สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeคนรักผิวทั้งหลาย (´ ε ` )♡' ผิวหนัง' เป็นอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดในร่างกาย มีแค่ชุดเดียวไม่งอกใหม่ หากดูแลให้ผิวสวยโกลว์เปล่งประกาย ก็จะดูมีออร่าทั้งตัว ช่วยเสริมบุคลิกให้สาวๆ มีความมั่นใจ มีเสน่ห์ต่อผู้คนรอบข้างมากขึ้นได้ผู้หญิงอย่างเราจึงมักสรรหามอยส์เจอไรเซอร์บำรุงผิวคุณภาพดี ใส่ส่วนผสมเลอค่า จะราคาแพงเท่าไหร่ก็กัดฟันสู้ บางคนถึงกับไปคลินิกฉีดผิว ฉีดวิตามินเพราะอยากถนอมทั้งผิวหน้า ผิวตัวให้สวย ชุ่มชื้นดูเฮลตี้ไปนานๆ ค่ะ //ถ้าอายุมากขึ้นผิวยังดี เต่งตึง ก็จะดูเด็กกว่าวัยด้วยนะ(.❛ ᴗ ❛.)สาวๆ เคยสงสัยไหมว่า เราซื้อครีมมาหลักหมื่น แต่ทาแล้วผลลัพธ์ก็งั้นๆ ผิวดูไม่ค่อยซึมซับเท่าไหร่เลย บางทีอาจไม่ได้ผิดที่ทางแบรนด์ แต่เราทาไม่ถูกวิธีเองหรือเปล่า? เพราะการใช้ครีมบำรุงให้ได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ' ช่วงเวลา ' ก็สำคัญในบทความนี้เราจึงมาบอกต่อสาวๆ กับ' 7 ช่วงเวลาทองที่ควรใช้มอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อผิวเนียนนุ่ม อิ่มฟู กระจ่างใส 'ทำตามนี้ รับรองว่าใครเห็นก็ต้องหลงรัก ต้องทาในเวลาไหนบ้าง เราไปดูกันเลย!

1. หลังล้างหน้าทันที คงความชุ่มชื้นของผิวหน้า!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/e3d1581069e3f3220e59ac0ccac89de4.jpg

ช่วงเวลาที่ดีสุดๆ สำหรับการลงมอยส์เจอไรเซอร์คือ' ตอนที่ผิวยังเปียกอยู่ 'เพราะตอนที่ผิวยังมีน้ำเกาะ เมื่อทาครีมลงไปจะช่วยล็อคความชุ่มชื้นของผิวไม่ให้ระเหยออกไปได้ง่าย

จึงควรใช้ครีมบำรุงหลังล้างหน้าทันทีก่อนที่ผิวจะแห้ง นั่นหมายถึงว่า ล้างเสร็จก็โปะครีมต่อเลย ไม่ต้องเช็ดหน้าด้วยผ้าขนหนูแล้ว เพราะนอกจากทำให้ผิวแห้งแล้ว ยังทำให้มีริ้วรอยด้วย

หากสาวๆ คนไหนไม่ชอบทาครีมตอนผิวยังชุ่มน้ำอยู่ เรามีทริคมาแนะนำคือหลังล้างหน้าให้ใช้ ' ทิชชู่เช็ดผิวหน้า ' ที่มีลักษณะนุ่มๆ ยืดหยุ่น ซับผิวหน้าเบาๆ แต่ไม่ต้องซับแรงมาก ให้ผิวยังคงความชื้นอยู่ แล้วค่อยลงครีมให้ทั่วผิวหน้าค่ะ

2. ทา 'ก่อนแต่งหน้า' ในตอนเช้า ก่อนเบสและรองพื้น

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/b8ee33541be0de149d14ccabc0ceee24.jpg

สาวๆ คนไหนที่ต้องแต่งหน้าไปเรียนหรือทำงานทุกเช้า อย่าลืมทาครีมบำรุงผิวก่อนลงเบสและรองพื้นทุกครั้ง!

