สวัสดีค่าา สาวๆSistaCafeที่อยากสวยแต่#ขี้เกียจอะทั้งหลายยย! ( ̄▽ ̄)ผู้หญิงทุกคนอยากสวย ( หรืออย่างน้อยก็ต้องอยากดูดี ) กันทั้งนั้นแหละ เข้าใจ แต่ความสวยมันก็ต้องมาพร้อมกับวินัยด้วยนะ ไม่ใช่ขี้เกียจ ทาๆ เลิกๆ ถ้าทุกคนเกิดมาผิวดี เรียบเนียนกระจ่างใส ล้างแต่น้ำเปล่าผิวก็ยังตึงเป๊ะ สกินแคร์ทั้งโลกก็คงเจ๊งไปหมดแล้ว จริงมั้ย?เพราะงั้นถ้าไม่อยากไปคลินิกดึงหน้า อัดโบแบบเต็มสูบตอนอายุ 30 อัพ ก็ควรเริ่มใส่ใจใน' ขั้นตอนสกินแคร์ 'ของตัวเองตั้งแต่วันนี้ เพราะทุกไอเทมที่เธอใช้และทาบนผิวหน้า มีผลกับสภาพผิวของเธอในอนาคตอย่างแน่นอนค่ะวงการบิวตี้ยุค 2021 นี้ อาจมีโปรดักส์ความงามและของเล่นอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยบำรุง เติมแต่งผิวหน้ามากมาย ซึ่งถ้ามีงบ จะซื้อมาลองใช้ก็ไม่ใช่เรื่องผิด แต่ถ้างบน้อยใช้สอยอย่างประหยัด ต้องการแค่ไอเทมพื้นฐานที่ช่วยป้องกัน ฟื้นฟูปัญหาผิวได้ก็พอเราแนะนำให้มาอ่าน' 7 สกินแคร์เบสิค Must Have ที่สาวๆ ทุกคนควรใช้ใน Skincare Routine 'เพื่อผิวสวยปิ๊งจนใครๆ ก็ต้องทัก โดยใช้ไอเทมแค่ไม่กี่ตัวเท่านั้น! พร้อมแล้วไปโลดค่าา (☆▽☆)

1. โฟมล้างหน้า

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8eb942eba2dd776544d885eddec8ea81.jpg

ไอเทมแรกที่สาวๆ สายบิวตี้ส่วนใหญ่มักมองข้ามคือ' โฟมล้างหน้า / คลีนซิ่งโฟม' เพราะเห็นว่าล้างบนผิวได้แป๊บๆ ไม่กี่วินาทีก็ล้างออก ยังไม่ทันได้ออกฤทธิ์บำรุงอะไรมากมาย ใช้ตัวไหนก็เหมือนกันหมด


หรือลงทุนกับโฟมล้างหน้าหนักมาก หลายพันบาทหรือบางทีเป็นหมื่น แต่ล้างไปหน้าก็ยังพัง มีตุ่มสิวขึ้นรัวๆ อยู่ดี #เสียดายเงินแทน เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ราคาของมันไม่ใช่ประเด็น แต่อยู่ที่ว่าโฟมตัวนั้นเหมาะกับ ' สภาพผิว ' ของเธอหรือไม่ต่างหากค่ะ

แม้จะเป็นแค่ไอเทมล้างหน้า แต่ถ้าใช้ให้แมทช์ตรงกับผิว มันก็ช่วยปรับสมดุลผิวให้เรียบเนียน และทำให้หน้าอุดตันได้ยากขึ้น เช่น ผิวหน้าแห้ง จับแล้วหยาบกร้านถูดังเอี๊ยดๆ ก็ควรเลือกคลีนซิ่งเนื้อครีมเพื่อล็อกความชุ่มชื้นให่ผิว

,

ผิวหน้ามัน ควรใช้มาสก์โคลนพอกหน้าเพื่อผิวไบรท์ กระจ่างใส ดึงสิ่งสกปรกจากรูขุมขนที่อุดตัน เท่านี้สาวๆ ก็เริ่มก้าวขั้นแรกไปอย่างสวยงามแล้วละ

2. เมคอัพรีมูฟเวอร์

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/8f0aabad23a8f93a79294557eeb0479b.jpg

สายๆ สายเมคอัพยิ่งขาดไม่ได้ มันคือไอเทมชี้เป็นชี้ตายว่าหลังแต่งหน้าแล้ว ผิวของเธอจะยังสวยดูดี สิวไม่เห่อไม่ผุดหรือไม่?

