รูปภาพ:https://i.gifer.com/Iqf.gif

ไฮค่าา สาวๆSistaCafeสุดเลิฟทุกคน #ขยิบตาปิ๊งๆ (^ω~)เมื่อนึกถึงแสงแดด หลายคนอาจคิดถึงสัญลักษณ์ของวันใหม่ โอกาสใหม่ๆ ในชีวิต หรือแสงดีๆ ที่เหมาะกับการถ่ายรูปเอาท์ดอร์ แต่สำหรับสาวๆ สายบิวตี้ แสงแดดอาจหมายถึงปัญหาผิวอย่าง' ผิวคล้ำเสียจากแดด ( sunburn ) 'ก็เป็นได้ T^Tไม่ว่าเธอจะเพิ่งกลับจากอาบแดดที่ชายทะเล เล่นกีฬาหนักๆ กลางแจ้งอย่างเล่นเซิร์ฟ ว่ายน้ำ เล่นแบด หรือแค่เพิ่งออกไปซื้อข้าวหน้าออฟฟิศแล้วต้องเดินกลับท่ามกลางแดดจ้าๆ ที่นึกว่าอยู่กลางนรกขุมที่ 18 ก็คงทรมานจากรังสียูวีที่ทำร้ายผิวไม่ต่างกัน #เกรียมซะนึกว่าไก่ย่างเลยค่า ( ╥ω╥ )ทั้งแสบ ทั้งไหม้ขนาดนี้ ก็อยากหาวิธีลดอุณหภูมิผิวให้เย็นลงด่วนจี๋สุด! ( บางคนผิวไหม้ แสบจนนอนไม่หลับ ต้องกินยาแก้ปวดก็มีนะ ไม่ใช่เล่นๆ )หากอาการยังไม่หนักขนาดต้องไปหาหมอ ลองทำตาม ' 7 ทริคบรรเทาผิวแสบไหม้อย่างด่วน! ' ที่คอนเฟิร์มโดยหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ ที่เราเอามาบอกต่อในบทความนี้กันดูค่ะอย่าปล่อยทิ้งไว้นาน เสี่ยงผิวหนังติดเชื้อ เกิดแผลเป็น หรือหนักสุดคืออาจก่อเกิดเป็นมะเร็งผิวหนังได้! รู้แล้วก็อย่าช้า ไปทำตามทริคเหล่านี้กันเลย Let's go!

1. เมื่อรู้สึกแสบๆ ผิวเมื่อไหร่ ให้หนีจากแสงแดดทันที!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/57038a4ea7398250b07e17ba78622abc.jpg

ไม่ว่าเธอจะทำอะไรกลางแสงแดดอยู่ก็ตาม ถ้าเริ่มรู้สึกคันยิบๆ รอยแดงแสบไหม้เริ่มขึ้นตามตัว อย่ามัวแต่นั่งแช่ ยืนแช่ให้รังสียูวีโลมเลียอยู่อย่างนั้น รีบคว้าหมวก กางร่มพับเสื้อผ้าแขนขายาวมาปิด หรือทางที่ดีที่สุดคือรีบหลบเข้าร่ม หนีห่างจากแสงแดดโดยทันที

เพราะการที่ผิวหนังเริ่มเป็นแผล แปลว่ารังสีเริ่มเข้าถึงผิวชั้นในแล้ว ( หากแดดเผานิดๆ หน่อยๆ ที่ผิวชั้นนอก บางทีก็ไม่เป็นอะไร แค่สีผิวคล้ำลง )

อย่าชะล่าใจคิดว่าทาครีมกันแดดทั้งตัวแล้ว ทาซ้ำทุกสองชั่วโมงแล้ว จะอยู่กลางแจ้งกี่ชั่วโมงก็ได้ เพราะถ้าผิวเริ่มออกอาการไม่ดี แปลว่าครีมกันแดดทำงานไม่ได้ผลแล้วล่ะค่ะ

สาวๆ ทั้งหลายมาพักผิวจนกว่าจะหายดี แล้วค่อยไปสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ต่อดีกว่านะ

2. แช่น้ำในอ่างผสม 'น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ (apple cider vinegar)'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d8877af427fcd91513627e21525b08d8.jpg

สาวสายฝ. หลายคนชื่นชอบการอาบแดดให้ผิวแทนสุดๆ บางคนอาบได้ทั้งวันตั้งแต่เช้าจรดเย็น รู้ตัวอีกทีตัวก็ไหม้เป็นกุ้งลวกซะแล้ว แสบผิวไปหมดทั้งตัว

!

