สวัสดีค่ะ สาวๆ

SistaCafe

ผู้รักการเดินทางทุกคน

วันนี้เรามีเรื่องราวดีๆ จะมาแบ่งปันกับทุกคนล่ะ กับประสบการณ์การท่องเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองของหนุ่มสาวสองคนที่รักการท่องเที่ยวเป็นชีวิตจิตใจนามว่า

" PakaPrich "

ค่ะ ชื่อนี้ไม่ใช่จากไกลอื่น แต่คือชื่อพยางค์แรกของทั้งสองคนมาผสมกันนั่นเอง เอาคะแนนความสร้างสรรค์ไปเต็มสิบเลย

สองคนนี้มีความตั้งใจที่จะเที่ยวรอบโลกค่ะ!!

ฝันของเขาทั้งสองคนไม่ใช่เรื่องลมๆ แล้งๆ เลยล่ะ เพราะสองคนนี้ไปเยือนมาแทบจะทุกมุมโลกแล้ว แถมทริปที่ทำให้เราถึงต้องร้อง

"ว้าว"

คือ

การนั่งรถไฟกลับบ้านจาก อังกฤษ ถึง กรุงเทพฯ หลังจากเรียนจบปริญญาโท!!!

โอ้โห ประวัติมาแค่นี้ก็ต้องอึ้งแล้ว ไม่ธรรมดาเลยใช่มั้ยล่ะคะ

และสำหรับครั้งนี้ พวกเขาทั้งสองคนจะมาร่วมแบ่งปันการเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองให้เราได้ติดตามกันค่ะ

ต้อง

ขอขอบคุณเรื่องราวดีๆ จาก PakaPrich มา ณ ที่นี้ด้วยนะคะ

ใครที่ถูกอกถูกใจไม่ว่าจะเรื่องราวหรือรูปภาพก็ตามสามารถติดตาม Fanpage ของพวกเขาใน Facebook และ Instagram ได้เลยน้า ( ตามลิงก์ที่ท้ายบทความได้เลยค่ะ )

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/9-experiences-in-kyushu.jpg

คิวชูเป็นเกาะทางตอนใต้ของญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยมนต์เสน่ห์ของธรรมชาติและเป็นเกาะที่รวบรวมเมืองออนเซ็นเอาไว้ค่ะ ธรรมชาติที่เกาะคิวชูนั้นบริสุทธิ์และยังไม่ถูกทำลาย นอกจากที่แห่งนี้จะเด่นเรื่องธรรมชาติแล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวต่างๆ ทั้งร้านอาหาร แหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรม รวมไปถึงแหล่งช็อปปิ้งต่างๆ ที่รอให้นักท่องเที่ยวมาเปิดประสบการณ์กันอีกเยอะ แถมยังมีอีกหลายแห่งที่เป็นสถานที่ unseen สำหรับคนญี่ปุ่นเองด้วย

และนี่คือ 9 ประสบการณ์จากแหล่งท่องเที่ยวสุดพิเศษที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยี่ยมเยียนคิวชูค่ะ

+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

1. เกาะยาคุชิมะ (Yakushima, 屋久島) จังหวัดคาโงชิมะ

เกาะยาคุชิมะเป็นเกาะเล็กๆ สำหรับคนรักการผจญภัยเพราะเป็นแหล่งรวมธรรมชาติมากมาย ไม่ว่าจะเป็นภูเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคคิวชูป่าที่มีต้นไม้อายุมากที่สุดในญี่ปุ่นที่ว่ากันว่ามีอายุมากถึง 7,000 ปี แถมยังมีเส้นทางเดินในป่าที่ปกคลุมด้วยมอสสีเขียวทั้งป่า เป็นพื้นที่ที่มีปริมาณน้ำฝนมากที่สุดในญี่ปุ่น และได้รับการจดทะเบียนเป็นมรดกโลกอีกด้วยล่ะ!!

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160215_1416_dsc_1015-hdr.jpg

Shiratani Unsuikyo (白谷雲水峡)

