หลังจากนอนคิดอยู่นานว่าจะรีวิวอะไรดีที่ใกล้ตัว และไม่ค่อยมีใครรีวิว ก็นึกถึงสกินแคร์ไทยๆ คนไทยทำเองที่เราชอบใช้ บวกกับช่วงนี้กำลังปรับสีผิวให้กลับสู่สภาวะปกติ หลังจากหน้าร้อนที่ผ่านมา ในส่วนของแดดนั้น... เล่นเราซะน่วมเลย ของไทยทำมาจากสมุนไพรในบ้านเราด้วย สรรพคุณแน่นๆ คุณภาพก็ไม่แพ้ต่างชาตินะ

เราได้ถามความเห็นจากเพื่อนที่เคยใช้มาด้วย ทุกคนเห็นพ้องต้องกันว่าดีเลยอยากเอามารีวิวในนี้จ้า

รูปภาพ:

1. โทนเนอร์สมุนไพร อภัยภูเบศร์ ปราศจากแอลกอฮอล์

เริ่มต้นตัวแรกที่โทนเนอร์ก่อนเลย โทนเนอร์เป็นขั้นตอนสุดท้ายของการทำความสะอาด โดยจะเก็บสิ่งสกปรกที่ตกค้างหลังล้างหน้า และเป็นการเปิดผิวเพื่อรับสารบำรุงในขั้นตอนต่อไป ส่วนตัวเป็นคนผิวผสมค่ะ และชอบมีสิวอุดตันบริเวณแก้ม เลยชอบใช้โทนเนอร์เพราะช่วยลดสิวได้ดี

คุณสมบัติ:โทนเนอร์ตัวนี้มีสมุนไพร 3 อย่าง เราดูแล้วมันใช่เลย ตรงกับความต้องการของเรามาก

แตงกวา:สายบิวตี้ต้องรู้ดีกว่าแตงกวาเป็นมิตรกับผิวแบบสุดๆแตงกวามีฤทธิ์เย็นช่วยลดอุณภูมิผิวหลังจากออกแดดมา ผิวจะแสบร้อนทำให้เกิดสิวง่ายละช่วยเติมเติมน้ำให้ผิวเติมความชุ่มชื้นกับผิวโดยเฉพาะผิวที่แห้งกร้าน หรือเพิ่งโดนแดดเผา และยังผลัดเซลล์ผิวอย่างเป็นธรรมชาติ

ใบบัวบก:เราเคยคั้นใบบัวบกสดๆ มาพอกหน้า บอกเลย “พี่คะ ไม่ไหวจริงๆ TT_TT” แต่ใบบัวบกขึ้นชื่อเรื่องคอลลาเจนและอิลาสตินลดรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า เป็นAnti Aging จากธรรมชาติที่แท้ทรู และช่วยลดสิว ลดการอักเสบของสิวด้วย

มะขามป้อม:ให้กินแบบสด ๆ อันนี้ขอผ่านโดยไว แต่มะขามป้อมมีวิตามินซีสูงมากและยังคงปริมาณได้ดีแม้ผ่านกระบวนการให้ความร้อนหรือเย็น (ปกติผลไม้จะสูญเสียวิตามินซีได้ง่าย) ถึงจะแปรรูปแล้วแต่วิตามินซีในมะขามป้อมยังคงปริมาณเกือบเท่าเดิม แน่นอนว่าพี่เค้าต้องขึ้นชื่อเรื่องผิวขาวใส ลดความหมองคล้ำ และลดการถูกทำลายของผิวจากแสงแดดนอกจากความขาวใส มะขามป้อมยังมีสารต้านอนุมูลอิสระ ทำให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเนียนนุ่มมากด้วย

ความรู้สึกขณะใช้:เราจะใช้โทนเนอร์ 2 วิธี คือ หยดบนสำลีแล้วเช็ด กับ หยดบนฝ่ามือแล้วตบ ๆ เบา ๆ