อาการนี้เยียวยาได้ด้วย ' น้ำส้มสายชูแอปเปิ้ลไซเดอร์ ( apple cider vinegar ) ' ค่ะ ไม่ได้ให้กินนะ แต่ให้อาบค่ะ!

หากมีอ่างน้ำในบ้าน ( ถ้าไม่มีลองหาอ่างใหญ่ๆ หรือที่เป่าลมยางที่เทน้ำลงไปได้ ) เทลงไปผสมกับน้ำในอ่าง แล้วแช่ตัวลงไป ทิ้งไว้ 10 นาที ให้น้ำส้มสายชูซึ่งเป็นวัตถุดิบจากธรรมชาติ ได้ปรับสภาพ pH ของผิวให้สมดุล ช่วยปลอบประโลมรูขุมขนตามร่างกายให้ผ่อนคลาย สบายผิวยิ่งขึ้น


คุณสมบัติอีกอย่างของเขาคือ ช่วยต่อต้านการอักเสบของผิวที่ระคายเคือง และมีกรดอะซิติก ช่วยทำให้ผิวนุ่มขึ้น ขจัดเซลล์ผิวเก่าออกอีกด้วย ตัวช่วยกอบกู้ผิวที่แท้ทรู (*˘︶˘*).。.:*♡

3. อย่าลืม 'อะโลเวร่า (ว่านหางจระเข้)' มิตรรักคู่ผิวไหม้!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/4781eabcf10d74b312914996952172a4.jpg

หากพูดถึงมิตรคู่แท้ เพื่อนตายของการซ่อมผิวไหม้จากแดด ตัวเลือกแรกๆ ที่ต้องนึกถึงคงเป็น ' อะโลเวร่า ' หรือเรียกภาษาชาวบ้านว่าว่านหางจระเข้! อะโลเวร่าถือเป็นวัตถุดิบธรรมชาติที่เก่าแก่ที่สุดในการเยียวยาผิวไหม้ ทั้งยังหาง่าย ราคาไม่แพง

ช่วยลดอาการอักเสบ ลดอุณหภูมิผิวให้เย็นลงอย่างรวดเร็ว และปลอบประโลมผิวให้ผ่อนคลาย ทำให้ผิวไม่ตึง ไม่แสบ

หากแถวบ้านหาซื้อว่านหางจระเข้สดได้ เราแนะนำให้ซื้อสดๆ ตัดเปลือกออกแล้วใช้วุ้นใสมาโปะผิวส่วนนั้นเลย ( แต่ถ้าไม่มีก็ใช้เจลอะโลเวร่าได้ แนะนำให้แช่ในตู้เย็นก่อนนำมาใช้ ) รูขุมขนตามร่างกายจะเปิดออก รู้สึกผ่อนคลายผิวได้อย่างด่วนจี๋ แต่ถ้าไม่มีอะโลเวร่าจริงๆ จะใช้แผ่นประคบเย็นที่ใช้ลดไข้ หรือแช่ผิวด้วยผงข้าวโอ๊ตก็ช่วยได้เช่นกันทั้งนี้ไม่ควรอาบน้ำด้วยน้ำที่เย็นจัด เพราะหวังจะปลอบประโลมผิวโดยเด็ดขาด! น้ำเย็นมากๆ จะยิ่งกระตุ้นให้ผิวเซนซิทีฟ แสบมากขึ้น ใช้น้ำเย็นพอประมาณได้ แต่ห้ามใช้น้ำเย็นที่มาจากช่องฟรีซเด็ดขาดค่ะ

4. เลี่ยง/ งดใช้คลีนเซอร์ที่มีส่วนผสม 'แรงๆ'

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e97815c7baf61a2bea61cf9fa0f3a465.jpg

ช่วงที่มีผิวปกติ เราอาจใช้สบู่ก้อน โฟมล้างหน้า หรือเจลอาบน้ำที่ใส่สี ใส่น้ำหอมแรงๆ ได้โดยไม่มีผลข้างเคียง แต่ช่วงผิวแสบไหม้จากแสงแดด เก็บพวกนี้เข้ากรุไปก่อนเลย เสี่ยงเป็นอันตรายกับผิวบอบบางมาก!

