สวัสดีค่ะสาว ๆ ชาวSistaCafeวันนี้เราเปิดมาด้วยหัวข้อหลอน ๆ ที่น่าจะถูกใจซิสที่ชอบอ่านเรื่องผี เรื่องหลอน ๆ กันเนอะเพราะวันนี้เรามี
ประสบการณ์หลอน ๆ จากคนใกล้ตัวมาแชร์กันถึง 5 เรื่องบอกเลยว่าเจอจริงไม่จกตา ไม่ใช่เรื่องเล่าจากอินเตอร์เน็ตมาให้สาว ๆ ได้ตื่นเต้น แอบเสียวสันหลังวูบวาบ ๆ กันไปเลย อะ ๆ ซิสคนไหนรู้สึกกลัว ๆ หวั่น ๆ ก็ชวนพ่อแม่พี่น้อง เพื่อน ๆ มานั่งใกล้ ๆ ไว้เลยนะคะ หรืออาจจะชวนเขามาอ่านด้วยกันเลยก็ได้ อย่ายอมหลอนคนเดียว ชวนญาติสนิทมิตรสหายมาหลอนด้วยกัน แต่ระวังหลังไว้ให้ดีนะคะ เพราะเขาอาจมาโดยที่ซิส ... ไม่รู้ตัวก็ได้
เรื่องที่ 1 - เสียงเรียก
เรื่องนี้เป็นเรื่องของรุ่นพี่ท่านนึง เราขอแทนชื่อพี่เขาว่าพี่แต๋ม ( นามสมมติ ) นะคะ สมัยเด็ก ๆ พี่แต๋มเรียนอยู่ในจังหวัดหนึ่งทางภาคอีสาน ตอนนั้นพี่แต๋มอาศัยอยู่ที่บ้านคุณยาย ลักษณะบ้านในต่างจังหวัดก็จะเป็นบ้านไม้ มุงด้วยหลังคาสังกะสี และในทุก ๆ คืนพี่เขาจะเข้านอนพร้อมกับคุณยาย ใน
ห้องก็จะมีเตียง มีมุ้งเพื่อกันยุง แล้วก็มีหน้าต่างใส ๆ ที่ไม่มีม่านบัง สามารถมองเห็นพระจันทร์และบ้านตรงข้ามได้
ซึ่งเรื่องมันเริ่มจากคืนนั้นที่พี่แต๋มเข้านอนพร้อมกับคุณยายตามปกติเหมือนทุกวัน หัวถึงหมอนตาก็ปิด หลังจากพี่แต๋มหลับไปได้สักพัก ก็เริ่มได้ยินเสียงคนเรียกชื่อว่า
" แต๋ม ... แต๋ม ... "
ตามปกติ
ของมนุษย์ เมื่อมีคนเรียกเราก็จะเริ่มรู้สึกตัว
ตอนนั้นเองพี่แต๋มก็เริ่มรู้สึกตัวและตื่นขึ้น ถึงแม้ว่าพี่แต๋มจะตื่นแล้วแต่พี่แต๋มก็ยังไม่ได้ขยับตัวไปไหน ก็ยังคงรอฟังให้มั่นใจว่าตัวเองไม่ได้หูฟาดไป แต่แล้วพี่แต๋มก็ยังคงได้ยินคนเรียกชื่อเรื่อย ๆๆ จนพี่เขารู้สึกข้องใจว่าใครกันนะที่เรียกพี่เขา ตอนนั้นเองพี่แต๋มก็ลืมตาขึ้น แม้ว่าพี่แต๋มจะลืมตาขึ้นแต่เสียงเรียกชื่อก็ยังไม่หยุดลง
ด้วยความสงสัยว่าใครมาเรียกเรานัก ก็เริ่มอยากจะรู้ว่าคนที่เรียกชื่อเราอยู่ที่ไหน ...

ในตอนนั้นเองพี่เขาก็เริ่มลุกขึ้นนั่งบนเตียง แล้วค่อย ๆ เดินออกจากมุ้ง
ไปทางหน้าต่าง เพื่อที่จะมองหาคนที่เรียกชื่อ
แต่ในขณะที่พี่เขากำลังจะยื่นหน้าออกไปตรงหน้าต่าง คุณยายก็เอาแขนมารั้งตัวของพี่เขาไว้ได้ทัน แล้วก็บอกกับพี่เขาว่าให้กลับไปนอน ด้วยความเป็นเด็กก็เชื่อคุณยาย แต่ในใจก็ยังไม่ทิ้งความสงสัยว่าทำไมถึงไม่ไปหาคนที่เรียก จนกระทั่งเช้าคุณยายเตือนพี่เขาว่าถ้าได้ยินเสียงใครเรียกตอนดึก ๆ แล้วไม่รู้ว่าเป็นใครอย่าขานตอบหรืออย่าเดินไปหาต้นเสียง
เพราะตอนดึก ๆ วิญญาณพวกนี้จ้องจะหาเด็ก ๆ เพื่อไปอยู่กับมันด้วย ...
