เป็นสาวซิสต้าที่ห้อยต่องแต่งอยู่บนคานมานานแสนนาน! พอมีแฟนกับเขาสักคน อารมณ์พลุ่งพล่านประหนึ่งอยู่ในภาพยนตร์เรื่อง “ฮอร์โมน วัยว้าวุ่น” ขึ้นมาทันทีตั้งหน้าตั้งตานับวันครบรอบ 1 อาทิตย์ 2 อาทิตย์ 1 เดือน (ผู้ใหญ่บางคู่เขานับแค่รอบปีนะเฮ้ย) บางคนถึงกับนับวันรอจะสารภาพรักยาวเป็นหน้ากระดาษว่า“เรารักเธอมาตั้งแต่ บลาบลา เราดีใจมากที่มีเธอเป็นแฟน บลาบลา เราสองคนเหมาะสมกันมากเลยนะ เรียนจบสัญญานะว่าจะแต่งงานกัน เรารักเธอมากเลยนะ”แต่ เอิ่ม… เธอเพิ่งมี “แฟน” เป็นตัวเป็นตนยังไม่ถึงเดือนเลย รีบไปไหมคะ!!!

บางคนก็เรียกได้ว่า “ประสบการณ์โชกโชน” มีแฟนมาแล้วนับนิ้วมือไม่ถ้วนบอกรักแล้วครบทุกคนแต่ในที่สุดก็ไม่มีใครอยู่ด้วย เซย์กู๊ดบายบอกลากันหมดซะงั้น!อ้าว ทำไมเป็นแบบนั้นล่ะ เราออกจะทุ่มเทกับความรัก ทำไมถึงไม่เจอรักแท้ซะทีรักไม่ต้องการเวลาไม่ใช่เหรอ?แล้วอย่างนี้เมื่อไหร่ถึงจะบอกรักได้ล่ะ

วันนี้ บทความ“ 7 เหตุผลที่ไม่ควรบอกรักเร็วเกินไป”มีคำตอบ มาดูกันเลยค่ะ


1. เผยไต๋หมดแล้ว ไม่เหลืออะไรให้น่าค้นหาอีกต่อไป!

รูปภาพ:https://pbs.twimg.com/media/Bq5tlIxCMAEiJNh.jpg

เรื่องสนุกอย่างหนึ่งของความรัก คือความพยายามเพื่อให้ได้อยู่ด้วยกันวันไหนว่างต้องรีบหาเวลานัดเจอ ไปเที่ยวที่โน่นที่นี่ ได้เดินจับมือ จูงมือกันเหมือนเด็กๆ รู้สึกดีเวลาโดนลูบหัว จุ๊บหน้าผาก บางคนอาจจะบอกว่าสถานะนื้คือ “คุยๆ กันอยู่” แต่ที่จริงก็ตกหลุมรักกันไปเรียบร้อยโรงเรียนซิสต้าซะแล้ว! โอ๊ย ฟิน

แต่ความสนุกครั้งนี้จะกร่อยทันทีเมื่อเธอสารภาพว่า “รัก” เร็วเกินไป ทุกอย่างจะถูก “เผยไต๋” ออกมาหมดรู้หมดแล้วว่าฝ่ายตรงข้ามคิดอะไรอยู่! ที่จริงก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายอะไรหรอก แต่ความสัมพันธ์ที่ยืนยาวก็ต้องการ “เวลา” ในการประคองคนสองคนทำความรู้จักและเดินไปพร้อมกัน เมื่อไม่มีชั้นเชิงในความรัก เขาอาจเบื่อเธอเร็วขึ้นก็ได้!


2. โสดไม่เป็น ต้องหาใครมาอยู่ข้างๆ ตลอดเวลา!

รูปภาพ:670_2409431210419412487_n.jpg

คนบางคนก็เป็นพวกอยู่คนเดียวไม่เป็น! ต้องหาคนมาเดินด้วยตลอดเวลาเลิกกับคนนี้ไม่ถึงสัปดาห์ เห็นไปเดินจูงมือกับหนุ่มอีกคนเฉยเลย! (ไม่รู้ไปจีบกันตอนไหน) คนประเภทนี้เป็นพวกไม่ยอมโสด ชอบที่จะมีความรัก เรียกว่า “โหยหา” ความรักก็คงไม่ผิดเท่าไหร่นัก บางทีสาวๆ พวกนี้อาจมีปมในวัยเด็ก เช่น ได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อหรือแม่เพียงแค่คนเดียว ทำให้ต้องการคนมาเติมเต็มความว่างเปล่าในใจ เธอจะพูดคำว่า “รัก” โดยไม่เคยคิดทบทวนเลยว่า เธอรักคนที่อยู่ตรงหน้าจริงๆ หรือเปล่า

