1. SistaCafe
  2. #ขอหนีไปโลกส่วนตัว! ทำไมคนเราต้องมี 'พื้นที่ปลอดภัย' ข้อดีข้อเสียคืออะไร ดีต่อใจจริงมั้ย มาดู

สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeที่เลิฟ ♡♡♡ ทุกคนเชื่อว่าหลายคนต้องเคยรู้สึกว่า' ทำไมการใช้ชีวิตทุกวันมันยาก มันเครียด อึดอัด กดดัน น่าเบื่อขนาดนี้!?? 'แค่ลืมตาขึ้นมาตอนเช้าก็เหนื่อยแล้วอะ กว่าจะหอบร่างไปอาบน้ำ แต่งหน้าแต่งตัว วิ่งตามรถเมล์จนเหงื่อซกทั่วตัว ไม่ก็ยืนขาแข็งรอรถไฟฟ้า ( ที่เสียเก่งเหมือนนมบูด ) แต่นั่นเพิ่งเริ่มต้นเท่านั้นแกร!วัยเรียนก็ต้องไปเจอวิชามหาโหด ต้องทำเกรด ต้องสอบให้ผ่าน อาจารย์ก็โหด เพื่อนก็ไม่ได้สนิทเหมือนมัธยม กิจกรรมระหว่างเรียนก็ต้องทำ พอเรียนจบทำงานออฟฟิศยิ่งแล้วใหญ่ บางคนแจ็คพ็อตเจอเจ้านายแย่ เพื่อนร่วมงานห่วย ทำงานวนไป 8 ชั่วโมง ไปเจอมรสุมฝนตก รถติด ฝุ่นควันอีก กว่าจะถึงบ้าน สภาพเหมือนไปรบสงครามกลางอัฟกานิสถาน -__-จึงไม่แปลกที่ทุกคนจะมี' พื้นที่ปลอดภัย/ โลกส่วนตัว 'ของตัวเอง ไว้หลบโลกความจริงในแต่ละวันนั่นเองค่ะ

หลังจากเหนื่อยมาหลายๆ ชั่วโมง เมื่อได้พัก นั่งคิดทบทวนกับตัวเอง นอกจากจะได้ความสบายใจแล้ว ยังเป็นจุดเริ่มต้นของความคิดสร้างสรรค์ หรือตกผลึกปัญหาที่คั่งค้างมานานได้ซึ่งแต่ละคนจะมีประเภทของพื้นที่ / ขนาดของพื้นที่ และจำนวนคนที่อยู่ด้วยในพื้นที่นั้นแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับบุคลิกของแต่ละคนนั่นเองในบทความนี้ เราเขียนจากการรวบรวมข้อมูลที่เคยอ่านผ่านๆ ตา และประสบการณ์ส่วนตัวที่เกิดขึ้น อาจไม่ได้ตรงกับทุกคน แต่หวังว่าอ่านจบแล้ว สาวๆ จะเอาข้อมูลไปปรับใช้กับตัวเองได้ ^^ถ้าเริ่มสนใจแล้วว่ามันคืออะไร ดียังไง ช่วยเยียวยาสภาพจิตใจได้จริงมั้ย ก็เลื่อนลงมาอ่านเลยค่ะซิส (^0^)ノ



พื้นที่ปลอดภัย (Safe Space) คืออะไร?

ตามชื่อเลย มันก็คือ

พื้นที่ที่ทำให้เรารู้สึก ' ปลอดภัย ' นั่นเอง

ซึ่งตามความเข้าใจของเรา มันจะแบ่งได้สองแบบ คือ

พื้นที่ส่วนตัว ( personal space ) กับพื้นที่ปลอดภัย ( safe space )

ค่ะ



พื้นที่ส่วนตัว คือระยะห่างระหว่างเรากับคนอื่น เพื่อให้รู้สึกปลอดภัย ไม่ถูกคนอื่นล่วงล้ำมากเกินไป ( คิดง่ายๆ ก็เหมือนเราถูกหุ้มไว้ในฟองสบู่ และคนอื่นจะเข้ามาในอาณาเขตฟองสบู่ของเราไม่ได้ )