วิธีแรกจะใช้ตอนกลางคืน เพราะวันทั้งวันเราเจอมลภาวะเยอะ หน้ามัน เลยอยากเช็ดเอาสิ่งตกค้างออก แต่ว่า!! วิธีนี้กลับทำให้เรารู้สึกแสบผิวเบาๆ ยิ่งถ้าเรามีรอยแผลจากสิว หรือเพิ่งโกนขนหน้ามาจะรู้สึกแสบบริเวณนั้นเป็นพิเศษ แต่รู้สึกเป็นบางจุดนะ ไม่ทั่วทั้งหน้า ลดแรงตึงหลังล้างหน้าจริง ในส่วนของสำลีนั้น ไม่ยุ่ยเป็นขุย เช็ดง่ายและลื่นดี อันนี้นี้เริ่ด

วิธีที่2อันนี้ไม่รู้สึกแสบผิว แต่รู้สึกได้ทันทีว่าผิวหน้าชุ่มชื้นกว่าวิธีแรก และผิวไม่ตึงด้วย

รูปภาพ:

2.เซรั่มเจลทานาคา วูดส์เฮิร์บ

หลังจากลงโทนเนอร์แล้วก็ต่อด้วยเซรั่มกันเลย ตัวนี้เขามากันสองสีพี่น้อง สูตรกลางวันและกลางคืนจ้า เราชอบที่ทานาคามารูปแบบของเซรั่มทำให้ใช้ง่ายขึ้นเยอะ แบรนด์นี้เขาใช้ทานาคาในท้องถิ่นของไทยเรานี่แหละ มีบ้างบางส่วนที่นำเข้าจากเพื่อนบ้าน

คุณสมบัติ:สามารถกรองรังสียูวี ลดการอักเสบ และยับยั้งแบคทีเรียได้มีคุณสมบัติเป็นWhitening จากธรรมชาติแท้ๆ ลดจุดด่างดำ ฝ้า กระ ผิวหน้ากระจ่างใสส่วนตัวเราเคยเห็นผิวของชาวพม่า เป็นผู้หญิงก็ว่าไปอย่างแต่นี่ผิวผู้ชาย(ฮีพอกทานาคามาทั้งหน้า) เห็นระยะใกล้คือน้องหน้าใสมาก เนียนกริ๊บ เนียนมาก มากจนผู้หญิงยังอาย(TT^TT)

ความรู้สึกขณะใช้:ใช้ง่ายมาก เซรั่มเนื้อเจลไม่เหนอะหนะ ซึมเร็ว มีกลิ่นหอมอ่อนๆ (ชอบกลิ่น^^)สูตรกลางคืนจะเข้มข้นกว่าสูตรกลางวันเทียบได้จากสีของเซรั่มเลยจ้า อันนี้ผิวแพ้ง่ายก็ใช้ได้ ด้วยคุณสมบัติของทานาคาอยู่แล้ว เขาบอกว่าให้ทาทั้งหน้าและลำคอ ได้หน้าอย่าลืมคอนะจ๊ะ

รูปภาพ:

ผลลัพธ์ที่ได้:อันดับแรกเลยรูขุมขนกระชับขึ้นผิวกระชับขึ้น จุดด่างดำจางเร็วลดรอยคล้ำใต้ตา หางตาดูกระชับขึ้นผิวกระจ่างใสขึ้นแต่ไม่ถึงกับเร็วติดสปีดขนาดนั้น แต่มันจะค่อย ๆ ใสขึ้น จากที่หมองๆ เหมือนราหูอมจันทร์ก็ค่อย ๆ ใสขึ้น แต่ยังไงก็ไม่ขาวขนาดเปลี่ยน DNA ไปเลยนะจ๊ะ

รูปภาพ:

3.ผงทานาคา วูดส์เฮิร์บ

เจ้าเดียวกับเซรั่มทานาคา เปิดกระปุกมาตกใจมาก! ของเขาอัดมาเต็มกระปุกเลย ใครเคยใช้แป้งพม่าอาจจะเคยเจ็บใจเหมือนเรา กระปุกใหญ่มาก แต่แป้งจริงๆมีไม่ถึงครึ่งกระปุก (TT^TT) มาเจออันนี้แบบดีใจมากอัดมาแน่นกระปุกเลย (5555 หัวเราะแบบผู้ชนะ)

คุณสมบัติ:ควบคุมความมัน ป้องกันแสงแดด ใช้แทนแป้งได้ใช้พอกหน้าหรือสครับก็ได้

รูปภาพ:

วามรู้สึกขณะใช้ :

จากความรู้สึกเราว่าของเขาเป็น

ผงทานาคา

100%

ตัวผงเนียนละเอียดคล้ายแป้ง แต่แป้งเนียนกว่า

ถ้าใช้ทาไปเลยเหมือนแป้งจะไม่เห็นความต่าง

แต่ถ้าผสมน้ำจะเห็นความต่างได้ชัดเจนเลย

ผงทานาคาจะซับน้ำได้ดีกว่าแป้งและเนื้อจะหยาบขึ้นต่างจากแป้ง

เพราะเป็นเนื้อไม้ล้วน ๆ ไม่ผสมแป้ง อันนี้อาจจะต้องลองเองถึงจะเห็นความต่าง

รูปภาพ:

วิธีใช้ผงทานาคามี3 วิธี

1. ใช้กับพัฟเหมือนลงแป้ง แล้วหลังจากนั้นใช้น้ำแร่ฉีดทับ ไม่ต้องฉีดเยอะเดี๋ยวจะเป็นคราบ ทิ้งไว้สักครู่แล้วค่อยใช้ทิชชูซับส่วนเกินออก ใช้น้ำเปล่าหรือน้ำแร่ก็ได้ แต่ถ้าต้องการเมตตามหานิยมใช้น้ำมนต์เลยค่ะ

2. ใช้ผงทานาคาผสมน้ำ แล้วทาลงบนหน้า วิธีนี้ผงทานาคาจะติดหน้าได้ดีกว่าวิธีแรก แต่ข้อเสียคือคราบอื้อเลยจ้า วิธีนี้เราใช้พอกหน้าตอนเป็นสิวเยอะๆ หรือพอกก่อนนอนก็เวิร์คนะ

3. ใช้ผสมกับโยเกิร์ตและมะนาวสำหรับพอกหรือขัดหน้า ผิวจะเนียนนุ่มขึ้น ใสขึ้น แต่ไม่แนะนำให้ผสมกับมะนาวเพียวๆ เพราะจะแสบหน้ามาก!!คนเป็นสิวงดใช้เป็นสครับนะจ๊ะ(ยังมีสูตรอีกเยอะลองหาดูเน้อ)

รูปภาพ:

ผลลัพธ์ที่ได้:โห~ อันนี้ชอบมาก ไม่ต้องเสี่ยงกับแร่ใยหินด้วยใช้แทนฝุ่นได้เลย มันได้มีมากดีกว่าแป้งฝุ่นที่เคยใช้เลย เรามีผิวผสมจะมันเยอะช่วงทีโซน แต่ผงทานาคาเอาอยู่ เหลือส่วนที่มันแค่จมูกเท่านั้นที่เหลือนางคุมไว้หมดแล้ว แต่เราไม่แนะนำว่าให้ใช้กับรองพื้นหรือบีบีนะเพราะว่าผงทานาคามีสีออกเหลืองทาทับรองพื้นสีอาจจะเพี้ยนได้หรือหน้าจะเหลืองจนเกินไป(ความเห็นส่วนตัวอีกนั่นแหละจ้า)ใช้พอกหน้าสิวยุบเร็วขึ้น ใช้เป็นสครับได้ไม่บาดผิวจ้า

รูปภาพ:

4.โรส คัพเค้ก ลิปทรีทเมนต์ Lovella Organics

ไอเทมติดตัวที่เราขาดไม่ได้เลยคือลิปบาล์ม เพราะเราปากแห้งมาก ยิ่งทาลิปแมทจากจะยิ่งแห้งและลอก ต้องทาบาล์มเป็นประจำ โดยเฉพาะก่อนนะ

