ช่วงนี้ เป็นช่วงที่ COVID-19 ระบาด เริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ อย่างที่ข่าวออกอะเนอะ ยอดผู้ติดเชื้อในแต่ละวัน เพิ่มขึ้น จนส่งผลให้ใครหลายๆ คนเกิดอาการตื่นตระหนกกับสิ่งที่มันกำลังเป็นอยู่ตอนนี้หลายคนถึงขนาดเกิดภาวะ Panic กันยกใหญ่อาจจะยังไม่เก็ทกันใช่มั้ยว่าโรคแพนิค (Panic Disoder)คืออะไร เดี๋ยววันนี้เราจะมาขยายความให้เพื่อนๆ ได้รู้กัน พร้อมกับแชร์7 วิธีรับมือกับโรคนี้ให้กับเพื่อนๆ ได้นำไปปรับใช้กันด้วยเผื่อว่าคุณอาจจะกำลังเป็นหรือมีคนใกล้ตัวเป็น จะได้รับมือกับภาวะที่เกิดขึ้นได้เพราะงั้นไปอ่านกันเลยดีกว่าค่ะ ว่าโรคแพนิคที่ว่านี้ มันเป็นยังไง แล้วเราสามารถรับมือกับโรคๆ นี้ด้วยวิธีไหนได้บ้าง ไปอ่านกันเลย!
โรคแพนิค (Panic Disoder) คืออะไร
เรามาทำความรู้จักโรคนี้กันหน่อยโรคแพนิค (Panic Disoder)คือภาวะตื่นตระหนกต่อสิ่งใดสิ่งหนึ่งโดยไม่มีเหตุผลหรือหาสาเหตุไม่ได้ซึ่งโรคนี้จะแตกต่างจากอาการหวาดกลัวปกติทั่วๆ ไปนะ คือผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ส่วนใหญ่ จะเกิดอาการแพนิคหรือหวาดกลัวอย่างรุนแรง ทั้งๆ ที่ตัวเองอาจจะไม่ได้เผชิญหน้าหรือตกอยู่ในสถานการณ์อันตรายอาการแพนิคสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา จนทำให้ผู้ที่ป่วยเป็นโรคนี้รู้สึกกลัว ที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้แม้โรคนี้จะดูน่ากลัว แต่ก็ไม่ได้อันตรายมากคือถ้าผู้ป่วยได้รับการรักษาอย่างจริงจังและต่อเนื่องก็จะสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างเป็นปกติสุข
สาเหตุและอาการของโรคแพนิค
คราวนี้เรามาดูที่สาเหตุของโรคแพนิคกันบ้าง ในปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่ก็มีข้อสันนิษฐานว่าปัจจัยที่ทำให้เกิดโรคแพนิคอาจเกิดจากปัจจัยทางกายภาพและปัจจัยทางสุขภาพจิตด้วยอย่างปัจจัยทางกายภาพผู้ป่วยโรคแพนิคอาจได้รับผลกระทบ ซึ่งประกอบด้วยการถ่ายทอดทางพันธุกรรม ความผิดปกติของสมองและการได้รับสารเคมีต่างๆส่วนปัจจัยทางสุขภาพจิตอาจจะเกิดมาจากเหตุการณ์ร้ายแรง ที่เกิดขึ้นในชีวิต เป็นตัวการส่งผลให้เกิดโรคแพนิคได้ด้วยเช่นเดียวกันค่ะ
อาการของโรคแพนิคเป็นยังไงไม่ใช่แค่ความวิตกหวาดกลัวเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ที่เกิดขึ้นกับผู้ป่วยที่เป็นโรคนี้ ผู้ป่วยส่วนใหญจะรู้สึกหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกอย่างไม่มีสาเหตุ อาการจะเกิดขึ้นแบบกระทันหันรวมทั้งเกิดขึ้นได้ตลอดเวลาแพนิคเป็นอาการที่รุนแรงกว่าความรู้สึกเครียดทั่วไปมักเกิดขึ้นเป็นเวลา 10 - 20 นาที บางรายอาจเกิดอาการแพนิคนานเป็นชั่วโมงโดยจะมีอาการดังนี้ ใจสั่น ใจเต้นแรง มือสั่นหรือตัวสั่น เหงื่อแตก หายใจติดขัด แน่นหน้าอก คลื่นไส้ วิงเวียนศีรษะ รู้สึกร้อนวูบวาบ หรือหนาวขึ้นมาอย่างกะทันหันวิตกกังวลหรือหวาดกลัวว่าจะตาย รวมทั้งรู้สึกว่าไม่สามารถควบคุมสิ่งต่างๆ ในชีวิตได้เป็นต้น
1. หากนี่เป็นอาการที่เกิดขึ้นครั้งแรก ควรไปพบแพทย์ทันที!
