#คุยกับตัวเองพื้นที่ของคนที่ชอบหาเวลาคุยกับตัวเอง เพื่อให้เกิดความคิดที่ตกผลึกก่อนไปสื่อสารกับคนอื่น

แต่จะคุยแบบเปล่งเสียงออกมาหรือไม่ก็ได้ ไม่ต้องกลัวใครมองว่าบ้า

เพราะบอกเลยว่าคนเราน่ะบ้ากันทั้งนั้น!

สำหรับep.3เปิดประเด็นว่าด้วยการ ‘มูฟออน’ จริงๆ แล้วมันมีอยู่จริงหรือไม่ แล้วคนที่มูฟออนได้ มันเป็นการทำร้ายใครรึเปล่า ? เชิญคนที่เคยผ่านการมูฟออนทั้งหลายมาถกกัน

รูปภาพ:

คำเตือน : เนื้อหาต่อจากนี้มีการสปอยล์

เพราะเป็นส่วนหนึ่งของการ #รีวิวหนัง ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไรไม่ให้เหลือเธอ (Happy Old Year) หนังที่จะตั้งคำถามให้คุณมากมายเต็มไปหมด ตั้งแต่ถามว่ามูฟออนแล้วดีต่อใคร ? ผิดมั้ยที่เรามูฟออนได้ก่อน หรือนี่จะเรียกว่าความเห็นแก่ตัว ? แต่ในเมื่อทุกคนต้องเลือกสิ่งที่ดีที่สุดให้ตัวเอง แล้วคนเหล่านั้นผิดอะไร รวมถึงคำถามที่ลึกซึ้งกว่านั้นว่าจริงๆ แล้วมูฟออนคืออะไร มีจริงมั้ย ใช้วิธีไหนได้บ้าง ? หนังเรื่องนี้พร้อมที่จะให้ทุกคนมาแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน

∞ มูฟออนคืออะไร ? หรือจะไม่ใช่สิ่งที่มีอยู่จริง

การจะเคลื่อนไปข้างหน้าได้ จำต้องทิ้งบางอย่างไว้ข้างหลัง.. คนใกล้ชิดมักพูดประโยคนี้บ่อยๆ อ้างอิงถึงหนังเรื่อง Interstellar ซีนที่ดร.แบรนด์ (Anne Hathaway) ต้องเคลื่อนยานพาหนะที่ใช้เดินทางในอวกาศให้สามารถไปต่อได้ เพื่อทำภารกิจช่วยโลกให้สำเร็จ

แต่จะทำอย่างนั้นได้จำต้องสละบางสิ่งบางอย่างทิ้ง สิ่งนั้นคือยานพาหนะอีกลำของคูเปอร์ (Matthew McConaughey) เพื่อนที่ร่วมเดินทางด้วยกันมา ซึ่งคูเปอร์เองเข้าใจในหลักนี้ดี ยินยอมที่จะปลดยานของตัวเองออกไปท่ามกลางการคัดค้านและความยากลำบากใจของดร.แบรนด์และในครั้งนั้นก็ทำให้การเคลื่อนไปข้างหน้าทำได้สำเร็จ และการเดินทางไปสู่เป้าหมายที่ไกลแสนไกล ก็กลับดูใกล้มากยิ่งขึ้น

รูปภาพ:

เช่นเดียวกับวิถีของคนที่ต้องการ Move On เมื่อต้องการที่จะเคลื่อนที่ หรือเลื่อนไปข้างหน้า ก็เป็นธรรมดาที่จะต้องตัดใจทิ้งบางอย่างไว้ซึ่งการตัดใจทิ้งนี่แหละคือปัญหาเพราะมันไม่ง่ายเลย โดยเฉพาะในความสัมพันธ์ ขนาดตัดใจทิ้งของ เพื่อให้มีพื้นที่ว่างมากขึ้น ยังต้องสละความรู้สึกดีๆ และความทรงจำในของนั้นมากมาย นับประสาอะไรกับ ตัดใจทิ้งคน จะต้องงัดวิชา วิทยายุทธ์มามากขนาดไหนเพื่อให้ทิ้งได้จริงๆ

หนังฮาวทูทิ้งฯ จึงพาไปเปิดตำราดูฮาวทูสำหรับคนอยากมูฟออน ว่าด้วยวิธีทิ้งให้ไม่เหลือเยื่อใยแบบสเต็ป by สเต็ป ร่ายมาตั้งแต่ 1.ตั้งเป้าหมาย หาแรงบันดาลใจ 2.อย่าโหยหาอดีต 3.อย่าเยอะ 4.อย่าหวั่นไหว 5.อย่าเพิ่มของเข้ามา 6.อย่ามองกลับไป ..

