สวัสดีค่าา สาวๆ SistaCafe สายเฮลตี้ สายฟิตเนสทั้งหลาย ♡ ~('▽^人)
ไม่ว่าจะอยากลดความอ้วนหรือแค่อยากสุขภาพดี ถ้าไปขอคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญ อ่านหนังสือสุขภาพ หรือแค่ถามคนใกล้ตัวอย่างพ่อแม่ เพื่อนสนิท ทุกคนก็จะบอกเป็นเสียงเดียวกันว่า " ก็ไปออกกำลังกายสิ! " ซึ่งก็ไม่เถียงหรอกว่ามันคือเรื่องจริง การออกกำลังจะช่วยเผาผลาญไขมันส่วนเกิน เสริมสร้างกล้ามเนื้อให้แข็งแรง หุ่นกระชับสมส่วนมากขึ้น แต่ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ เพราะอะไรที่มากเกินไปก็ไม่ดีเช่นกัน!
ถ้าสาวๆ ทำตัวสุดโต่ง ออกกำลังอย่างหนักหน่วง extreme หลายชั่วโมงแบบไม่พัก ก็อาจเกิดอาการ overtraining หรือร่างกายรับไม่ไหว เป็นสัญญาณสุขภาพพังได้ โดยเฉพาะถ้าเธอกินอาหารที่มีประโยชน์ไม่เพียงพอ นอนน้อย และมีความเครียดสูง หากเป็นมือใหม่ก็มีสิทธิ์ที่จะ ' น็อก ' สลบกลางอากาศ หรือมีอาการที่แย่กว่านั้นได้ในครั้งหน้า ซึ่งเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุได้ เพื่อป้องกันเรื่องเหล่านั้น จึงอยากให้สาวๆ ลองสังเกตตัวเองจาก ' 7 สิ่งบอกว่า เธอกำลังออกกำลังกายหนักเกินไป ' หากมีอาการเข้าข่ายแม้แต่ข้อเดียว ขอให้หยุดและฟื้นฟูร่างกายโดยทันที เพราะแปลว่าร่างกายกำลังจะพัง ต้องการซ่อมด่วน แถมลดน้ำหนักยากขึ้นด้วย!! #ไม่ไหวอย่าฝืนน้า (。•́︿•̀。)

ถ้าร่างกายอยู่ในสภาพปกติ ถ้าสาวๆ เข้านอนแต่หัวค่ำ นอนหลับได้เต็มที่ 7-8 ชั่วโมง ตื่นเช้ามาก็ควรจะสดชื่นแจ่มใส กระฉับกระเฉงพร้อมใช้พลังงานในชีวิตประจำวัน แต่หากตื่นมาแล้วตาปรือ เหนื่อยล้า เพลีย ตัวร้าวไปหมด ลืมตาแล้วก็อยากกลับไปนอนอีก ไม่อยากลุกขึ้นจากเตียงเลย ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่บอกว่า เมื่อคืนเธอออกกำลังกายหนักมากจนเกินไปค่ะ
นอกจากตื่นมาเพลียแล้ว บางคนยังมีอาการนอนไม่หลับ, หลับๆ ตื่นๆ ทั้งคืน หรือนอนกรนมีเสียง ซึ่งเป็นผลลัพธ์จากการออกกำลังกายหนักเช่นกัน นั่นเป็นเพราะว่าระบบในร่างกายทำงานผิดปกติ ถ้าไม่เพลียจนอยากชัตดาวน์ตัวเองไปเลย ก็กระตุ้นสมองให้อยู่ในสภาพ ' ตื่น ' ตลอดเวลา ( ทั้งที่เป็นเวลาที่ควรนอน ) หากสาวซิสกำลังเจอแบบนี้อยู่ ต้องลดความเข้มข้นหรือเวลาในการเข้าฟิตเนสด่วน!

อาการเจ็บปวดในที่นี้ก็เช่น การปวดตึง เมื่อยล้ากล้ามเนื้อ, ขยับตัวแล้วมีเสียงก๊อกแก๊ก เจ็บจนร้องโอดโอย, ยืดกล้ามเนื้อได้น้อยลง หรือช้าลง, การอักเสบตามกล้ามเนื้อ, กระดูกมีรอยแตกเล็กๆ ( stress fractures ) เหล่านี้คือการบาดเจ็บที่เกิดขึ้นได้ทั่วไป หากเธอออกกำลังกายหนักจนเกินลิมิตของร่างกายค่ะ

