ไม่มีความสุขใดที่คงอยู่ตลอดไป

ไม่มีดอกไม้ใดไม่โรยรา

พระจันทร์ไม่ได้เต็มดวงอยู่ทุกคืน.....

ประโยคเหล่านี้ล้วนบอกเล่าในสิ่งเดียวกัน คือ ทุกสิ่งทุกอย่างมีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีอะไรที่สามารถคงเดิมอยู่ได้ตลอดไป โดยเฉพาะสิ่งสวยงามหรือเรื่องราวดี ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ซึ่งมักทำให้เรารู้สึกว่าช่วงเวลานั้นช่างผ่านไปรวดเร็วเหลือเกิน อย่างเช่นเวลาที่เรากำลังตกหลุมรักใครสักคน

สังเกตุมั้ยคะ...เวลาที่กำลังอยู่ในช่วงเวลาแห่งความรัก ช่วงแรก ๆ ทุกวันจะผ่านไปอย่างมีความสุข จะมองอะไรก็ดูมุ้งมิ้งไปหมดเหมือนโลกถูกทาเอาไว้ด้วยสีชมพู

แต่พอเวลาผ่านไป เมื่อการอยู่ด้วยกันเริ่มไม่ใช่เรื่องน่าตื่นเต้น แต่กลับกลายเป็นความเคยชิน จนถึงวันหนึ่งที่เรารู้สึกว่า คำว่า ‘เรา’ มันได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว...โลกใบเดิมที่เคยสดใส ถูกทาบทับด้วยสีเทาหม่น ไม่ว่าจะมองอะไรก็กลายเป็นเรื่องเศร้าที่ทำให้เราเสียน้ำตาได้ไปหมด

หลาย ๆ คน (รวมถึงตัวคนเขียนบทความเอง...) อาจจะคิดว่า พอลองย้อนมองกลับไปแล้ว ช่วงเวลาดี ๆ ที่เรามีร่วมกันมามันทั้งสั้นและผ่านไปรวดเร็วจนเหมือนทุกอย่างที่เคยเกิดขึ้นมาเป็นแค่เรื่องโกหกกันอย่างไรอย่างนั้น

ความรู้สึกที่ทั้งหนัก ทั้งหน่วง ทั้งปวดใจแบบนี้ อาจทำให้ใครหลายคนรู้สึกเข็ดจนไม่อยากจะมีความรักอีกเลยก็เป็นได้

แต่เอาเข้าจริง ๆ พอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาที่ดิ่งที่สุดในชีวิตช่วงหนึ่งแบบนั้นมาแล้วและลองมองย้อนกลับไปอีกครั้ง ประสบการณ์แบบนั้นมันก็สอนอะไร ๆ ให้เรามากมายเหมือนกันนะ

ใคร ๆ ก็รู้ว่าอกหักเป็นประสบการณ์แสนจะทรมานที่เราอยากจะหลีกหนีให้ไกลที่สุด แต่วันนี้ เรามาดูกันบ้างดีกว่า

1. ทำให้เรากล้าที่จะเปลี่ยนแปลงตัวเอง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/25/2e/11/252e119c8ffe14a5b3621673cac28e01.jpg

ฉันก็เป็นของฉันอย่างนี้มาตั้งแต่เกิด!

ไม่ว่าใครต่างก็มีบุคลิก นิสัย หรือความเคยชินกันเป็นเรื่องปกติ นับตั้งแต่การแต่งตัว บุคลิกภาพ ไปจนถึงนิสัยส่วนตัวที่มีทั้งด้านที่ดีและแย่ ซึ่งโดยปกติแล้วมันก็ไม่ใช่สิ่งที่สามารถเปลี่ยนแปลงกันได้ง่าย ๆ และตัวเราเองก็คงไม่คิดที่จะเปลี่ยนแปลงมันด้วย

แต่ตรรกะนี้จะเปลี่ยนไปทันทีเมื่อเราอกหัก เพื่อที่จะลืมความรู้สึกแย่ ๆ หรือหลีกเลี่ยงการคิดถึงภาพความทรงจำเก่า ๆ ที่เคยมีร่วมกันมา หลาย ๆ มักเลือกทำในสิ่งที่ตัวเองไม่เคยทำมาก่อน ไปในที่ที่ไม่เคยไป หรือทำความรู้จักกับผู้คนใหม่ ๆ ที่ไม่เคยรู้ถึงเรื่องราว'ระหว่างสองเรา'มาก่อน ถึงแม้การทำแบบนี้อาจทำให้มีคนตั้งคำถามว่า เอ๊ะ! มันจะเป็นการฝืนตัวเองมากเกินไปหรือเปล่านะ แต่ถ้าลองมองในอีกมุมหนึ่ง มันก็ถือเป็นการเปิดโลก เปิดประสบการณ์ให้เราได้เห็นอะไรใหม่ ๆ ทดลองอะไรใหม่ ๆ ซึ่งไม่แน่นะคะ มันอาจจะทำให้คุณได้ค้นพบอีกด้านหนึ่งของตัวเองที่ไม่เคยรู้จักมาก่อน รวมไปถึงแรงบันดาลใจใหม่ ๆ งานอดิเรก หรืออาจเป็นอาชีพใหม่ ๆ ที่คุณไม่เคยคิดว่าชีวิตหนึ่งจะมีโอกาสได้ทำมาก่อนก็ได้