คือ เส้นทางเดินป่าพันปีที่จะทำให้เราเหมือนหลุดเข้ามาในเทพนิยาย! ตอนที่เราไปเดินก็ไม่คิดว่าที่แห่งนี้จะมีอยู่บนโลกใบนี้จริงๆ แทบไม่เชื่อสายตาตัวเองเลย ป่าแห่งนี้เหมือนถูกระบายสีให้ทุกอย่างเป็นสีเขียวเพราะโดนปกคลุมด้วยมอสค่ะ ที่นี่ร่มรื่น ออกซิเจนเต็มปอด มองไปทางไหนก็สบายตาจนบางทีก็รู้สึกเหมือนหลุดเข้าไปอยู่ในการ์ตูนเทพนิยายที่ดูลึกลับน่าค้นหา บางทีต้องก้มดูหรือแหงนมองเพราะสิ่งที่น่าสนใจอาจไม่ได้อยู่ในระดับสายตาที่นี่มีต้นไม้ดอกไม้และมอสหน้าตาแปลกๆ และสัตว์ป่าอาศัยอยู่มากมายเลยล่ะ ใครที่ชอบบรรยากาศสีเขียวต้องห้ามพลาดเลย

Yakusugi Land (屋久杉ランド)

ชื่อออกจะเหมือนสวนสนุกหน่อย แต่จริงๆ แล้วที่นี่เป็นเส้นทางเดินป่าท่ามกลางต้นซีดาร์ญี่ปุ่น (Yakusugi) ที่มีอายุหลายพันปี น่าเสียดายที่ตอนเราไปหิมะตกหนัก ทำให้ไม่สามารถนั่งรถไปได้ ต้องเก็บเอาไว้ล้างแค้นครั้งหน้าค่ะ T^T

Miyanoura Dake (宮之浦岳)

คือ ยอดเขาที่สูงที่สุดในภูมิภาคคิวชู!! ด้วยความสูงมากกว่า 1,900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล การเดินไปที่ยอดเขาต้องใช้เวลาอย่างน้อย 2 วัน 1 คืนเลยทีเดียว เราจึงต้องนอนค้างที่กระท่อมในป่ากันด้วย แถมเส้นทางเดินนี้ยังสามารถแวะไปดู

Jomon Sugi

ซึ่งเป็นต้นไม้ที่มีอายุมากที่สุดในญี่ปุ่นได้อีกด้วยนะ!!

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160215_1243_dsc_0818.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160215_1120_dsc_0681.jpg

การเดินทางมาที่นี่ค่อนข้างจะลำบากซักหน่อยเพราะว่าขึ้นอยู่กับสภาพอากาศล้วนๆ เลยล่ะค่ะ วันไหนอากาศไม่ดีฝนตกอาจจะทำให้เรือหรือเครื่องบินยกเลิกทั้งหมด T^T

ส่วนการเดินทางบนเกาะก็ต้องวางแผนดีๆ เพราะมีรถเมล์วิ่งน้อยและราคาแพงมาก นักเดินทางอย่างเราจะมีเรื่องให้ลุ้นตลอดเวลาว่าวันนี้จะเดินทางไปยังจุดหมายปลายทางสำเร็จมั้ย ท้องฟ้าจะเปิดมั้ย เราตั้งความหวังไว้ทุกวันว่าวันนี้จะได้ชื่นชมสิ่งสวยงามบนเกาะนี้บ้าง

แต่อย่างไรก็ตาม การได้มาถึงเกาะนี้และได้ชมความมหัศจรรย์ของธรรมชาติที่นี่มันคุ้มค่ามากจริงๆ

2. จุดชมวิวชิโรยามะ (Shiroyama, 城山) เมืองคาโงชิมะ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160217_1829_dsc_1557-edit.jpg

พามาชมจุดชมวิวบนเขาชิโรยามะค่ะ จากจุดนี้สามารถเห็น

ภูเขาไฟซากุระชิมะ

ยืนเด่นตระการตาอยู่ไม่ไกลกลางพื้นน้ำทะเลอันกว้างใหญ่ตัดด้วยฉากหลังของท้องฟ้าสีคราม เหมือนภาพวาดยังไงอย่างงั้น! ถ้าโชคดีเราอาจจะได้เห็นควันของภูเขาไฟกำลังปะทุอยู่ก็เป็นได้ ข้างล่างจะเห็นเป็นตัวเมืองของคาโงชิมะที่ทอดยาวออกไปเป็นท่าเรือที่มีเรือวิ่งข้ามฝั่งไปมายังเกาะซากุระจิมะ สวยโดนใจจริงๆ

จุดชมวิวแห่งนี้เงียบสงบมากค่ะ สามารถมาชมวิวพระอาทิตย์ขึ้นในตอนเช้าหรือวิวตอนกลางคืนที่ทั้งเมืองคาโงชิมะเปิดไฟระยิบระยับตัดกับแสงสลัวของท้องฟ้าในช่วงพระอาทิตย์อัสดงได้ด้วย

บรรยากาศโคตรโรแมนติก!!