เพราะคงไม่มีใครอยากสวยเฉพาะตอนแต่งหน้า แต่อายหน้าสดสุดพลังเพราะมีสิว กระฝ้า จนต้องใช้คอนซิลเลอร์กับรองพื้นกดทับตลอดหรอกใช่ไหมล่ะ เมื่อแต่งหน้าจนพอใจแล้ว ก็ต้องเลือกไอเทมกู้ชีพอย่าง ' รีมูฟเวอร์ ' เพื่อเช็ดให้ใสสะอาดค่ะ

แม้รีมูฟเวอร์ในท้องตลาดจะมีหลายสูตรมากๆ แต่ยุคนี้เราขอแนะนำเป็น ' ไมเซลลาร์วอเตอร์ ' ที่เช็ดแล้วหน้าใสกิ๊งได้ทันใจ ด้วยอนุภาคไมเซลลาร์ที่ทำหน้าที่เป็นแม่เหล็กดึงสิ่งสกปรก ฝุ่นควันและคราบเมคอัพส่วนเกินออกมา จะใช้แบบน้ำชุบสำลี หรือเป็นแบบแผ่น makeup wipes ก็ได้หมด

แต่ถ้าเป็นสาวผิวแพ้ง่ายมากๆ ควรใช้เป็นคลีนซิ่งบาล์ม ( cleansing balm ) แทน เพื่อลดการเสียดสีกับผิว และถ้าเป็นคนแต่งหน้าค่อนข้างหนัก คัดเบ้าเต็ม ปากทาทิ้นท์แน่นๆ ถูจนปากเปื่อยยังไม่หลุด ให้ซื้อ ' Lip & Eye Remover ' แยกเพื่อใช้ลบตากับปากโดยเฉพาะ เพื่อลดการเช็ดตาและปากแรงๆ โดยไม่จำเป็นค่ะ

3. สครับขัดผิว ( ทั้งผิวหน้าและผิวกาย )

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/2b88d11641420b54bd10e2c35e6af39a.jpg

สาวๆ มากมายไม่กล้าใช้ ' สครับ ' ทั้งหน้าและตัว เพราะกลัวว่าผิวจะยิ่งสาก หยาบกร้าน หรือเป็นแผลมากกว่าเดิม แต่ถ้าอยากผิวหน้าใสเรียบเนียนจริงๆ ยังไงก็หนีสครับไม่พ้นค่ะ!


ผิวหนังของเราก็เหมือนหน้าดินหรือผืนผ้าใบที่ขรุขระ มีฝุ่นและสิ่งสกปรกเกาะอยู่ตลอดเวลา และระบบร่างกายยังมีการผลัดเซลล์ผิวเรื่อยๆ ทุกเดือน เซลล์ผิวที่ตายแล้วก็จะลอยขึ้นมาบนผิวชั้นนอก ถ้าไม่สครับออก เซลล์เหล่านั้นจะสะสมอัดแน่นมากขึ้นเรื่อยๆ ถ้าโชคดีก็แค่ผิวหมอง ผิวขรุขระ โชคร้ายหน่อยก็สิวอุดตันบุก ต้องมาทาเจลแต้มสิวให้เจ็บใจเล่น TT

สครับในที่นี้ ไม่ได้หมายถึงสครับเป็นเม็ดเล็กๆ สากๆ แบบสครับน้ำตาล สครับกาแฟเท่านั้น แต่รวมถึงการใช้กรดผลัดเซลล์ผิวอ่อนๆ เช่น AHA, BHA เพื่อเร่งผลัดเซลล์ผิวออกอย่างเป็นธรรมชาติควบคู่ไปด้วย เพื่อให้หน้าใสปิ๊งมากยิ่งขึ้น

( แต่ถ้าผิวแพ้ง่าย ก็เลือกสกินแคร์ที่เปอร์เซนต์กรดต่ำไว้ก่อนนะ เพราะหน้าอาจจะลอกหรือแสบได้ ) ขัดผิวเป็นประจำทุกสัปดาห์ สูงสุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่อย่างนั้นจะเป็นการรบกวนผิวแทน เจ็บผิวขึ้นมาจะอดสครับกันไปยาวๆ นะจ๊ะ

4. โทนเนอร์

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/ec746671beb0bdbd75476a5136fa347d.jpg

เป็นอีกไอเทมที่โดนมองข้ามตลอดๆ โดยเฉพาะมือใหม่เพิ่งเข้าวงการ เพราะเห็นว่า ' โทนเนอร์ ' ไม่ได้มีหน้าที่อะไรโดดเด่นเป็นพิเศษ บางคนบอกว่าเหมือนเอาน้ำเปล่ามาลูบหน้า เหยย ไม่จริงนะยูว


ที่จริงมันคือขั้นตอนปรับสมดุล ช่วยลดหน้ามัน ลดสิวได้ดีกว่าครีมบำรุงด้วยซ้ำ เพราะมันคือสกินแคร์ด่านแรกหลังล้างหน้า ที่ช่วยสกัดกั้นปัญหาผิวได้ทันที!