คุณสมบัติ:ลิปตัวนี้ได้รับการแนะนำมาอีกที เขาบอกว่าเป็นออแกนิกแท้(มีสัญลักษณ์ออกแกนิกรับรอง) ใช้แล้วไม่แพ้แน่นอน ที่สำคัญคือลิปอยู่ที่ปากเรา เรากินลิปตลอดทั้งวันแน่ๆ อย่างน้อยๆ เลือกที่ปลอดภัยไว้จะดีกว่า หลังจากออกแดดมาปากเราต้องมีคล้ำเสียบ้าง แห้งบ้าง ลิปบาล์มเป็นไอเทมที่ขาดไม่ได้เลยจริงๆ

รูปภาพ:

ความรู้สึกขณะใช้:กลิ่นหอมมาก หอมหวานๆ กลิ่นกุหลาบชัดเจนมากเนื้อลิปเหมือนลิปมันปกติ ไม่รู้สึกหนักๆ หรือเหนอะหนะ

ผลลัพธ์ที่ได้:ไม่แพ้ปากเนียนนุ่ม ชุ่มชื่น ใช้ไปสักพักจะรู้สึกได้ว่าปากชุ่มชื้นยาวนานขึ้นแม้ว่าเราจะกินบ้างลิปหลุดไปบ้างแต่ปากไม่แห้ง ไม่ตึง ปากคล้ำๆ ก็จางลงชมพูขึ้น ใช้ต่อเนื่องจะรู้สึกว่าปากชุ่มชิ้นขึ้น

ปล.ควรใช้ให้หมดก่อนหมดอายุนะจ๊ะ เค้าบูดได้นะเธอ

รูปภาพ:รูปภาพ:

5.สบู่เหลวขมิ้นผสมมะขาม เรือนไม้หอม

สูตรนี้สำหรับผิวมันและคล้ำเสีย จริงๆ เราผิวแห้ง (-__-*) และไม่ควรใช้สูตรนี้ แต่อยากได้มะขาม เพราะมะขามขึ้นชื่อเรื่องผิวใส เลยจัดสูตรนี้มา สำหรับผิวแห้งแนะนำสูตรขมิ้นผสมทองพันชั่งจะดีกว่า ส่วนตัวได้ลองใช้ทั้ง 2 สูตรแล้ว ชอบทั้งคู่ แต่ที่เอามารีวิวเป็นสูตรมะขามนะจ๊ะ

คุณสมบัติ: ทำความสะอาดผิวคราบเหงื่อไคลได้หมดจดมีส่วนผสมของขมิ้นชันและมะขามสด

มะขาม: มีกรด AHA และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยผลัดเซลล์ผิวเก่าเผยผิวใหม่กระจ่างใสกว่าเดิม ป้องกันผิวจากมลภาวะ ช่วยให้ผิวเรียบเนียนใส ลดจุดด่างดำ(ตอนนี้ไม่ทำเป็นจุดแต่ดำเป็นแถบเลย)

ขมิ้นชัน: ฆ่าเชื้อ ลดการเกิดสิว ลดรอยดำรอยแดงจากสิว ลดการอักเสบ ลดผดผื่น สมานผิว ให้ผิวเรียบเนียน ลดความมันมีสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอการเกิดริ้วรอยในสมัยก่อนนิยมนำมาขัดผิวให้ผิวขาวเนียน(ตอนแรกจะเหลืองๆ ก่อน แล้วจะค่อยๆกระจ่างใสขึ้นแต่ใช้เวลา 2-3 วัน ลองกับขมิ้นสดมาแล้ว)