เรื่องที่ 2 - " เขาไม่ได้มาร้าย ... "
เรื่องนี้เป็นเรื่องเล่าจากเพื่อนในสาขาของเรา ใน
วันนั้นเป็นวันที่สาขาของเรามีกิจกรรม ซึ่งกว่าจะเตรียมงานเสร็จมันก็ดึกมากแล้ว เพื่อน ๆ ก็เลยตัดสินใจนอนที่ห้องเพื่อนคนนึง เป็นหอหญิงในมหาวิทยาลัย
เพราะทุกคนมองว่ามันสะดวก แล้วก็ยังไงก็ต้องตื่นไปที่คณะพร้อมกันตอนตี 2 ภายในห้องของหอในจะมีเตียงสองชั้นทั้งหมด 2 เตียง ซึ่งตั้งไว้ติดผนัง ตรงกลางห้องเป็นที่ว่าง ๆ ไว้ให้ตั้งโต๊ะทานอาหารกันได้ หลังจากกลับถึงห้องแล้วทุกคนก็รีบเข้านอน
เพื่อนคนที่เป็นเจ้าของห้องก็สละเตียงให้พี ( นามสมมุติ ) นอนคนเดียวเพราะพีค่อนข้างจะเป็นคนนอนดิ้น แล้วเจ้าของห้องก็ไปนอนเตียงเดียวกับเพื่อนอีกคน ซึ่งเตียงที่พีนอนจะมีปลั๊กพ่วงตั้งอยู่ใกล้ ๆ เตียง ด้วยความที่พีเป็นคนนอนดิ้น ก็กลัวว่าถ้าตั้งไว้แบบนี้คงต้องชนแล้วปลั๊กพ่วงตกแน่ ๆ พีก็เลยย้ายปลั๊กที่อยู่ข้าง ๆ เตียงด้านนอกมาไว้ด้านในที่ติดผนังแทน ย้ายเสร็จพีก็ล้มตัวลงนอนหลับ และ
เรื่องราวหลอนก็กำลังเริ่มต้นขึ้น ...

เวลาผ่านไปสักพักใหญ่
พีสะดุ้งตื่น
เพราะมีคนกระชากปลั๊กพ่วงแรงมาก
และทันใดนั้นสายตาของพีก็หันไปเห็นเงาดำของผู้หญิงยืนอยู่กลางห้อง ตอนนั้นพีก็เริ่มกลัวแล้วแต่ก็พยายามคิดว่าตัวเองคงคิดมากไปเอง พยายามข่มตานอนต่อ เพราะเดี๋ยวก็จะต้องตื่นไปทำงานอีก พีก็พยายามข่มตานอนต่อแต่ก็นอนไม่หลับ ในใจคิดว่าผ่านไปสักพักแล้วเขาคงไปแล้ว
แต่เมื่อเปิดตามาดูอีกครั้ง พีก็ยังคงเห็นเงาดำของผู้หญิงคนเดิมอยู่กลางห้องเช่นเดิม
ตอนนั้นพีคิดแล้วว่าเขาคงไม่ไปไหนแน่ เลยทำใจกล้าเดินไปเปิดไฟเพื่อให้เขาหายไป จะได้นอนต่อแบบสบายใจสักที
แต่เมื่อเปิดไฟแล้วเงานั่นก็ยังไม่หายไปไหน พีเริ่มกลัวจนทนไม่ไหว เลยต้องทำใจกล้าเดินอ้อมไปอีกเตียงเพื่อไปปลุกเพื่อน ๆ ให้ตื่น
เมื่อเพื่อน ๆ เริ่มตื่น เงาดำที่อยู่กลางห้องนั่นนั่นก็หายไป ซึ่งพอดีกับตอนนั้นเป็นเวลาตี 2 ที่นัดกันไว้พอดี
ทุกคนก็เลยเตรียมตัวไปทำงานต่อที่คณะ โดยที่พีก็ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟัง จนกระทั่งตอนเช้า แม่ของพีก็โทรมาหาพีแล้วบอกว่า
" เขาไม่ได้มาร้ายนะ เขาไม่ได้จะมาทำอะไร " ...
เรื่องที่ 3 -
เรื่องราวนี้เกิดขึ้นเมื่อปีที่แล้ว วันนั้นเป็นวันที่จะต้องเรียนที่ห้องคอมพิวเตอร์เพราะต้องเรียนวิชาตัดต่อทั้งวัน ตั้งแต่เช้าจรดเย็น ซึ่งครึ่งเช้าเริ่มตั้งแต่เวลา 8.30 - 12.00 น. และครึ่งบ่าย 13.00 - 18.00 น.
