1. SistaCafe
  2. อัปเดต มอยเจอร์ไรเซอร์ ยอดฮิต และทริคสุดง่ายเลือกให้ตรงกับผิว!

หลาย ๆ คนคงได้ยินบ่อย ๆ ใช่ไหมคะว่า "มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งที่สำคัญกับผิวมาก" หรือไม่ก็บอกว่า "มอยเจอร์ไรเซอร์ควรทาตลอดเพราะจะทำให้ผิวฉ่ำวาว นุ่มฟู อิ่มเด้ง" แต่จริงๆ แล้วเรามองว่าเป็นไอเทมสำคัญที่ขาดไม่ได้หากคุณอยากมีผิวที่ชุ่มชื้น แข็งแรง! บทความนี้จะพาทุกคนมาทำความรู้จักเจ้า "มอยเจอร์ไรเซอร์" ให้มากขึ้น จริงๆ แล้วควรทาตอนไหน แล้วส่วนผสมหลักๆ มีไว้ทำอะไร คนหน้ามันยังใช้ไ้ดไหม หรือจำเป็นต้องใช้ควบคู่กับเซรั่มหรือสกินแคร์อะไรอีกบ้าง แถมยังได้ลิสต์ไอเทมปัง ๆ ไปตำตามกันอีกด้วยนะเออ ว่าแล้วก็อย่ารอช้าเลื่อนจอลงมาอ่านกันเลยดีกว่า ลุยโลดค่าชาวซิสสสสส~

เลือกอ่านตามหัวข้อ

sistacafe content
Parae P.

บรรณาธิการ/Supervisor Content Manager

นักคิดนักเขียนผู้มีประสบการณ์ด้านเนื้อหาบิวตี้ ไลฟ์สไตล์ และสุขภาพในออนไลน์กว่า 10 ปี


มอยเจอร์ไรเซอร์ คืออะไร ?

มอยเจอร์ไรเซอร์ก็คือผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่ใช้ทาภายนอกเพื่อทำให้ผิวของเราชุ่มชื้นอยู่ตลอดเวลานั่นเองค่ะ ส่วนผสมหลักๆ คือ สารดึงความชื้น (Humectants) เช่น ไฮยาลูรอนิก แอซิด ช่วยดึงดน้ำจากภายนอกและผิวชั้นลึกมาสู่ผิวชั้นนอก ให้มีความชุ่มชื้นขึ้น, สารบำรุงให้ผิวนุ่มลื่น (Emollients) เช่น เซราไมด์และน้ำมันต่างๆ ช่วยให้ผิวอ่อนนุ่ม ลดการเสียความชุ่มชื้น, สารเคลือบผิว (Occlusives) เช่น ปิโตรลาทัมและซิลิโคน เป็นต้น ช่วยในการปิดกั้นการะเหยน้ำของผิว

สามารถแบ่งประเภทได้หลากหลายแบบ ไม่ว่าจะแบ่งตามคุณสมบัติ แบ่งตามสภาพผิว แบ่งตามเนื้อสัมผัส เพราะในชีวิตประจำวันของเรามีแต่สิ่งที่จะทำให้ผิวสูญเสียความชุ่มชื้น ทั้งมลภาวะ แสงแดด สภาพอากาศ การขับถ่าย ฯลฯ ถ้าผิวของเราไม่ได้รับความชุ่มชื้นที่เพียงพอก็อาจจะทำให้ผิวแห้ง แตก ลอก เป็นขุยและอาจจะแพ้ได้ง่ายขึ้นด้วยนะคะ ดังนั้นเจ้ามอยเจอร์ไรเซอร์จึงมีความสำคัญมาก ๆ

หน้าที่หลักของมอยเจอร์ไรเซอร์คืออะไร ?

หน้าที่หลัก ๆ ของเจ้ามอยเจอร์ไรเซอร์เลยก็คือช่วยเคลือบผิวเอาไว้เพื่อลดการสูญเสียความชุ่มชื้นหรือน้ำในผิวนั่นเองค่า เพราะยิ่งเราสูญเสียความชุ่มชื้นในผิวไปน้อยเท่าไหร่ ผิวเราก็จะยังชุ่มชื้น แข็งแรง ไม่แห้ง ลอก แตกหรือเป็นขุย ดูเรียบเนียน รูขุมขนเล็กลง ริ้วรอยต่าง ๆ ก็จะดูจางลงหรืออาจจะไม่เกิดขึ้นเลยก็ได้นะคะ เห็นไหมคะว่าเจ้ามอยเจอร์ไรเซอร์สำคัญมากจริง ๆ นะเออ

ประเภทของมอยเจอร์ไรเซอร์ ?

อย่างที่บอกไปเลยค่ะว่าการแบ่งประเภทของมอยเจอร์ไรเซอร์มีหลายแบบมาก ๆ แต่แบบที่เข้าใจง่ายที่สุดและทำให้เราเลือกซื้อง่ายที่สุดก็คือการแบ่งประเภทตามเนื้อสัมผัสนั่นเองนะคะ ซึ่งเท่าที่เห็นขายในบ้านเราหลัก ๆ ก็จะมีเนื้อสัมผัสตามนี้เลยค่ะ