หากออกกำลังกายอย่างพอดี สุขภาพจะแข็งแรงขึ้น ลดความเครียด ป่วยได้ยากขึ้นเพราะมีภูมิคุ้มกันที่ดีกว่าเดิม แต่ในทางกลับกัน ถ้าออกกำลังกายหนักเกินไป จากที่จะสุขภาพดี จะไปรบกวนการทำงานในร่างกายให้อ่อนลง ภูมิตก อ่อนแอ ติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรียได้ง่ายขึ้น และเครียดกว่าเดิมได้เช่นกัน
หากเมื่อก่อนนานๆ เธอถึงจะป่วยที แต่ตอนนี้สามวันดีสี่วันไข้ ฝนลงหัวนิดเดียวไข้ขึ้น กินอาหารก็ท้องเสียง่าย ล้มนิดเดียวมีรอยบวมรอยช้ำง่ายกว่าคนอื่น มีจุด มีตุ่มแปลกๆ มีผื่นและเชื้อราขึ้นตามตัว
( เป็นอาการของคนภูมิคุ้มกันต่ำ ) เวลามีโรคระบาดอย่างไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ก็เป็นคนแรกๆ ที่จะติดเชื้อ ก็เป็นไปได้ว่าเธอออกกำลังกายมากเกินไปค่ะ

การออกกำลังกายมากเกินไป ไม่ได้ส่งผลต่อสภาพร่างกายเท่านั้น แต่ส่งผลถึง ' สภาพจิตใจ ' ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อระบบในร่างกายเหนื่อยล้า ทำงานรวน ฮอร์โมนต่างๆ ก็จะได้รับผลกระทบ รวมถึงฮอร์โมนที่ควบคุมอารมณ์ด้วย คนที่ออกกำลังจนเกินขีดจำกัด นอกจากเหนื่อยกายแล้วก็อาจมีภาวะซึมเศร้าร่วมด้วย อารมณ์ไม่ค่อยเสถียร เดี๋ยวก็ดีจนเวอร์ แต่สักพักก็ดิ่งวูบ เหมือนกราฟที่สวิงอยู่ตลอดเวลา นั่นคือการบ่งบอกว่าร่างกายของเธอกรีดร้องขอ ' พักผ่อน ' เต็มทีแล้วล่ะค่ะ!
หากสาวๆ กำลังเจอและไม่สบายใจกับภาวะอารมณ์ขึ้นๆ ลงๆ ของตัวเองอยู่ เราแนะนำให้ ' ทำสมาธิ ' เพื่อทำจิตใจให้สงบ เป็นช่วงเวลาพักผ่อน ใช้เวลาอยู่กับตัวเองแบบไม่ต้องลำบากร่างกายจนเกินไป หรือจะทำกิจกรรม งานอดิเรกที่ชอบก็ช่วยลดความเครียด เพิ่มความสุขให้จิตใจได้ เช่น ดูหนังที่ชอบ ออกไปเดินเล่น กินอาหารอร่อยๆ เราจะหุ่นสวยเป๊ะไปทำไม ถ้าเราอารมณ์เสียอยู่ตลอดเวลา จริงไหม?

โดยปกติ การออกกำลังกายก็คือการเผาผลาญแคลอรี่ออกไป จึงไม่แปลกที่หลังออกกำลังเสร็จเราจะเหนื่อย หิว อยากกินอะไรสักอย่าง เพราะร่างกายสูญเสียพลังงาน อันนี้คือเรื่องปกติ แต่ถ้าอารมณ์อยากกินของเธอไม่จางหายไปง่ายๆ ขนาดกินมื้อใหญ่จนอิ่มแปล้แล้ว ก็ยังหิว อยากกินนั่นกินนี่ต่อไปเรื่อย จนบางวันกินเยอะกว่าพลังงานที่เผาผลาญออกไปมากโข นั่นก็เป็นสัญญาณว่าเธอออกกำลังเกินร่างกายจะรับไหวแล้วล่ะค่ะ
นั่นเป็นเพราะว่า เมื่อออกกำลังหนักมากๆ จะส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนเกรลิน หรือที่เรียกกันว่าฮอร์โมนหิว จะถูกกระตุ้นให้หลั่งออกมามากขึ้น ทำให้หิวไม่หยุด กินแบบไม่รู้จักคำว่าอิ่ม สุดท้ายก็เกิดอาการท้องอืด อึดอัดไม่สบายตัว หรืออ้วนขึ้น แพลนไดเอทพังทลาย นอกจากต้องหักห้ามใจตัวเองให้ได้ กินให้เหมาะกับที่ร่างกายต้องการแล้ว ก็ต้องลดการออกกำลังแบบหักโหมด้วยนะคะ การลดน้ำหนักจึงจะประสบความสำเร็จ