2. พึ่งพาตัวเองได้มากขึ้น

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/4f/83/1d/4f831dc1df770102d158b7d86dae5a2f.jpg

ตอนมีแฟนก็ตัวติดกันเป็นปาท่องโก๋ ตอนเช้าต้องโทรปลุก ก่อนนอนมีคนบอก Good Night เวลาจะไปไหนมาไหนเขาก็คอยไปรับไปส่ง กินข้าวด้วยกัน ดูหนังด้วยกัน และอีกหลากหลายกิจวัตรที่เราเคยมีเขาอยู่ข้าง ๆ เสมอ เพราะแบบนี้พอถึงเวลาต้องเลิกรากัน นอกจากยากที่จะลืมแล้ว ยังทำให้เรารู้สึกว่าการใช้ชีวิตในทุก ๆ วันมันยากขึ้นอีกด้วย จากเดิมที่มีคนคอยดูแลเอาใจใส่ กลับกลายเป็นต้องทำอะไรเองคนเดียวไปไหนมาไหนคนเดียว ทั้งยากทั้งเหนื่อย รู้สึกไม่มีความสุข จนหลายคนต้องพยายามหาแฟนใหม่ด้วยวิธีการต่าง ๆ เพื่อมาชดเชยความรู้สึกที่ขาดหายไป

แต่ช้าก่อน!อันที่จริงช่วงเวลาที่ต้องอยู่กับตัวเองแบบนี้มันก็ไม่ได้เลวร้ายจนเกินไปนะคะ สิ่งที่เราเคยคิดว่าตัวเองทำไม่ได้แน่ ๆ ถ้าไม่มีเขาคอยช่วยนั้น แท้จริงแล้วมันอาจจะเกิดขึ้นมาจากการที่เราไม่เคยฝึกทำสิ่ง ๆ นั้นมาก่อนก็ได้ อย่างที่เขาพูดกันว่าถ้าทำไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็จะเก่งเองนั่นล่ะ ลองใช้โอกาสนี้ไปไหนมาไหนคนเดียว ทำกิจกรรมต่าง ๆ ที่ไม่เคยลองทำด้วยตัวเอง ซึ่งเดี๋ยวนี้ใน Internet ก็มีพวกบทความหรือคลิปสอนประเภท How to อยู่มากมายให้คุณเลือก ยิ่งเป็นช่วงนี้ด้วยแล้วคอร์สเรียน Online ก็มีให้เห็นไปทั่วแถมยังมีวิชาหลากหลายอีกต่างหาก เมื่อคุณทำอะไร ๆ เป็นมากขึ้น ความมั่นใจก็จะเพิ่มขึ้นตามไปด้วย นอกจากจะเป็นการใช้เวลา‘ว่าง’ให้เกิดประโยชน์แล้ว ยังเป็นการพัฒนาตัวเองไปด้วยในตัว


3. ได้ใช้เวลาว่างกับคนที่บ้าน

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/71/76/e4/7176e42695b5a33a6589d0509445323b.jpg

ปฏิเสธไม่ได้เลยใช่มั้ยล่ะว่าตอนมีแฟน เวลาว่างส่วนใหญ่ของเราก็จะไปอยู่กับแฟนซะหมด ทำงานก็จันทร์ถึงศุกร์ถ้าไม่ได้ไปรับไปส่งกันทุกวัน ทางเดียวที่จะได้เจอก็มีแต่เสาร์อาทิตย์หรือไม่ก็วันหยุดนักขัตฤกษ์นี่ล่ะ แต่นอกจากแฟนที่เฝ้าคอยอยากเจอ อยากได้รับการดูแลเอาใจใส่กันให้หายคิดถึงแล้ว คนในครอบครัวเองก็อยากใช้เวลาว่างร่วมกันกับคุณมากไม่แพ้กันเลยล่ะถึงแม้จะเป็นเรื่องง่าย ๆ ธรรมดา ๆ อย่าง นั่งดูหนังกับพ่อ ช่วยแม่ทำอาหาร ออกไปช็อปปิ้งกับน้องสาว หรือเล่นเกมส์ออนไลน์กับพี่ชาย แต่กิจกรรมเหล่านี้ก็จะทำให้คุณได้เรียนรู้และทำความเข้าใจนิสัยหรือความคิดของสมาชิกในครอบครัวของคุณมากขึ้น และใกล้ชิดกันมากขึ้น ถึงจะอกหักแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะไม่มีคนที่รักคุณนะ!