เปลี่ยนคนคบไปเรื่อยๆ แทนที่จะตั้งตัวจริงจังกับใครสักคน จะรู้ไหมนะว่าการกระทำแบบนั้นเป็นการหลอกตัวเองไปวันๆว่าเจอคู่แท้แล้ว แต่แท้ที่จริงก็ยังอยู่คนเดียวบนโลกเหมือนเดิมนั่นแหละ เอวัง


3. อีกฝ่ายอาจ "เงิบ" และไม่รู้จะตอบกลับยังไงดี

รูปภาพ:http://i.imgur.com/sJPnINm.gif

ถ้าเธอสารภาพรักกับชายหนุ่ม แล้วคนตรงหน้า “สตั๊น” อึ้งกิมกี่ ไม่พูดอะไรกลับมาเลย นั่นแปลว่าเขากำลังตกใจและหวาดระแวงค่ะจากที่ชอบกันอยู่ดีๆ จะเหมือนย้อนกลับไปจุดเริ่มต้นอีกครั้ง นั่นคือคนแปลกหน้า! เธอจะอดโกรธผู้ชายไม่ได้ว่าทำไมไม่ตอบในสิ่งที่เธอหวังไว้ สรุปก็ทะเลาะกันอีก!

บรรยากาศความหวาดระแวงเริ่มมาคุ อึดอัด กระอักกระอ่วนด้วยกันทั้งคู่แล้วล่ะสิ เธอเริ่มเสียใจแล้วใช่ไหมว่าไม่น่าพูดออกไปเลย แต่ยังไงก็ถอนคำพูดไม่ได้แล้วล่ะ!จำไว้เลยว่าอย่ารีบบอกรักใครเร็วเกินไป แต่ถ้าเธอเป็นพวกขอให้ได้พูด ช่างมันฉันไม่แคร์ จะรักหรือไม่รักก็ช่าง! ก็ตะโกนบอกไปได้เลย แต่ก็ต้องยอมรับผลที่ตามมา (ซึ่งอาจจะไม่โอเค) ด้วยนะจ๊ะ!


4. อีกฝ่ายจะเข้าใจผิด คิดว่าพูดเล่น!

รูปภาพ:

ถ้าเธอเพิ่งคบกับหนุ่มสุดน่ารักที่เพิ่งเจอได้สองวัน กำลังสวีทกันอยู่ในร้านไอติม อยู่ดีๆ เธอก็บอกว่า “ฉันรักนาย” แววตาและสีหน้าจริงจังยิ่งกว่าอ่านหนังสือสอบปลายภาค คู่เดทของเธออาจจะเงียบไปพักหนึ่ง แล้วระเบิดหัวเราะเพราะคิดว่าเธอพูดเล่น! เป็นไง หน้าเสียเลยไหม ไม่มีผู้ชายคนไหนคิดว่าเธอจะรักเขาภายในสองวันหรอก อย่างมากก็คิดว่าพูดเอาใจไปงั้นๆ เท่านั้นแหละ เจ็บเลยไหมล่ะ โดนมองว่าความรักเป็นเรื่องล้อเล่น!

ถ้าเธอเผลอพูดไปแล้ว ก็อย่า “ดราม่า” ใส่เขานะ จะกลายเป็นทะเลาะกันโดยไม่จำเป็น แกล้งหัวเราะตอบไปแกนๆ แล้วทำให้เป็นเรื่องตลกไปเถอะแล้วต่อไปถ้าจะพูดอะไร รอเวลาที่เหมาะสมดีกว่านะ!



5. เริ่มไม่แน่ใจว่ารู้จักอีกฝ่ายดีพอหรือยัง

รูปภาพ:https://caughtreadhanded.files.wordpress.com/2014/12/meh.gif

คนบางคนก็เป็นพวกตกหลุมรักง่ายเกิ๊น! แค่มองตาใครสักคนตามท้องถนนก็หลงใหลเขาซะหัวปักหัวปำ นั่นคือความ “หลง” ไม่ใช่ความ “รัก” นะคะเฮลโหล ตื่นได้แล้ว! ถ้าเธอรู้จักความรักจริงๆ นั่นคือการรับตัวตนของคนนั้นได้จริงทั้งข้อดีและข้อเสีย ไม่ใช่เห็นเขาหล่อหน่อยก็บอกว่ารัก

ถามง่ายๆ เลยว่า ตอนนี้เธอรู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนี้บ้างรู้ไหมว่าแฟนเก่าชื่ออะไร เขามีแฟนมาแล้วกี่คน เขาชอบกินอะไร เขาชอบรองเท้ายี่ห้อไหน แม่ของเขาชื่ออะไร เขานอนกรนหรือเปล่า เพราะมนุษย์คนหนึ่งมีรายละเอียดมากมายในชีวิต ซึ่งซับซ้อนและต้องใช้เวลาศึกษาค่ะถ้าเธอยังไม่รู้อะไรสักอย่างเกี่ยวกับตัวเขา อย่าได้บอกว่า “รัก” เขาเป็นอันขาดเชียว!