แต่เชื่อมั้ยว่าต่อให้มีฮาวทูยังไง สุดท้าย การตัดใจ ก็ไม่เคยมีใครทำได้อย่างแท้จริง โดยเฉพาะการทิ้ง ที่ลืมได้แบบหมดใจซึ่งสุดท้ายตัวละครในเรื่องก็ไม่มีใครทำได้แม้แต่คนเดียว ทั้งจีน (ออกแบบ) เอ็ม (ซันนี่) และม้า (อาภาศิริ)

หนังจึงทิ้งปมไว้ให้เราได้คิดต่อว่า การมูฟออนที่สวยงามไม่มีอยู่จริง แต่มูฟออนแล้วย่อมหลงเหลือบางสิ่งไว้เสมอ และนั่นคือธรรมชาติของมัน

∞ ถ้าอยากเคลื่อนไปข้างหน้า #หนังบอกกับเราว่า ยังพอมีวิธีอยู่

นอกเหนือจากฮาวทูของการทิ้งทั้ง 6 ข้อที่กล่าวมา จีนยังทำให้เห็นว่าจริงๆ หลักในการทิ้งยังมีอยู่อีก 2 วิธีเบสิค นั่นคือถ้าไม่1.(ทำเป็น) ลืมๆ ไปซะก็2.กลับไปสะสางอดีตซะเลย

แต่ก็อย่างที่บอก ความจริงสุดท้ายของการมูฟออนมันไม่ได้สวยงามราบรื่นตามฮาวทูนั้นเพราะการมูฟออนทั้งสองวิธีต่างก็มีปัญหาของมัน

- ข้อแรก (ทำเป็น) ลืมนี่หนักเลย เพราะชัดอยู่แล้วว่าเป็นเพียงแค่การสร้างโลกอีกโลกขึ้นมาบดบังความจริง จะได้ไม่ต้องมองเห็นปมยุ่งเหยิงในชีวิตที่คลี่คลายไม่ได้ และยังคาใจอยู่อย่างนั้น

ตั้งแต่ต้นเรื่อง จีนมักจะไม่แคร์ความรู้สึกใคร ไม่คิดเยอะ ไม่เก็บความรู้สึกคนอื่นมาใส่ใจมากไป เรียกว่าใจแข็ง เย็นชา หรือบางคนอาจมองว่า ใจร้าย ใจดำเลยก็ได้ เธอจึงตัดสินใจทิ้งสิ่งต่างๆ ได้ง่ายดาย แม้กระทั่งทิ้งคน นั่นคือเลิกกับเอ็มไปแบบไม่บอกลา เพราะไม่อยากจะรับมือกับความรู้สึกมากมายของตัวเองและความรู้สึกของเจ้าของสิ่งของนั้นที่จะหลั่งไหลพรั่งพรูตามมาอีกเพียบ มันคือความขี้เกียจรูปแบบหนึ่ง ขี้เกียจเคลียร์ขี้เกียจแคร์ หรือที่หนังตั้งคำถามให้ว่ามันอาจเป็นความเห็นแก่ตัวนั่นล่ะ

ซึ่งเอ็ม และม๊าก็เป็นตัวละครที่เลือกจะทำเป็นลืมด้วยเช่นกัน และสุดท้ายก็ไม่มีใครทำสำเร็จ แม้กระทั่งจีนเอง เพราะทุกคนก็อดไม่ได้ ที่จะต้องกลับมาสู่โลกความจริง จีนต้องกลับมาแคร์ เอ็มต้องกลับมาเจอเรื่องแย่ๆ ความรู้สึกแย่ๆ ที่เคยได้รับ ม้าต้องกลับมาหวนนึกถึงอดีตอันปวดร้าวอีกครั้ง

เป็นอันว่าวิธีนี้จึงไม่สามารถมูฟออนได้ 100% อย่างแท้จริง จีนจึงเลือกที่จะใช้อีกวิธี

รูปภาพ:

- สะสางปมในอดีตกลับไปเคลียร์สิ่งที่ค้างคาใจซะ ทำอะไรไม่ดีกับใครไว้ก็ไปขอโทษ เอาของใครมาไว้ก็เอาไปคืน ไม่ใช้ของเค้าแล้ว ก็คืนให้คนที่จะได้ใช้ประโยชน์ต่อไป ดีกว่าทิ้งไปเฉยๆ แบบไม่เหลือเยื่อใย เพื่อเป็นการป้องกันการทำร้ายจิตใจคนที่ให้ เมื่อเค้ามาเห็นรวมถึงเอากล้องและฟิล์มไปคืน เอ็ม เพื่อที่จะได้ไม่ต้องติดค้างกัน ส่งของคืนให้เจ้าของซะ พร้อมทั้งขอโทษที่หายไปแบบไม่บอกลา จะได้จบๆเพียงแต่ว่าจีนน่ะจบ แต่คนอื่นไม่จบด้วยน่ะสิ..เพราะจีนกลับพบว่าการรื้อฟื้น แม้มันจะเป็นการสางปม แต่ก็มีแต่จะทำให้ทุกอย่างพัง มีแต่เรื่องมาให้ ทั้งเพื่อนตามมาทวงของ โทรมาให้ช่วยหารูปสมัยดึกดำบรรพ์ให้รวมทั้งแฟนเก่าอย่างเอ็ม ที่ทำเหมือนจะมูฟออนได้ แต่พอจีนกลับเอาของไปคืนให้ เรื่องราวต่างๆ ปมมากมายก็ฟื้นคืนชีพขึ้นอีกครั้ง ยิ่งได้รับการขอโทษจากจีนก็ยิ่งโกรธ เพราะเหมือนถูกผลักภาระทางความรู้สึกมาให้ ทั้งๆ ที่ยังไม่อยากให้อภัยรวมถึงม้าเองก็ยังบอกว่าตนอุตส่าห์อยู่มาได้ดีๆ ตอนนี้จะมารื้อฟื้นอีกทำไม เพราะพยายามทำทุกอย่างเหมือนเดิมมาตลอด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เมื่อจีนสะกิดแผลบ่อยๆ เข้า แผลใหญ่ที่เคยเปิดไว้จึงเผยออกมาให้เห็นว่าไม่เคยไปไหน มันคงแอบซ่อนไว้อยู่แค่นั้นเท่ากับว่าวิธีนี้ ก็ไม่ใช่การมูฟออน ที่ทำได้ 100% อีกเช่นกัน ความคาราคาซังยังคงอยู่ และสุดท้ายก็ต้องเลือกกลับไปเดินทางเดิม คือทำเป็นไม่เห็นมันไปซะ เย็นชาไว้แหละ อย่าไปแคร์อะไรมาก ทำแบบนี้วนไป

∞ แล้วต้องทำยังไง ถ้าอยากมูฟออนได้ แบบไม่เหลือเธอ

ถ้าจะตอบคำถามจากชื่อหนัง (ที่เค้าไม่ได้ถาม)ฮาวทูทิ้ง ทิ้งอย่างไร ไม่ให้เหลือเธอก็ตอบได้ว่ามันไม่มีวิธีที่มูฟออนแล้วคอมพลีทได้ 100% หรอก มูฟออนแบบนั้นมันไม่มีอยู่จริงแต่สิ่งที่มันเรียลและจริงนั่นคือการมูฟออน ด้วยการก้าวต่อไป ทั้งๆ ที่รู้ ว่ามันยังหลงเหลือเรื่องราวบางส่วนไว้น่ะแหละ

เพราะอย่างที่บอกไว้แต่ต้น ว่าจริงๆ การมูฟออนไม่ใช่การตัดใจ และทิ้งสิ่งต่างๆ ไปได้แบบคอมพลีท แต่

พูดให้เข้าใจง่ายๆ มันคือการยอมรับความจริง

ความจริงที่ว่าชั้นเห็นเรื่องราวเก่าๆ สิ่งของเดิมๆ มันก็ยังมีความรู้สึกนะ แต่ตอนนี้เราเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าต่อด้วย เราจึงวางเรื่องเธอไว้ตรงนี้ เมื่อไหร่ที่นึกถึง ก็แค่กลับมามองแล้วยิ้มหรือร้องไห้ให้มัน แล้วก็ก้าวไปต่อ ก็แค่นั้น ..เหมือนๆ กับที่หนังพยายามบอกแหละ อย่าอีโมเยอะ แล้วก็จะมูฟออนได้

รูปภาพ:

∞ บทสรุป #ฮาวทูทิ้ง เพราะการ ‘ทิ้ง’ ไม่ได้เท่ากับ ‘ลืม’