โดยเฉพาะ

โฟมล้างหน้าที่เป็นสูตรสครับ

อย่าหาทำมาใช้กับผิวหน้าที่โดนแดดเผาอย่างเด็ดขาด ไม่งั้นก็ไม่ต่างอะไรกับเอากระดาษทรายถูหน้าให้เจ็บเล่น ได้เลือดซิบๆ ตามมาแน่นอน เผลอๆ ติดเชื้อแถมไปด้วย

ช่วงนี้ควรใช้คลีนเซอร์ทุกชนิดเป็นสูตรอ่อนโยน ไม่ใส่สี ไม่ใส่น้ำหอม หรือสารเคมีที่ระคายเคืองผิว ( ถ้าเลือกไม่ถูกก็เลือกยี่ห้อเวชสำอางไว้ก่อน พวกนี้จะไม่มีแต่งสีแต่งกลิ่นอยู่แล้ว เช่น Cetaphil, Eucerin, Smooth E, Physiogel เป็นต้น )แต่ยังมีส่วนผสมของออยล์ที่ให้ความชุ่มชื้น เพื่อเวลาล้างหน้าหรือตัว ผิวจะได้ไม่แห้งเกินไปหลังทำความสะอาดเสร็จนะคะ

5. โปะ 'สารต้านอนุมูลอิสระ' ลงไปบนผิวเยอะๆ!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/5379c8cdadf7675fccf145bdd552cfa0.jpg

เวลาผิวของเราแสบไหม้ นั่นเพราะรังสียูวีเข้มข้นได้ส่องผ่านเข้าไปทำลายเกราะชั้นผิว ผิวจึงเกิดความเสียหายอย่างรุนแรงจากอนุมูลอิสระ เกิดเป็นรอยแดงขึ้นอย่างที่เราเห็นด้วยตาเปล่า ดังนั้นถ้าอยากกำจัดรอยแดงนี้ไวๆ ก็ต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่มี ' สารต้านอนุมูลอิสระ ' เยอะๆ เช่น วิตามินซี

ที่ช่วยปกป้องผิว ต่อต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเกิดการออกซิเดชั่น ทำให้เซลล์ผิวเสียหายได้อย่างดีเยี่ยม

เราแนะนำให้ทา ' เซรั่มวิตามินซี ' จะเห็นผลลัพธ์ให้ผิวกระจ่างใสได้ไวที่สุด เพราะเซรั่มเป็นสกินแคร์ที่ใช้ส่วนผสมเข้มข้นกว่าครีมและโลชั่น โมเลกุลชนิดเล็กกว่า เนื้อเซรั่มจึงแทรกซึมเข้าสู่ชั้นผิวได้ง่ายที่สุดนั่นเอง

หากมีงบจะเลือกใช้ยี่ห้อแพงๆ ตามท้องตลาดก็ได้ แต่ราคาดรักสโตร์ก็คุณภาพดีไม่แพ้กัน หากไม่รู้จะเลือกยี่ห้อไหนดี ก็คลิกบทความแนะนำด้านล่างได้เลย!


