สิ่งที่หลายคนมักจะคิดหลังเรียนจบ ป.ตรี ก็คือ ต้องรีบหางานทำ หาเงิน เพื่อเก็บเงินเยอะๆ เข้าไว้ ยิ่งหาได้ก่อนใคร ยิ่งมีโอกาสได้มากกว่าใคร มันเป็นค่านิยมที่ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคนที่เริ่มต้นช้า เป็นพวกนิยมชีวิตแบบ "สโลวไลฟ์" จะผิดกว่าใครเพื่อน ของแบบนี้มันขึ้นกับความพร้อมส่วนบุคคล ไม่สามารถเทียบกันได้
ถ้าจะให้เทียบกันระหว่างหางานทำกับไปเมืองนอก อย่างไหนดีกว่ากัน? พี่อาร์ตว่ามันก็ดีทั้งสองอย่างแหละ เพียงแต่อย่างแรกมันเป็นสิ่งที่นิยมทำกันเพราะ"เงิน"เป็นแรงจูงใจหลัก แต่ถ้าใครไม่เดือดร้อนเรื่องเงิน ฐานะพอมีกินมีใช้ หรือพอจะมีเงินเก็บจากงานพิเศษของตัวเองสักก้อน ประมาณ 10,000-30,000 บาทเป็นอย่างน้อย การไปเมืองนอก หรือในโครงการ work and travel ก็ไม่เลวนะ
#1 ไม่ต้องกังวลเรื่องเรียนเหมือนตอนเรียนอยู่

การไป work and travel ช่วงเรียนอยู่ก็ดีตรงที่ว่าจะได้จบมาแล้วหางานทำได้ทันที แต่สำหรับคนที่อยากลุ้นเรื่องเรียนให้จบๆ ไปก็เลือกที่จะไปทีหลังก็ได้ อย่างน้อยก็ไม่ต้องคิดมากถึงเทอมต่อไปว่าจะแก้ตัวยังไง เอาเวลาไปลุยกับเมืองนอกให้เต็มที่สุดๆ เลย
#2 เป็นการอัพเกรดตัวเองให้พ่อแม่รู้สึกได้ว่าเราเป็นผู้ใหญ่จริงๆ

เรียนจบแล้วมีงาน มีเงิน มีทรัพย์สินเป็นของตัวเองได้ นั่นก็เป็นวิธีหนึ่งที่พิสูจน์ตัวเองว่าโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว แต่ตราบใดที่ยังไม่พ้นแผ่นดินไทย พ่อแม่สามารถไปมาหาสู่ได้สะดวก ยังไงๆ ซะพ่อแม่ก็ยังมองเราเป็นเด็ก อดไม่ได้ที่จะไปหาหรือจัดหา จัดเตรียมอะไรให้ด้วยความเป็นห่วงอยู่ดี
แต่สำหรับการไปเมืองนอก มันคือการที่เราต้องไปใช้ชีวิต" ตัวคนเดียว "เพียวๆ ในการดิ้นรนเอาตัวรอดเอง พ่อแม่ได้แค่ติดต่อผ่านปลายสายเท่านั้นจนกว่าจะจบโครงการหรือยกเลิกโครงการกะทันหัน บอกไว้เลยว่าถ้าผ่านการไปเมืองนอกสักครั้งในชีวิตได้ กลับมาแล้วพ่อแม่จะหายห่วงขึ้นเยอะเลยจริงๆ
#3 เปิดมุมมองใหม่ก่อนจะเข้าสู่ตลาดแรงงานในไทยอย่างจริงจัง

บางทีการอยู่แต่เมืองไทยก็ทำให้เราคิดอะไรไม่ออก เหมือนคิดได้แค่เฉพาะในประเทศของตัวเอง แต่การไปเมืองนอกก็คือการเปิดโลกกว้าง หาไอเดียจากผู้คน สังคม วัฒนธรรม สิ่งแวดล้อมที่นั่น ไม่ว่าสุดท้ายแล้วเราจะเข้าสู่การเป็นชาวออฟฟิศหรือเจ้าของธุรกิจสักอย่าง การสังเกตประเทศเพื่อนบ้านว่าเขากิน-ใช้ กันยังไงบ้าง ก็ถือว่าเป็นการศึกษาตลาด ศึกษางานไปในตัวนะ
#4 มันทำให้เราเป็นคนเข้าสังคม "เป็น" และ "เก่ง"

ทักษะการเข้าสังคม ถือว่าเป็นทักษะที่สำคัญอย่างหนึ่งของการทำงานในทุกองค์กร หรือแม้แต่การเป็นเจ้าของกิจการสักอย่างก็ยิ่งสำคัญมาก หากเราอยู่แต่เมืองไทย เราก็จะรู้แค่ในสังคมไทย แต่หากเราเข้าสู่เวทีสากลบ้าง เราก็จะได้รู้ถึงความแตกต่างและความเหมือนระหว่างไทยกับเมืองนอก ( เช่น ประเทศนี้แบบไหนควรทำ/ไม่ควรทำ? ประเทศเราควรทำอะไร / ไม่ควรทำอะไร? ) ซึ่งการรู้อะไรกว้างๆ หัดทำความรู้จักกับคนมากๆ เข้าไว้นี่แหละ จะทำให้เราพูดเก่ง เข้าสังคมเป็น มองโลกเป็นโดยอัตโนมัติ ทำให้การทำงานของเราในอนาคตมีประสิทธิภาพมากๆ
#5 เป็นการสร้าง connection ก่อนเข้าสู่สังคมการทำงาน

การรู้จักเพื่อนใหม่ในต่างแดน ไม่ใช่แค่มิตรภาพที่เราจะได้ แต่ในทางอ้อมแล้วเรายังได้ connection หรือเรียกง่ายๆ คือ เส้นสายของความเป็นเพื่อนกัน ไว้อำนวยความสะดวกเมื่อเราคิดจะทำอะไรสักอย่างในอนาคต เช่น หาไอเดียเปิดธุรกิจ, ขอคำแนะนำในการสมัครงาน และอื่นๆ อีกมากที่สามารถขอความช่วยเหลือกันฉันท์เพื่อนได้ตลอด
#6 ทักษะการสื่อสารดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

ไม่เพียงแต่ทัศนคติที่กว้างไกลขึ้น ทำให้พูดจาแล้วดูฉลาด คมคายกว่าแต่ก่อน ทักษะภาษาต่างประเทศอย่างการฟัง พูด อ่าน เขียน ยังดีขึ้น สามารถเข้าไปทำงานในองค์กรดีๆ ได้สบายเลย ( ก็ไปใช้ชีวิตตัวคนเดียวต่างแดน มันก็ต้องมีบ้างเนอะที่พัฒนาตัวเองเพื่อความอยู่รอดจนได้ )
#7 ได้แฟน

เป็นผลพลอยได้อันดับท้ายๆ ที่ขึ้นกับดวงของแต่ละคนนะ บางคนอาจกลับมาแต่งงานก่อนทำงานก็ได้ ขอให้โชคดีละกัน555+
ใครที่ได้มีโอกาสสอบชิงทุนหรือเข้าร่วมโครงการ work & travel ก็ขอให้ลองไปดูนะคะ รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน
บทความที่เกี่ยวข้อง

7 ไอเทมสำคัญ ♥ ที่ควรมี...ในการไปเที่ยวต่างประเทศ !!!!
https://sistacafe.com/summaries/8641

14 แฟชั่นแต่งตัวน่ารัก ๆ ไปต่างประเทศช่วงหน้าหนาว
https://sistacafe.com/summaries/6679