
สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe ที่เลิฟ ♡♡♡ ทุกคน
เชื่อว่าหลายคนต้องเคยรู้สึกว่า ' ทำไมการใช้ชีวิตทุกวันมันยาก มันเครียด อึดอัด กดดัน น่าเบื่อขนาดนี้!?? ' แค่ลืมตาขึ้นมาตอนเช้าก็เหนื่อยแล้วอะ กว่าจะหอบร่างไปอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัว วิ่งตามรถเมล์จนเหงื่อซกทั่วตัว ไม่ก็ยืนขาแข็งรอรถไฟฟ้า ( ที่เสียเก่งเหมือนนมบูด ) แต่นั่นเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นแกร!
วัยเรียนก็ต้องไปเจอวิชามหาโหด ต้องทำเกรด ต้องสอบให้ผ่าน อาจารย์ก็โหด เพื่อนก็ไม่ได้สนิทเหมือนมัธยม กิจกรรมระหว่างเรียนก็ต้องทำ พอเรียนจบทำงานออฟฟิศยิ่งแล้วใหญ่ บางคนแจ็คพ็อตเจอเจ้านายแย่ เพื่อนร่วมงานห่วย ทำงานวนไป 8 ชั่วโมง ไปเจอมรสุมฝนตก รถติด ฝุ่นควันอีก กว่าจะถึงบ้าน สภาพเหมือนไปรบสงครามกลางอัฟกานิสถาน -__- จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะมี ' พื้นที่ปลอดภัย/ โลกส่วนตัว ' ของตัวเอง ไว้หลบโลกความจริงในแต่ละวันนั่นเองค่ะ

ในบทความนี้ เราเขียนจากการรวบรวมข้อมูลที่เคยอ่านผ่านๆ ตา และประสบการณ์ส่วนตัวที่เกิดขึ้น อาจไม่ได้ตรงกับทุกคน แต่หวังว่าอ่านจบแล้ว สาวๆ จะเอาข้อมูลไปปรับใช้กับตัวเองได้ ^^ ถ้าเริ่มสนใจแล้วว่า ' พื้นที่ปลอดภัย / โลกส่วนตัว ' มันคืออะไร ดียังไง ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจได้จริงมั้ย ก็เลื่อนลงมาอ่านเลยค่ะซิส (^0^)ノ
พื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) คืออะไร?

ตามชื่อเลย มันก็คือพื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึก ' ปลอดภัย ' นั่นเอง ซึ่งตามความเข้าใจของเรา มันจะแบ่งได้สองแบบ คือพื้นที่ส่วนตัว ( personal space ) กับพื้นที่ปลอดภัย ( safe space ) ค่ะ
พื้นที่ส่วนตัว คือระยะห่างระหว่างเรากับคนอื่น เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกคนอื่นล่วงล้ำมากเกินไป ( คิดง่ายๆ ก็เหมือนเราถูกหุ้มไว้ในฟองสบู่ และคนอื่นจะเข้ามาในอาณาเขตฟองสบู่ของเราไม่ได้ ) สังเกตได้จากเวลาขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือต้องนั่งม้านั่งยาวๆ ตามที่สาธารณะ คนส่วนใหญ่จะนั่งเว้นจากคนแปลกหน้า 1-2 ที่นั่งเสมอ ถ้ายืนคุยกัน ระยะห่างที่เหมาะสมสำหรับคนทั่วไป คือประมาณ 1 ช่วงแขน จะได้พื้นที่พอดี ไม่หายใจรดกันจนอึดอัดค่ะ
ซึ่งพื้นที่ส่วนตัวนี้มีกันทุกคน จะ introvert หรือ extrovert ก็ตาม แต่จะมีมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับระดับความสนิท และลักษณะของบุคคลนั้น เช่น ถ้าคนแปลกหน้าจะยืนห่างหน่อย กับเพื่อนใกล้เข้ามาอีกนิด จับมือกันได้ กับแฟนก็กอดแนบชิด จุ๊บกันได้เลย แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้น ถ้าใครเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ( introvert ) พื้นที่ของเขาอาจจะเยอะกว่าคนทั่วไปเป็นเมตรๆ เลยก็เป็นได้

บางคนเขาก็ไม่ชอบให้แตะตัวตามใจชอบน้า แม้จะสนิทก็ตาม คนเหล่านี้คือคนที่หวงพื้นที่ส่วนตัวมากๆ ระยะของเขาจะแคบมากๆ ค่ะ
อีกประเภทคือ พื้นที่ปลอดภัย ( Safe Space ) ที่กว้างขึ้นมาหน่อย คนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นที่บ้าน หรือห้องนอนของตัวเอง เพราะได้ใช้เวลาอยู่คนเดียว ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ ทำนั่นนี่ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครรบกวน หรือมาคอยจ้องมอง ไว้พักใจจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวัน แต่ใช่ว่าสถานที่อื่นจะเป็น Safe Space ไม่ได้ ถ้าพื้นที่ในบ้านไม่ตอบโจทย์ บางคนก็เลือกเป็นร้านกาแฟ บ้านเพื่อน บ้านแฟน ห้องสมุด หรือร้านอาหารร้านโปรดก็มี เพราะจุดประสงค์คือ ' อยู่แล้วสบายใจ ' แค่นั้นเลยค่ะ
'พื้นที่ปลอดภัย' มีข้อดียังไงบ้าง?