  • น้ำ/น้ำตบ : เนื้อสัมผัสแบบน้ำหรือน้ำตบจะมีความเหลวมาก แต่บางแบรนด์ก็อาจจะมีความหนืดเล็กน้อย ทาแล้วสบายผิว ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะ ข้อเสียคืออาจจะไม่เหมาะกับผิวแห้งและอาจจะไม่เหมาะกับการใช้ในช่วงหน้าหนาวเท่าไหร่เพราะน้ำตบจะไม่มีส่วนผสมของน้ำมันอาจจะทำให้ผิวไม่ชุ่มชื้นพอนั่นเองค่า
  • เซรั่ม/แอมพูล : เนื้อเซรั่มและเนื้อแอมพูลจะมีความเหลวน้อยกว่าน้ำตบ แต่เนื้อจะมีความเข้มข้นมากกว่า ทาแล้วสบายผิว ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะเหมือนกัน ส่วนข้อเสียคือบางตัวอาจจะไม่เหมาะกับผิวแห้งมากเท่าไหร่ เพราะส่วนใหญ่เนื้อเซรั่มและแอมพูลจะไม่มีส่วนผสมของน้ำมันนะคะ
  • เจล : เนื้อเจลจะเป็นเนื้อที่มีความข้นหนืดมากขึ้น เข้มข้นขึ้นแต่ยังมีความบางเบาอยู่ค่ะ บางตัวอาจจะเป็นเจลใส บางตัวอาจจะเป็นเจลครีมมีความขุ่น ๆ เล็กน้อย ซึ่งเมื่อทาแล้วส่วนใหญ่จะแตกตัวเป็นน้ำทำให้เกลี่ยง่าย สบายผิว ไม่เหนอะหนะ ซึมซาบไวเลย แต่ข้อเสียคือบางตัวอาจจะไม่เหมาะกับผิวแห้งสักเท่าไหร่นะคะ เพราะมอยเจอร์ไรเซอร์แบบเนื้อเจลมักจะไม่ค่อยมีส่วนผสมของน้ำมันนั่นเองค่ะ
  • โลชั่น : เนื้อหนักขึ้นมาอีกนิดคือเนื้อโลชั่นนะคะ เนื้อข้นขึ้น หนืดขึ้น บางตัวอาจจะมีเบสเป็นน้ำมันหรือมีน้ำมันผสมอยู่ ทำให้ใช้แล้วชุ่มชื้นดี เกลี่ยง่าย แต่อาจจะมีข้อเสียนิดหน่อยตรงที่อาจจะซึมซาบช้าและเหนอะหนะมากกว่าเนื้อสัมผัสพวกน้ำตบ เซรั่มและเจลนะคะ ถึงอย่างนั้นเดี๋ยวนี้มอยเจอร์ไรเซอร์แบบโลชั่นบางเบาและสบายผิวขึ้น ซึมซาบไวขึ้นมีหลายแบรนด์เลย ยังไงลองหาซื้อและอ่านรีวิวของแต่ละตัวเพิ่มเติมก่อนซื้อได้น้า
  • ครีม : เป็นเนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เข้มข้น หนักและมีความหนืดนะคะ บางตัวมีส่วนผสมของน้ำมันเพื่อทำให้ผิวที่แห้งชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้นด้วย แต่เดี๋ยวนี้เนื้อครีมก็ไม่ได้หนักและเหนอะเกินไปแล้วนะคะ หลาย ๆ แบรนด์พัฒนาสูตรจนเนื้อสัมผัสเบาขึ้นมาก ๆ แต่ก็ยังตอบโจทย์กับคนผิวแห้งมาก ๆ อยู่

วิธีเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิว

ส่วนผสมหลักของมอยเจอร์ไรเซอร์มักประกอบไปด้วย ไฮยาลูรอกนิก แอซิด, เซราไมด์, กลีเซอรีน เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น และกักเก็บน้ำให้กับผิวได้ แต่แม้ว่ามอยเจอร์ไรเซอร์จะมีประโยชน์และสำคัญต่อผิวมาก ๆ สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือการเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ให้เหมาะกับสภาพผิวของเราเองนะคะ ถ้าเลือกถูกก็จะทำให้มอยเจอร์ไรเซอร์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด สภาพผิวของเราก็จะดีขึ้นตามลำดับแน่นอน เว็บไซต์ของโรงพยาบาลนครธนและโรงพยาบาลบำรุงราษฎร์แนะนำการเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับสภาพผิว สามารถแบ่งได้ 4 ลักษณะ

  • ผิวธรรมดา : เป็นสภาพผิวที่สมดุลที่สุดเลยนะคะ เพราะว่าเป็นสภาพผิวที่ไม่มันเกินไปและไม่แห้งเกินไป มีความแข็งแรง รูขุมขนไม่เล็กและไม่ใหญ่จนเกินไป ซึ่งสภาพผิวแบบนี้สามารถเลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์แบบไหนก็ได้ ให้เน้นเปลี่ยนไปตามสภาพอากาศ เช่น ถ้าหน้าหนาวก็อาจจะใช้เนื้อเจลหรือเนื้อครีมที่มีความเข้มข้นขึ้น หรือถ้าเป็นหน้าร้อนจะใช้เป็นพวกน้ำตบ เซรั่ม เจลเพื่อไม่ให้เหนอะหนะ เป็นต้น
  • ผิวแห้ง : เป็นผิวที่ขาดความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูหมองคล้ำและอาจจะมีอาการลอกเป็นขุย ๆ ได้ อีกทั้งยังเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดริ้วรอยและโรคผิวหนังต่าง ๆ ตามมาได้อีกด้วยนะคะ ดังนั้นเพื่อป้องกันไม่ให้มันเกิดก็ควรจะใช้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อครีมที่มีความเข้มข้นขึ้นมาหน่อย เบสอาจจะเป็นพวกน้ำมันเลยก็ได้นะคะจะได้ช่วยกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีมากยิ่งขึ้นนั่นเอง
  • ผิวผสม : เป็นผิวที่ผสมระหว่างผิวแห้งและผิวมัน ก็คือบางจุดอาจจะแห้งหน่อย แต่บางจุดจะมันหน่อย ซึ่งจุดที่มักจะมันเป็นพิเศษก็คือบริเวณ T-zone (ที-โซน) หรือก็คือหน้าผาก จมูกและคางนั่นเองนะคะ ซึ่งผิวแบบนี้ควรจะเลือกเนื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของน้ำและน้ำมันแบบพอดี ๆ อาจจะเป็นพวกเนื้อเจล เนื้อเซรั่ม เนื้อโลชั่นหรือเนื้อเจลครีมก็ได้นะคะ
  • ผิวมันเป็นสิวง่าย : เป็นผิวที่ผลิตน้ำมันออกมามากกว่าปกติ ผิวจะดูหยาบ มันวาว รูขุมขนกว้าง มีแนวโน้มที่จะเป็นสิวและสิวอุดตันได้ง่าย ดังนั้นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะสมกับผิวมันมากที่สุดก็คือพวกที่มีเบสเป็นน้ำ ไม่ว่าจะเป็นเซรั่ม แอมพูล น้ำตบ เจล โลชั่นเนื้อน้ำก็ได้ทั้งหมดเลยนะคะ

มอยเจอร์ไรเซอร์ทาตอนไหน ดีต่อผิวที่สุด ?

จากเว็บไซต์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้บอกเอาไว้เลยค่ะว่า "ควรทามอยเจอร์ไรเซอร์หลังทำความสะอาดผิวหรือหลังอาบน้ำเสร็จใหม่ ๆ เนื่องจากเป็นช่วงที่สารต่าง ๆ จะซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังได้ดีที่สุด โดยวิธีการทาคือทาให้ทั่วผิวหนังที่ต้องการ แล้วใช้นิ้วมือคลึงเบา ๆ เพื่อเป็นการนวดให้ตัวมอยเจอร์ไรเซอร์ซึมซาบเข้าสู่ผิวและกระจายจนทั่ว" ดังนั้นถ้าอยากทามอยเจอร์ไรเซอร์ให้ได้ผลดีต่อผิวที่สุดก็ควรจะทาหลังอาบน้ำเสร็จทันทีเลยนั่นเองค่า

แนะนำมอยเจอร์ไรเซอร์ ยี่ห้อมาแรง 2025 !

มอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งจำเป็นต่อผิวขนาดนี้ ซิสถือโอกาสรวบรวมยี่ห้อมาแรงแห่งปีมาอัปเดตให้ททุกคนได้จดลิสต์กัน ไม่ว่าจะมอยส์เจอร์แบบซอง ผิวมัน แบบออยล์ฟรี แบบที่เหมาะกับผิวแห้งแพ้ง่าย รวมถึงมอยส์เจอร์ตัวดังตัวฮิตแบรนด์ญี่ปุ่น เรียกว่าใครไปก็ต้องหิ้วติดมือกันมา จะมีตัวไหนที่เราใช้อยู่ หรือพลาดไปยังไม่เคยลอง ตามมาเช็กกันเลย

เเบรนด์

รูปภาพ

ราคาล่าสุด

จุดเด่น

SRICHAND
Srichand Skin Moisture Burst Gel Cream (Sachet)

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจล / กักเก็บความชุ่มชื้นยาวนาน 72 ชั่วโมง / ตัวดังขายดีใน 7-11

L'Oreal Paris
L'Oréal Paris Revitalift Hyaluronic Acid Replumping Serum

Product Image

ซื้อเลย

เซรั่มไฮยาลูรอน / กักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิวฉ่ำโกลว์ / ลดเลือนริ้วรอย ผิวอิ่มเด้ง

Clear Nose
Clear Nose Moist Skin Barrier Moisturizing Gel

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจล / ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย / อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ขายดีใน 7-11

Embryolisse
Embryolisse Lait-Creme Concentre

Product Image

ซื้อเลย

ใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ทุกเพศ ทุกวัย / เติมความชุ่มชื้น ไม่ทิ้งความมัน / ตัวดังในหมู่อินฟลูเอนเซอร์

CLINIQUE
Clinique Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator 100H

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจล บางเบา / ความชุ่มชื้นยาวนาน 100 ชั่วโมง / ผิวดูชุ่มชื้น อิ่มเด้ง สุขภาพดี

Physiogel
Physiogel Daily Moisture Therapy Cream

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อสัมผัสครีมเข้มข้น / เหมาะกับคนผิวแห้งถึงแห้งมาก และคนผิวแพ้ง่าย /ใช้ได้ทุกวัน ไม่เหนอะหนะ ไม่อุดตัน

Dr.G
Dr.G R.E.D BLEMISH CLEAR SOOTHING CREAM

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อครีมเจลบางเบา / เหมาะกับผิวผสม ช่วยลดสิว / นิยมใช้หลังทำหัตถการ

CERAVE
CERAVE Oil Control Moisturising Gel Cream

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจลครีม บางเบา ไม่เหนอะหนะ / ช่วยคุมมันได้ดี / เหมาะกับผิวผสมและผิวมัน

FYNE
FYNE Skin Barrier Serum in Cream +Prebiotic +Postbiotic #B02

Product Image

ซื้อเลย

ปลอบประโลมผิว ฟื้นฟูผิว / ปรับสมดุล ลดการระคายเคืองของผิว / เหมาะกับผิวธรรมดา ผิวผสม ผิวเป็นสิวและผิวแพ้ง่าย

MIZUMI
MizuMi Cica Soothing Moisture Gel

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจลบางเบา ซึมไว ไม่เหนอะหนะ / Cica ช่วยให้ผิวชุ่มชื้น ปลอบประโลมผิว / เหมาะกับผิวมัน เป็นสิวง่าย ปกป้องผิวจากมลภาวะ ฝุ่น PM2.5

KIEHL'S
Kiehl's Ultra Facial Oil-Free Gel Cream

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจลครีม บางเบา / oil-free ช่วยสร้างสมดุลให้ผิว เหมาะกับผิวมัน

LA ROCHE POSAY
La Roche-Posay Effaclar MAT

Product Image

ซื้อเลย

ช่วยคุมมันให้ผิว ลดความมันส่วนเกิน / เติมความชุ่มชื้นให้ผิว / ช่วยกระชับรูขุมขน

CUTE PRESS
Cute Press Real Hydrator Water Bomb Gel

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจล แตกตัวเป็นน้ำลงบนผิว / ล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว / ลดความมัน ลดโอกาสเกิดสิว

SKINTIFIC
Skintific 5X Ceramide Moisture Gel

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อเจลบางเบา สบายผิว นาน 24 ชั่วโมง / ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง / ปลอบประโลมผิวระคายเคืองได้ดี

NEUTROGENA
Neutrogena Hydro Boost Hyaluronic Acid Water Gel

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อครีมแบบวอเทอร์เจล / ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิว ช่วยผิวแข็งแรง /ช่วยปกป้องผิวจากมลภาวะ

FACELABS
FACELABS Oil Free Moisturizer For Normal Skin

Product Image

ซื้อเลย

มอยส์เจอร์แบรนด์ไทย / ปราศจากน้ำมันและไขมัน ไม่อุดตันผิว / เติมเต็มและกักเก็บความชุ่มชื้นให้ผิว

COSRX
COSRX Oil-free Ultra Moisturizing Lotion

Product Image

ซื้อเลย

มอยส์เจอร์แบรนด์เกาหลี / เนื้อบางเบา ไม่เหนอะหนะ เติมความชุ่มชื้นให้ผิว / ช่วยคุมมัน เสริมเกราะป้องกันผิว

Paula's Choice
Paula's Choice CLEAR Oil-Free Moisturizer

Product Image

ซื้อเลย

มอยส์เจอร์ตัวดังจากอเมริกา / oil-free ลดอาการแดง ช่วยผิวชุ่มชื้น / เหมาะกับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ

HADALABO
Hada Labo Premium Lotion

Product Image

ซื้อเลย

มอยส์เจอร์ตัวดังจากญี่ปุ่น / กู้ผิวโทรมจากไฮยาลูรอนิกแอซิด 7 ชนิด / ผิวชุ่มชื้นอิ่มน้ำตลอดวัน

HATOMUGI
Hatomugi Naturie Skin Conditioner

Product Image

ซื้อเลย

น้ำตบลูกเดือยจากญี่ปุ่น / โลชั่นเนื้อน้ำแบบบางเบา / ผิวชุ่มชื้น อิ่มน้ำ กระชับ ใช้เป็นโทนเนอรร์ มาสก์หน้า หรือน้ำแร่ด้วยก็ได้

CUREL
Curel Intensive Moisture Care Intensive Moisture Cream

Product Image

ซื้อเลย

เนื้อครีมบางเบา เข้มข้น ซึมเข้าสู่ผิวรวดเร็ว / ช่วยกู้ผิวแห้งลอกเป็นขุยได้ดี / เหมาะกับผิวแพ้ง่าย