สำหรับคนที่ลองสังเกตอาการของตัวเองแล้วรู้สึกว่า
ฉันมีอาการตามที่บอกมา แต่ไม่แน่ใจว่าตัวเองป่วยเป็นโรคแพนิครึเปล่า
เราแนะนำว่า
ให้รีบไปพบแพทย์นะคะ เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยโรคให้แน่ชัด
สุดท้าย ถ้ามันเกิดเป็นโรคนี้ขึ้นมาจริงๆ
เพื่อนๆ จะได้รักษาได้อย่างทันท่วงทีและถูกต้องต่อไป
ไม่ต้องกลัวที่จะไปขอคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญค่ะ เพราะอย่างน้อยๆ
คำปรึกษาของคุณหมอ ก็ยังพอที่จะสามารถ ช่วยทำให้ความกังวลต่างๆ ที่เกิดขึ้นเบาบางลง
ได้และอย่าลืม
ติดตามผลการรักษาและรับประทานยาตามที่คุณหมอสั่ง
ด้วยนะ
ห้ามหยุดยาหรือลดขนาดยาเองโดยไม่ปรึกษาแพทย์
เพราะอาจทำให้อาการแพนิคนั้นกำเริบขึ้นมาได้อีก
2. ตั้งสติ อย่าเพิ่งคิดไปไกล
แม้ความวิตก ความหวาดกลัวจะเกิดขึ้นได้ อย่างไม่มีสาเหตุ แต่บางครั้ง มันก็มีเหตุกระตุ้น ที่ทำให้อาการของเรามันกำเริบได้เช่นเดียวกัน สมมติว่าถ้าเพื่อนๆ รู้ว่าสถานการณ์แบบนี้ จะทำให้คุณอาการกำเริบได้ก็ให้รีบพาตัวเองออกมาจากสถานการณ์แย่ๆ นั้นให้เร็วที่สุด!แต่ถ้าอยู่ๆอาการแพนิคดันเกิดขึ้นกระทันหัด แบบไม่ทันตั้งตัวให้พยายามตั้งสติ อย่าตกใจและอย่าคิดว่าจะป่วยหนักหรือจะหัวใจวายหรือเสียชีวิตเพราะจะยิ่งทำให้เกิดความเครียดและเป็นมากขึ้น ให้เริ่มจากการนั่งพัก จากนั้นให้หายใจเข้าออกช้าๆ ลึกๆ ยาวๆ เหมือนเวลานั่งสมาธิแล้วรอให้อาการสงบไปเองอาการก็จะดีขึ้นภายใน 15 - 20 นาทีหรือจะรับประทานยาที่แพทย์ให้ไว้สำหรับเวลามีอาการร่วมด้วยก็ได้เท่านี้ก็ไม่มีอะไรให้ต้องกังวลแล้ว
3. ออกกำลังกาย
การออกกำลัง
ก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่ดีไม่น้อย หลายๆ คนอาจจะคิดว่า
เอ้า! ออกกำลังกาย มันจะไม่ยิ่งไปกระตุ้นให้ใจสั่นกว่าเดิมหรอ แบบนี้มันเสี่ยงนะ ใครจะไปกล้าทำ
ใจเย็นๆ ก่อนนะ รู้มั้ยวว่า
การออกกำลังกายจะช่วยทำให้ระบบหัวใจและปอดทำงานได้อย่างสมดุลยิ่งขึ้น
มีผลวิจัยออกมาว่า ผู้ป่วยที่ออกกำลังกายอย่างน้อยสัปดาห์ละ 3 ครั้ง จะเกิดอาการแพนิคและอาการอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องน้อยลง ก็ไม่ต้องออกกำลังท่าพิศดารอะไรขนาดนั้น
เอากิจกรรมที่เราถนัด ทำแล้วไม่เกินกำลังของตัวเราเอง
อาจจะโยคะ วิ่ง เดิน ขี่จักรยาน ว่ายน้ำ หรือเล่นกีฬาชนิดอื่นๆ
แค่ให้ร่างกายมันได้ขยับเขยื้อนบ้าง เท่านี้ก็โอเคแล้ว
4. พักผ่อนให้เพียงพอ
การนอนหลับผักผ่อนให้เพียงพอ
เป็นอีกหนึ่งวิธีดูแลตัวเองที่ดีมากๆ ก็อย่างที่รู้ๆ กันนั่นแหละ ผลดีของการพักผ่อนให้เพียงพอ มีเยอะมากๆ ซึ่งสำหรับ
ผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคแพนิค ก็ควรที่จะพักผ่อนให้เพียงพอและมีสุขลักษณะการนอนที่ดี
ด้วย เพราะ
การอดหลับอดนอนจะทำให้อาการกำเริบได้ง่าย
แถม
ยังส่งผลเสียต่อสุขภาพในหลายๆ ด้านอีกด้วยนะ
เพราะฉะนั้น การนอนหลับพักผ่อนเป็นสิ่งที่จำเป็นต่อทั้งผู้ป่วยและทุกๆ คน ละเลยไม่ได้เลยนะ
5. หาเหตุผลที่ทำให้เกิดความวิตกกังวล
ด้วยสาเหตุของโรคแพนิค อย่างที่เราบอกไปข้างต้น มันเกิดได้หลายสาเหตุ ฉะนั้นเพื่อนๆ
ลองมองหาสาเหตุของตัวเองดูซิ