แม้เป็นสาวโสดก็มาได้ ไม่ต้องเสียใจไป เพราะไม่ต้องมาเป็นคู่ก็คุ้มค่าค่ะบอกเลย แต่ถ้ามากันกับคนพิเศษก็สวีทอยู่ไม่น้อยนะ

ในเรื่องของการเดินทางนั้นไม่ต้องห่วงเลย

เพราะถึงแม้ว่าจุดชมวิวแห่งนี้จะอยู่บนเขาแต่ก็เดินทางมาง่าย มีรถเมล์และแท๊กซี่เข้าถึงชนิดที่ไม่ต้องเปลืองแรง หรือถ้าอยากจะเดินขึ้นมาก็ทำได้เพราะอยู่จากสถานีหลักของเมือง Kagoshima-Chuo ในระยะที่เดินได้สบายๆ

3. จุดชมวิวบนยอดเขาไดคันโบะ (Daikanbo, 大観峰) จังหวัดคุมะโมโตะ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160221_1658_dsc_3204.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160221_1731_dsc_3357.jpg

ถ้าจะให้จัดอันดับสถานที่ชมวิวที่สุดที่สุดในคิวชูคงจะไม่พ้นที่นี่

"ไดคันโบะ"

ที่นี่คือยอดเขาของแนวเทือกเขาที่ล้อมรอบภูเขาไฟอาโสะในจังหวัดคุมาโมโตะ เป็นจุดที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟอาโสะ เมืองอาโสะ รวมถึงทิวทัศน์รอบๆ ได้ได้อย่างชัดเจน ระยะทางจากจุดจอดรถถึงยอดเขาแค่ประมาณ 400 เมตร เดินกันสบายๆ ถ้ามีเวลาอย่าลืมรอดูพระอาทิตย์ตกที่นี่ด้วยเพราะว่ามันเหมือนหลุดออกไปอยู่อีกโลกนึงเลย!

4. เส้นทางเดินอันเซนจิโงะคุ (Unzen Jigoku, 雲仙地獄) จังหวัดนางาซากิ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160220_1819_dsc_2504.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160220_1815_dsc_2488.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160220_1817_dsc_2495.jpg

เส้นทางเดินชมบ่อน้ำร้อนบนภูเขาไฟอันเซนค่ะเป็นเส้นทางเดินไปรอบๆ บ่อน้ำร้อนที่มีอุณหภูมิกว่า 100 องศาเซลเซียสที่มีอยู่ทั่วเมืองอันเซน ที่สำคัญวิวระหว่างทางนั้นแปลกตาพอสมควร เนื่องจากรายล้อมไปด้วยควันจากบ่อน้ำพุร้อนที่พวยพุ่งอยู่ตลอดเวลานั่นเอง! เส้นทางเดินง่าย ไม่ชัน มีทางเดินอย่างดีตลอดทาง สะดวกและชื่นใจสุดๆ ค่ะ

กลับจากเดินเล่นเหนื่อยๆ แล้วยังสามารถลงบ่อน้ำแร่แช่น้ำร้อนออนเซ็นจนสบายตัวได้อีกสบายตัวสุดๆ เลยล่ะค่ะ

5. ไร่สตรอเบอร์รี่จังหวัดฟุกุโอกะ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160223_1030_xt015877.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160223_1000_dsc_3647.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160223_0950_dsc_3632.jpg

เวลาเราไปเที่ยวญี่ปุ่นเนี่ยช่างเป็นเหมือนดั่งสวรรค์แห่งของกินเลย อย่างที่ไร่สตรอเบอร์รี่ในเมืองคุรุเมะจังหวัดฟุกุโอกะนี่ก็เปรียบเสมือนร้านบุฟเฟต์ที่เลือกหยิบกินสตรอเบอร์รี่เองได้ไม่อั้นในเวลาจำกัด 30 นาที!!!ถ้าไม่ติดว่าต้องถ่ายรูปเพราะติดใจที่สตรอเบอร์รี่มันลูกโตสะดุดตานี่คงไม่เสียเวลาเด็ดสตรอเบอร์รี่กินได้อีกตั้งหลายลูกสวนผลไม้นากาโนะเจ้าของไร่เป็นคุณลุงใจดี ไม่หวงสตรอเบอร์รี่เลย กินได้เท่าไหร่ก็กินไป กินกันจนตายไปข้างนึง แต่มีข้อแม้ว่าจับลูกไหนแล้วต้องกินและอย่าขนเอาสตรอเบอร์รี่ลุงกลับบ้านไปกินต่อก็พอค่ะ :D