หากดูจากในตารางยังไม่หนำใจ ตามไปอ่านกันต่อแบบเจาะทีละตัวได้เลย

มอยเจอร์ไรเซอร์ ตัวไหนดีใน 7-11

เรียกได้ว่ามาแรงแซงทุกโค้งจริง ๆ มอยเจอร์ไรเซอร์ 7-11 หันไปทางไหนคนก็ใช้ คนก็แนะนำกันเต็มไปหมด และสาเหตุที่มันเป็นที่นิยมสุด ๆ หลัก ๆ ก็เพราะราคาเลยนะคะ หลักสิบเท่านั้น แถมยังหาซื้อง่ายตามร้านสะดวกซื้อด้วย ที่สำคัญคือปริมาณไม่เยอะจนเกินไป ราคาก็ไม่แรงสามารถลองซื้อมาใช้ก่อนได้ ถ้าชอบก็ค่อยขยับไปซื้อไซซ์จริงหรือถ้าใช้แล้วไม่ถูกใจ ไม่ชอบก็ไม่รู้สึกเสียดายเงินมากเกินไป แล้วก็ยังพกพาสะดวกอีกด้วย เวลาไปเที่ยวต่างจังหวัดหรือต่างประเทศไม่กินพื้นที่กระเป๋าเลยล่ะ ว่ามาถึงตรงนี้แล้วหลาย ๆ คนก็คงอยากรู้แล้วละซี่ว่ามีมอยเจอร์ไรเซอร์ ตัวไหนดีใน 7-11 บ้าง งั้นก็มาส่องกันเลยจ้า


Srichand Skin Moisture Burst Gel Cream

เริ่มต้นแนะนำมอยเจอร์ไรเซอร์แบบซองด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ของศรีจันทร์เลยค่ะ เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบเนื้อเจลที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิวได้ยาวนานถึง 72 ชั่วโมง ทาแล้วผิวนุ่มฉ่ำน้ำ สามารถใช้ได้ทั้งเช้าและเย็น อีกทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิวได้อีกด้วย

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลบางเบา ทาแล้วไม่เหนอะหนะ ช่วยลดริ้วรอยเล็ก ๆ ให้จางลง ราคาไม่แพง

ราคา : 39 - 455 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


L'Oréal Paris Revitalift Hyaluronic Acid Replumping Serum

ต่อมาเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ลอรีอัลนะคะ ตัวนี้เป็นเซรั่มไฮยาลูรอนที่ซึมซาบไว บางเบา ไม่เหนอะหนะ โดยเขาจะเข้ามาช่วยเติมความชุ่มชื้นให้กับผิว กักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวทำให้ผิวดูอิ่มเด้งฉ่ำโกลว์ แล้วก็ยังทำให้ผิวเรียบเนียนมากขึ้นอีกด้วย เจ้าตัวนี้สามารถทาได้ทั้งเช้าและกลางคืนเลยค่ะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเซรั่ม ผิวฉ่ำอิ่มเด้งดูชุ่มชื้นภายใน 1 ชั่วโมง ช่วยลดเลือนริ้วรอยต่าง ๆ ใช้ได้ทุกสภาพผิว

ราคา : 49 - 799 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Clear Nose Moist Skin Barrier Moisturizing Gel

อีกหนึ่งมอยเจอร์ไรเซอร์ที่คนใช้กันเยอะมาก ๆ ก็คือมอยเจอร์ไรเซอร์เคลียร์โนสนะคะ เป็นแบบเนื้อแบบเจลซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะ ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิวทำให้ผิวดูอิ่มน้ำ อีกทั้งยังช่วยล็อกความชุ่มชื้น เสริมบำรุงเกราะป้องกันผิวอีกด้วยนะเออ

จุดเด่น : เป็นเนื้อเจล ไม่เหนอะ อ่อนโยนต่อผิวแพ้ง่าย ช่วยกระชับรูขุมขน ลดเลือนริ้วรอย

ราคา : 49 - 999 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


ใครอยากหามอยเจอไรเซอร์ 7-11 เพิ่มเติม ก็มาส่องในนี้ต่อได้เล้ย~

♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


มอยเจอร์ไรเซอร์ สำหรับผิวแห้ง แพ้ง่าย

เพราะผิวแห้งจะมีความอ่อนแอและบอบบางเป็นพิเศษนะคะ ทำให้ชาวผิวแห้งหลาย ๆ คนแพ้ง่ายไปตาม ๆ กัน ดังนั้นทริคในการเลือกซื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแห้ง แพ้ง่าย เราก็ขอแนะนำให้ทุกคนเลือกเนื้อแบบครีมหรือแบบเจลครีมกันนะคะ เพราะว่าเนื้อจะมีความเข้มข้น ทาแล้วช่วยทำให้ผิวชุ่มชื้นดี ไม่แห้งหรือลอกเป็นขุยระหว่างวัน แล้วก็ควรหลีกเลี่ยงพวกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ น้ำหอม ซิลิโคน น้ำมันแร่ต่าง ๆ ผิวของเราจะได้ไม่เสี่ยงอุดตันและแพ้ได้ง่าย ๆ ซึ่งเราได้หยิบ 3 มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวท็อปมาแนะนำชาวผิวแห้ง ส่วนจะมีแบรนด์อะไรบ้างลองมาดูกันเล้ย


Embryolisse Lait-Creme Concentre

สำหรับเจ้ามอยเจอร์ไรเซอร์ Embryolisse เนี่ยเรียกได้ว่าอินฟลูฯใช้กันเยอะ รีวิวกันแยะเลยล่ะค่ะ เพราะว่าเขาเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่สามารถใช้ได้ทั้งผิวหน้าและผิวกาย ทาแล้วทำให้ผิวเนียนนุ่ม ชุ่มชื้น ไม่ทิ้งความมัน แล้วก็ยังเป็นแบบ 6 in 1 ใช้ได้กับทุกสภาพผิว แม้กระทั่งผิวบอบบางแพ้ง่ายก็เอาอยู่ ทาได้ทั้งกลางวันและกลางคืนเลยค่ะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ทาเป็นเบสเมคอัพได้ เช็ดเครื่องสำอางได้ ลดความร้อนของผิวหลังออกแดดได้ แล้วก็ยังสามารถใช้ดูแลหลังการโกนหนวดได้อีกด้วย

ราคา : 550 - 990 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Clinique Moisture Surge Extended Replenishing Hydrator 100H

ตัวดังตลอดกาลจริง ๆ ค่ะกับมอยเจอร์ไรเซอร์จากคลินิกข์ ตัวนี้จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อสัมผัสแบบเจลแต่บางเบา ทาได้ทุกสภาพผิว ที่สำคัญคือเขาให้ความชุ่มชื้นยาวนานถึง 100 ชั่วโมง ทำให้เมื่อทาแล้วผิวดูชุ่มชื้น อิ่มเด้ง ดูสุขภาพดีนั่นเองค่า