ข้อดีของการมี Personal Space นั้นมีเยอะเลย!!! เพราะตามธรรมชาติของมนุษย์ นอกจากความต้องการด้านอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัยแล้ว พวกเราก็ต้องการความปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองด้วยเช่นกัน ถือเป็นขั้นที่ 2 จาก 5 ขั้น ตามกฎลำดับขั้นของความต้องการของมาสโลว์ ซึ่งความปลอดภัยในที่นี้ หมายถึงทั้งกายภาพและจิตใจด้วย ดังนั้น ' พื้นที่ปลอดภัย ' ทั้งระยะห่างระหว่างบุคคลและสถานที่ จึงเติมเต็มส่วนนี้ได้ ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น จิตใจสงบ เมื่ออารมณ์คงที่ เราก็จะหัวสมองโล่ง โปร่ง สร้างสรรค์งานดีๆ มีทัศนคติที่ดี ทำให้เรามีความสุขค่ะ ^_____^

ปิรามิดลำดับความต้องการของมาสโลว์ 'ความปลอดภัย' จะอยู่ในขั้นที่สองค่ะ
ทำไมการมี 'พื้นที่ปลอดภัย/โลกส่วนตัว' ถึงทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น?

มีงานวิจัยและบทความหลายอย่างเปิดเผยว่า ถ้าเราเจอเรื่องเศร้า อารมณ์เสียซ้ำซาก เจอความกดดันก็เฉย คิดว่ามันคงหายไปเอง ไม่คิดจะระบายหรือแก้ไข จะเกิดความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นอาการเก็บกด ฮอรโมนผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ ดังนั้นนอกจากไปหาหมอเพื่อรักษาแล้ว เราก็ควรเยียวยาตัวเองด้วยการ ' มีที่พักใจส่วนตัว ' ด้วยค่ะ ช่วยได้จริงๆ
หมกมุ่นกับ 'พื้นที่ปลอดภัย' มากเกินไป ก็มีข้อเสียนะ!

มนุษย์โดยปกติจะไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้นานๆ โดยไม่คิดฟุ้งซ่าน แม้จะเป็น introvert ก็ตาม หากเธออยู่ใน Safe Space นานเกินไป เธอจะเริ่มเฉยชา เบื่อ ขี้เกียจ กลัวคน สกิลทางสังคมลดลง ความกระตือรือร้นหดหาย ประสิทธิภาพในการคิดไอเดียดีๆ ก็ลดลง หนักสุดก็อาจมีความผิดปกติทางจิตได้เลย ดังนั้นอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวแต่พอดี ออกไปข้างนอก เปลี่ยนบรรยากาศบ้าง เราควรได้พักผ่อนเพื่อรีชาร์จตัวเอง แต่ไม่ใช่ชาร์จไม่เลิกจนสายชาร์จไหม้คามือ จริงไหมคะ ^^

------------------------------
อ่านถึงตรงนี้ หลายคนที่เคยเข้าใจผิดว่าตัวเองแปลก เราโดดเดี่ยวเข้ากับสังคมไม่ได้หรือเปล่า ต้องปรับทัศนคติมั้ย ก็บอกเลยว่าไม่ผิด เรื่องปกติมาก จำเป็นด้วยซ้ำ! ยิ่งในสังคมเมือง การมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็มี เห็นได้ในรูปแบบของคอนโด คาเฟ่ สถานที่สำหรับมาคนเดียวก็เริ่มมาเปิดเยอะขึ้น เพราะการอยู่คนเดียวเราได้ ' รีชาร์จ ' สภาพอารมณ์และสภาพร่างกายของตัวเอง เต็มอิ่มแล้วก็เดินทางต่อ ปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นกับบางคน จะมาจากการหมกมุ่นกับพื้นที่เดิมๆ นานเกินไปมากกว่า
ขอแค่รู้ลิมิตตัวเอง ใช้ ' พื้นที่ปลอดภัย ' อย่างเหมาะสม เธอจะเป็นคนน่ารักที่สุขภาพจิตดี ที่ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้แน่นอน ^w^ วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อนน้า เจอกันใหม่คราวหน้าค่า #ซียู
Comments