ข้อนี้แอบมีความเกี่ยวเนื่องกับภาวะอารมณ์ ที่ทำให้เกิดอาการซึมเศร้า ถ้าเธอเคยชอบการออกกำลังกายเอามากๆ แต่ปัจจุบันนี้ไปแบบเสียไม่ได้ ออกแค่ 10-20 นาทีก็เบื่อ หรือเหนื่อยเหมือนจะตาย ลองย้อนกลับไปดูว่าที่ผ่านมาออกกำลังอย่างเอาเป็นเอาตายหรือไม่ หากใช่ก็เพราะว่าร่างกายถึงจุดที่เกินลิมิตจนเครียด ทำให้ขาดแรงบันดาลใจที่จะออกกำลังต่อไปนั่นเอง
สาวๆ บางคนอาจคิดไปว่าตัวเองแค่ขี้เกียจ ถ้าออกกำลังให้หนักขึ้น หรือเปลี่ยนประเภทการออกกำลังก็คงจะมีไฟขึ้นมาเอง แต่นั่นไม่ได้แก้ที่ต้นเหตุ เธอเหนื่อยจนส่งผลกับสภาพจิตใจต่างหาก ยิ่งออกกำลังหนัก ก็จะยิ่งรู้สึกแย่ เอื่อยเฉื่อยกว่าเดิม ทางแก้ของปัญหานี้คือ เว้นไปพักผ่อนยาวๆ 2-3 วันก่อน ไม่ต้องแตะเครื่องออกกำลังใดๆ เลย ถึงเวลาค่อยมาออกกำลังใหม่ ให้ร่างกายกับจิตใจได้ฟื้นฟูตัวเองนะคะ

ถ้าเธอออกกำลังกายมานานหลายเดือน หรือหลายปีแล้ว วันนึงก็รู้สึกเบื่อการติดตามผลสุขภาพตัวเองขึ้นมาซะเฉยๆ ไม่สนใจว่าตัวเองมีมวลกล้ามเนื้อเท่าไหร่ น้ำกับโปรตีนในร่างกายยังดีอยู่ไหม น้ำหนัก สัดส่วนเท่าไหร่ก็ช่างมัน รู้สึกเฉยชาไปหมด มาออกกำลังก็ทำได้นะแต่ทำไปแบบแกนๆ นั่นอาจเป็นเพราะเธอคุ้นชิน ( และลึกๆ ก็เหนื่อยล้า ) กับการออกกำลังกายแบบเดิมๆ แล้วค่ะ
เราจึงอยากให้สาวๆ ให้ความสำคัญกับการยืดเส้นกล้ามเนื้อ, ดื่มน้ำบ่อยๆ ไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ, ออกกำลังให้ร่างกายมีความยืดหยุ่น เช่น โยคะ เต้นแอโรบิก และมีวันว่างให้ตัวเองได้ไปทำอะไรที่ชอบบ้าง เลิกใส่ใจกับการออกกำลังอย่างหนักหน่วงไปสักพัก เปลี่ยนการออกกำลังแบบใหม่ๆ เปลี่ยนสถานที่ออกกำลัง เปลี่ยนอาหารที่กินดูบ้าง เมื่อได้ลองทำอะไรใหม่ๆ ในชีวิต อารมณ์ตื่นเต้นที่จะดูผลลัพธ์การเปลี่ยนแปลงของร่างกายก็จะกลับมาอีกครั้ง ลองดูนะคะ
-----------------------------------------
การออกกำลังกายคือสิ่งที่ดีต่อสุขภาพ ต่อเมื่อเราทำแต่พอดี! หากน้อยเกินไปจนถึงขั้นเหยาะแหยะก็เห็นผลช้า ( แน่นอนว่าดีกว่าไม่ทำ ) แต่ถ้าออกหนักเกินพิกัดของร่างกาย จากเป็นประโยชน์ก็อาจเป็นโทษทำร้ายตัวเองแทนได้ เมื่อออกกำลังหนัก ระบบในร่างกายจะเริ่มทำงานผิดปกติ ออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงไม่พอ กล้ามเนื้อเกร็ง กระตุก หรือเป็นตะคริว และเมื่อเกิดอาการบาดเจ็บขึ้นแล้ว ก็ต้องใช้เวลาฟื้นฟูกันยาวๆ กว่าจะแข็งแรงดี ความขี้เกียจก็อาจเข้ามาแทนที่ไปซะแล้ว
เราจึงไม่อยากให้สาวๆ บ้าพลังกับการออกกำลังกายมากเกินไป ไม่ต้องรีบลงแรงหนักๆ เพื่อหวังผลลัพธ์ที่รวดเร็ว เพราะร่างกายไม่ใช่เครื่องจักร แม้จะฝึกฝนหนักแค่ไหนก็มีขีดจำกัด เทียบได้กับการลดความอ้วน เธอจะหวังอดข้าวทั้งวัน แล้วพรุ่งนี้ผอมลงฮวบเป็นสิบกิโลก็ไม่ได้ใช่ไหม? ออกกำลังกายก็เช่นกัน เน้นความสม่ำเสมอ ทำแต่พอดี เวทสลับคาร์ดิโอวันละ 30-45 นาที ( นานสุดไม่เกิน 2 ชั่วโมง ) ทำให้สุขภาพดี ไม่เครียด เมื่อไม่เครียด ก็ลดน้ำหนักได้ง่ายขึ้นด้วยค่ะ สุดท้ายนี้ขอให้สาวซิสหุ่นเป๊ะปังกันทุกคนเลยนะคะ ^ ^
Comments