวโรจน์อย่างชั่วร้าย


‘เอ่อ... ฉันขอถอนคำพูด คุณมินตราเป็นคนที่เหมือนจะดีแต่สุดท้ายก็คิดแต่เรื่องเงินค่ะ’


หลังจากนั้นพวกทีมงานก็ช่วยกันติดตั้งกล้องวงจรปิดสำหรับเก็บภาพเสร็จ ก่อนที่จะเก็บของแล้วแยกย้ายออกจากห้องไป ฉันถอนหายใจอย่างโล่งอกที่ไม่ต้องมีพวกทีมงานคอยมากดดันแล้ว ฉันลุกขึ้นแล้วเดินไปส่งทุกคนที่หน้าประตู ซึ่งตอนนั้นเองที่จู่ๆ ยูก็หันกลับมาสบตาฉัน


“อีกสามเดือนเจอกันนะ” ชายหนุ่มหน้าสวยพูด ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่า แต่น้ำเสียงนั่นเหมือนจะอ่อนโยนขึ้นผิดกับทุกที


ฉันถึงกับชะงักงันไปครู่หนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าแล้วคลี่ยิ้มรับถึงยูจะเป็นคนปากหนัก ไม่ค่อยพูด ไม่ค่อยแสดงออก ราวกับว่าไม่ได้ใส่ใจฉัน แต่ฉันก็คิดว่าจริงๆ แล้วยูก็คงจะเป็นห่วงเธออยู่ลึกๆ เหมือนกัน...หรืออย่างน้อยฉันก็อยากจะเชื่ออย่างนั้น...


“นายไม่ต้องเป็นห่วงนะ ฉันจะดูแลคริสตัลให้อย่างดีเลย!” จู่ๆ ชีต้าห์ก็พูดแทรกขึ้นมา แถมไม่พูดเปล่า เขายังพุ่งเข้ามากอดคอฉันอย่างสนิทสนม ซึ่งฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปสนิทกับไอ้หมอนี่ตั้งแต่เมื่อไหร่


ฉันรีบเอาหัวผลุบรอดออกจากอ้อมแขนของชีต้าห์อย่างรวดเร็ว แล้วส่งสายตาไม่ไหวใจให้ซึ่งในขณะเดียวกันยูเองก็ส่งสายตาเกรี้ยวกราดเหมือนอยากจะพุ่งเข้าไปหักคอชีต้าห์ให้ได้ แต่ว่าชายหนุ่มผมแดงคนนั้นกลับไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด เขายังคงหัวเราะร่าได้เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น


‘ไอ้บ้านี่มันสติดีอยู่รึเปล่าเนี้ย หาเรื่องใส่ตัวอยู่ได้ ไม่กลัวตายบ้างเลยรึไง!?’ ฉันโวยวายอยู่ในใจ


ฉันเหงื่อแตกพลั่กไปหมด ดูเหมือนเสียงหัวเราะของชีต้าห์จะยิ่งทำให้ยูฟิวขาดยิ่งกว่าเดิม ฉันเองถึงกับทำอะไรไม่ถูก กำลังคิดอยู่เลยว่างานนี้ต้องมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นแน่ๆ แต่โชคดีที่คุณมินตราเข้ามาช่วยไว้ได้ทัน


“ยู! ออกมาได้แล้ว คนอื่นเขาจะได้เริ่มถ่ายรายการกันสักที!” คุณมินตราเดินกระแทกเท้ากลับมาลากคอยูออกไป


‘ขอบคุณค่ะ คุณมินตรา’ฉันคิดพลางถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก ถ้าเมื่อกี้ไม่ได้คุณมินตราช่วยไว้ล่ะก็ฉันเองก็ไม่รู้จะหยุดยูยังไงเหมือนกัน


แล้วในที่สุดประตูห้องก็ปิดลงปล่อยให้ฉันกับชายหนุ่มผู้ร่าเริงจนเกินเหตุอยู่ด้วยกันสองต่อสอง ฉันยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น ความประหม่ายังไม่ทันหาย ความกังวลก็พุ่งเข้ามาแทรก ฉันเริ่มคิดมากขึ้นมาแล้วสิ เพราะถึงแม้รายการนี้จะหลอกลวงเกือบทั้งหมด แต่ฉันก็ต้องมาอยู่ร่วมห้องกับชีต้าห์เป็นเวลานานถึงสามเดือนโดยไม่ได้เจอหน้ายูจริงๆ ดังนั้นถ้าหากไอ้ทฤษฎีรักแท้แพ้ใกล้ชิดอะไรนั่นเกิดเป็นเรื่องจริงขึ้นมา แล้วฉันจะไม่หวั่นไหวจนถึงขั้นเลิกกับยูงั้นเหรอ?


“ไม่หรอก ไม่เป็นไร... ทุกอย่างจะต้องโอเค...” ฉันพึมพำกับตัวเอง ถึงแม้ชีต้าห์จะเป็นพวกชอบถึงเนื้อถึงตัว แต่ก็คงไม่ได้คิดจะทำอะไรฉันหรอกมั้ง เพราะยังไงเสียเขาเองก็มีแฟนอยู่แล้วทั้งคนนี่นา


“เป็นอะไรไป กังวลว่าจะหวั่นไหวกับฉันเหรอ” ชีต้าห์หยอก


“ก... ก็นิดหน่อย...” ฉันพึมพำพลางเหลือบมองชีต้าห์อย่างหวาดๆ ตอนนี้ฉันชักอยากได้ทีมงานคืนแล้วสิ เพราะอย่างน้อยก็ไม่ต้องมาอยู่กับไอ้หมอนี่สองต่อสองแบบนี้!


“ไม่ต้องห่วงหรอก” ชีต้าห์ยิ้มกว้างอย่างเป็นกันเอง ทำให้ฉันโล่งใจได้สักพัก แต่แล้วไม่นานรอยยิ้มนั่นกลับแปรเปลี่ยนเป็นแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์ราวกับหมาป่า “เพราะเธอเสร็จฉันแน่...”


“.........!!!” ฉันถึงกับยืนอ้าปากค้าง พูดอะไรไม่ออก จู่ๆ ผู้ชายคนนี้ก็ประกาศว่าจะงาบฉันขึ้นมาซะงั้นแล้วแบบนี้ฉันจะอยู่รอดถึงสามเดือนได้มั้ยเนี้ย!?