เหตุผลที่ต้องเขียนรีวิวนี้ขึ้นมาเพราะวันก่อนได้เม้ากับเพื่อนต่างชาติคนจีน รู้จักกันตั้งแต่สมัยเรียนมหาลัยแล้วค่ะ ตอนนี้นางกลับไปอยู่ที่จีนละ นางมาแชร์สกินแคร์ที่นางใช้อยู่ หนึ่งในนั้นคือ Panpuri นางบอกว่าปลายปีที่แล้วนางมาเที่ยวไทยกับครอบครัวได้แวะซื้อกลับไปหลายตัวเลย คนจีนชอบมาก เพื่อนนางหลายคนก็ใช้ เบนซ์เลยบอกว่าเราเองก็ใช้อยู่เหมือนกัน คือ Panpuri Revive Arunayouth Bakuchiol Oil และ Lotus Defense Facial Treatment Oil เพื่อนเบนซ์ก็ใช้ไลน์ Lotus Defense เหมือนกัน แต่นางมีเซรั่ม และคุณแม่ของนางใช้เซ็ท Revive อยู่ เม้ามอยกันใหญ่เลย ทุกครั้งที่มาไทยนางซื้อตุนกลับไปใช้ที่จีนตลอดเลยค่ะ

รูปภาพ:

เบนซ์กับเพื่อนเม้ามอยกันเยอะมาก เราสองคนมีความเห็นตรงกันว่าสกินแคร์ Panpuri สู้เคาท์เตอร์แบรนด์ต่างประเทศได้สบายๆ เลย เพื่อให้เข้าใจง่ายเบนซ์ขออธิบายแยกเป็นข้อๆนะคะ

รูปภาพ:

1. เป็น Clean Beauty สกินแคร์ ที่ใส่ใจทุกขั้นตอน!

ต้องยอมรับว่า Panpuri เป็นแบรนด์ไทยแบรนด์แรกที่นำเสนอเรื่อง Clean Beauty ซึ่งส่วนใหญ่ในตลาดสกินแคร์จะเน้นความเป็น Organic ซะมากกว่า แต่ Clean Beauty เป็นอะไรที่มากกว่านั้น คือ

Clean - ผลิตภัณฑ์ต้องดีต่อผิว ปลอดภัยต่อผิวและไม่ทำลายสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่มีการทดลองในสัตว์และไม่มีส่วนผสมจากสัตว์ใดๆทั้งสิ้น

Effective - ผลิตภัณฑ์ต้องมีประสิทธิภาพ และให้ผลลัพธ์ที่ดี พูดง่ายๆคือสินค้าดี และใช้แล้วเห็นผล

2. มาตรฐานความปลอดภัย Zerolist

หลายคนอาจจะเคยเห็นตามกล่องของปัญญ์ปุริ ที่เป็นมาตรฐานความปลอดภัย ลิขสิทธิ์เฉพาะของปัญญ์ปุริ ที่จะไม่ใส่ส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการระคายเคืองทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ส่วนผสมที่อาจทำลายต่อสิ่งแวดล้อมและสัตว์ กว่า 2,300 รายการ จะไม่นำมาใช้เป็นส่วนผสมในผลิตภัณฑ์ปัญญ์ปุริทุกตัว เป็นการยกระดับความน่าเชื่อถือและความปลอดภัยต่อผิวของเราอีกด้วย คนที่ผิวแพ้ง่ายก็พร้อมเปิดใจให้เลย

รูปภาพ:

