สวัสดีค่ะสาวๆSista(灬♥ω♥灬)
สำหรับเพื่อนๆ ที่รักสุขภาพทุกคน การเดินก็ถือเป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยเราลดน้ำหนักได้ ถูกไหมคะ? ออกกำลังกายก็ออกทุกวัน แต่ทำไมน้ำหนักมันไม่ลดซักทีล่ะเนี่ย??
การจะเดินให้ได้ผลเพื่อนๆ ต้องแน่ใจว่าใช้เวลามากพอนะ ไม่ใช่แค่เดินนิดๆ หน่อยๆ ก็นับเป็นการออกกำลังกายแล้ว
เรามาดู7 เหตุผลที่การเดินของเราไม่ทำให้น้ำหนักเราลดลงกันดีกว่า◟(◔ั₀◔ั )◞

1. เดินเหมือนเดิมในทุกๆ วัน
ร่างกายของเราเนี่ย ปรับตัวค่อนข้างเร็วมาก ภายใน 2-3 เดือนก็สามารถปรับตัวเข้ากับการออกกำลังกายประจำวันของเราได้แล้ว ดังนั้น ถ้าเรายังคงเดินในแบบเดิมๆ หรือออกกำลังเท่าเดิมในทุกๆ วัน จำนวนแคลอรี่ที่ร่างกายเผาผลาญได้ ก็มีแนวโน้มที่น้อยลงเรื่อยๆ
วิธีแก้ปัญหา: ลองเพิ่มระดับความยากในการออกกำลังกาย ง่ายๆ ก็เช่น เดินเส้นทางใหม่ เลือกสภาพภูมิประเทศแบบอื่นๆ ที่ไม่ใช่ทางเรียบ หรือลองใส่เสื้อกั๊กเพิ่มน้ำหนัก (weighted vest) เป็นต้น ในทุก 3 เดือนก็ลองหาชาเล้นท์ใหม่ๆ ทำเรื่อยๆ ค่ะ(°◡°♡).:。

2. ก้าวแบบสม่ำเสมอเกินไป
การเดินก้าวย่างสม่ำเสมอเท่ากันทุกก้าวเผาผลาญไขมันได้ เรื่องนั้นแน่นอนอยู่แล้วล่ะ แต่อย่างที่กล่าวไปข้างต้น พอผ่านไประยะหนึ่งร่างกายก็จะปรับตัวจนการเดินออกกำลังของเรามันไม่ได้ผล
วิธีแก้ปัญหา: ลดน้ำหนักให้มากขึ้น ด้วยการเดิน 3 แบบนี้สลับๆกันค่ะ
1.ก้าวเดินแบบธรรมดาเหมือนเดินเล่น
2.ก้าวระยะกลางคือ ให้ก้าวสั้นขึ้น
3.ก้าวแบบกระฉับกระเฉงการก้าวแบบนี้จะต้องเดินจนได้เหงื่อนะคะ
โดยเฉพาะการเดินแบบกระฉับกระเฉงที่ควรจะทำทุกครั้งที่ออกกำลังกาย
สูตรที่จะได้ผลที่สุดคือ เดินแบบ(1)2 นาที ต่อด้วย(2)1 นาที แล้วจบด้วย(3)30 วินาที ทำซ้ำให้ได้ 20-30 นาทีค่ะ(´,,•ω•,,)♡

3. core (แกนร่างกาย) อ่อนแอเกินไป
สาวๆ การมีกล้ามเนื้อท้องนี่ไม่ได้มีไว้แค่ถ่ายรูปอวดลงอินสตราแกรมเท่านั้นนะคะ เพราะการมีกล้ามเนื้อส่วนกลางลำตัวที่อ่อนแอเกินไป จะทำให้เราก้าวเดินแบบเร็วๆ ไม่ได้ และบางครั้งยังส่งผลให้เราเดินออกท่าผิดๆ เช่นหลังค่อมจนเกิดการกดทับปอดคือพอมันไปกดทับปอด การหายใจแบบลึกๆ ก็จะทำได้ยากขึ้น และอาจส่งผลมากถึงขนาดทำให้กล้ามเนื้อส่วนขาของเราเกร็งเครียดได้ เรียกได้ว่าทั้งเหนื่อยทั้งบาดเจ็บเลยนะ(●´・△・`)
วิธีแก้ปัญหา: เมื่อเรารู้สาเหตุแล้วเราก็แค่แก้ให้ถูกจุดด้วยการออกกำลังกายเพิ่มความแข็งแรงให้แก่กล้ามเนื้อส่วนท้องค่ะ

