My Daily Scent : Tom Ford Jasmin Rouge EDP

สวัสดีค่ะสาวๆ My daily scent episode 3 ของเราก็ยังคงหนีไม่พ้น theme น้ำหอมกลิ่นเซ็กซี่อีกแล้วนะคะ (เห็นได้ชัดค่ะว่าอิฉันชอบกลิ่นแนวนี้ 555+) โดยน้ำหอมที่จะมาเล่าให้ฟังในวันนี้ เป็นกลิ่นที่เราชอบมากที่สุดในบรรดาน้ำหอมทั้งหมดที่เรามีเลยค่ะ ชอบมากขนาดว่า ต้องมีติดบ้าน ต้องหยิบมาดมทุกคืนก่อนนอน และถ้าหมดจะต้องซื้อซ้ำทุกครั้ง คือชอบขนาดนั้น 55+

หลายคนอาจจะยังไม่รู้จักน้ำหอมของ Tom Ford ใน line ที่เป็น Private blend นะคะ ซึ่งความแตกต่างจาก line ปกติของเค้าก็คือ กลิ่นมันจะมีความ unique กว่า มีส่วนผสมที่เป็นธรรมชาติมากกว่า และที่สำคัญคือราคาโค-ตรแพง! แพงแบบเลือดซิบ! (แต่ก็ยอมซื้อนะ 555+)

Tom Ford Jasmin Rouge EDP

#Perfume story

Jasmin Rouge เปิดตัวพร้อมกับเครื่องสำอางของ Tom Ford ใน Fall collection ปี 2011 โดยได้แรงบันดาลใจมาจากภาพวาดแนว Romanticism ของศิลปินชาวสเปน Francisco de Goya คุณ Tom Ford ได้ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าเค้าชอบน้ำหอมกลิ่นแรงๆ เข้มๆ แนวอำพัน พิมเสน หรือไม้จันทน์ และเค้าก็ชอบดอกมะลิมาก ซึ่งกลิ่นนี้เจ้าตัวก็บอกเองเลยค่ะ ว่ามันให้ความ Full-on high-evening มีเสน่ห์เย้ายวนประดุจมนต์เสน่ห์แห่งลิปสติกสีแดงของหญิงสาวในงานเลี้ยงกลางคืนของชนชั้นสูง

#How does it smell?

กลิ่นเปิดตัวของ Jasmin Rouge มาเป็นสวนมะลิสมกับชื่อของเค้าเลยค่ะ หวานๆ เย็นๆ นวลๆ เสริมมิติความเผ็ดร้อนๆ spicy นิดๆ จากกลิ่นพริกไทยและซินนามอน มีกลิ่นซ่าๆ สดชื่นของขิง ผสมผสานกันได้อย่างนวลเนียนมาก กลิ่นช่วงนี้จะมีความสว่าง สดใส สดชื่น แบบ spicy floral พอถึงช่วงกลางความเป็นมะลินุ่มๆ ติดเครื่องเทศหน่อยๆ ก็ยังคงมีอยู่ แต่ที่ค่อยๆ เด่นขึ้นมาเคล้าคลอกัน เห็นจะเป็นกลิ่นดอกกระดังงาที่หวานละมุนติดแป้งๆ ให้ความเย้ายวนแบบหรูหรามีระดับ กลิ่นช่วงนี้ความสดชื่นจะลดลง แต่จะมีความเซ็กซี่ มีจริตจะก้าน โปรยเสน่ห์แบบไม่ตั้งใจขึ้นมาแทน กลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจอยู่ประมาณ 2-3 ชม. ก่อนจะเข้าสู่ช่วงท้ายซึ่งจะกลายเป็น skin scent ติดผิวลากยาว โดยกลิ่นมะลิก็ยังอยู่นะคะ แต่จะออกแนวมะลิผสมไม้หอม woody มีอำพัน (amber) เจือวนิลาเบาๆ เคล้ากลิ่นหนังอ่อนๆ มีความซับซ้อนมีมิติ แต่ไม่ได้เข้าถึงยากเลยค่ะ ออกจะให้ความรู้สึก masculine และเซ็กซี่ดึงดูดในเวลาเดียวกันเลยแหละ

#Who & Where to?