เมื่อการทิ้ง ตัดใจ ปล่อยวาง เป็นการทำให้ใจเบาขึ้น โดยไม่จำเป็นต้องล้าง เคลียร์พื้นที่ให้สะอาดทุกตารางนิ้วขนาดนั้น แต่เป็นการยอมรับธรรมชาติของการมูฟออนที่แท้จริงให้ได้

เพราะงั้น บทสรุปของฮาวทูทิ้งวิธีที่จะทำให้ทิ้งได้จริงๆ แบบสนิทใจ จึงอาจไม่ใช่ทางออกแต่อาจเป็นเพียงแค่ทำจิตให้แข็ง อยู่บนโลกแห่งความจริงได้ โดยที่สุดท้ายเราเองก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าไม่มีทางลืมได้อยู่ดีเหมือนที่จีนบอกตั้งแต่เริ่มเรื่องว่า‘ มันก็คือการปล่อยวาง พุทธๆ อะม้า ’..ลองคิดดูดีๆ การปล่อยวางคือการวางสิ่งที่ถือไว้ลง แต่ไม่ได้หมายความว่าสิ่งนั้นมันหายไปซะหน่อยนิ่

และจริงๆ บทสรุปนี้ก็อาจบอกไว้ตั้งแต่ชื่อภาษาอังกฤษของหนังที่ว่าHappy Old Yearคือการได้มีความสุขกับวันเก่าๆ ขอจดจำเรื่องราวในโลกใบเก่า แต่ก็ยอมรับความจริง เพราะชีวิตต้องเดินต่อไป

เช่นเดียวกับเพลงทิ้งแต่เก็บที่อาจบอกบทสรุปวิธีมูฟออนไว้กลายๆ แล้วว่าเราแค่ทิ้งแต่ไม่ลืมดังเนื้อเพลงท่อนนึงที่ The Toys ร้องไว้อย่างลึกซึ้งว่า‘ เกือบลืมไปแล้วมีความสุขแค่ไหน ’เพราะสุดท้ายที่ทำได้ก็แค่เกือบแต่ไม่เห็นลืมซักที..ว่ามั้ยล่ะ ?

-  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -

*FYI |

การเก็บ การทิ้ง เป็นการช่วยจัดระเบียบจิตใจให้ตัวเอง และช่วยให้เราจัดระบบความคิดได้ดีขึ้น เพราะปกติสมองของเราจะมักจะคอยจัดระบบข้อมูลอยู่เสมอเพื่อให้ประมวลผลได้ง่ายและสั่งการต่อได้ และยังมีงานวิจัยพบว่าบ้านรกมีผลต่อความฉลาด ยืนยันเลยว่าสภาพแวดล้อมมีผลต่อการพัฒนาของสมองจริงๆ นะ

สำหรับหนังเรื่องนี้ นอกจากจะดีในแง่ประเด็นที่ทิ้งให้คนถกกันอย่างกว้างขวางแล้ว ความทับใจอีกข้อขอยกให้ตัวละคร ‘เจย์ ’ (หมี ถิรวัฒน์) พี่ชายของจีน ไปเต็มๆ ด้วยคาแรคเตอร์ที่ดูเรียลๆ มีอยู่จริงในครอบครัว ในสังคม คือเป็นคนยังไงก็ได้ ซัพพอร์ตความรู้สึกคนในครอบครัวได้ และก็พร้อมจะไหลไปตามสถานการณ์ แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีจุดยืนของตัวเอง สิ่งที่เป็นจุดเด่นของเค้าคือมีความจริงใจ ไม่ได้อวย แต่ก็ไม่ได้ขวางโลกไปซะทีเดียว แถมบทพูดแต่ละประโยคก็ดูธรรมชาติ พูดอะไรก็ดูเข้าปาก เข้าบทบาทไปซะหมด เรียกได้ว่านักแสดงที่เล่นเป็นเจย์โผล่มาสร้างความสมจริงได้อย่างกลมกลืน และเอาบทบาทได้อยู่ตลอดทั้งเรื่อง

-  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -  -

แล้วคุณล่ะมุ้ปอรไปถึงไหนกันแล้วมีวิธีมุ้ปอรดีๆอันไหนอยากจะแชร์ก็บอกบุญชาวเน็ตกันได้แล้วเรื่องราวที่น่าจดจำล่ะเลือกเก็บไว้ส่วนไหนของจิตใจกันลองคุยกับตัวเองดู ใช้เวลาของตัวเองให้เต็มที่นะทุกคน

จบ ep.3 สวัสดีปีใหม่ บายจ้าา <3

เรื่อง :https://sistacafe.com/curators/8785

ภาพ :https://sistacafe.com/curators/51