6. ประโคม 'มอยส์เจอไรเซอร์' ให้ผิวชุ่มชื้นถึงขีดสุด!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/9ad3bc750cf99354d8dfbf4aecd4c3ce.jpg

เวลาผิวแสบไหม้ เราจะรู้สึกระคายเคือง คันยุบยิบ ช่วงแรกจะเป็นรอยแดงก่อน แต่ 1-2 วันต่อมาจะเริ่มแห้งลอกเป็นแผ่นๆ ขุยๆ และช่วงนั้นแหละที่เราจะคันสุดๆ ไปเลยล่ะค่ะ เพื่อป้องกันปัญหาผิวแห้งนี้ เราจึงควรทา ' มอยส์เจอไรเซอร์ ' ป้องกันไว้ ซึ่งสกินแคร์ที่แนะนำเพื่อผิวไหม้จากแดดได้ดีที่สุด ควรมีส่วนผสมจาก ' วิตามิน E '

เพราะช่วยลดริ้วรอย เส้นบนใบหน้า และยังเป็นสารต้านอนุมุลอิสระอย่างดีที่ช่วยฟื้นฟูผิว เพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหน้าและผิวตัวอย่างดีด้วย

นอกจากวิตามิน E แล้ว ส่วนผสมธรรมชาติอื่นๆ ที่ช่วยปลอบประโลมผิวและไม่ควรมองข้ามคือ ' คาโมไมล์ ' และ ' ลาเวนเดอร์ ' เพราะมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบและรอยแดง

หรือจะใช้เป็นสกินแคร์ผสมออยล์ก็ดี ช่วยให้ผิวชุ่มชื้นขั้นสุด และป้องกันรอยแผล รอยแตกลายต่างๆ ที่เกิดจากการไหม้แดดในอนาคตค่ะ


7. หากยังไม่หายแสบผิว รีบปรึกษา 'หมอผิวหนัง' อย่างเร็วที่สุด!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/265d6107c465b19987335d00e7535fa8.jpg

แต่ละคนก็เจอสภาพแสงแดด ความเข้มข้นของรังสียูวีมาไม่เหมือนกัน สภาพผิวแต่ละคนก็ต่างกัน โดยปกติถ้าเยียวยาผิวด้วยวิธีธรรมชาติ ผิวควรหายแสบเองได้ใน 1 สัปดาห์

หากลองทำตามทั้ง 6 ข้อด้านบนแล้วก็ยังไม่หาย ซ้ำเหมือนอาการจะแย่ลง เกิดเป็นแผลมีหนองช้ำ มีลักษณะคล้ายแผลไฟไหม้ อาจเกินกำลังที่จะรักษาได้ด้วยตัวเองแล้ว เราแนะนำให้สาวซิสรีบไปหาหมอโดยด่วนจะดีกว่า!

แม้รักษาเองจนอาการแสบหายไปแล้ว แต่ยังมีรอยแผลที่ไม่แห้งซะที ก็ควรไปปรึกษาหมอผิวหนังผู้เชี่ยวชาญ เพื่อสั่งครีมรักษาภายนอก หรือยากินเพื่อให้แผลอาการดีขึ้นแต่ที่จริงแม้จะเป็นอาการแสบผิวธรรมดา หมอผิวหนังก็ช่วยเร่งกระบวนการให้หายเร็วขึ้นได้กว่าวิธีธรรมชาติค่ะ ( แต่ราคาแพงกว่าชัวร์ๆ -*- )

-----------------------------

ครบแล้วกับทั้ง 7 ทริคอยากบอกต่อ ที่ช่วยเยียวยาผิวแสบไหม้ได้จากธรรมชาติ อาจจะไม่ได้หายทันทีเหมือนกินยาจากคุณหมอโดยตรง แต่หากเป็นรอยเล็กๆ ที่หายเองได้ และเป็นนักศึกษางบน้อย การใช้วัตถุดิบธรรมชาติอย่างว่านหางจระเข้ เซรั่มวิตซี หรือครีมที่มีส่วนผสมของวิตามินอี ก็ช่วยบำรุงผิวได้เหมือนกัน แค่ต้องใช้เวลานานกว่าหน่อยขอให้มีวินัยทาครีม ทาเซรั่ม ใช้คลีนเซอร์สูตรอ่อนโยนอย่างต่อเนื่อง ผิวก็จะค่อยๆ ฟื้นฟูขึ้นมาเอง ร่างกายของเราเก่งกว่าที่คิดค่ะ แต่ถ้าแสบไหม้มากๆ จนเกินรับมือไหว ก็อย่าลังเลที่จะไปหาหมอน้า วันนี้เราขอตัวก่อน เจอกันใหม่ บ๊ายบายค่า ^__^