แม้อากาศบ้านเราจะร้อนชื้นจนไม่อยากทาครีมให้เหนอะผิวก็ตาม แต่อากาศร้อนไม่ได้แปลว่าผิวมีน้ำหล่อเลี้ยงเยอะ ในทางกลับกัน อาจแห้งและขาดน้ำกว่าเดิมด้วยซ้ำ

จึงควรเพิ่มความชุ่มชื้นด้วยครีม แต่เลือกประเภทเป็นแบบ

เจลหรือโลชั่นเนื้อบาง ซึมไว

เพื่อไม่ให้รบกวนเมคอัพนะคะ

หลังทาครีมบำรุงแล้ว อย่าลืมทาครีมกันแดดที่มีค่า SPF50 PA+++ ขึ้นไป แม้จะอยู่ในออฟฟิศก็ควรทาซ้ำทุกสองชั่วโมง เพราะแสงแดดลอดผ่านหน้าต่างได้ตลอดเวลา โดยอาจเลือกใช้แบบสเปรย์แทนครีมเพื่อไม่ให้เครื่องสำอางลบเลือนครีมกันแดดไม่ใช่เมคอัพ แต่เป็นสกินแคร์อย่างหนึ่งที่ช่วยป้องกันผิวจากรังสียูวีและริ้วรอยจากแดด ไม่ให้หน้าเหี่ยวก่อนวัยอันควร จึงต้องพกติดกระเป๋าไว้ทุกครั้งที่ออกจากบ้านค่ะ

3. ก่อนเข้านอนในตอนกลางคืน ล็อคความชุ่มชื้นถึงรุ่งเช้า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/683363c1752581e1e953f3aa3f382340.jpg

ข้อนี้สาวๆ ทุกคนน่าจะทำอยู่แล้ว คือทาครีมบำรุงผิวตอนกลางคืนก่อนเข้านอน อยากตื่นมาสวยเป๊ะแบบ I woke up like this นอกจากนอนแต่หัวค่ำแล้ว ก็ต้องบำรุงด้วยมอยส์เจอไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นสูง


หากเป็นสาวผิวมันแนะนำให้ใช้แบบเจลครีม เซรั่มหรือเอสเซนส์ หากเป็นสาวผิวแห้งก็ใช้ครีมเนื้อเข้มข้นไปเลย หรือถ้าเป็นคนผิวผสม ก็ใช้แบบเจลแค่ช่วงทีโซน และทาครีมช่วงแก้มกับคางค่ะ

ถ้าต้องออกงานใหญ่เร็วๆ นี้แต่ผิวพังหนักมาก ให้ใช้ทางลัดอย่างการ ' มาส์กหน้า ' เพราะมาส์กจะมีสารสกัดเข้มข้น ฟื้นฟูผิวที่หยาบกร้านได้เร็วกว่าครีมทั่วไป มาส์กเป็นเวลา 15-20 นาที แล้วใช้เอสเซนส์ที่เหลือจากแผ่นมาส์กทาลำคอ หน้าอก รับรองตื่นมาผิวอิ่มฟู นุ่มเด้งเหมือนผิวดีแต่เกิดแน่นอน


ข้อเสียคือมาส์กเหล่านี้มักจะมีราคาสูง ใช้ทุกวันไม่เป็นมิตรกับกระเป๋าตังค์เท่าไหร่ ถ้ายังไม่ค่อยมีทุนทรัพย์ ก็ใช้เฉพาะช่วงวันสำคัญก็พอค่ะ

4. ก่อนและหลังขึ้นเครื่องบิน ผิวชุ่มชื้นตลอดไฟลท์!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/30ad635acd8931e658ac5230b97641c5.jpg

แม้ช่วงนี้จะยังบินออกนอกประเทศไปเที่ยวไม่ได้ ด้วยสถานการณ์โควิดยังระบาด แต่เราก็ยังมีไฟลท์ในประเทศอยู่ ซึ่งแม้เที่ยวบินหนึ่งจะใช้เวลาสั้นๆ แค่ 1-2 ชั่วโมง การอยู่ในสภาพความกดอากาศสูง สภาพอากาศแห้งและเย็นก็เป็นการทำร้ายผิวอย่างรุนแรง

ใครบินขึ้นเหนือ ลงใต้บ่อยแต่ไม่บำรุงผิวเลย จะสังเกตเห็นว่าผิวดูรูขุมขนกว้างและหยาบกร้านกว่าปกติ!