เราชอบที่นี่มากเลยล่ะ เพราะมี 4 สายพันธุ์ให้เลือกทาน รวมไปถึงสายพันธ์อามะโอซึ่งเป็นสายพันธุ์ที่มีต้นกำเนิดในจังหวัดฟุกุโอกะนี่เอง แถมลุงยังสอนวิธีเด็ดและวิธีเลือกสตรอเบอร์รี่หวานๆ ให้กินด้วย เรียกว่าคุ้มมากๆ เลยค่ะ ใครไปเยือนแล้วห้ามพลาดไปอุดหนุนคุณลุงเชียว

6. บ่อน้ำแร่ แช่น้ำร้อน

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160222_1654_xt015854.jpg

ออนเซ็นเป็นที่ขึ้นชื่อของเกาะคิวชูเมืองไหนๆ ก็มีให้เข้าไปสัมผัสกัน ถึงน้ำแร่แต่ละแห่งจะมีแร่ธาตุที่แตกต่างกันและให้ประโยชน์ที่แตกต่างกัน แต่ทุกที่ก็ให้ความสบายจากการแช่น้ำร้อนได้ไม่แพ้กันเลยค่ะโดยเมืองออนเซ็นในคิวชูก็มีอยู่หลายแห่งไม่ว่าจะเป็น เบปปุ, ยูฟุอิน, อันเซ็น, อุเรชิโนะออนเซ็น เป็นต้น

เทคนิคการแช่ออนเซ็นคือ วอร์มร่างกายด้วยน้ำอุ่นจากฝักบัวก่อน (ไม่ต้องใช้สบู่ ล้างตัวเฉยๆ) เริ่มจากอุณหภูมิที่ต่ำแล้วค่อยๆ ปรับเพิ่มให้สูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนกว่าจะรู้สึกชินและสบายกับอุณหภูมิราวๆ 40 องศาเซลเซียส อื้อหือออออ! ใครที่กำลังร้องครวญครางอยู่ในใจ 40 องศาใครมันจะไปสบายไหว บ้านเราอากาศร้อน 30 องศาก็เหงื่อเยิ้มอยากอาบน้ำเย็นกันแล้ว แต่อย่าลืมว่าที่ญี่ปุ่นอากาศหนาวเข้าขั้นเลขตัวเดียว การแช่น้ำร้อนแบบนี้จะทำให้รู้สึกผ่อนคลายสบายตัว กล้ามเนื้อที่หดเกร็งเพราะความหนาวและจากการเดินเที่ยวเล่นในเมืองมาทั้งวัน พอโดนคลายด้วยน้ำร้อนแบบนี้จะสบายตัวจนระวังจะติดใจนะ

ต่อๆๆ หลังจากวอร์มร่างกายด้วยน้ำอุ่นฝันบัวแล้วก็ค่อยๆ ลงไปใช่ในบ่อใครที่เป็นมือใหม่หัดแช่ อย่าแช่นานนะ 5-10 นาทีก็พอแล้วเพราะการแช่น้ำร้อนจะทำให้ความดันขึ้นอย่างรวดเร็ว อาจเป็นลมล้มพับไปก่อน แทนที่จะสบายตัวจะกลายเป็นไม่สบายเที่ยวไม่สนุกซะได้ หลังจากแช่เสร็จถึงค่อยไปอาบน้ำถูสบู่กันค่ะ

7. ศาลเจ้ายูโทคุ (Yutoku Inari Shrine) จังหวัดซากะ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160219_1043_dsc_2061.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160219_1058_dsc_2097.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160219_1044_dsc_2067.jpg

ศาลเจ้ายูโทกุอินาริเป็นศาลเจ้าในนิกายชินโต ซึ่งตั้งอยู่ในเมืองคาชิมะ จังหวัดซากะ เป็นศาลเจ้าใหญ่และมีความสำคัญติดอันดับ 3 ของญี่ปุ่น สำหรับคนที่มาขอพร ศาลเจ้ายูโทกุอินารินั้นมักเน้นเรื่องการขอพรเกี่ยวกับธุรกิจที่รุ่งเรืองและชีวิตที่ยืนยาวและมีความสุข

ด้านหลังของศาลเจ้าเป็นภูเขา และอาคารหลักของศาลเจ้าก็อยู่บนภูเขา ซึ่งจากด้านบนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองได้ด้วย สวยงามโดนใจทีเดียวค่ะ

8. พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ (Nagasaki Atomic Bomb Museum) จังหวัดนางาซากิ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160220_0716_img_5601.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160220_0711_img_5589.jpg