จุดเด่น : เป็นเนื้อเจลบางเบา ไม่เหนอะหนะ ให้ความชุ่มชื้นยาวนานและลดการสูญเสียความชุ่มชื้นระหว่างวันได้ดี

ราคา : 550 - 2,550 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Physiogel Daily Moisture Therapy Cream

ต่อมาเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ของฟิสิโอเจลค่า แต่ตัวนี้จะเป็นเนื้อสัมผัสแบบครีมเข้มข้นนะคะ เพราะว่าเขาทำมาเพื่อตอบโจทย์คนที่ผิวแห้งถึงแห้งมากเลย มีส่วนประกอบของ Biomimic Technology ที่ประกอบด้วยไขมันที่คล้ายกับไขมันที่พบในผิวตามธรรมชาติ ทำให้ผิวแห้งกลับมาชุ่มชื้น ดูสุขภาพดี แล้วก็ยังให้ความชุ่มชื้นได้อย่างยาวนานด้วย

จุดเด่น : เป็นเนื้อครีมเข้มข้นเหมาะกับผิวแห้งถึงแห้งมาก รวมไปถึงคนที่มีผิวแพ้ง่ายด้วย

ราคา : 720 - 995 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

ใครอยากส่องมอยเจอไรเซอร์ผิวแห้งพิ่มเติม ก็ตามมาส่องต่อในนี้ได้เล้ย~

♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวผสม

สำหรับชาวผิวผสมที่มีความมันหลัก ๆ คือ T-zone (หน้าผาก - จมูก - คาง) การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เลยจะเลือกเนื้อครีมที่เข้มข้นมากเกินไปก็ไม่ได้เพราะอาจจะทำให้ทีโซนมันเกินไป หรือเลือกเนื้อเบา ๆ แบบพวกเซรั่ม แอมพูล น้ำตบ อีมัลชันก็อาจจะไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ดังนั้นมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวผสมที่เหมาะเลยก็จะเป็นแบบ "เจล" นะคะ เพราะเนื้อจะไม่หนักเกินไป ซึมซาบไว ไม่เหนอะหนะ ไม่ทิ้งความมัน ซึ่งเราก็ได้หยิบมาแนะนำชาวซิสผิวผสมกัน 3 แบรนด์เลยค่ะ ยังไงก็ลองเลือกกันดูน้า


Dr.G R.E.D BLEMISH CLEAR SOOTHING CREAM

เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์อีกหนึ่งตัวเลยที่ดังมาก ๆ เลยนะคะ นั่นก็คือมอยเจอร์ไรเซอร์ของดร.จีนั่นเอง ตัวนี้จะเป็นเนื้อครีมเจลแต่บางเบาค่ะ ผิวผสมใช้ได้สบาย ๆ ใช้แล้วทำให้ผิวชุ่มชื้นยาวนาน 100 ชั่วโมง ที่สำคัญคือเขาจะช่วยลดสิว ลดริ้วรอยจากสิว ปลอบประโลมผิวแพ้ง่าย ระคายเคืองจากมลภาวะ รวมไปถึงการทำหัตถการอื่น ๆ ด้วยนะคะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยลดเลือนรอยจากสิว รอยแดงต่าง ๆ อีกทั้งยังปลอบประโลมผิวเป็นสิวได้ดี

ราคา : 500 - 1,000 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


CERAVE Oil Control Moisturising Gel Cream

ถึงจะเป็นชาวผิวผสมแต่บางคนก็ทีโซนมันมากใช่ไหมคะ งั้นขอแนะนำเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ของเซราวีตัวนี้เลยค่ะ เขาออกแบบมาเพื่อผิวผสม-ผิวมันโดยเฉพาะเลย เนื้อจะเป็นแบบเจลครีม ทาแล้วบางเบา ไม่เหนอะหนะ ไม่อุดตันผิว ช่วยทำให้ผิวดูชุ่มชื้นมากขึ้น ในขณะเดียวกันก็ช่วยปรับสมดุลผิวไม่ให้มันเยิ้มระหว่างวันด้วย

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยควบคุมความมัน

ราคา : 690 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


FYNE Skin Barrier Serum in Cream +Prebiotic +Postbiotic #B02

เป็นครีมมอยเจอร์ไรเซอร์แบรนด์ไทยที่ใช้ดีตัวนึงเลยนะคะ สำหรับแบรนด์ฟายน์นั่นเอง ตัวนี้จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว แล้วก็ยังช่วยเสริมสร้างเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวแข็งแรงพร้อมเผชิญมลภาวะ อีกทั้งยังช่วยปลอบประโลมผิว ปรับสมดุลผิวและช่วยลดการระคายเคืองบนผิวได้เป็นอย่างดีด้วย

จุดเด่น : เป็นสูตรสำหรับผิวธรรมดา - ผิวผสม ผิวเป็นสิวและแพ้ง่ายก็ใช้ได้

ราคา : 1,590 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

ตามหามอยเจอไรเซอร์ผิวผสมเพิ่มเติมได้ในบทความนี้เลยน้า~


♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมัน

สำหรับชาวผิวมัน การเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวมันมากที่สุดคือเลือกตัวที่เนื้อสัมผัสเบา ไม่เหนอะหนะ สบายผิว ไม่ทำให้ความมันเพิ่มขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นเนื้อแบบน้ำตบ เซรั่ม แอมพูล เจลนะคะ หรืออาจจะเป็นเนื้ออื่น ๆ ก็ได้ เพียงแต่ว่าแบรนด์จะต้องเขียนไว้่เลยว่าเหมาะกับผิวมันหรือใช้ได้ทุกสภาพผิว เพื่อที่จะได้มั่นใจว่าไม่มีส่วนผสมที่ทำให้อุดตันง่ายหรือส่วนผสมที่ทำให้ผิวมันเพิ่มได้นั่นเองค่ะ แน่นอนว่าเรามีมาแนะนำกัน 3 แบรนด์อีกเหมือนกัน จะมีตัวไหนน่าสนใจบ้างก็มาดูกันเลยค่า


MizuMi Cica Soothing Moisture Gel

ตัวนี้แบรนด์มิซึมิเขาเคลมมาเลยว่าเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมัน เป็นสิวง่าย เนื้อจะเป็นแบบเจลที่ซึมซาบไว บางเบา ไม่เหนอะหนะ ช่วยปกป้องผิวจากความแห้งกร้าน ทำให้ผิวชุ่มชื้น อิ่มฟู อีกทั้งยังช่วยในเรื่องของการปลอบประโลมผิว ปกป้องผิวจากการระคายเคืองได้เป็นอย่างดีอีกด้วยนะคะ

จุดเด่น : เหมาะกับผิวมันเป็นสิวง่าย ใช้ร่วมกับยารักษาสิวได้ กันฝุ่น PM2.5 ได้

ราคา : 49 - 690 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Kiehl's Ultra Facial Oil-Free Gel Cream