ก่อนขึ้นเครื่อง ให้เช็ดหน้าด้วยคลีนซิ่งสูตรไมเซลลาร์ แล้วทามอยส์เจอไรเซอร์สูตรเพิ่มความชุ่มชื้น เมื่อเครื่องลงจอดแล้ว หากสัมผัสผิวหน้าแล้วรู้สึกแห้งๆ ก็ทำตามขั้นตอนเดิมอีกรอบ ( เช็ดแล้วทา )


หากขี้เกียจทาครีมให้ยุ่งยาก พกมาส์กหน้าเป็นของ carry on ขึ้นเครื่องบินไปด้วย แล้วมาส์กตอนที่นั่งอยู่บนเครื่องนั่นแหละ ไม่ต้องอายคน! ก่อนจะลงก็ใช้สเปรย์น้ำแร่ฉีดหน้า ฉีดพรมบนผิวหน้าเบาๆ เพื่อให้ผิวยังชุ่มชื้น เนียนนุ่มตลอดทริปนะคะ

5. หลังอาบน้ำเสร็จทันที ผิวคงความนุ่มทั้งผิวหน้า-ผิวกาย!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/3c0644d8d424e67a7b97f5e084a7767c.jpg

สาวๆ มากมายที่ใส่ใจบำรุงหลายขั้นตอนกับผิวหน้า แต่มักละเลยผิวกายไปเสียเฉยๆ ทั้งที่ผิวทุกบริเวณในร่างกายมีความสำคัญเท่ากัน หากผิวหน้าเนียนเด้ง แต่แขนขาหยาบกร้าน จับทีเหมือนจับกระดาษทรายก็คงจะดูไม่งามใช่ไหมคะ?

และช่วงเวลาที่จะทาครีมผิวกายได้ผลลัพธ์ดีที่สุด ก็เหมือนผิวหน้าคือ

' ตอนที่ผิวยังชื้นหมาดๆ '

จึงควรทาหลังอาบน้ำทันที ยังไม่ต้องเช็ดตัว ทาครีมลงไปเลย!

เน้นย้ำส่วนที่มักแห้งเป็นพิเศษ เช่น ข้อศอก หัวเข่า หน้าอก หัวเข่า etc. หากมีผิวแห้งมากๆ แนะนำให้ใช้' Body Oil ' หรือน้ำมันมะพร้าวชโลมผิวทั่วตัว แล้วค่อยใส่เสื้อผ้า เธอจะได้ผิวชุ่มชื้น โกลว์เป็นประกายดูมีเสน่ห์ยิ่งขึ้

เพื่อเพิ่มสัมผัสนุ่มน่าจับ ให้พอกครีมหนาๆ ที่ฝ่ามือและเท้า แล้วใส่ถุงมือถุงเท้านอน เหมือนเป็นการ ' มาส์กข้ามคืน ' ล็อคความชุ่มชื้นจนถึงรุ่งเช้า ตื่นมาก็พร้อมรอรับความนุ่มเด้งทั้งตัวเหมือนตุ๊กตาได้เลย!

6. ใช้เมื่อเป็นสิว ช่วยให้สิวตัวร้ายหายไวขึ้น!

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/d8c9b69ded33b4fc24131d0adf468523.jpg

เป็นความเข้าใจผิดอย่างใหญ่หลวงที่เชื่อต่อกันมาว่า

" ถ้าเป็นสิว ปล่อยไว้เฉยๆ ให้ผิวตรงนั้นแห้งเข้าไว้ อย่าไปทาครีม เดี๋ยวสิวยิ่งปะทุ "


ทั้งที่จริงแล้วสิวบางชนิดเกิดจากผิวหน้าที่แห้งและขาดน้ำมากเกินไป จึงเกิดการระคายเคืองจนเป็นตุ่มสิวขึ้น ยิ่งปล่อยให้หน้าแห้ง ถูแล้วดังเอี๊ยดๆ สิวก็ยิ่งอักเสบรุนแรงกว่าเดิม #แหงะ

ถ้าเป็นแค่สิวอักเสบ สิวหัวขาวธรรมดา อยากหน้าใสไวๆ แนะนำให้ทาครีมบำรุงตามปกติเช้า-เย้นนี่แหละค่ะ อาจเลือกใช้เป็นแบบเจลครีม หรือโลชั่นแทนเพื่อป้องกันรูขุมขนอุดตัน แต่ต้องทา ยิ่งทาสิวยิ่งหายไวขึ้น