สังเกตได้จากเวลาขึ้นรถไฟฟ้า รถเมล์ หรือต้องนั่งม้านั่งยาวๆ ตามที่สาธารณะ คนส่วนใหญ่จะนั่งเว้นจากคนแปลกหน้า 1-2 ที่นั่งเสมอ ถ้ายืนคุยกัน ระยะห่างที่เหมาะสมสำหรับคนทั่วไป คือประมาณ 1 ช่วงแขน จะได้พื้นที่พอดี ไม่หายใจรดกันจนอึดอัดค่ะ



ซึ่งพื้นที่ส่วนตัวนี้มีกันทุกคน จะ introvert หรือ extrovert ก็ตาม แต่จะมีมากน้อยแค่ไหน ก็ขึ้นอยู่กับระดับความสนิท และลักษณะของบุคคลนั้น

เช่น ถ้าคนแปลกหน้าจะยืนห่างหน่อย กับเพื่อนใกล้เข้ามาอีกนิด จับมือกันได้ กับแฟนก็กอดแนบชิด จุ๊บกันได้เลย แต่ทั้งนี้ก็มีข้อยกเว้น

ถ้าใครเป็นคนโลกส่วนตัวสูง ( introvert ) พื้นที่ของเขาอาจจะเยอะกว่าคนทั่วไปเป็นเมตรๆ เลยก็เป็นได้




อีกประเภทคือ

พื้นที่ปลอดภัย ( Safe Space ) ที่กว้างขึ้นมาหน่อย คนส่วนใหญ่ก็มักจะเป็นที่บ้าน หรือห้องนอนของตัวเอง เพราะได้ใช้เวลาอยู่คนเดียว ได้พักผ่อนอย่างเต็มที่จริงๆ ทำนั่นนี่ได้โดยไม่ต้องห่วงว่าจะมีใครรบกวน หรือมาคอยจ้องมอง ไว้พักใจจากความเหน็ดเหนื่อยตลอดทั้งวัน


แต่ใช่ว่าสถานที่อื่นจะเป็น Safe Space ไม่ได้ ถ้าพื้นที่ในบ้านไม่ตอบโจทย์ บางคนก็เลือกเป็นร้านกาแฟ บ้านเพื่อน บ้านแฟน ห้องสมุด หรือร้านอาหารร้านโปรดก็มี

เพราะจุดประสงค์คือ

' อยู่แล้วสบายใจ '

แค่นั้นเลยค่ะ



'พื้นที่ปลอดภัย' มีข้อดียังไงบ้าง?

ข้อดีของการมี Personal Space นั้นมีเยอะเลย!!! เพราะ

ตามธรรมชาติของมนุษย์ นอกจากความต้องการด้านอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัยแล้ว พวกเราก็ต้องการความปลอดภัย ได้รับการคุ้มครองด้วยเช่นกัน ถือเป็นขั้นที่ 2 จาก 5 ขั้น ตามกฎลำดับขั้นของความต้องการของมาสโลว์

ซึ่งความปลอดภัยในที่นี้ หมายถึงทั้งกายภาพและจิตใจด้วย ดังนั้น ' พื้นที่ปลอดภัย ' ทั้งระยะห่างระหว่างบุคคลและสถานที่ จึงเติมเต็มส่วนนี้ได้

ทำให้เรารู้สึกอบอุ่น จิตใจสงบ เมื่ออารมณ์คงที่ เราก็จะหัวสมองโล่ง โปร่ง สร้างสรรค์งานดีๆ มีทัศนคติที่ดี ทำให้เรามีความสุขค่ะ ^_____^




ทำไมการมี 'พื้นที่ปลอดภัย/โลกส่วนตัว' ถึงทำให้สุขภาพจิตดีขึ้น?