มาทางเคานเตอร์แบรนด์อย่างคีลส์กันบ้างค่า มอยเจอร์ไรเซอร์ตัวนี้คือชาวผิวมันรีวิวกันมาตลอด ๆ จริง ๆ เพราะว่าเขาเป็นสูตรที่ทำมาเพื่อผิวมันโดยเฉพาะ เนื้อเป็นแบบเจลครีมแต่บางเบา ซึมซาบไว สร้างสมดุลให้ผิว ทำให้ผิวชุ่มชื้นตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมทั้งยังช่วยควบคุมความมันบนใบหน้า

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันแบบ oil-free ให้ความชุ่มชื้นและควบคุมความมัน

ราคา : 1,010 - 3,350 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


La Roche-Posay Effaclar MAT

ลาโรช โพเซย์ก็เป็นอีกหนึ่งเวชสำอางที่หลายคนชอบนะคะ แล้วเขาก็มีมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันโดยเฉพาะออกมาด้วย สำหรับเจ้าตัวนี้จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวมันที่จะทำให้ผิวรู้สึกชุ่มชื้น ช่วยลดความมันส่วนเกิน ช่วยกระชับรูขุมขน สามารถใช้ได้ทั้งตอนกลางวันและตอนกลางคืน

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยควบคุมความมัน ทำให้รูขุมขนกระชับ

ราคา : 1,090 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

อยากส่องมอยเจอไรเซอร์ผิวมันเพิ่มเติม ก็มาส่องในนี้ต่อได้เล้ย~


♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


มอยเจอร์ไรเซอร์ เนื้อเจล

เนื้อเจลเป็นเนื้อที่มีความใส ความบางเบาแต่ก็ไม่ได้บางเบาจนเกินไป จึงจะเหมาะกับผิวที่บอบบางแพ้ง่าย ผิวผสมและผิวมันนะคะ ซึ่งทริคในการเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลที่ดีเลยก็คือเลือกจากสภาพผิวตามที่เราบอกไว้เลยค่ะ แล้วก็อ่านส่วนผสมต่าง ๆ พยายามเลือกตัวที่ไม่มีส่วนผสมที่เสี่ยงทำให้อุดตัน พวกซิลิโคน น้ำมันต่าง ๆ นะคะ เท่านี้เราก็จะได้มอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลที่เหมาะกับเราแล้ว และถ้าใครกำลังสนใจมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลพอดีละก็... ลองมาอ่าน 3 ตัวที่เราหยิบมาแนะนำเพื่อเอาไปตัดสินใจซื้อก็ได้นะเออ


Cute Press Real Hydrator Water Bomb Gel

เพิ่งจะออกใหม่สด ๆ ร้อน ๆ เลยก็ว่าได้นะคะ สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์คิวท์เพรส ตัวนี้เขาจะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบเนื้อเจลที่เมื่อทาลงบนผิวจะแตกตัวเป็นน้ำ ทำให้ผิวไม่เหนอะหนะ ทาแล้วชุ่มชื้นตั้งแต่ครั้งแรกที่ใช้ ช่วยล็อกความชุ่มชื้นให้ผิวได้ดีกว่าไฮยาลูรอนิกถึง 4 เท่า ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยลดความมัน ลดโอกาสการเกิดสิว

ราคา : 39 - 420 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Skintific 5X Ceramide Moisture Gel

สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์ของสกินทิฟิคบอกเลยว่าจังหวะนี้มาแรงสุด ๆ เลยค่ะ คนใช้เยอะมากจริง ๆ เพราะเขาเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจล บางเบา สบายผิว ทาแล้วชุ่มชื้นแถมยังล็อกความชุ่มชื้นได้ยาวนานถึง 24 ชั่วโมง ฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวทำให้ผิวแข็งแรง ลดรอยแดง ทำให้ผิวกระจ่างใสมากยิ่งขึ้น

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อเจลซึมซาบไว ช่วยปลอบประโลมผิวระคายเคืองได้ดี

ราคา : 329 - 969 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Neutrogena Hydro Boost Hyaluronic Acid Water Gel

เนื้อเจลแบบวอเตอร์เจลก็บางเบาเหมือนกันนะเออ สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์จากนูโทรจีน่า ตัวนี้ทาแล้วจะช่วยฟื้นฟูเกราะปราการผิวทำให้ผิวแข็งแรงมากยิ่งขึ้น ปกป้องมลภาวะต่าง ๆ ที่จะมาทำร้ายผิว อีกทั้งยังให้ความชุ่มชื้น ทำให้ผิวดูอิ่มฟู นุ่มเด้ง สุขภาพดี

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อวอเตอร์เจล บางเบา ไม่มีน้ำมัน ไม่อุดตันรูขุมขน

ราคา : 599 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

ใครมองหาเจ้ามอยเจอไรเซอร์เนื้อเจลเพิ่มเติม ก็ส่องต่อในบทความนี้ได้เลยน้า~


♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


มอยเจอร์ไรเซอร์ oil-free

ใครที่กังวลว่ามอยเจอร์ไรเซอร์จะมีส่วนผสมของน้ำมันต่าง ๆ ทำให้ผิวมันมากขึ้นหรืออุดตัน ก็หันมาเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ oil-free ที่ปราศจากน้ำมันเป็นส่วนประกอบกันก็ได้น้า สังเกตง่าย ๆ เลยคือแบรนด์จะเขียนไว้เลยว่า oil-free หรือถ้าไม่มั่นใจอาจจะลองสอบถามกับเพจของแบรนด์โดยตรงเลยก็ได้นะคะ จะได้มีมอยเจอร์ไรเซอร์ oil-free ที่ถูกต้องและสบายใจที่จะใช้ แต่ถ้าไม่อยากจะไปสอบถามเพราะเขิน ๆ อยู่ก็ลองมาใช้ 3 แบรนด์ที่เราแนะนำกันก่อนก็ได้น้า


FACELABS Oil Free Moisturizer For Normal Skin

แบรนด์ไทยไม่แพ้ชาติใดในโลกค่า สำหรับแบรนด์ FACELABS ก็เป็นแบรนด์สกินแคร์ของไทยนะคะ มีตัวมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ออกมาตอบโจทย์ผิวที่แห้งกร้านอีกด้วย โดยตัวนี้จะมี 2 สูตรคือผิวธรรมดาและผิวแห้ง สำหรับสูตรผิวธรรมดาที่เราหยิบมาแนะนำจะช่วยเติมเต็มและเก็บล็อกความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวอิ่มน้ำและเนียนนุ่ม ที่สำคัญคือปราศจากน้ำมันและไขมัน ไม่ทำให้ผิวอุดตันแน่นอนค่ะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ผิวธรรมดา ไม่มีส่วนผสมของน้ำมันและไขมัน