ว่าทำไมเราถึงได้มีอาการวิตกกังวลรุนแรงแบบนี้เกิดขึ้นได้ เมื่อพบสาเหตุของสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ถ้าคุณรู้สึกว่า
เราสามารถแก้ปัญหาตรงจุดนี้ได้นะ
ก็
อยากให้ลองพยายามแก้ไขปัญหานั่นๆ ดู
แต่
ถ้ารู้สึกว่า ไม่ไหวอะ แก้ยังไงก็แก้ไม่ได้ให้คิดหาวิธีเตรียมตัวรับมือกับความกดดันที่อาจเกิดขึ้นอีกในอนาคต
ทั้งนี้ทั้งนั้น
การได้ปรึกษาหรือระบายปัญหาต่างๆ กับคนที่ไว้ใจได้หรือจากผู้เชี่ยวชาญ
ทางด้านสุขภาพจิต ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีรับมือโรคแพนิคได้ดีเลยทีเดียว
6. ลดความกังวล ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส
บางที
พอเราจดจ่ออยู่กับสิ่งที่ทำให้เรากังวลใจมากๆ อะ มันก็จะยิ่งทำให้เรารู้สึกแย่มากขึ้นๆ ไปอีก
ทั้งกดดัน กลัว จิตตก อารมณ์แบบดิ่งมากๆ เลยใช่ป่ะ ฉะนั้น อีกหนึ่งวิธีที่เราว่าก็โอเคนะ เป็นวิธีที่จะ
ช่วยลดความตื่นตระหนกและความวิตกกังวลได้ดีมากๆ
เลยก็คือ
การลดความกดดัน ด้วยการเปลี่ยนจุดโฟกัส
ด้วยการ
เบี่ยงเบนความสนใจของตัวเองไปสู่เรื่องอื่นที่ดีต่อใจมากกว่า
เราว่าทุกๆ คนมีเรื่องที่ตัวเองชอบและอยากทำกันอยู่แล้วแหละเนอะ เพราะงั้นเราก็
แค่หันไปโฟกัสและลองทำสิ่งที่เราชอบมากขึ้น
นอกจากจะ
ช่วยทำให้เราแฮปปี้แล้ว ยังช่วยลดความกดดัน
ที่เจออยู่ได้ด้วยนะคะ
7. กังวลเก่งนัก ก็ฝึกผ่อนคลายความเครียดซะเลยซิ!
นอกจากวิธีการออกกำลังกาย อีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยรับมือกับโรคแพนิคได้ก็คือ
การฝึกผ่อนคลายความเครียด
อย่าง
สม่ำเสมอและใช้เวลาในการฝึกอย่างน้อยครั้งละ 15 - 30 นาที
ซึ่งก็มีวิธีให้เพื่อนๆ ได้เลือกฝึกหลายวิธีเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็น
การฝึกทำสมาธิหรือเดินจงกรม
การ
ฝึกจินตนาการเพื่อการผ่อนคลาย
โดยอาจใช้การฟังเพลงช่วย
การฝึกเล่นโยคะ
ร่วมไปถึง
การทำงานอดิเรกต่างๆ
ที่ทำแล้วผ่อนคลายและมีความสุข (จะเชื่อมโยงกับวิธีที่ 6 นั่นเอง) ซึ่งวิธีการเหล่านี้ จะ
ช่วยลดความวิกตกกังวลที่เกิดขึ้น ให้มันเบาบางลงได้
ยังไงก็ลองหยิบสักวิธี ไปทำตามกันดู เราเองก็หวังว่าวิธีเหล่านี้ จะช่วยให้เพื่อนๆ รู้สึกผ่อนคลายลงได้บ้างนะ
ก็เป็นวิธีดูแลตัวเองบวกกับรับมือกับโรคแพนิคง่ายๆ ที่ทุกๆ คนสามารถทำตามกันได้นะคะ จริงๆ อะ เราว่าควรไปพบคุณหมอ จะดีที่สุดเนอะ คุณหมอจะได้ให้คำแนะนำที่มันเป็นประโยชน์และตรงจุดกว่าด้วย อีกอย่างนึง ไม่ต้องกลัวว่าจะไปหาย เพราะโรคนี้สามารถรักษาให้หายดีขึ้นได้นะคะ แล้วก็ใครที่มีคนใกล้ตัวป่วยเป็นโรคนี้ อยากให้เข้าใจเค้านิดนึงเพราะผู้ที่เป็นโรคแพนิคนั้นต้องการความเข้าใจจากคนรอบข้างเป็นอย่างมาก ฉะนั้นช่วยๆ กันดูแลเอาใจใส่คนที่เรารัก โอเคมั้ยสำหรับวันนี้ต้องลาไปก่อนแล้ว บ๊ายบาย
Cr. โรคแพนิค (Panic disorder) อาการ สาเหตุ การรักษาโรคแพนิค 9 วิธี !
https://medthai.com/%E0%B9%82%E0%B8%A3%E0%B8%84%E0%B9%81%E0%B8%9E%E0%B8%99%E0%B8%B4%E0%B8%84/
Cr. 5 วิธีรับมือกับโรควิตกกังวลในสถานการณ์กดดันสูง
https://www.istrong.co/single-post/Anxiety