จากประสบการณ์ส่วนตัวการที่เรามี ' พื้นที่ส่วนตัว ' จะทำให้เรารู้สึกว่า ได้ครอบครองอะไรสักอย่างแม้จะผิดหวังจากชีวิตข้างนอก ครูด่า เพื่อนทิ้ง เกรดตก เดินตกท่อ หมากัด แต่เมื่อเปิดประตูเข้าสู่สถานที่นี้ เราจะได้เป็นเจ้าของโลกทั้งใบ จะทำอะไรในนี้ก็ได้จะร้องเพลงดังลั่น ดูหนังหลายชั่วโมงโดยไม่ต้องพูดอะไร นั่งวาดรูป แต่งหน้า อ่านหนังสือ เต้นท่าตลกๆ ก็ได้ ไม่มีใครว่า ช่วยลดความเครียดในแต่ละวัน ทำให้สุขภาพจิตดีขึ้นค่ะมีงานวิจัยและบทความหลายอย่างเปิดเผยว่า ถ้าเราเจอเรื่องเศร้า อารมณ์เสียซ้ำซาก เจอความกดดันก็เฉย คิดว่ามันคงหายไปเอง ไม่คิดจะระบายหรือแก้ไข จะเกิดความเครียดสะสมมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นอาการเก็บกด ฮอรโมนผิดปกติ ซึ่งอาจนำไปสู่โรคซึมเศร้าได้ดังนั้นนอกจากไปหาหมอเพื่อรักษาแล้ว เราก็ควรเยียวยาตัวเองด้วยการ' มีที่พักใจส่วนตัว 'ด้วยค่ะ ช่วยได้จริงๆ


หมกมุ่นกับ 'พื้นที่ปลอดภัย' มากเกินไป ก็มีข้อเสียนะ!

แน่นอนว่าการมี' Safe Space 'ข้อดีมากมายอย่างที่บอกไปข้างต้น แต่! เหรียญย่อมมีสองด้านเสมอหากสุดกู่เกินไปจนถึงขั้นหมกมุ่น ติดใจในพื้นที่ส่วนตัว จนขลุกอยู่ในห้องทั้งวันเป็นเดือนๆ ปีๆ จนไม่ออกไปเจอโลกภายนอก จะส่งผลกระทบทั้งการเรียน ประสิทธิภาพการทำงาน และจิตใจของเธอ จนอาจมีภาวะโรคซึมเศร้าได้( ถ้าที่ญี่ปุ่น ก็เรียกว่าเป็น ' ฮิคิโคโมริ ' ดีๆ นี่เอง )มนุษย์โดยปกติจะไม่สามารถอยู่ที่เดิมได้นานๆ โดยไม่คิดฟุ้งซ่าน แม้จะเป็น introvert ก็ตามหากเธออยู่ใน Safe Space นานเกินไป เธอจะเริ่มเฉยชา เบื่อ ขี้เกียจ กลัวคน สกิลทางสังคมลดลง ความกระตือรือร้นหดหาย ประสิทธิภาพในการคิดไอเดียดีๆ ก็ลดลง หนักสุดก็อาจมีความผิดปกติทางจิตได้เลยดังนั้นอยู่ในพื้นที่ส่วนตัวแต่พอดี ออกไปข้างนอก เปลี่ยนบรรยากาศบ้างเราควรได้พักผ่อนเพื่อรีชาร์จตัวเอง แต่ไม่ใช่ชาร์จไม่เลิกจนสายชาร์จไหม้คามือ จริงไหมคะ ^^


------------------------------อ่านถึงตรงนี้ หลายคนที่เคยเข้าใจผิดว่าตัวเองแปลก เราโดดเดี่ยวเข้ากับสังคมไม่ได้หรือเปล่า ต้องปรับทัศนคติมั้ย ก็บอกเลยว่าไม่ผิด เรื่องปกติมาก จำเป็นด้วยซ้ำ!ยิ่งในสังคมเมือง การมีพื้นที่ส่วนตัวเป็นเรื่องที่ใครๆ ก็มี เห็นได้ในรูปแบบของคอนโด คาเฟ่ สถานที่สำหรับมาคนเดียวก็เริ่มมาเปิดเยอะขึ้นเพราะการอยู่คนเดียวเราได้ ' รีชาร์จ ' สภาพอารมณ์และสภาพร่างกายของตัวเอง เต็มอิ่มแล้วก็เดินทางต่อ ปัญหาทางจิตที่เกิดขึ้นกับบางคน จะมาจากการหมกมุ่นกับพื้นที่เดิมๆ นานเกินไปมากกว่าขอแค่รู้ลิมิตตัวเอง ใช้ ' พื้นที่ปลอดภัย ' อย่างเหมาะสม เธอจะเป็นคนน่ารักที่สุขภาพจิตดี ที่ใครๆ ก็อยากเข้าใกล้แน่นอน ^w^ วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อนน้า เจอกันใหม่คราวหน้าค่า #ซียู------------------------------

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1