ราคา : 213 - 490 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

COSRX Oil-free Ultra Moisturizing Lotion

อีกหนึ่งแบรนด์เกาหลีที่ใช้ดีมาก ๆ ก็คือ COSRX นะคะ ตัวนี้จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นแบบบางเบา ไม่ทำให้ผิวมันเหนอะหนะ แล้วก็ยังช่วยควบคุมความมัน เสริมเกราะป้องกันผิว ใช้ได้ทั้งกลางวันและกลางคืน แล้วก็ไม่ว่าสภาพผิวแบบไหนก็ใช้ได้นะคะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบา ซึมซาบไว ไม่ทำให้ผิวมัน ไม่ทำให้ผิวอุดตัน

ราคา : 450 - 700 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Paula's Choice CLEAR Oil-Free Moisturizer

ข้ามมาทางอเมริกากันบ้างค่า สำหรับ Paula's Choice นั่นเองค่า เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์เนื้อบางเบาแบบออยล์ฟรี ช่วยควบคุมความมันได้ เหมาะกับคนที่เป็นสิวเพราะแบรนด์คิดค้นมาเพื่อคนเป็นสิวโดยเฉพาะ ทาแล้วทำให้ผิวชุ่มชื้น ลดอาการผิวแดง รูขุมขนดูกระชับและเล็กลง แต่แบรนด์แนะนำให้ทาตัวนี้เป็นตอนกลางคืนมากกว่านะคะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ควบคุมความมันได้ เหมาะกับคนเป็นสิวโดยเฉพาะ

ราคา : 470 - 1,300 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

ใครตามหามอยเจอไรเซอร์ oil-free ก็มาส่องต่อในบทความนี้ได้เลย~


♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


มอยเจอร์ไรเซอร์ ญี่ปุ่น ตัวไหนดี

นอกจากเครื่องสำอางเขาจะเลิศแล้ว พวกสกินแคร์แบรนด์ญี่ปุุ่นอย่างมอยเจอร์ไรเซอร์ญี่ปุ่นก็เป็นอีกหนึ่งสิ่งที่ดีงามมาก ๆ นะคะ รีวิวเยอะ มีขายทั่วไป หาซื้อได้ง่ายเลย สำหรับทริคในการเลือกซื้อมอยเจอร์ไรเซอร์ญี่ปุ่น ก็เหมือนกับการเลือกซื้อทั่วไปเลยค่ะ เลือกให้เหมาะกับผิวของเรา อ่านส่วนผสมต่าง ๆ ให้ดี ถ้าจะฝากหิ้วก็ศึกษาตัวแบรนด์เพิ่มเติมว่าเป็นแบรนด์แนวไหน เหมาะกับเราไหม เท่านี้ก็จะได้มอยเจอร์ไรเซอร์ญี่ปุ่นมาใช้แบบตอบโจทย์ตรงใจแล้วนะคะ แต่ถ้าไม่อยากคิดให้วุ่นวาย เราก็มีมาแนะนำ 3 แบรนด์ด้วยกันตามนี้เลยค่า


Hada Labo Premium Lotion

น้ำตบญี่ปุ่นก็ต้องยกให้ฮาดะลาโบะเลยนะคะ สูตรที่ใคร ๆ ก็แนะนำก็คือสูตรสีทองเลยค่ะ เพราะเขามีส่วนผสมของไฮยาลูรอนิกถึง 7 ชนิด ใช้แล้วผิวสุขภาพดีแข็งแรง ชุ่มชื้นอิ่มน้ำตลอดทั้งวัน อีกทั้งยังช่วยยกกระชับผิว ริ้วรอยต่าง ๆ ดูตื้นขึ้น ใช้ได้ทุกสภาพผิวและอ่อนโยนต่อผิวบอบบางอีกด้วย

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบน้ำตบที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นและยกกระชับผิว

ราคา : 52 - 620 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


HATOMUGI Naturie Skin Conditioner

ช่วงนึงมาแรงแบบ sold out หาซื้อยากมาก ๆ เลยนะคะ สำหรับน้ำตบลูกเดือยนั่นเอง ตัวนี้จะเป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ญี่ปุ่นที่เป็นเนื้อโลชั่นแบบน้ำ บางเบา บำรุงผิวให้เนียนนุ่มชุ่มชื้น อิ่มน้ำ ผิวกระชับขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง สามาถใช้เป็นโทนเนอร์ เป็นโลชั่นบำรุงผิว เป็นตัวมาสก์หน้า เป็นน้ำแร่ฉีดหลังแต่งหน้าก็ได้ด้วยนะคะ

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ทำให้ผิวกระชับขึ้น ชุ่มชื้นมากขึ้น สารพัดประโยชน์

ราคา : 350 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee


Curel INTENSIVE MOISTURE CARE Intensive Moisture Cream

สำหรับมอยเจอร์ไรเซอร์ญี่ปุ่นอีกตัวที่เนื้อดีงามไม่แพ้กันก็คือคิวเรลนะคะ เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์แบบครีมที่บางเบา ซึมซาบเข้าผิวได้ง่าย ช่วยฟื้นฟูเกราะป้องกันผิวให้แข็งแรง แล้วก็ยังช่วยกู้ผิวที่แห้งลอกเป็นขุยให้กลับมาเนียนนุ่มชุ่มชื้นได้อีกครั้ง

จุดเด่น : เป็นมอยเจอร์ไรเซอร์ที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย เนื้อครีมเข้มข้น

ราคา : 950 - 1,350 บาท

พิกัด : Lazada, Shopee

ใครอยากสอยมอยเจอไรเซอร์ญี่ปุ่นเพิ่มเติม ก็มาส่องในบทความนี้ต่อได้เลยค่า~

♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡ ♡


คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

มอยเจอร์ไรเซอร์ ผิวมันใช้ได้มั้ย?

ใช้ได้ค่ะ เพราะมอยเจอร์ไรเซอร์เป็นสิ่งที่ช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ทำให้ผิวแข็งแรงมากขึ้น อีกทั้งยังช่วยทำให้หน้ามันน้อยลงได้ด้วย เนื่องจากผิวหนังไม่ต้องผลิตน้ำมันมาหล่อเลี้ยงผิวเพราะผิวชุ่มชื้นมาพอแล้วนั่นเองนะคะ แต่แนะนำว่าควรเลือกเนื้อสัมผัสที่บางเบา จะได้ลดการอุดตันและความรู้สึกเหนอะหนะน้า

ไม่ทามอยเจอร์ไรเซอร์ได้มั้ย?