Private blend ทุกตัวของ Tom Ford เป็นน้ำหอม unisex ค่ะ แต่ตัวนี้อาจจะค่อนไปทาง feminine มากหน่อย เหมาะกับผู้หญิงวัยทำงานที่ภาพลักษณ์ดูภูมิฐาน อายุ 30+ นี่เสริมบุคลิกมากค่ะ ส่วนสาวๆ 25+ ก็ใช้ได้อยู่นะคะ แต่ต้องมาดดูเป็นทางการนิดนึง เด็กกว่านี้ไม่เหมาะเลยค่ะ ด้วยลักษณะเนื้อกลิ่นที่คุณน้ายยยยคุณนาย แถมราคาก็สูงเกินไปสำหรับน้องๆ วัยเพิ่งเริ่มทำงานด้วยค่ะ (แต่ถ้าน้องๆ ไหวก็จัดไปค่ะ พี่เชียร์ 555+) ส่วนหนุ่มๆ วัยทำงาน 30+ ฉีดได้สบายมากค่ะ ให้ลุคแบบ metrosexual เป็นหนุ่มแต่งตัวจัดๆ สำอางๆ หน่อย

โอกาสที่เหมาะกับการฉีด Jasmin Rouge สำหรับเราคือสถานการณ์ที่ค่อนข้างทางการค่ะ แบบไป present งานในชุด Pantsuitsเนี้ยบๆ หรือไปงานเลี้ยง formal ในชุดราตรีกรุยกรายค่ะ สำหรับคุณผู้ชายก็น่าจะเหมาะกับงานทางการเหมือนกัน แต่อาจจะเข้ากับกับหนุ่มที่บุคลิกแบบเจ้าสำอาง มั่นใจในตัวเอง แต่งตัวจัดๆ (อารมณ์แบบ Bruno Mars ใส่สูทลาย LV monogram สีทอง อะไรแบบนั้นเลยค่ะ) ชีวิตประจำวันแบบไปทำงาน office ก็พอฉีดได้แบบไม่เกิน 3 sprays นะคะ แต่ถ้าไปลุยกลางแดด หรือลุคเสื้อยืดกางเกงยีนส์สบายๆ กลิ่นนี้ไม่เข้ากันเลย ส่วนไปเดทแบบ fine dining หรือไปผับแบบนั่งจิบ Riesling สวยๆ อันนี้เหมาะมากค่ะ เย้ายวนหรูหรามีระดับมาก แต่ถ้าไปเดทที่ออก casual หรือไปผับเต้น อันนี้ไม่แนะนำค่ะ กลิ่นมันหรูไป เปลืองค่ะ 555+

#Sillage & Longevity

บนผิวเรากระจายตัวดีมากๆ อยู่ประมาณ 2-3 ชม. แรกหลังฉีดค่ะ จากนั้นเค้าจะกลายเป็น skin scent ติดผิวจางๆ เลย เสียดายมาก น่าจะฟุ้งนานกว่านี้ แต่ถึงอย่างนั้นก็ขอบอกเลยค่ะ ว่าเป็นช่วงเวลา 2-3 ชม. ที่ฟินที่สุดเลยค่ะ เพราะกลิ่นมันจรุงใจ มันรัญจวนใจ มันอ้อร้อ มันอ้อยอิ่งมากจริงๆ (คือชอบมากค่ะเอาตรงๆ 555+) ส่วนความทน ตัวนี้ทนมากกกกกกกกกกก skin scent 8-12 ชม. ยาวๆ เลยค่ะ ฉีดไปทำงาน 8 โมงเช้า กลับบ้านมาตอนเย็นอาบน้ำแล้วกลิ่นยังติดแขนนะเออ

บทความนี้เป็นความเห็นส่วนตัวของเราจากการใช้งานจริงนะคะ ไม่ได้รับ sponsorship จากร้านใดๆ เขียนเพื่อเป็นข้อมูลสำหรับคนที่สนใจกลิ่นนี้อยู่เท่านั้น ขอบคุณที่เข้ามาอ่าน แล้วจะนำน้ำหอมตัวอื่นๆ มาเล่าให้ฟังอีกนะคะ xoxo