6. พูดเพราะกันท่า กลัวว่าจะมีสาวอื่นมาแย่งเขาไป!

รูปภาพ:http://29.media.tumblr.com/tumblr_m0cm57P2jH1r8ya56o1_500.gif

ลองตั้งคำถามกับตัวเองอย่างจริงจังสักครั้งซิ! ที่เธอพูดว่า “ฉันรักนาย” เพราะแค่กลัวว่าจะมีใครมาแย่งไปหรือเปล่า?คนบางคนก็บอกรักเพื่อกันคู่แข่งออกไปให้พ้นทางเท่านั้นเอง หรือ “รัด” คนรักให้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก หรือบางคนแย่ที่สุดคือเอาไว้ “อวดเพื่อน” ว่าบอกรักกันแล้วนะ ทั้งที่ในใจไม่ได้คิดอย่างนั้นแม้แต่นิดเดียว

ถ้าเธอคิดจะสารภาพรักกับใคร ขอให้แน่ใจว่ารู้สึกอย่างนั้นจริงๆรักอย่างมีสติ ไม่บุ่มบ่ามนะคะ ถ้าไม่อยากเสียใจภายหลัง (´д`、)


7. เป็นการกดดันอีกฝ่ายโดยไม่ตั้งใจ!

รูปภาพ:http://i.ytimg.com/vi/zwu4KCvlVUU/maxresdefault.jpg

การกดดันไม่ช่วยทำให้หนุ่มตรงหน้ารักเธอมากขึ้นหรอกนะ บอกเลย!เมื่อเธอพูดคำว่า “รัก” ไปแล้ว ความลับในใจก็ถูกเปิดเผยออกมาหมด จะถอนคำพูดก็ไม่ได้แล้ว มันพูดไปแล้ว (〒ó〒) ถ้าผู้ชายตรงหน้าแค่คบเล่นๆ ไม่จริงจังแล้วยังไม่อยากมีความสัมพันธ์แบบผูกมัดตอนนี้ เขาก็อาจจะรักเธอจริงๆ นั่นแหละ แค่ไม่รู้ว่าควรจะทำยังไงต่อไปกับชีวิต (เงิบพอๆ กับข้อข้างบนนั่นแหละ)

จำไว้ว่าไม่สามารถเอาคำพูดที่คืนไปแล้วกลับมาได้ค่ะ! “ก่อนพูดเราเป็นนายคำพูด หลังพูดคำพูดเป็นนายเรา” ประโยคนี้ยังใช้ได้เสมอ!ถ้าคู่เดทของเธอยังไม่แน่ใจในชีวิตคู่ภายภาคหน้า คำว่ารักจะกลายเป็นเชือกหนามแหลมผูกมัด บังคับให้เขาคิดถึงเรื่องนี้มากเกินไป เรียกง่ายๆ ว่ากดดันนั่นเองธรรมชาติมนุษย์เมื่อกดดันมากๆ จะเริ่มโกรธและผิดหวัง ในที่สุดก็จะหาเรื่องทะเลาะและเลิกกันในที่สุดดูเวอร์นะ แต่มันคือเรื่องจริง! ถ้าไม่แน่ใจว่าเขาจริงจัง อย่าเริ่มพูดเรื่องนี้เลยนะ! เตือนไว้ก่อน

โห บอกรักแบบไหนก็มีแต่ปัญหา แล้วอย่างนี้ต้องรอนานแค่ไหนถึงจะพูดได้ล่ะ วัยรุ่นใจร้อนนะเฮ้ย!ขอแนะนำอย่างนี้แล้วกัน บอกตอนที่เธอรู้สึก“รัก”นั่นแหละแต่ดูให้แน่ใจก่อนว่าคู่เดทของเธอพร้อมที่จะรับฟังคำๆ นั้นแล้วแต่ยังไงก็ตามความเหมาะสมของแต่ละคู่ก็ไม่เหมือนกันอยู่ดี บางคนเจอกันสองเดือนยังแต่งงานกันได้เลย!

ของอย่างนี้คงเหมารวมไม่ได้ เราอยากให้เธอใช้“ความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย”เป็นตัวตัดสินว่าจะเริ่ม“รัก”กันจริงๆ เมื่อไหร่ ขอให้คู่รักซิสต้าทุกคู่โชคดีค่ะ ^___^


บทความที่เกี่ยวข้อง