ความรู้สึกขณะใช้:เนื้อสบู่ค่อนข้างเหลวไม่หนืดข้น เนื้อสบู่เป็นสีน้ำตาลใสๆ กลิ่นหอม กลิ่นคล้ายๆ กลิ่นมะขาม ฟองเยอะสะใจอาบสะอาดมาก ไม่เหลือคราบเหงื่อไคล ไม่เหลือกลิ่นตัวแต่แอบตึงๆ ผิว เพราะสูตรนี้เป็นสูตรนี้สำหรับผิวมัน

ผลลัพธ์ที่ได้:อาบสะอาดกลิ่นหอมดี ชอบผิวเนียนนุ่มถ้าใครผิวแห้ง ชอบอาบน้ำอุ่นแล้วยังชอบนอนห้องแอร์อีกไม่แนะนำ ถ้าใช้แล้วรู้สึกตึงผิวหลังอาบน้ำให้โบกมอยซ์เจอร์ทับทันที หรือจะทาน้ำมันมะพร้าว,baby oil,โลชั่นที่ให้ความชุ่มชื้น เพราะผิวจะแห้งเกินไป ​เรื่องความขาว(ซื้อมาเพราะเหตุผลนี้แหละ) ส่วนตัวขาวขึ้นจริงแต่ขึ้นอยู่กับพื้นฐานผิวบุคคล เพราะของเพื่อนเราใช้ไม่ถึงอาทิตย์ก็เห็นผลแล้วแต่ของเราเป็นอาทิตย์เลยถึงจะเห็นผล แต่ไม่ถึงขนาดขาวมาก ขาวผิดหูผิดตา ขาวแบบกินกลูต้านะผิวก็จะใสๆ แล้วค่อยๆ ขาวขึ้น

ปล.มีวันหมดอายุข้างขวดนะจ๊ะ

รูปภาพ:

น้ำมันมะพร้าวสกัดเย็น(ต้องสกัดเย็นเท่านั้นนะคะ)

ไปต่อกันที่น้ำมันมะพร้าวเป็นไอเทมที่อยากให้สาว ๆ  มีติดบ้าน ติดห้องน้ำ ติดโต๊ะเครื่องแป้งไว้เลยค่ะ เพราะน้ำมันมะพร้าวมีสารพัดประโยชน์จริงๆ สามารถใช้ได้ทั้งผม ผิว และเล็บ

คุณสมบัติ:ในน้ำมันมีวิตามินมากมาย โดยเฉพาะวิตามินอี มีสารต้านอนุมูลอิสระ และคอลลาเจน

1.น้ำมันมะพร้าวช่วยคงความชุ่มชื่นของผิว และป้องกันอาการอักเสบ/ผิวแสบไหม้หลังจากเจอแดดเป็นเวลานานแถมยังรักษาฝ้า กระ ปรับสีผิวให้ขาวใส และยังกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนตามธรรมชาติอีก (เราเจอแดดมาแดดทำร้ายคอลลาเจนในผิวเราไปเยอะ ทั้งเสียทั้งแก่ T_T)

2.

น้ำมันมะพร้าวกันแดดได้จริง

อันนี้จากข้อมูลที่หามาเขาบอกว่า

สามารถกันแดดได้ถึง

SPF25

ถือว่าไม่น้อยเลยนะคะ (จริง ๆ ในน้ำมันจากพืชอื่น ๆ ก็มีสารกันแดดอยู่นะคะ) และยังเป็นสารกันแดดจากธรรมชาติ 100% เป็นมิตรกับผิวและสิ่งแวดล้อมด้วย

คราวนี้มาพูดถึงการใช้น้ำมันมะพร้าวกันบ้างค่ะ ส่วนตัวเราใช้น้ำมันมะพร้าว3 วิธีหลักๆ

1.

