“ ปวดจนตัวงอ ปวดจนนอนขด ปวดจนลุกมาทำอะไรไม่ได้เลย ”.. ไม่ต้องสืบก็รู้ว่ากำลังพูดถึงอาการปวดประจำเดือน หรือปวดท้องเมนส์อยู่แหงๆ สาวๆ เราก็เลยมักต้องมีตัวช่วยอย่าง“ ยาแก้ปวดท้องเมนส์ ”พกติดตัวไว้ในวันนั้นของเดือน เป็นวิธีแก้อาการปวดท้องเมนเสมือนมีเพื่อนคู่ใจ เพื่อให้สามารถลุกขึ้นมาทำงานได้ ไปงานสำคัญได้ โดยไม่มีอาการปวดท้องเมนส์มากวนใจมากนัก

งั้นวันนี้ไม่พูดเยอะ เดี๋ยวจะมัวเจ็บท้อง ปวดเกร็งกันจนไม่ได้ทำอะไรพอดี เราลิสต์5 อันดับยาแก้ปวดท้องเมนส์ ที่เป็นแบรนด์ยอดฮิตในหมู่สาวๆมาให้แล้ว ว่ากันว่าช่วยแก้อาการปวดท้องเมนส์ บ้างก็ครอบคลุมไปถึงอาการปวดเมื่อยเนื้อตัว ปวดหัว ปวดฟัน ปวดหลังก็ช่วยได้หมดนะ ดูซิว่าเค้านิยมใช้เจ้าไหนกันบ้าง

รู้ก่อนกิน! ยาแก้ปวดท้องเมนส์กินมากๆ อันตรายหรือไม่ !?

รูปภาพ:

ว่ากันตามหลักวิทยาศาสตร์อาการปวดท้องเมนส์ของผู้หญิงเรา เกิดขึ้นจากสารกระตุ้นการอักเสบ Prostaglan din ซึ่งจากการศึกษาพบว่า มีสารชนิดนี้ในเลือดประจำเดือนของผู้หญิงที่มีอาการปวดประจำเดือน สูงกว่าผู้หญิงที่ไม่มีอาการปวดถึง 2 เท่า

เมื่อกล้ามเนื้อมดลูกมีการบีบตัวมากกว่าปกติ อาการปวดท้องขณะมีประจำเดือนจึงเป็นผลที่ตามมาและที่บางคนปวดลามไปถึงเอว สะโพก ขา ปวดเมื่อยเนื้อตัว คลื่นไส้ ก็เป็นผลข้างเคียงจากสารนี้เช่นกัน

เหตุนี้เองเราจึงต้องการตัวช่วยเป็นยาที่มีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบจึงจะแก้ปัญหาปวดประจำเดือนให้ได้ชะงัด แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าอะไรที่มากไปก็ไม่ดี การกินยาแก้ปวดท้องเมนส์จึงควรเลือกกินอย่างเหมาะสม เพื่อป้องกันผลข้างเคียงที่อาจเกิดตามมาได้

โดยผู้ใหญ่ ไม่ควรกินเกิน 500 mg/ครั้ง และสูงสุด 3 ครั้งต่อวัน ส่วนถ้าเป็นอาการปวดทั่วไปไม่ควรกินติดต่อกันเกิน 7 วัน ไม่เช่นนั้นอาจเสี่ยงกับการเจอภาวะต่างๆ ของร่างกายที่ไม่พึงประสงค์ อาทิแผลในกระเพาะอาหาร เพราะยากลุ่มนี้ถือเป็นยาที่มีความระคายเคืองกระเพาะอาหารสูง, ภาวะโลหิตจางเนื่องจากเกล็ดเลือดแตก เลือดจะออกได้ง่ายและหยุดยากกว่าปกติ, ปวดหัวได้ง่าย อ่อนเพลียอารมณ์แปรปรวน, จนถึงอาจเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวได้ในบางราย

นี่แค่เพียงผลข้างเคียงบางส่วนเท่านั้น แต่ก็อย่างที่บอกว่าหากเลือกการกินยาแก้ปวดประจำเดือนอย่างเหมาะสม กินตามคำแนะนำฉลากยาหรือคำแนะนำจากแพทย์ ไม่กินติดต่อกันเป็นเวลานานย่อมไม่เกิดอันตรายที่ไม่พึงปรารถนาตามมา

ที่สำคัญคือเราต้องเลือกยาแก้ปวดท้องเมนส์ให้เหมาะสมกับตัวเองด้วยเพราะงั้นมาดูกันว่า 5 อันดับรวมฮิตยาแก้ปวดท้องเมนส์ที่สาวๆ ใช้กัน มีอะไรบ้างและมีเจ้าไหนที่ดูเข้าเค้า เหมาะกับอาการปวดของเราบ้างนะ?