หลังล้างหน้าด้วยโฟมปกติ ส่วนใหญ่ผิวหน้าของเราจะเสียค่า pH ที่สมดุลไป ทำให้เกิดสิว หน้ามันเยิ้ม หรือหน้าแห้งกร้านได้ แต่โทนเนอร์จะเข้าไปปรับสมดุลให้พอดี ปลอบประโลมผิว พร้อมรับการบำรุงในขั้นตอนต่อไป

เราแนะนำให้ใช้สูตรที่เป็น' alcohol-free ' หรือไม่ใส่แอลกอฮอล์ป้องกันหน้าแห้งกร้านเกินไป หากเลือกเป็นสูตรออร์แกนิก ไม่ใส่สี กลิ่น น้ำหอม ก็จะยิ่งถนอมผิวหน้าของซิสได้ดียิ่งขึ้นค่ะ เพียงเหยาะใส่สำลีให้ชุ่มๆ ( ย้ำว่าต้องชุ่ม ถ้างกเหยาะน้อย สำลีจะแห้งและไปขูดกับผิวหน้าแทน ) เช็ดจากในออกนอกตามแนวรูขุมขนให้ทั่วใบหน้า ทิ้งให้แห้ง 1-2 นาทีจึงเริ่มสกินแคร์ขั้นต่อไปค่ะ

5. อายครีม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/10aaa1c0c8d4862314c517298581c0d6.jpg

' อายครีม ' ไอเทมนี้สาวๆ วัยรุ่นมัธยมอาจจะไม่ค่อยเห็นความสำคัญ แต่เชื่อเถอะว่าเลย 20 ไปแล้ว มันคือของ must have ที่ต้องมี! เพราะผู้หญิงเราหลังอายุ 25 ปีไปแล้ว การผลิตคอลลาเจนจะค่อยๆ ลดลง การผลัดเซลล์ผิวก็ช้าลง ทำให้ผิวเริ่มมีริ้วรอยและแห้งกร้านมากขึ้น

จากคนที่ตอนเด็กๆ ผิวมันเยิ้ม อาจตกใจที่พอเข้าวัยทำงานสักพัก กลายเป็นสาวผิวแห้งซะงั้น ซึ่งบริเวณใต้ตาเป็นส่วนที่ผิวแห้งง่ายและบอบบางเป็นพิเศษ ถ้าไม่ทาครีมไว้แต่เนิ่นๆ ตีนกามาก่อนวัยชัวร์

แนะนำให้เริ่มทาไว้เนิ่นๆ ตั้งแต่มัธยมปลายเป็นต้นไปเลยยิ่งดี ถ้าอายุยังไม่เกิน 25 ก็เน้นแค่ความชุ่มชื้นไว้ก่อน เลือกสูตรที่มี ' hyaluronic acid ' เยอะๆ เพราะกรดนี้จะช่วยอุ้มน้ำให้ผิวใต้ตาอิ่มฟู ฉ่ำเด้ง แต่ถ้าอายุ 25++ ขึ้นไป ควรใส่ใจสูตรที่ลดเลือนริ้วรอยรอบดวงตามากขึ้นด้วย

เน้นสูตรที่มี ' เรตินอลและเปปไทด์ ' สูง เพราะเป็นสารที่ช่วยต่อต้านริ้วรอย เพิ่มคอลลาเจนให้ผิว ทาทุกวันก่อนนอนตั้งแต่เนิ่นๆ ตอนเด็กยังไม่เห็นผลชัดหรอก ผ่านไปสิบปียี่สิบปี จะเห็นความแตกต่างชัดเจนจากคนไม่ทาแน่นอนค่ะ

6. ครีมกันแดด

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/7fb8a0bea826da63853d54c46ec126b0.jpg

ไอเทมนี้ก็รู้ๆ กันอยู่เนอะว่าถ้าขาดเธอคือขาดใจ! ' ครีมกันแดด ' ที่ไม่ใช่เครื่องสำอางอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่เป็นสกินแคร์ปกป้องผิวตั้งแต่เริ่มต้น ควรทาทุกวัน เพราะเราเจอรังสียูวีจากแสงแดดทุกวัน แม้ในวันที่ฟ้าครึ้ม ฝนตกยังไงก็ต้องทาเพราะยูวีจะลอดผ่านลงมาจากก้อนเมฆทะลุผิวของเธอเสมอ


หากไม่ทาติดต่อกันเป็นเวลานาน ทุกอย่างที่เรียกว่าปัญหาผิวจะมาหาเธอแน่นอน! ทั้งอาการเห่อแดง แสบร้อน ริ้วรอย หยาบกร้าน ฝ้ากระ จุดด่างดำ #แค่คิดก็ขนลุก

หากเป็นคนไม่ค่อยเจอแดด ทำงานอยู่ในออฟฟิศห้องแอร์ตลอด ค่า SPF ประมาณ 35 ก็พอไหว แต่ด้วยแดดเมืองไทยที่ค่อนข้างแรง ใช้ SPF50+ PA++++ ที่กันแดดได้สูงสุดเลยจะดีกว่า