ถ้าว่ากันตามจริงแล้วก็ "ควรจะทา" นะคะ เพราะว่าผิวของเราสูญเสียความชุ่มชื้นได้ตลอด ไม่ว่าจะเสียจากมลภาวะในอากาศ แสงแดด แอร์ การขับถ่าย เหงื่อออกก็ตาม ถ้าได้มอยเจอร์ไรเซอร์มาช่วยเติมความชุ่มชื้นให้ผิว ผิวของเราก็จะเนียนนุ่มชุ่มชื้น แข็งแรง ไม่แห้งลอก ไม่แพ้ง่าย สิวและความมันต่าง ๆ ก็จะลดลงด้วยค่ะ

ทำไมทามอยเจอร์ไรเซอร์แล้วผิวหน้ายังแตก?

ส่วนนึงเป็นเพราะเลือกมอยเจอร์ไรเซอร์ไม่ตอบโจทย์กับผิวค่ะ ถ้าเลือกได้เหมาะกับผิวจะทำให้ได้รับการบำรุงแบบถูกวิธี ผิวจะไม่แตก ไม่แห้ง ไม่ลอกแน่นอน แล้วที่สำคัญก็คือควรเลือกตัวที่มีส่วนผสมแบบอ่อนโยน ไม่ทำร้ายผิวด้วยนะคะ ผิวจะได้แข็งแรงมากขึ้นน้า

มอยเจอร์ไรเซอร์ต้องใช้คู่กับเซรั่มไหม?

ไม่ใช่หลักการที่จำเป็นต้องใช้ควบคู่กัน แต่สามารถเลือกใช้ให้เหมาะกับสภาพผิวได้ หรือเพิ่อเพิ่มผลลัพธ์ในการดูแลผิวที่เข้มข้นยิ่งขึ้นได้ โดยลำดับการใช้คือใช้เซรั่มบำรุงผิวก่อน แล้วจึงตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์เพื่อล็อกความชุ่มชื้นและสารบำรุงไว้ในผิว

มอยเจอร์ไรเซอร์ กับเซรั่ม ต่างกันยังไง?

มอยเจอร์ไรเซอร์เน้นเรื่องการให้ความชุ่มชื้นและสร้างเกราะป้องกันให้ผิว เนื้อสัมผัสจะหนักและหนากว่าด้วยโมเลกุลที่ใหญ่กว่า เพื่อให้สามารถกักเก็บความชุ่มชื้นได้นาน

ในขณะที่เซรั่มมีส่วนผสมเขม้ข้น เนื้อสัมผัสจะบางเบากว่า เน้นการซึมเข้าสู่ผิวชั้นลึกเพื่อให้ปัญหาผิวเฉพาะจุด เช่น สิว ฝ้า กระ ริ้วรอย

สรุป การทามอยเจอร์ไรเซอร์คือการบำรุงผิวที่ดี ช่วยเพิ่มและกักเก็บความชุ่มชื้นแก่ผิวชั้นนอกได้

มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดี ทางเว็บไซต์ของคณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดลได้บอกเอาไว้ว่า "มอยเจอร์ไรเซอร์ที่ดีควรมีคุณสมบัติลดการสูญเสียน้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทาแล้วทำให้ผิวชุ่มชื้น เรียบเนียน ดูดซึมไว ออกฤทธิ์ทันทีและสามารถอยู่บนผิวหนังได้นานโดยไม่ต้องทาซ้ำบ่อย ๆ รวมถึงต้องไม่ทำให้แพ้หรือระคายเคือง แล้วก็ต้องราคาไม่แพงด้วย" ซึ่งโดยทั่วไปแล้วมอยเจอร์ไรเซอร์ก็ทำหน้าที่พวกนี้ได้เป็นพื้นฐานอยู่แล้วนะคะ แต่ในด้านของราคาอาจจะมีแตกต่างกันไปตามแบรนด์และส่วนผสมอื่น ๆ ส่วนถ้าจะให้แนะนำการเลือกซื้อว่าซื้อแบบไหนจะเหมาะกับเราที่สุด จากประสบการณ์ส่วนตัวบวกกับที่เคยอ่าน/ฟังจากผู้เชี่ยวชาญมาเลยนะคะ แนะนำว่าควรจะเลือกให้เหมาะกับสภาพผิวเราเป็นอันดับหนึ่งเลย จะได้ไม่เสี่ยงอุดตันแล้วก็จะได้ใช้ได้เห็นผลมากยิ่งขึ้น ถ้าไม่มั่นใจว่าตัวไหนใช้ดีกับผิวเราที่สุดอาจจะลองซื้อแบบซองหรือขนาดทดลองดูก่อนก็ได้จะได้ไม่เปลือง และพยายามอ่านที่ตัวผลิตภัณฑ์ก่อนใช้เสมอจะได้ใช้ได้แบบถูกต้องและมีประสิทธิภาพสูงสุด

สุดท้ายนอกจากการดูแลผิวควรจะทามอยเจอร์ไรเซอร์แล้ว ก็อย่าลืมทานอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำให้เพียงพอ นอนหลับให้เพียงพอ ทาครีมกันแดด รวมไปถึงล้างหน้าทำความสะอาดผิวให้ดีก่อนบำรุงเสมอด้วยนะคะ ล้างด้วย Cleansing ตามด้วย Cleanser หรือโฟมล้างหน้าจะได้ทำให้สิ่งสกปรกที่อยู่บนใบหน้าหลุดออกไปให้หมด พร้อมรับการบำรุงอย่างเต็มที่ เท่านี้ก็จะช่วยทำให้ผิวของเราแข็งแรงและมีสุขภาพที่ดีขึ้นแล้วล่ะค่ะ


ขอบคุณภาพปกบทความจาก Instagram : dr.g_official ภาพประกอบบทความจากเว็บไซต์ freepik.com, srichand.com, cosrx.com, cutepress.com, watsons.co.th, store.boots.co.th, bigc.co.th, paulaschoice.th, facelabs.co.th, larocheposay-th.com, kiehls.co.th, sephora.co.th ร้านค้าออนไลน์ Dr.G Thailand ดร.จี ไทยแลนด์, SKINTIFIC Official Store และข้อมูลจากเว็บไซต์ si.mahidol.ac.th, nakornthon.com, bumrungrad.com

- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -


บทความแนะนำที่คล้ายกัน

เว็ปไซต์นี้ใช้คุกกี้

SistaCafe ให้ความสำคัญต่อข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน เพื่อการพัฒนาและปรับปรุงเว็บไซต์ หากท่านใช้บริการเว็บไซต์นี้โดยไม่มีการปรับตั้งค่าใดๆ แสดงว่าท่านยินยอมที่จะรับคุกกี้บนเว็บไซต์และนโยบายสิทธิส่วนบุคคลของเรา และ นโยบายการใช้คุกกี้

🔮 ดูดวงกับ SistaCafe ผ่าน Line Official !
รูปภาพสำหรับป๊อปอัพลอย:1