รวมฮิต 5 อันดับยาที่คนปวดท้องเมนส์ควรพกไว้ ใครๆ ก็ใช้กัน

สำหรับ 5 อันดับยาปวดท้องเมนส์ยอดฮิตที่เลือกมาให้ล้วนเป็นยากลุ่ม #NSAIDs หรือก็คือยาต้านอักเสบชนิดไม่ใช่สเตียรอยด์ ( Non-steroidal Anti-inflammatory drugs ) ค่อนข้างแพร่หลายในวงการแพทย์และใช้ในปริมาณน้อยแต่สามารถออกฤทธิ์ได้ดี ลดอาการปวด อาการไข้ ได้ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบเรื้อรัง และหากเพิ่มปริมาณยังสามารถลดอาการอักเสบได้อีกด้วย

เอาล่ะมาดูกันค่ะซิส ว่ายาปวดท้องเมนส์ที่เค้าฮอตฮิตกันมีอะไรบ้าง บางทีอาจมียี่ห้อดีๆที่เราไม่เคยรู้มาก่อน และบางยี่ห้อที่เรากินอยู่แล้วก็อาจมีข้อย้ำเตือนเพิ่มเติมที่ควรรู้ด้วยนะ

♡ อันดับ 1 ยาพอนสแตน ( Ponstan )

รูปภาพ:

ยาปวดท้องเมนส์ที่ใครๆ ก็ร้องอ๋อยาพอนสแตน ( 500 mg )นั่นเองลักษณะยาเม็ดเหลือง ทรงรี นิยมซื้อกันแบบแผง แผงละ 50.- แผงละ 10 เม็ด

ด้วยสรรพคุณการแก้ปวดที่ออกตัวเลยว่าแก้ได้ตั้งแต่สากกะเบือยันเรือรบ เพราะงั้นไม่ว่าจะปวดประจำเดือน ปวดฟัน ปวดหลัง หรือแม้แต่อาการปวดที่มาจากหลังการผ่าตัดก็ช่วยได้ชะงัดดีนักแล แต่ในอีกแง่นึงคือยาตัวนี้มีฤทธิ์สูง กัดกระเพาะได้ง่าย จึงควรกินพร้อมกับอาหารทันทีหรือดื่มน้ำตามมากๆ ด้วย

เมื่อกินพอนสแตนแล้วยาจะออกฤทธิ์ในเวลาประมาณ 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมงและครอบคลุมอาการได้นาน6 ชั่วโมง เพราะงั้นใน 1 วันให้ทานเพียงวันละ 3 ครั้ง ครั้งละ 1 เม็ดก็พอจ้า

♡ อันดับ 2 ยาโกเฟน ( Gofen )

รูปภาพ:

สำหรับยาแก้ปวดท้องเมนส์ โกเฟน ( 400 mg )ก็เป็นอีกเจ้านึงที่นิยมกันมาในรูปแบบแคปซูลเจลาตินนิ่มๆ กินง่าย


สรรพคุณเด่นๆ คือช่วยแก้ปวดได้ครอบคลุมหลายอาการทั้งปวดหัว ปวดไมเกรน ปวดฟัน ปวดหลังปวดประจำเดือน ลดไข้เหมาะสำหรับผู้ใหญ่และเด็กอายุตั้งแต่ 12 ปี ขึ้นไป สามารถกินได้ทุก 4-6 ชั่วโมงที่มีอาการปวด โดยสูงสุดไม่ควรกินเกินวันละ 3 แคปซูล


สำหรับตัวนี้ควรกินพร้อมอาหารทันทีเพราะออกฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะอาหารค่อนข้างมากใช้เวลาในการออกฤทธิ์ยา 30 นาที ถึง 1 ชั่วโมง และครอบคลุมอาการปวดได้นาน 6 ชั่วโมง

♡ อันดับ 3 ยานอสเมน ( Nosmen )

รูปภาพ:

สาวๆ สบายใจได้ ใช่ว่ายาแก้ปวดท้องเมนส์จะต้องกินพร้อมอาหารทันทีและมีฤทธิ์กัดกระเพาะเท่านั้น เพราะนอสเมน ( 120 mg ) เป็นhttps://sistacafe.com/summaries/79698ไม่ต้องทานพร้อมอาหารด้วยล่ะ