4. ไม่ควบคุมอาหาร
ผู้คนจำนวนหนึ่งมักจะชอบกินอาหารในปริมาณที่มากกว่าการเบิร์น ซึ่งนั่นก็เป็นสาเหตุว่าทำไมเราเดินแล้วน้ำหนักไม่ลดซักที[ ± _ ± ]
วิธีแก้ปัญหา: ลองเขียนรายการอาหารและเครื่องดื่มที่เรากินลงในสมุดซักเล่ม พยายามกำจัดเมนูที่อุดมไปด้วยไขมันออก และเสริมผักและผลไม้ลงไปแทน

5. ก้าวเท้ายาวเกินไป
การที่เพื่อนๆ ก้าวเท้ายาวเกินไปก็จะทำให้สปีดในการเดินลดลง ซึ่งถ้าเราออกกำลังกายโดยไม่ใช้ความเร็ว ร่างกายก็ไม่เผาผลาญแคลอรี่นะคะ(。・艸・)
วิธีแก้ปัญหา: ลองหาระยะก้าวที่เหมาะสมกับตัวเราดู วิธีการคือก้าวเท้าไปข้างหน้าข้างหนึ่ง จากนั้นเอนตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อดูก้าวเท้าของเรา พยายามให้รู้สึกว่าก้าวออกไปแล้วเป็นธรรมชาติมากที่สุดถ้ายังไม่ใช่ระยะก็สลับทำอีกข้าง ทำไปเรื่อยๆจนกว่าจะกำหนดระยะก้าวของเราได้ค่ะ

6. ใส่รองเท้าเก่าหรือผิดประเภท
การใส่รองเท้าผิดประเภทจะทำให้เราเดินออกกำลังกายเร็วๆ หรือระยะทางไกลๆ ไม่ได้ เพราะจะรู้สึกปวดเท้า ซึ่งไม่เฉพาะอาการปวดเท้าเท่านั้นนะคะ แต่มีโอกาสเป็นเอ็นฝ่าเท้าอักเสบ, เจ็บสะโพกหรือปวดหลังได้ง่ายขึ้นอีกด้วยε-(>o<)
วิธีแก้ปัญหา: ลองหาซื้อรองเท้าสำหรับเดินซักคู่จากร้านที่มีผู้เชี่ยวชาญด้านรูปทรงของเท้าให้คำปรึกษา โดยเรามีข้อแนะนำให้เล็กน้อย คือ ให้เลือกรองเท้าที่มีขนาดใหญ่กว่าเท้าของเราหน่อยและควรเปลี่ยนรองเท้าทุกๆ 3-5 เดือนค่ะ

7. ไม่ทำตารางความคืบหน้า
ถ้าเพื่อนๆ ไม่ทำตารางความคืบหน้าการออกกำลังกายของตัวเองว่าพัฒนาเป็นอย่างไรบ้างแล้ว มันก็ย่อมยากที่จะรู้ว่าเราควรจะเปลี่ยนระดับการออกกำลังกายให้หนักขึ้นเมื่อไหร่
วิธีแก้ปัญหา: ให้ทำบันทึกการเดินออกกำลังกายของเรา โดยใส่ข้อมูลเกี่ยวกับเวลาที่ใช้ จำนวนก้าว และระยะทางที่เดินในแต่ละสัปดาห์ให้พยายามเพิ่มระดับข้อใดข้อหนึ่งให้ยากขึ้น เช่นเพิ่มเวลาในการออกกำลังกายเป็นต้นค่ะ♡〜٩( ╹▿╹ )۶〜♡

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++ลองเช็คกันดูว่ามีข้อไหนบ้างที่เพื่อนๆกำลังเป็นกันอยู่ ลองปรับปรุงแก้ไขแล้วทำใหม่ให้ดีขึ้นดูนะคะ! แล้วการออกกำลังกายของเราจะได้ไม่เหนื่อยเปล่าน้า ฮึบๆヽ(o♡o)/
Credit : 7 Reasons Your Walking Routine Isn't Helping You Lose Weight
http://www.prevention.com/fitness/7-reasons-your-walks-dont-burn-calories