เลือกให้เหมาะกับสภาพผิวหน้า ถ้าผิวมันก็เลือกเป็นเนื้อเจลหรือโลชั่น ถ้าผิวแห้งก็เลือกเป็นครีมหรือบาล์ม ทาซ้ำทุก 2 ชั่วโมงไม่ว่าจะอยู่กลางแจ้งหรือไม่ก็ตาม เพราะกันแดดยิ่งทาไว้นาน ประสิทธิภาพก็ยิ่งลดลง

ถ้าไม่สะดวกทาทับเมคอัพ ก็ซื้อกันแดดแบบสเปรย์มาใช้ค่ะ ฉีดแป๊บเดียวเสร็จ ช่วยชีวิตสุดๆ

7. ลิปบาล์ม

รูปภาพ:https://www.img.in.th/images/2678c5b2e88a516eea627b9fa1b3e221.jpg

ไอเทมสุดท้ายที่ยังไงก็ต้อง recommend สาวๆ ก็คือ' ลิปบาล์ม 'ในเมื่อเรายังต้องทาครีมบำรุงผิวหน้า ผิวตัว เราก็ต้องทาครีมบำรุงริมฝีปากด้วยเช่นกัน


ยิ่งถ้าเป็นคนชอบแต่งหน้า ถ้าปากแห้งแตกลอกเป็นขุย ทาลิปสติกเนื้อแมตต์ตกร่อง ทาทินท์แล้วเลอะเป็นด่างๆ ดวงๆ เหมือนปูนแตกก็คงไม่ไหว ซิสจึงควรทาลิปบาล์มไว้ตลอดเวลา รู้สึกปากแห้งเมื่อไหร่ทาทันที อย่ารอ

ในช่วงกลางวัน เราแนะนำให้เลือก ' ลิปบาล์มกันแดด ' ที่มีค่า SPF ด้วย เพราะริมฝีปากก็คือผิวหนังบริเวณหนึ่ง ทาแล้วจะช่วยลดปากหมองคล้ำจากการทำลายของรังสียูวีในอนาคตได้

ส่วนช่วงกลางคืนที่ต้องการการดูแลเป็นพิเศษ ควรเลือกเป็น 'Lip Sleeping Mask ' หรือลิปมาสก์เนื้อเข้มข้นที่ใช้พอกริมฝีปากได้ทั้งคืน บำรุงอย่างเต็มที่ เช้ามาก็เช็ดออก ได้ปากนุ่มเนียนพร้อมทาลิปทันที แต่ทั้งนี้ก็ต้องบำรุงให้ผิวปากชุ่มชื้นจากภายในด้วยการดื่มน้ำควบคู่ไปด้วย จะยิ่งเห็นผลชัดขึ้นค่ะ

------------------------------------

ผิวจะสวย ต้องเริ่มปูกันตั้งแต่พื้นฐานคือเรื่องจริง! แม้เธอจะเป็นเจ้าแม่ชอบแกะของลองใหม่ ทุกยี่ห้อในโลกลองใช้มาหมดแล้วแต่ผิวก็ยังสิวเห่อ แห้งกร้าน หมองคล้ำ อาจเป็นเพราะเธอไม่ได้ใช้สกินแคร์ที่ครอบคลุมปัญหาผิวของตัวเองจริงๆ จำไว้นะคะ คนผิวดีไม่จำเป็นต้องใช้ของเยอะ หรือของแพงๆ หลายพันหลายหมื่น แต่เป็นคนที่รู้จักเลือกสกินแคร์ที่เหมาะสมกับตัวเองต่างหากถ้ารู้อย่างลึกซึ้งว่าตัวเองมีสภาพผิวแบบไหน แพ้สารอะไรบนผิวหน้า ฮอร์โมน สภาพแวดล้อมแบบไหนส่งผลต่อผิว เธอก็จะมีผิวปังๆ ไปได้ยันแก่ เพราะรู้จักหลบหลีก ' ความแก่ตามวัย ' ได้อย่างฉลาดนั่นเอง สกินแคร์กับผิวหน้าก็เหมือนเนื้อคู่ ถ้าเจอแมทช์ที่ใช่ คู่ที่ส่งเสริมกัน ก็จะทำให้ผิวหน้าสวยปิ๊งไปได้ยาวๆ ทั้งในขั้นตอนล้างหน้า ปรับสมดุล และบำรุงผิว ยังไงก็ขอให้อ่านบทความนี้จบ สาวๆ ได้เจอไอเทมที่ใช่สำหรับตัวเองกันนะคะ วันนี้ขอตัวลาไปก่อน พบกันใหม่คราวหน้า บ๊ายบายค่า