จุดเด่นที่ทำให้เป็นที่นิยมอีกข้อคือเพียงหนึ่งเม็ดก็ช่วยลดอาการปวดได้นาน 24 ชั่วโมง โดยควรกินในวันแรกที่มีอาการปวดประจำเดือน จะกินก่อนหรือหลังอาหารก็ได้ หนึ่งวันกินแค่เม็ดเดียวก็เอาอยู่จ้า

แถมตัวยาก็ใช้เวลาในการออกฤทธิ์ไม่นานจะแก้ปวดประจำเดือนหรือปวดเก๊าท์ ปวดตามข้อต่างๆ ก็ช่วยได้ กล่องแกะง่าย พกสะดวก ไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ราคากำลังดีแผงละ 170.- หาซื้อง่ายด้วยhttps://www.youtube.com/watch?v=MTVKhcSmdlA&ab_channel=SistaCafe

♡ อันดับ 4 ยานิวโรเฟน ( Nurofen )

รูปภาพ:

มาถึงอีกหนึ่งยาแก้ปวดท้องเมนส์ที่สาวๆ หลายคนคุ้นหูกันดีนิวโรเฟน ( 400 mg )เป็นยาเม็ด เหมาะสำหรับแก้ปวดที่มีอาการเล็กน้อยถึงปานกลาง เช่น ปวดศีรษะปวดฟัน ปวดแผล ปวดประจำเดือน ปวดกล้ามเนื้อ

และยังช่วยแก้อาการข้ออักเสบ ลดไข้ได้ แต่อย่างไรก็ตามยาชนิดนี้ยังคงมีฤทธิ์ระคายเคืองกระเพาะสูงไม่เหมาะกับคนที่เป็นโรคกระเพาะ แนะนำว่าควรทานในกรณีที่แพทย์สั่งเท่านั้นและรับประทานหลังอาหารทันทีนะคะ

สำหรับผู้ใหญ่ให้รับประทานยาครั้งละ 400-800 มิลลิกรัม สูงสุดวันละ 3 ครั้งก็พอค่ะ

♡ อันดับ 5 ยานาพรอกเซน ( Naproxen )

รูปภาพ:

ตัวสุดท้ายยาแก้ปวดท้องเมนส์ นาพรอกเซน ( 500 mg )ถือเป็นยาอีกกลุ่มหนึ่งที่ช่วยรักษาอาการอักเสบ ปวดหรือบวม จึงช่วยลดอาการปวดประจำเดือนได้เช่นกันแต่ที่ต้องเตือนอีกอย่างคือยากลุ่มนี้ถือเป็นยาที่มีฤทธิ์สูง และผลข้างเคียงหลายประการไม่เหมาะกับผู้ป่วยที่มีอาการของโรคต่างๆ อยู่ก่อนแล้ว อาทิโรคซึมเศร้า โรคหัวใจหรือโรคหอบหืด ดังนั้นการใช้ยาควรอยู่ภายใต้คำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกรเท่านั้นนะคะซิสสำหรับผู้ใหญ่ที่ใช้แก้ปวดประจำเดือนกินได้ทุก 6-8 ชั่วโมง แต่สูงสุดไม่ควรเกิน 1,000 mg ต่อวันค่ะ

- - - - - - - - - - - - - -เอาล่ะค่ะ อย่างที่บอกไปว่ายาแก้ปวดท้องเมนส์ทั้ง 5 แบรนด์นี้เป็นที่นิยมในสาวๆ ที่มีอาการปวดประจำเดือนก็จริงแต่อย่าลืมด้วยว่าสาวๆ เองก็ควรปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวันไปด้วยอาจลองเริ่มจากการปรับพฤติกรรมการกินอาหาร ออกกำลังกาย ผ่อนคลายความเครียดเปลี่ยนท่านอน เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดท้องเมนส์ได้แบบยั่งยืน

แต่ๆๆ ถ้าใครยังไม่หาย และต้องการแก้ไขอาการได้แบบเฉียบพลันจริงๆ ก็ใช้ยาแก้ปวดท้องเมนส์เหล่านี้ เริ่มจากยาชนิดที่ไม่กัดกระเพาะก่อนก็ได้ จะได้ช่วย #save วันสำคัญต่างๆ ของสาวๆ ได้อย่างสบายใจส่วนใครสะดวกแบบไหนก็ไปลองเลือกใช้ดู และอย่าลืมดูแลตัวเอง หมั่นสังเกตอาการตัวเองควบคู่อย่างสม่ำเสมอ จะได้มีแรงทำกิจกรรมต่างๆ ให้รอดได้ทุกสถานการณ์ โดยเฉพาะในวันมามากและวันปวดท้องมากๆ นะคะทุกคน<3