3. เห็นการเปลี่ยนแปลงของผิว

ทั้งเบนซ์และเพื่อน รวมทั้งเพื่อนๆของนางต่างใช้แล้วเห็นถึงผลลัพธ์ของผิวที่ดีขึ้น เพื่อนเบนซ์ผิวแห้งและแพ้ง่าย ที่จีนอากาศเย็นกว่าไทย นางบอกว่าใช้ออยล์ Lotus Defense ช่วยได้มาก ผิวชุ่มชื้นไม่แห้งลอกเลย ผิวดูดี แข็งแรงขึ้น รู้สึกผื่นแดงจากอากาศก็น้อยลง บางวันขี้เกียจลงเยอะสิ่ง ก็ลงแค่ออยล์ตัวเดียวจบ!!! และที่สำคัญคือเนื้อบางเบาสุดๆ ใช้ตอนกลางวันได้โดยไม่ทำให้ผิวดูมันและไม่รู้สึกเหนอะหนะเลย แต่งหน้าง่ายและติดทนยิ่งขึ้น แต่ในขณะเดียวกันก็เหมาะกับสภาพอากาศที่ไทยด้วย ความบางเบาของออยล์เป็นที่พูดถึงกันมาก รวมทั้งรีวิวจากหลายๆคนที่ปลื้มกัน แน่นอนว่าเป็นเหตุผลหลักที่เบนซ์และเพื่อนซื้อใช้ซ้ำ

4. คุ้มค่าคุ้มราคา

ตอนแรกลังเลกับราคาอยู่มากจริงๆ ค่ะ เห็นราคาแล้วแบบอยากซื้อนะ แต่ก็กลัวว่าจะถูกกับผิวเรามั้ย? หรือราคาแบบนี้ไปสอยเคาท์เตอร์แบรนด์อื่นแทน? แต่ก็นะสุดท้ายความอยากลองก็ชนะ เบนซ์ซื้อ Arunayouth Bakuchiol Oil มาลองใช้ดูก่อน บอกเลยว่าขวดนึงใช้ได้นานมากจริงๆ เบนซ์ใช้ครั้งละ 2 หยด ทาทั้งใบหน้าและลำคอ ขวดนึงใช้ได้นานประมาณ 4 เดือนเลยล่ะค่ะ ส่วน Lotus Defense Facial Oil ใช้มาเกือบๆ 2 เดือนละ ยังไม่ถึงครึ่งขวดเลย คิดว่าขวดนี้น่าจะใช้ได้ประมาณ 5 เดือนแน่ๆ เฉลี่ยต่อเดือนถือว่าคุ้มค่าจริงๆค่ะ ยิ่งช่วงนี้มี Promotion ยิ่งคุ้มค่ามากขึ้นไปอี๊ก!!!!!!!

รูปภาพ:

5. กลิ่นชวนหลงใหล

ด้วยความที่เป็นสารสกัดจากธรรมชาติและออร์แกนิค แน่นอนว่ากลิ่นของสกินแคร์ต้องดีชวนใช้ ซึ่ง Panpuri ไม่ทำให้ผิดหวังจริงๆ ค่ะ ทั้ง 2 ขวดนี้จะมีส่วนผสมหลักที่ต่างกัน ได้กลิ่นหอม สดชื่นของทั้งมะลิ และดอกบัว กลิ่นมีความละมุนหอมดอกมะลิแต่ไม่ฉุนจมูก รู้สึกผ่อนคลายและมีความสุขที่ใช้ พอเรารู้สึก Relax ส่งผลต่อภายในของผิวเราอีกด้วย ถ้ายิ่งทาตอนกลางคืนคือกลิ่นดีนอนสบายเลย และกลิ่นหอมนี้ถูกใจคนจีนมากๆ เพื่อนเบนซ์และเพื่อนๆ ของนางต่างติดใจกลิ่นทั้งนั้นเลย เพิ่งรู้ว่านางซื้อ Diffuser ไปตั้งไว้ที่ห้องนอนอีกด้วย นางมีของเยอะกว่าเบนซ์อีกแน่ะ

รูปภาพ:

ทั้งหมดนี้คือเหตุผลที่ทั้งตัวเบนซ์และเพื่อนลงความเห็นว่าสกินแคร์ Panpuri คือ Thai Luxury Brand ที่สามารถยืนเคียงข้างกับหลายๆ Brand ของต่างประเทศได้สบายๆ ต้องลองแล้วคุณจะเข้าใจเลยว่าทำไมสาวๆถึงเทใจให้ Panpuri กัน