ใช้ทาผิวหลังอาบน้ำ

ใช้ทั้งผิวหน้าและผิวตัวเลยค่ะ วิธีใช้คือ

1.1

หลังอาบน้ำก่อนจะเช็ดตัวให้ทาน้ำมันมะพร้าวให้ทั่วตัวก่อน แล้วค่อยเช็ดตัว ทาโลชั่นหรือทาครีมกันแดดได้ตามปกติเลย ไม่เหนียวเหนอะหนะ

1.2

ถ้าใครกลัวตัวเหนียวให้ทาน้ำมันมะพร้าวทิ้งไว้สักพัก หรือจะนวดวนๆ คล้ายทาโลชั่นก่อนแล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้ง

1.3

สำหรับหน้าทำคล้าย ๆ กันค่ะ คือ หลังจากล้างหน้าเสร็จแล้ว หยดน้ำมันมะพร้าวลงบนสำลีแล้วเช็ดให้ทั่วหน้า(อาจจะทำให้สำลียุ่ย เบาๆมือ ไว้นะคะ) หรือจะหยดลงบนฝ่ามือแล้วนวดเบาๆ ทั่วหน้าก็ได้ค่ะ หลังจากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด

1.4

ใช้เป็นมาส์กก็ให้นวดเบาๆแล้วทิ้งไว้สัก

30 นาทีแล้วค่อยล้าง วิธีนี้ทำให้ฝ้า กระ จางลง ผิวเนียนนุ่มชุ่มชื่น แต่งหน้าติดมากขึ้น ถ้าไม่รู้สึกเหนียว ทิ้งไว้ค้ามคืนเลยก็ได้ค่ะ

2.ใช้หมักผมก่อนสระวิธีนี้ช่วยฟื้นฟูและบำรุงผมเสียทั้งจากการทำเคมี ผมเสียจากความร้อน/แสงแดด ลดรังแค ลดผมร่วง และทำให้ผมยาวเร็วด้วย (ความลับอีกอย่างคือ น้ำมันมะพร้าวช่วยบำรุงขนตาให้หนา ดำ ยาวด้วย)

3.สครับปากอิ่มเอิบโดยใช้น้ำตาลทรายแดง(ที่โรยบนเฉาก๊วย) + น้ำมันมะพร้าว สัดส่วนไม่มีนะ เอาที่พอใจเลย ผสมกันแล้วถูบนปากเบาๆ สัก 1-3 นาทีก็พอ จากนั้นล้างออก สครับจะขัดเอาเซลล์ผิวเก่าออก ปากจะเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น อิ่มฟู และสครับอร่อยด้วย

ความรู้สึกขณะใช้:กลิ่นไม่ฉุน มีกลิ่นน้ำมันมะพร้าวอ่อนๆขนาดหมักไว้บนผมหรือทาบนตัวแล้วยังไม่ได้กลิ่นเลย แต่อาจจะมีบ้างที่ติดผ้าเช็ดตัว แต่ไม่ติดเสื้อผ้าหรือที่นอนเลยค่ะตัวน้ำมันมะพร้าวค่อนข้างเหลวซึมเข้าผิวได้ดี ไม่เหนียวเหนอะหนะค่ะ

ปล.เราเลือกขวดเล็กค่ะ พอดีกับการใช้ เคยซื้อขวดใหญ่มาเห็นว่าคุ้มดี แต่ใช้หมดช้า น้ำมันเริ่มหนืดและกลิ่นเริ่มเปลี่ยน (ความเห็นส่วนตัวค่ะ)


จริงๆ มีอีกหลายตัวเลยนะคะ ที่เป็นแบรนด์ไทยและผลิตจากสมุนไพรไทยเรานี่แหละ ช่วงที่อยากพักหน้าหรือผิวติดสารเราจะใช้สมุนไพรหรือสกินแคร์จากธรรมชาติค่ะ สารเคมีบางตัวทำให้ผิวดีแค่ชั่วขณะ แต่ผิวเสียระยะยาว จากประสบการณ์ส่วนตัวธรรมชาติ สมุนไพรเห็นผลช้าหน่อยแต่ทำร้ายเราน้อยที่สุด ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับบุคคล จะเห็นผลช้าเร็วไม่เหมือนกันนะคะ วันนี้ขอจบการรีวิวเพียงเท่านี้ขอบคุณค่ะ