เพราะเราปรับสภาพผิวตรงนั้นเป็นปกติ ไม่แห้งเกินไป ทาเจลแต้มสิวเป็นขั้นตอนสุดท้าย รับรองสิวหายวับในเวลา 1-2 สัปดาห์แน่นอน


*แต่ถ้าเป็นสิวชนิดรุนแรง เช่น สิวหัวช้าง สิวซีสต์ อันนี้หายเองไม่ได้น้า แนะนำให้ไปหาหมอผิวหนังจะตอบโจทย์กว่าค่ะ*

7. ใช้ในวันที่จะ 'หน้าสด/กึ่งหน้าสด' ออกจากบ้าน

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/a677426198fd3b796c97033d0b0c8026.jpg

วันไหนที่เร่งรีบ ขี้เกียจแต่งหน้า หรืออยากแต่งให้บางที่สุด แค่เขียนคิ้ว ปัดแป้งฝุ่น ทาลิปบาล์มมีสีก็ออกจากบ้านได้เลย อย่าลืมขั้นตอนทาครีมบำรุงผิวและครีมกันแดดนะคะ!


เพราะสองไอเทมนี้จะทำให้ผิวดูสดชื่น อิ่มน้ำ ปรับผิวให้เนียนเรียบป็นธรรมชาติ แม้จะไม่ได้ลงเบสและรองพื้นก็ตามค่ะ อีกทั้งยังช่วยป้องกันความหยาบกร้านของผิว จากการโดนแสงแดดมาทั้งวันอีกด้วย

หากสาวๆ คนไหนอยากลองหน้าสดออกจากบ้าน แต่ยังไม่เซลฟ์กับผิวหน้าตัวเองมากพอ หลังใช้ครีมบำรุงกับกันแดดแล้ว เราแนะนำให้ใช้ ' บีบีครีม ' หรือ ' ครีมโทนอัพสีผิว ' ที่มีสีเนื้ออ่อนๆ เป็นขั้นตอนสุดท้าย

เพราะเนื้อบางเบา ช่วยปรับสภาพผิวให้เนียนใสขึ้นแต่ดูไม่โป๊ะ ไม่อุดตันรูขุมขน ดูเป็นหน้าสดที่ makeup no makeup ที่แท้จริง //แต่งไปออกเดท ผู้ชายบอกชอบจังที่เธอไม่แต่งหน้า ดูเป็นมิตรเข้าถึงง่าย เราก็ได้แต่ยิ้มอยู่ในใจเบาๆ (๑˘︶˘๑)

---------------------------------------

หากสาวๆ มีวินัยทาครีมครบทั้ง 7 ช่วงเวลานี้ รับรองว่าได้ผลลัพธ์ดีเกินคาด ผิวนุ่มฟูเด้งกว่าที่แล้วๆ มาจนต้องตกใจตัวเองเลยล่ะค่ะ! ที่ผ่านมา หลายคนอาจคิดว่า " แค่ทาครีมก็พอ " และทาในช่วงที่ผิวยังไม่พร้อมดูดซึมเนื้อครีมอย่างเต็มที่ ทำให้ประสิทธิภาพของครีมลดลง ถ้าเทียบระหว่างใช้ครีมดรักสโตร์ทั่วไปแต่ขยันทา ทาให้ถูกเวลา กับครีมระดับ Luxury Brand แต่ทาบ้างไม่ทาบ้าง ไม่ทาก่อนแต่งหน้า ขึ้นเครื่องบินก็ปล่อยให้หน้าแห้งผาก แถมนอนดึก ทาครีมปกติทั่วไปยังจะดีกว่า จริงๆ นะ

อยากผิวดีต่อเนื่อง ไม่ใช่แค่ทาครีม แต่ต้องทำควบคู่กับการกินอาหารมีประโยชน์ ดื่มน้ำเยอะๆ ออกกำลังกายและพักผ่อนให้เพียงพอ อาจจะดูเป็นหลักการซ้ำซากน่าเบื่อ แต่เชื่อเถอะว่ามันดีที่สุดทั้งกับผิวและสุขภาพร่างกายเมื่ออายุมากขึ้นแน่นอน รักนะเนี่ยถึงได้เตือน (*¯︶¯*) วันนี้ก็ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่บทความหน้าค่า