ด้วยการเรียนในห้องคอมพิวเตอร์ ทำให้อาจารย์อาจจะเห็นหน้าทุกคนในคลาสไม่ชัดนักเพราะมีคอมพิวเตอร์บดบัง
ในขณะที่สอนก็จะมีบางช่วงที่อาจารย์ปล่อยให้นักศึกษาทำงาน ก็จะมีนักศึกษาบางส่วนเข้าไปสอบถามอาจารย์เกี่ยวกับเนื้อหาที่เรียน ซึ่งทุกอย่างก็เป็นปกติไม่ได้เหตุการณ์ผิดปกติอะไร
จนกระทั่งถึงเวลาเลิกเรียน ...
ตอนนั้นเป็นเวลาใกล้จะหกโมง อาจารย์เริ่มทำการเช็คชื่อนักศึกษา โดยให้นักศึกษาขานตอบรับว่ามาค่ะ/มาครับ
อาจารย์ท่านก็เช็คไปเรื่อย ๆๆ จนกระทั่งมาถึงชื่อของเพื่อนคนนึง ซึ่งเมื่ออาจารย์ขานชื่อไปก็ไร้เสียงตอบรับ

เพื่อน ๆ กลุ่มนึงในห้องจึงตัดสินใจบอกอาจารย์ไปว่า " เพื่อนไม่มาค่ะ " อาจารย์ก็ทำหน้างงแล้วถามว่า
" ไม่มาได้ไงอะ ผมยังคุยกับเขาอยู่เลยนะ เขามาคุยกับผมที่โต๊ะนี้เลย "
ทุกคนก็เริ่มหวั่น ๆ หันมาพูดคุยถามกันว่ามีใครเห็นเพื่อนคนนี้บ้างไหม หรือเพื่อนกลับไปหลังจากจบครึ่งเช้า ผลสรุปก็คือไม่มีใครเห็นเพื่อนคนนั้น บรรยากาศตอนนั้นทุกคนเริ่มใจไม่ดี แต่ก็พยายามคิดในแง่ดีว่าเพื่อนอาจจะมาแต่เราไม่รู้ก็ได้ เพราะเพื่อนคนนี้เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ค่อยสุงสิงกับใคร เราอาจจะไม่ทันสังเกตกันเอง
เช้าวันรุ่งขึ้น เราก็พบกับเพื่อนคนนี้เลยได้ถามไปว่าเมื่อวานแกมาเรียนวิชาตัดต่อไหม
เพื่อนก็ตอบว่า " เมื่อวานเค้ากำลังนั่งรถจากกรุงเทพมาที่มหาวิทยาลัย ถึงก็เย็น ๆ เลย ไปเรียนไม่ทันหรอก " คำถามคือ ... แล้วที่อาจารย์เห็นนั้นเป็นใคร ?
เรื่องที่ 4 - ไม่ต้องห่วง
เรื่องนี้เป็น
เรื่องเล่าสมัยมัธยมจากคุณครู ขอเกริ่นก่อนว่าโรงเรียนเราเป็นโรงเรียนหญิงล้วนและเป็นโรงเรียนคริสต์ ในโรงเรียนก็จะมีคณะซิสเตอร์คอยดูแลและบริหาร
ซึ่ง
เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น
เกิดในช่วงเข้าค่ายเนตรนารีที่โรงเรียน
คืนนั้นหลังจากที่ครูพานักเรียนขึ้นไปนอนในห้องเรียนเรียบร้อยแล้ว กลุ่มครูก็ลงมาอาบน้ำและเตรียมจะพักผ่อน แต่ก่อนจะไปนอน
ครูเอ ( นามสมมติ ) กับครูปอ ( นามสมมติ ) อาสาจะไปตรวจดูความเรียบร้อยอีกรอบว่านักเรียนหลับกันหมดรึยัง
ระหว่างที่ครูเอกับครูปอกำลังจะเดินขึ้นตึกไปตรวจ ครูปอก็ขอไปเข้าห้องน้ำก่อนแล้วจะตามไป
ครูเอก็เลยขึ้นมาตรวจก่อนเพียงคนเดียว
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ครูเอก็ขึ้นบันไดมายังชั้นสอง และเริ่มเดินตรวจห้องเรียนไปเรื่อย ๆ จนกระทั่ง ...