สำหรับใครที่ชอบสายประวัติศาสตร์ต้องมาที่นี่เลย

พิพิธภัณฑ์ระเบิดปรมาณูนางาซากิ

นั่นเอง ที่นี่จัดแสดงเหตุการณ์ระเบิดนิวเคลียร์ที่ทำลายเมืองนางาซากิผ่านรูปภาพและซากสิ่งของเครื่องใช้ที่หลงเหลือจากแรงระเบิดค่ะ เมืองพังทลายหลายไป หลายชีวิตต้องสูญเสียพร้อมกับระเบิดในครั้งนั้น แต่แม้ว่าบรรยากาศภายในพิพิธภัณฑ์จะดูหดหู่ แต่มันก็เตือนสติพวกเราถึงความร้ายแรงของระเบิดนิวเคลียร์ได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียวล่ะ

เราชอบที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เพราะเล่าเรื่องและเรียบเรียงเหตุการณ์ได้ดี การได้มาที่นี่ทำให้เรามีความรู้สึกร่วมไปกับเหตุการณ์ที่เปลี่ยนแปลงโลกใบนี้

จนบางทีก็ไม่อยากจะเชื่อตัวเองเหมือนกันว่าที่นี่คือเมืองที่ถูกระเบิดทำลายเมื่อกว่า 70 ปีก่อน


9. ให้อาหารนกจากเรือเฟอร์รี่ชิมาบาระ (島原市) จังหวัดนางาซากิ

รูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160221_1052_xt015564.jpgรูปภาพ:https://pakaprich.files.wordpress.com/2016/02/20160221_1023_dsc_2749.jpg

จากจังหวัดนางาซากิ เราได้นั่งเรือเฟอร์รี่ข้ามฟากไปจังหวัดคุมะโมโตะจากท่าเรือชิมาบาระ ถ้าใครจะไปคิดว่าการนั่งเรือข้ามฟากยาวนานถึง 30 นาทีจะมีสีสันได้ขนาดนี้!เพราะบนเรือนั้นมีนกนางนวลบินว่อนอยู่รอบๆ บินตามเรือไปเรื่อยๆ ไม่กลัวคน ไม่กลัวกล้อง เพราะพวกมันรอคอยให้คนยื่นขนมคาลบี้ข้าวเกรียบกุ้งให้จะว่าไปมันอาจจะไม่แตกต่างกับการให้กากหมูนกนางนวลที่บางปูซักเท่าไหร่ - -" แต่ทีเด็ดคือเราจะได้เห็นวิวของภูเขาไฟอันเซน (Mt.Unzen) ที่อยู่ด้านหลังเมืองชิมาบาระอย่างชัดเจน!! เป็นช็อตที่สวยประทับใจมากค่ะ

เจ้านกช่างตะกละจนบินลอยเข้ามาใกล้แทบจะอยู่บนหัวอยู่ละ เรายืนให้อาหารนกกันอยู่ข้างนอกเรือทั้งหนาวทั้งลมแรง แต่ก็ยังรู้สึกสนุกและไม่ท้อถอยกับการเก็บรูปป้อนขนมให้นกนางนวล เวลา 30 นาทีที่ว่านั้นผ่านไปอย่างรวดเร็ว แป๊บๆ ก็ถึงคุมะโมโตะซะแล้ว!! ยังไม่ได้เข้าไปนั่งในเรือเลย T^T

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++เป็นไงบ้างคะสาวๆใครที่คิดจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองแล้วกำลังหาสถานที่เที่ยวญี่ปุ่นอยู่ล่ะก็ คิวชูก็เป็นที่ที่สาวๆ ไม่ควรพลาดเลยนะไม่ว่าจะลุยเดี่ยวหรือลุยคู่ เราว่าแต่ละที่นี่น่าไปเที่ยวมากๆ เลยล่ะและถ้าใครมีคำถามหรือข้อสงสัยตรงไหนก็ทิ้งข้อความไว้ในช่อง comment ได้เลยนะคะ ส่วนใครที่อยากติดตามความเคลื่อนไหวว่าหนุ่มสาว"PakaPrich"จะพาไปเที่ยวที่ไหนอีกก็สามารถติดตามได้ที่เพจที่ Facebook หรือ Instagram ของพวกเขาได้เลยค่ะ ได้ข่าวว่าในงานหนังสือครั้งต่อไปนี่ก็จะมีวางแผนหนังสือการเดินทางกลับจากอังกฤษของพวกเขากันด้วย ไงเพื่อนๆ ก็สามารถไปอุดหนุนกันได้เลยนะคะ ขอให้เที่ยวญี่ปุ่นกันให้สนุกสนานค่า

** บทความนี้ได้รับอนุญาตจากเจ้าของบทความในการเผยแพร่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว **

บทความที่เกี่ยวข้อง