4. มีโอกาสได้ทำความเข้าใจตัวเอง

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/4a/99/58/4a99582ee6da1a95aedb82094112999e.jpg

เมื่อต้องอยู่กับตัวเองมากขึ้นสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นมาเรื่อย ๆ ก็คือ'ความเหงา'แต่เมื่ออกหัก บางครั้งการไปหาเพื่อนเพื่อช่วยคลายเหงาบางครั้งก็ไม่ใช่คำตอบที่ดีนัก เพราะเพื่อนซี้ตัวดีก็ดันรู้จักแฟนของเราไปอีก ผลัดกันพูดชื่อเขาซ้ำไปซ้ำมา แทนที่จะรู้สึกดีขึ้น กลับทำให้รู้สึกเหมือนตัวเองติดกับอยู่กับความทรงจำเก่า ๆ มากยิ่งกว่าเดิม แต่จะอยู่ทำใจคนเดียวก็ดันฟุ้งซ่านขึ้นมาอีก แล้วแบบนี้เมื่อไหร่จะลืมเขาได้สักทีล่ะ!

ที่จริงแล้วถึงจะอยู่คนเดียว แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องเหงาหรือไม่มีเพื่อนคุยนะคะ ไม่รู้จะคุยกับใครดีก็คุยกับตัวเองนี่แหละ ถึงใครอาจจะหาว่าบ้า แต่จริง ๆ แล้วมันมีประโยชน์นะจะบอกให้ เคยได้ยินมั้ยคะว่าดวงตาเรามองขนตาตัวเองไม่เห็น ทุก ๆ วันเรามีทั้งเรื่อง ทั้งผู้คนในชีวิตให้ต้องใส่ใจมากมาย จนบางทีก็เผลอลืมนึกถึงความคิด ความรู้สึก ของตัวเองไปแบบไม่รู้ตัว ถึงวันนี้จะไม่มีคุณแฟนอยู่ข้าง ๆ แต่ก็อย่าลืมว่าคนที่อยู่กับเรามานานที่สุดก็คือตัวของเราเอง  หมายความว่าคนที่จะเข้าใจเราได้มากที่สุดก็หนีไม่พ้นตัวเราเองอีกเช่นกัน! ถือโอกาสนี้มาลองนั่งคุยกับตัวเองกันดูบ้างดีกว่าค่ะ

5. เข้าใจคนอื่นมากขึ้น

รูปภาพ:https://i.pinimg.com/564x/3c/9c/a6/3c9ca6e38f4302eeff34005795d0ad3a.jpg

มาถึงข้อนี้หลายคนอาจสงสัยว่าการอกหักจะไปทำให้เราเข้าใจคนอื่นมากขึ้นได้ยังไง? แต่ลองคิดดูถึงสถานการณ์ตอนที่เราต้องพบเจอกับความรู้สึกและอารมณ์ที่หลากหลายในช่วงที่อกหักดูสิคะ

สิ่งที่ใคร ๆ หลาย ๆ คนเลือกที่จะทำกันก็คือ เสิร์ชหาคำคมหรือคำปลอบใจเกี่ยวกับการอกหักจากในอินเตอร์เน็ตบ้าง อ่านหนังสือบ้าง ฟังเพลงเศร้า ๆ บ้าง ซึ่งการการทำแบบนี้จะทำให้เราได้พบกับอารมณ์ความรู้สึกรวมไปถึงประสบการณ์ของผู้คนมากมาย ที่เคยผ่านหรือเคยสัมผัสเหตุการณ์แบบเดียวกันหรือคล้าย ๆ กันกับเรามาก่อน ทำให้รู้ความจริงที่ว่าในโลกนี้ไม่ได้มีแค่เราคนเดียวที่อกหัก และถึงแม้จะอยู่กันคนละที่ หรือพูดกันคนละภาษา แต่พอเป็นเรื่องของความรู้สึกแล้ว ทุกคนกลับรู้สึกในแบบเดียวกัน และร้องไห้ในเรื่องเดียวกันได้ ถือเป็นการเปิดโลกในด้านของอารมณ์ความรู้สึกให้กับเราอยู่ไม่น้อย และท้ายที่สุดอาจนำพาให้เราไปอยู่ในจุดที่สามารถยอมรับความเป็นจริง ยอมรับในสิ่งที่เกิดขึ้น และปล่อยวางความรู้สึกในด้านลบทั้งต่อตัวเองและต่อคุณแฟนที่ตอนนี้กลายเป็นแฟนเก่าไปแล้วก็ได้

----------------------------------------เห็นมั้ยคะว่าอกหักใช่ว่าจะเลวร้ายเสมอไป ถึงแม้จะเป็นวันที่ฟ้ามืดหม่นและฝนตก แต่ฝนก็ยังทำให้อากาศสดชื่นเย็นสบายขึ้นมาได้ อย่างไรก็อย่างนั้น ถึงแม้จะเจ็บปวด แต่เมื่อลองมองมันในมุมกลับและเรียนรู้จากประสบการณ์ที่มีค่าเหล่านั้น บางทีพอถึงวันที่ฟื้นคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้ง เราอาจจะรู้สึกก็ได้นะคะว่า#อกหักดีกว่ารักไม่เป็นนะ ; )