ตอนนั้นเอง ครูเอก็ได้ยินเสียงพูดจากทางด้านหลังว่า
" ซิสเตอร์ตรวจหมดแล้วนะคะ เด็ก ๆ หลับหมดแล้วค่ะคุณครู "
ครูเอก็ตกใจมากเพราะแกขึ้นมาบนตึกคนเดียว ตอนนั้นด้วยความกลัวแกก็สวดมนต์ทุกบททั้งบทพุทธ บทคริสต์ ยืนตัวสั่นพนมมือไหว้ด้วยความกลัว จนครูเอเริ่มตั้งสติได้ ก็รีบวิ่งลงมา ซึ่งพอดีกับที่ครูปอกำลังเดินมาเพื่อจะไปตรวจเด็ก ๆ
ครูปอเจอครูเอลงมาไวมาก ก็เลยถามว่า " ตรวจเสร็จแล้วหรอ " ครูเอก็บอกว่า " ไม่ต้องตรวจแล้ว " ครูปอก็พยายามถามว่ามีอะไรรึเปล่า แต่ครูเอก็ไม่พูดอะไรอีกเลย ทั้งคู่จึงรีบกลับมานอน จนตอนเช้าตื่นมาครูเอถึงจะยอมเล่าให้คุณครูท่านอื่น ๆ ฟังว่าเมื่อคืนเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น คุณครูทุกท่านก็แอบหวั่น ๆ เพราะยังมีการเข้าค่ายอีกคืน
แต่ก็พยายามคิดในแง่บวกว่านั่นคือ ความหวังดีที่ซิสเตอร์ท่านอยากจะช่วยดูแลเด็ก ๆ และคงเห็นว่าคุณครูเหนื่อยมาทั้งวันแล้ว ...
เรื่องที่ 5 - บ่อมรกต
เรื่องนี้เกิดขึ้นที่คณะมนุษยศาสตร์ ของมหาวิทยาลัยใกล้ทะเลแห่งหนึ่ง ช่วงนั้นทางสาขาจะมีกิจกรรมในการแสดงละครเวที นักศึกษาก็จะต้องซ้อมและกลับหอพักกันค่อนข้างดึก และในคืนก่อนวันงาน 1 วัน ก็มีการซ้อมการแสดงตามปกติ ทุกคนก็ซ้อมกันเรื่อย ๆ จนเวลาล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืน ทุกคนจึงตัดสินใจว่าพวกเราควรกลับไปพักผ่อนกันได้แล้ว ก็เริ่มแยกย้ายกันกลับ
และเรื่องราวหลอนก็เริ่มต้นขึ้น
เมื่อ
อาย ( นามสมมติ ) กับปิ่น ( นามสมมติ )
กำลังกลับหอพัก ...
ทั้งคู่ก็ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกมาจากคณะ
แต่ทางกลับหอจะต้องผ่านวงเวียนหน้าคณะ
ซึ่งบริเวณใกล้ ๆ คณะจะมีบ่อมรกตอยู่ข้าง ๆ ( วงเวียนอยู่ทางซ้าย ทางขวามือจะเป็นคณะ ถัดจากคณะไปข้างหน้าจะเป็น ' บ่อมรกต ' ซึ่งบ่อมรกตคือบ่อน้ำสีเขียวใกล้ ๆ คณะ ) ขณะที่ทั้งคู่กำลังขับรถผ่านวงเวียนนั้น ...

สายตาของปิ่นก็หันไป
เห็นผู้หญิงผมยาวยืนอยู่ในบ่อมรกต มีลักษณะคอหักกำลังหันมาทางปิ่นและอาย
ตอนนั้นปิ่นตกใจมากแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา ซึ่งภายหลังทราบว่าเคยมีอาจารย์ท่านหนึ่งฝันเห็นเหตุการณ์แบบที่ปิ่นกำลังเจอ และยังได้ทราบว่าสวนหย่อมที่อยู่ใกล้กับบ่อมรกตนั้น เคยมีกลุ่มนักเต้นของคณะต่อตัวแล้วผิดพลาด และมีพี่ผู้หญิงท่านหนึ่งตกลงมาคอหักเสียชีวิต ทุก ๆ ครั้งที่นักศึกษาทุกคนไปทำกิจกรรมบริเวณนั้นก็จะต้องไหว้พี่เขาทุกครั้ง ...
เป็นไงบ้างคะกับเรื่องเล่าผี ๆ ที่นำมาฝากกันทั้ง 5 เรื่อง
ส่วนใหญ่เป็นเรื่องที่คนรอบตัวเราประสบพบเจอ เรื่องหลอน ๆ แบบนี้จะเชื่อไม่เชื่อ ก็ขึ้นอยู่กับความเชื่อด้วยอะเนอะ ใครเชื่อก็อาจจะกลัวหน่อย ใครไม่เชื่อก็อย่าไปลบหลู่ละกันนะคะ เก็บไว้ในใจก็พอ เพราะถ้าไปทำให้เขาไม่พอใจ เขาอาจจะทำร้ายคุณได้ ... ส่วนถ้าใครชอบก็อย่าลืมแชร์ส่งต่อความหลอนนี้ไปให้คนที่ชอบเรื่องหลอน ๆ นี้ได้อ่านกันด้วยนะคะ
พบกันใหม่ในบทความหน้า ... สวัสดีค่ะ